คำตอบที่ 1
       http://www.iwebgas.com/smf/index.php?topic=10174.0
รีวิว by MOMOAUTOWORK
สำหรับของ ผมหลังจากจูนมาล่าสุด ขับปกติ เครื่องเบาลง รถเหมือนเบาๆ ไม่เหมือนตอนปรับแต่ไทมมิ่ง เติมคันเร่งนิดเดียวรถก็ฉิวไปเลยไม่ต้องรีดรอบ ความเร็วลอยตัวที่ความเร็วเดิม ใช้รอบต่ำกว่าเดิม รถลอยๆเสียงเครื่องดูนุ่มเงียบกว่า วันนี้ลองเดินทางยาว มีทั้งใช้งาน ซิ่งแข่งกับคันอื่น(ช่วงมหาชัยถึงอัมพวา) จากนั้นขับธรรมดาลอยๆ ถึง เพชรบุรี และกลับมาเจอรถติดขาเข้าช่วงมหาชัยถึงพระราม2 ระยะทาง 229 กม. ใช้แก๊สไป 34.16ลิตร เป็นเงิน 430 บาท ตกโลละ 1.88 บาท 6.7 กม.ต่อลิตร (ของ ผม เบนซินขับสี่ เมื่อก่อนใช้งานไม่ซิ่ง 1.8-2.2 ถ้าซิ่งแบบนี้มี 2.4ก็เคย) สำหรับผมพอใจมากครับ

******************************************************************


กระทู้: 57


Re: ถ้าผมจะเอา DATA TEC มาจูนแก๊ส มีข้อสงสัยครับ
« ตอบ #17 เมื่อ: เมษายน 25, 2014, 12:36:39 PM »

--------------------------------------------------------------------------------

อ้างจาก: man_m2 ที่ เมษายน 21, 2014, 08:38:00 AM
โห้ประหยัดกว่าของผมอีก ของผมขับ 2 ด้วย ทางยาวขับสัก 120-1150 ตก 5.7 กิโลเมตร/ลิตร คิดลิตรล่ะ 13.30 ก็ ตก 2 บาทเลย ในเมืองกินกว่านี้เยอะเลย แต่ความแตกต่างถึงผมติด data tec ก็คงเนียนสู้ของพี่ไม่ได้ (Uniship) เพราะของพี่ไม่ติด Colse loop

เครื่อง 2TR-FE แรงบิดมารอบสูง ถ้าเราเหยียบเร่งใจร้อน กินทันที นี่แสดงว่าซิ่งน่าดู ถึงแรงบิดดีขึ้นแต่ต้องจับให้ดี ของผมแค่ออกตัวดีขึ้นพอ ถ้าลากรอบบ่อยกว่า ก็กินเหมือนกันครับ
อีกอย่าง UNICHIP สั่งหัวฉีดตรง แต่DATATEC ถ้าเข้าใจไม่ผิด หลอกแอร์โฟล์วเอาครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       นั่นเป็นรีวิวสำหรับคนติดกล่องมาก่อน ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพวกนี้มากนัก
พอดีเมื่อวานเลยขอดูของน้องผม เป็นกล่องคล้าย TAP คงไปเพิ่มไฟจุดระเบิดเหมือนกัน เพราะออกเทนแก๊ส LPG 110 แต่เครื่องยนต์รองรับไฟจุดระเบิดได้แค่ 91-97 การติดแก๊สจะทำให้อืดและกินกว่าเดิมเล็กน้อย ถ้าปรับไฟให้แก่ขึ้นเหมือนที่กล่องกำลังทำอยู่นี้น่าจะช่วยให้ดีขึ้น
ผมเลยยกหูโทรไปถามคุณ ต้น พิดโลก 1 ในผู้ใช้ 2.7 4x4 เหมือนกันเขาก็เป็นคนติดกล่อง TAP ด้วย หน้าที่อาจคล้ายกันแต่ว่ากล่องจูนน่าจะดีกว่าแต่ต้องอาศัยคนจูนด้วยว่าเก่งหรือไม่เก่ง

ถ้าอย่างเรา ๆ จะติด คือต้องจูนเหนียว ๆ เอาไว้ คือไม่เน้นความแรง ไม่เน้นอย่างอื่น จุดประสงค์แค่ ให้อัตราเร่งที่อืดดีขึ้นนิดหน่อยและประหยัดเชื้อเพลิง คือให้มันใช้เชื้อเพลิงได้คุ้มค่าขึ้น จากเดิมกดคันเร่งแล้วอืดกินแก๊สมาก กลายเป็นว่าทอร์คมาเร็วไม่อืดจะประหยัดเชื้อเพลิง ถ้าจูนแบบเหนียว ๆ นี้ได้ การสึกหรอน่าจะต่ำ
เพราะกล่องจูนแม้จะเป็นการจูนน้ำมันหรือกล่องแต่งของดีเซล ยกดันรางหรืออื่น ๆ เครื่องดีเซลก็พังคาเท้ากันมาเยอะแล้ว แม้จะไม่โมเครื่องก็ตาม กล่องจูนแบนซินแบบนี้ผลข้างเคียงคงมีแน่ซึ่งเราต้องเน้นจูนเหนียว ๆ ไว้ก่อน ซึ่งตามที่บอกไปข้างต้นว่าอย่าไปจูนเอาแรง เพราะเครื่องจะพังตามมาและอย่าไปคาดหวังความแรงเนื่องจากเงินที่ได้เสียไปกับกล่องจูนกับความแรงที่เพิ่มขึ้น คงไม่สมดุลย์กัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ผมอาจจะติดกล่องตามน้องของผมไปก่อนหน้านี้ เพราะว่าอัตราเร่งดีขึ้นนิดหน่อย เน้นจูนแบบเหนียว ๆ ป้องกันเครื่องเอาไว้และเน้นให้ผลคือประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นได้อัตราเร่งดีขึ้นอีกนิดเป็นของแถม อีกอันนึงคือรถวีโก้ 2.7 4x4 ของน้องผมหลังจากจูนมาแล้ว การปลดล็อคที่ 160 km/h หายไป ตอนนนี้วิ่งขึ้นมา 170 แล้วไปอีกนิดหน่อยพอไหวแต่ยกคันเร่งก่อนเพราะช่วงล่างเอาไม่อยู่แล้ว
กล่องที่ติดมาไม่ใช่ของ Data tech นะครับเพราะแพงมากคงไม่ไหว แต่เป็นของคนทำกล่อง่ง Data tech เอามาทำเอง
ถ้าผมไปติดกล่องแล้วคงมารีวิวเพิ่มเติมอีก ใครเคยติดมาแล้วลองมารีวิวบ้างก็ดีครับ จะได้แชร์ข้อมูลกันต่อ

ปล ผมเน้นทำเพราะว่ารถยังอยู่กับผมไปอีกนานเป็น 10 ปีต่อจากนี้และเราเพิ่งวิ่งได้1.9 แสนโล ผมยังต้องวิ่งอีกหลายแสนกิโลเมตร ถ้าประหยัดขึ้นอีกนิดก็คุ้มกับการเสียค่ากล่องจูน สอดรับกับค่าแก๊สที่แพงขึ้น 14.45 บาท / ลิตร น่าจะช่วยได้
ส่วนรถเก๋งอื่น ๆ รู้สึกว่าจะพังเพราะการจูน E85 ก็เยอะเพราะเครื่องทนไม่ไหว E85 สร้างการสึกหรอพอควรพอมาเจอกล่องจูนด้วยเครื่อพัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ตอนนี้คงต้องลองศึกษาเรื่องกล่องไปก่อนนะครับตอนนี้ยังไม่ได้ติด เพราะกล่องจูนในตลาดมีมากเหลือเกิน
แต่ที่ผมเล็ง ๆ ไว้คืองบประมาณ 5000 บาท + - นิดหน่อยเท่านั้น คือทำตามจุดประสงค์เดิม เน้นอัตราเร่งให้กระชับขึ้นมาแก้ปัญหาการจุดระเบิดที่ช้าจากออกเทนแก๊ส 110 ให้บีบการกดคันเร่งให้น้อยลงเพื่อการประหยัดเชื้อเพลิง เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากเชื้อเพลิงแก๊สที่ขึ้นราคามา
ส่วนคนอื่น ๆ ใส่เพื่อการบรรทุกแบบน้องผมก็ได้นะครับบรรทุกหนักช่วยนิดหน่อยไม่อืดกดคันเร่งน้อยลงและรถไม่กินแก๊สมากจากการกดคันเร่งที่ลึก และเครื่องยนต์ต้องไม่โทรมมากเกินไป ดัดแปลงน้อยที่สุด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       คุณ Auto ถ้าว่างพอช่วยศึกษาเรื่องกล่องจูนของดีเซล 3.0 ด้วยครับ เพราะผมจะใส่ยาง 275/55R20 กลัวว่ารถจะอืดขึ้นครับ
ไม่เอาแรงขึ้นไปเยอะ เอาแค่ดีขึ้นอีกหน่อยและกินน้ำมันพอๆ เดิมได้ก็ดีใจแล้วครับ ขอบคุณครับ

ความรู้ไม่พอจริง ๆ ครับ เรื่องงานตบแต่งแบบนี้ผมไม่ถนัดเลย จาก : Auto.(Auto.) 21/2/2558 0:40:38 [124.120.76.237]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       มาต่อกันเรื่องนี้ ตอนนี้พอเข้าใจคร่าว ๆ แล้วสำหรับผู้ใช้งานอย่างเรา มันต้องแยกกล่องออกเป็นกลุ่ม ดังนี้ก่อน

1. กล่องที่น้องผมไปติดมาใส่คันวีโก้นั้น กล่อง TAP ที่พัฒนาขึ้นมามากกว่าแบบเดิมนั่นเอง หรือเมื่อก่อนเราเรียกกันว่า TAP Timing Advance process เป็นตัวปรับองศาไฟจุดระเบิดให้ไฟแก่ขึ้นรองรับออกเทนที่มากขึ้นของการใช้แก๊ส ในอดีตกล่องแบบนี้ต้องจูนใหม่อีกครั้งหลังจากติดตั้ง คนติดแก๊สจูนแก๊สและติดกล่อง TAP ควรเป็นคนคนเดียวกัน ถ้าเป็นคนล่ะคนอาจจูนไม่เข้ากัน การจูนที่ว่านี้คือปรับไฟให้เหมาะสมและจูนแก๊สใหม่ ราคาติดตั้งกล่องแบบนี้ประมาณ 3500 บาทในสมัยก่อน และกล่องแบบนี้ส่วนใหญ่เป็นของต่างประเทศนำเข้ามาพร้อมกับชุดแก๊สส่วนใหญ่มาจากยี่ห้อแก๊สเหล่านั้นเองเช่น BRC AEB
แต่กล่องที่ปัจจุบันที่เราเห็นทำขึ้นมาใหม่พัฒนาดีกว่าของเดิมเป็นกล่องที่คนไทยทำขึ้นมา มีหลายยี่ห้อในตลาดกัน หลักการคล้ายกันคือให้ปรับไฟจุดระเบิดให้แก่ขึ้น แต่มีการปรับจูนที่ละเอียดขึ้นรองรับการใช้แก๊สได้ดีขึ้นไม่ต้องไปจูนแก๊สปรับตามขึ้นมาอีกเหมือนแบบเดิม ๆ ที่คนจูนแก๊สต้องติด TAP ต้องจูนแก๊สเป็นด้วย แต่นี้ไม่ต้องการจูนแก๊สอีก หรือใช้เพียงแค่ Juner ที่เก่งเรื่องกล่องเท่านั้นก็พอ ราคาติดตั้งอยู่ราว 4000 -5000 บาท แพงขึ้นมาจากเดิมอีกหน่อยนึง หลักการติดตั้งเหมือนกันกับแบบเดิมคือมีการตัดต่อสายไฟแบบอนุกรม หรือใช้ปลั๊กจั๊มแบบอนุกรม ถ้ากล่อง TAP เสียเครื่องจะดับทันทีสตาร์ทไม่ติดอีกเลย ต้องมีปลั๊กพ่วงต่อตรงมาให้ด้วย คนจูนมักจะมาให้เราติดเอาไว้ในรถ เวลากล่องตัวนี้เสียเราจัมน์ต่อตรงให้เครื่องกลับมาทำงานปกติเหมือนเดิม
รายงานผลตัวนี้หลังจากน้องชายผมขับวีโก้ไปจันทบุรี ใช้ความเร็วสูงพอควร 110 ขึ้นไปและบางช่วง 120-140 กินแก๊สประมาณ 2.2 บาท / กม ตกประมาณ 6.6 km/l ประหยัดกว่าเดิมขึ้นมาอีกนิดหน่อย คนจูนบอกกับผมว่าจะประหยัดขึ้นอีกนิดนึงประมาณ 5-10% รถอัตราเร่งดีกว่าเดิมนิดหน่อยไม่อืดรอรอบเท่าไหร่ ถ้าเราไม่เน้นแรง คือไมได้ประหยัดแบบผิดหูผิดตาแต่อัตราเร่งมาดีขึ้นแก๊สก็ไม่รู้สึกว่ากินกว่าเดิม ถ้าเหยียบเท่าเดิมก็ประหยัดกว่ากันเล็กน้อย

2. กล่อง KIT E85 ATD ราคาทำตลาดจะอยู่ประมาณ 6000-7000 บาท แพงขึ้นมาอีกหน่อยนึงแต่เล่นกับ E85 ได้ด้วยฟังก์ชั่นมีมากกว่าเดิม กล่อง E85 by ATD ระบบออโต้ จูนคอม สามารถจูนเพิ่ม/ลดเวลาหัวฉีดได้มากกว่า 200% ในกรณีจูนซิ่ง เช่นเปลี่ยนหัวฉีด เซ็ทโบ
 สามารถเติม E10, E20, E85 ได้ กล่องจะปรับจูนอัตโนมัติ ไม่ต้องหมุนหรือปรับอะไรเพิ่ม
 มี 2 Map จูนตามแมพหรือแอร์โฟว์ และ TPS สามารถปรับแต่งตารางหัวฉีดได้
คือระบบนี้เหมาะกับคนที่ดจะไปเล่นกับ E85 ด้วยแต่ถ้าเราติดแก๊ส ขอบอกว่าท่านไม่ต้องไปยุ่งกับกล่องอันนี้นะครับ เพราะเข้าเน้นทั้งจูนน้ำมันและปรับไฟด้วย ทั้งแอร์โฟล์ด้วย

3. i-Drive กล่อง (สำหรับขาซิ่ง) E85 คือได้ทั้งน้ำมันE85 หรือน้ำมันอื่น ๆ ได้หมด เน้นสำหรับขาแรง จูนแบบ Backfire อะไรได้หมด แต่ต้องตัดแคท ทะลวงท่อ โมเพิ่มแล้วล่ะ อันนี้เราไม่เกี่ยวเหมือนกันไม่ต้องไปยุ่งนะครับ ราคากล่องแพงขึ้นอยู่ราว 13000 ขึ้นไป

4. ต่อมาก็กล่อง Race street ทั้งหลาย คือกล่องแบบโมลงสนามกันแล้ว หลายคนไปติดกันมาราคาตั้งแต่ 22000 ขึ้นไป เน้นแรงจริงอะไรจริง ซึ่งเราก็ไม่เกี่ยวกับกล่องอันนี้เหมือนกันนะครับ ข้ามไปเถอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       กล่องที่ว่ามามีหลายแบบนั้นอย่างเรา ๆ เหมาะกับแบบแรก 4000-5000 บาท มากที่สุด จูนแค่ให้ได้อัตราเร่งดีขึ้นมาอีกนิดหน่อย เพื่อให้ประหยัดขึ้นจากไฟที่อ่อนจากการใช้แก๊ส

ส่วนกล่องอื่น ๆ มันไม่เหมาะกับคนใช้งานแบบ NA STD อย่างเรา ๆ แล้ว อีกอย่างคน Juner บอกผมว่าไม่ต้องไปคิดเผื่อ E85 เพราะท่านก็ไม่ได้ใช้ E85 กันอยุ่แล้วสำหรับรถ 2.7 ที่ติดแก๊ส คือส่วนใหญ่เราใช้แก๊สเป็นหลักไม่ได้เน้นใช้น้ำมัน ซึ่งกล่องอื่นๆ เน้นไปที่การจ่ายน้ำมันด้วย มันไม่มีประโยชน์กับเราเพราะราคา E85 กับราคาแก๊ส LPG ตอนนี้ห่างไกลกันมากไม่ต้องเผื่อ
อีกทั้งถ้าเล่นไฟแก่กันเกินไปส่วนใหญ่ Juner มักตั้งให้เรา 15 องศาล่วงหน้า TDC ไฟแก่ครับ มันเหมาะสำหรับแก๊ส มากกว่าน้ำมัน
คือเมื่อติดกล่องแล้ว รถขณะใช้แก๊สจะแรง บางคันเล่นจูนไว้เยอะมันจะแรงกว่าน้ำมันนิด ๆ ในขณะที่ใช้น้ำมันเบนซินจะ Drop ลง ในด้านอัตราเร่งเพราะไฟอาจจะแก่เกินไป บ้านเรามีน้ำมันแค่ออกเทน 95 ซึ่งมันจะไม่พอกับไฟที่แก่ขึ้นอย่างน้อยก็ควรแป็น 97-98 แต่บ้านเราไม่มีออกเทนขนาดนี้ เพราะฉะนั้นถ้าท่านปรับไฟไว้แก่มากหรือไปเล่นกล่อง E85 ด้วยแต่รถเราติดแก๊ส เวลาใช้น้ำมันถ้าเติม E20 หรือแก๊สโซฮอล 91 95 มันจะเกิดอาการเขกเปล่า ๆ เครื่องจะสึกหรอเยอะตอนใช้น้ำมัน ควรใช้เบนซิน 95 เพียวๆ ดีกว่า อีกทั้งเขาจูนไว้เพื่อแก๊สเป็นหลัก การใช้น้ำมันอื่นนอกเหนือจาก E85 เป็นหลักจึงไม่เหมาะเพราะออกเทนไม่พอ

ความเหมาะสมของการเล่นกล่อง จึงอยู่ที่ TAP ตัวแรกราคา 4000-5000 บาท สำหรับอย่างเรา ๆ เหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ต้องไปเผื่อ
กรณีที่อยากใช้น้ำมันไม่คิดจะใช้แก๊สอีก จึงค่อยหันมาเล่นกล่องอื่น ๆ ครับ อย่างคุณแอม ที่วิ่งรถน้ำมันอย่างเดียวไม่ติดแก๊สก็น่าติดกล่อง E85 ATD ราคา 6500 บาท อันนี้จึงเหมาะสม ขอให้แยกเป็นเคสไป
ส่วนใครเน้นทางเรีบ แต่งซิ่ง หรือจะลงสนามชีวิต ก็ตามแต่กล่องที่มีให้เลือกอยู่แล้ว
แต่ว่ากล่องพวกนี้แรงขึ้นจริงแต่มันก็ ทำให้เครื่องโทรมขึ้นแน่ เพราะบางตัวจะปลดล็อกหรือเรียกกำลังมาใช้งานเร็วขึ้นมากขึ้น ซึ่งเป็นค่าที่เกิน STD โรงงาน เครื่องก็พังไว พึงระลึกข้อนี้ไว้เสมอ ถึงแม้ไม่แต่งเครื่อง แต่แต่งกล่องอย่างเดียวก็พังได้เหมือนกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       กล่อง E85 ATD ตัวเดียว ก็เล่นเครื่องพังได้ สำหรับรถที่ไม่รองรับการใช้ E85 หรือไม่ค่อยรองรับกับแก๊สเท่าไหร่นัก
สมมุติกรณีรถวีออส บางคนคิดว่าไม่อยากใช้แก๊ส อ้างโน่นอ้างนี่แต่ไปเล่น กล่องจูน E85 วิ่งใช้งานจูนเสตปแรงขึ้นไปอีก เครื่องก็พังเร็วมากเช่นกัน อาจะพังด้วยระยะเวลาพอพอกับการติด LPG แล้วอัดหนัก ๆ มือจูนทั้งหลายก็ไม่ค่อยสบอารมณ์กับรถเหล่านี้นัก เพราะรถบ้านเราที่ใช้เครื่องยนต์ผลิตในบ้านเราไม่ใช่สเปกยุโรป คือบ่าวาล์วไม่ทำมารองรับกับน้ำมันหลากหลายชนิด หรือไม่ได้ทำมารองรับกับแก๊สเครื่องยนต์จะพังง่าย ซึ่งจะต่างจากรถเยอรมันหรือกลุ่มที่เข้าไปขายในยุโรปที่มีการติดแก๊สกันเยอะ ๆ ที่เครื่องยนต์ออกแบบเผื่อไว้แล้ว
เพราะฉะนั้นแค่สเตปกล่องจูน ระดับ 2 อย่าง E85 ATD ก็เล่นเครื่องพังได้เหมือนกัน เพราะ E85 จะแรงขึ้นและการเผาไหม้ร้อนขึ้นไม่ต่างจาก LPG ถ้าขยับไฟให้แก่ขึ้นมากคือจูนเรียกกำลัง เครื่องยนต์กลับบ้านเก่าเร็วแน่นอน ค่ามาตรฐานโรงงานที่ทำมารองรับการใช้งานแบบ NA ทั่วไปเป็นสเปกที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่ที่นี้เราต้องการติดแก๊สเพื่อความประหยัดหรือบางคนจะหันไปเล่น E85 เพื่อความประหยัด แต่ไม่ติดแก๊ส ต้องเข้าใจว่าการสึกหรอไม่ได้แตกต่างกันนะครับ บางคนที่ไม่ติดแก๊สอาจจะพอกลัวแก๊สหรือเบื่อแก๊สหรืออะไรก็ตามแต่ ...แต่จะมาอ้างว่ารถสึกหรอเพราะใช้แก๊สอย่างเดียวไม่ได้ เพราะ E85 ก็เล่นเครื่องพังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีการปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิง สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ออกแบบมารองรับแก๊สหรือ E85 จากโรงงานควรทำตามคำแนะนำที่บอกไปสำหรับการใช้แก๊ส ปฏิบัติคล้าย ๆ กัน คือไม่อัดแรง ๆ ยาว ๆ ถ้าเน้นความแรงควรสลับมาเป็นน้ำมันที่รอบสูง ๆ ถ้าเติม E85 ไม่ติดแก๊สควรใช้งานในรอบไม่สูงนักเติม E85 เพื่อเน้นประหยัด ถ้าเรียกกำลังมาก ๆ ควรหันมาเติมน้ำมันชนิดอื่นเข้าไปแทน

การติดกล่อง TAP สำหรับรถใช้แก๊สในเสตปแรกของเราก็เหมือนกัน เวลาจูนไม่ควรจูนเน้นที่แรงกว่าตอนเป็นน้ำมัน เพราะไฟจะแก่ขึ้นมามากการสึกหรอจะสูงขึ้นแม้เราจะขับด้วยความเร็วไม่สูงนักก็ตามแต่การสึกหรอเพิ่มขึ้นแน่นอน เหมือนเรากินยาโด๊ปนั่นละคือแรงขึ้นจริงแต่หลังจากนั้น ร่างกายจะทรุดโทรมตามมา เวลาจูนต้องให้ได้ใกล้เคียงกับน้ำมันมากที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะเน้นออกไปทางที่แรงกว่าน้ำมัน พอเปลี่ยนมาใช้นำมันจะเห็นชัดว่าความแรงจะลดลงกว่าตอนใช้แกส ซึ่งแบบนี้ไม่ควรเท่าไหร่ เพราะไฟแก่เกินไป ค่าที่ดีที่สุดคือใกล้เคียงกับค่าโรงงานที่ออกมาจะปลอดภัยที่สุด สำหรับการใช้งานแบบปกติทั่วไป
รถเราควรติดกล่องไหม คือถ้าถามผมก็ลองชั่งใจดูครับกล่องราคาไม่แพงมากนัก เพราะแพงกว่านี้ก็ไม่ได้ใช้งานฟังก็ชั่นอื่น สำหรับลูกค้าอย่างเรา ผมเล็งเจ้านึงไว้ 4500 บาท ถ้าประหยัดขึ้นกิโลเมตรล่ะ 20 สตางค์วิ่งไป 1 แสนโลจะประหยัดขึ้นไป 20,000 บาท ผมยังใช้รถอีกยาวนานหลายแสนกิโลเมตร ก็ยังพอคุ้มอยู่ครับได้อัตราเร่งเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเป็นของแถม

การไปติดตั้งข้อควรพึงระวังการตัดต่อสายไฟให้ดี ให้เรียบร้อยสวยงาม ที่จริงก็มีสายไฟไม่กี่เส้นหรอก ไม่เกิน 5 เส้น รวมถึงการกลับมาเป็นของเดิมในอนาคตเผื่อขายรถ การถอดอกมาก็ต้องเนียน และไม่ลืม สายจั๊มบายพาสที่ต้องมี เนื่องจากกล่อง TAP รุ่นแรกที่นำเข้าจากต่างประเทศ ประมาณ 1 แสนกว่าโลมักจะพังหรือเสื่อมอายุ ทำให้กำลังลดลงไม่แรงเหมือนเก่ากินเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ถ้ากล่องเสียเครื่องจะดับทันทีต้องจั๊มสายบายพาสกลับเข้าไป กล่องของคนไทย Copy ของเขามาและพัฒนาโปรแกรมดีกว่าเดิม แต่อายุไม่รู้จะทนทานกว่ากันหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       กล่องพวกนี้มันไม่ได้ตอบโจทย์ความแรงแบบเต็ม ๆ หรอก ไม่ว่ารุ่นไหนไม่งั้นคงไม่มีคนในกลุ่มเราหันไปคบกับเทอร์โบ
เพราะการทำกล่องพวกนี้ถ้าเป็นกล่องตั้งแต่ Idrive ขึ้นไปเน้นจูน ต้องปรับเรื่องปริมาณอากาศเข้าไปด้วย ไม่ได้ทำแค่เพิ่มไฟจุดระเบิดอย่างเดียวแล้ว
ถ้าเสตปกล่องที่เพิ่มขึ้นมา ยังมีการจูนเพื่อระยะยกหัวฉีดน้ำมันให้นานขึ้นเพื่อรองรับการจ่ายที่มากขึ้นสำหรับพวกนิยมความแรงด้วย นอกจากนี้ถ้าพวกนิยมทำเต็ม ๆ มันต้องมีเซตท่อ เซตโบ เซตกรองอากาศ ทำตามกันมาอีก ไม่จบแค่ตรงนี้หรอก มีช่วงล่างแถมด้วย เพราะมันซิ่งกันพอตัว ไม่ใช่เสตปรถบ้าน ๆ อย่าถามผมเลยว่าคุ้มไหม เพราะคนเรามีแนวทางไม่เหมือนกัน ส่วนตัวผมยึดแนวทางรถ STD มากกว่าคือกะใช้งานยาว ๆ ไปนานหลาย 10 ปีหลายแสนกิโลเมตร ไม่นิยมแต่งรถมากนักมองเป็นแค่รถคันนึง ไม่ใช่เปิดกระโปรงมาเจอ สารพัดสี ของแต่งรถค้ำ หน้าค้ำล่าง
ถ้าจะเล่นผมคงต้องยึดเอากล่อง TAP มาพ่วงปรับจูนไฟจุดระเบิดให้ดีขึ้นรับกับค่าแก๊สที่แพงขึ้นจะได้ประหยัดอีกนิดหน่อย ผลกระทบน้อยสุดแล้ว

แต่อย่าหวังอะไรมากเกินไปสำหรับบางท่านที่คิดว่าแค่ติดกล่องแล้วจะแตกต่างกันมากขนาดนั้น ผมจึงให้ลองชั่งใจดู

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       TAP คือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับรถ NGV

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       NGV ติด TAP เทียบกับการใช้น้ำมัน สมรรถนะเทียบเท่ากันหรือป่าวครับ

ขึ้นอยู่กับการจูน Juning ว่าจะให้ออกมาแนวไหน จาก : Auto.(Auto.) 26/2/2558 19:58:32 [202.80.239.130]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ใช่แล้วตามที่พี่ Auto บอก ครับ สำหรับผม ตอนนี้ แก็สกับน้ำมันไม่แตกต่างกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       วันนี้ อาทิตย์ 8 มีนาคม 2558

ผมและนายทะเบียน V27 นัดกันไปติดตั้งกล่อง TAP จูนเพิ่มอัตราเร่งและความประหยัด
นายทะเบียนเราติดก่อนเป็นอันดับแรก เป็น Hilux 2.7 4x4 ยาง 33 นิ้ว ทดเฟือง 8:39 ผมอธิบายด้วยคำพูดก่อนนะครับ เดี๋ยวจะจำลองกราฟที่เขาจูนมาให้ดู คือกราฟมันจะแบ่งชวงการจูนตามรอบครั้งล่ะ 400 rpm 800 rpm 1200 rpm 1600 rpm ขยับไปทีละ 400 ไปจนถึงรอบสูงสุดในหน้า MAP เดียวกัน ทีนี้เขาจะปรับไฟองศาจุดระเบิดแต่ละช่วงรอบความเร็วตามการเหยียบของเรา
400 rpm 800 rpm ปรับไว้เป็น 8 องศา
1200 rpm ปรับไว้ 7 องศา
1600 rpm ปรับไว้องศา คือค่อย ๆ ลดลงมาตามรอบที่เพิ่มขึ้น เพราะเบนซินทอร์คจะน้อยลงตามรอบที่เพิ่มขึ้น
4000 rpm ปรับไว้ทีแรก 4 องศา แต่ช่วงนี้หลังจากการทดสอบวิ่งความเร็ว 120 ไต่ระดับไปมีอาการเขกเครื่องยนต์ คือไฟแก่เกินไป ค่อย ๆ ลดไฟจุดระเบิดลงมาเหลือจนกระทั่ง 1 องศา จึงหาย ส่วนหน้า MAP น้ำมันคนละหน้ากันจะดีกว่า TAP สมัยก่อนที่ติดกันมาของ NGV ที่มีหน้าเดียวรมกันแต่อันนี้แยกกันระหว่างน้ำมันและแก๊สจูนแยกกันคนละหน้า

ของผมรถ STD ล้อเดิม สามารถไต่ระดับ 4000 rpm ได้ถึง 2 องศามากกว่านี้ปรับ 3 องศามีอาการเขกขึ้นมาเหมือนกัน ช่างปรับลดให้มา 1 องศา เพื่อ save ที่สุด
========================================

รายงานผลที่ได้คือเรื่องอัตราเร่งขับแล้วเรียกมาได้เร็วขึ้น ไม่ถึงกับแรงแบบสั่งได้แต่มาเร็วขึ้นแน่นอนไม่รอรอบอย่างเดิมอีก ถ้าในเมืองสำหรับรถผมถ้ากดคันเร่งลึกประจำได้ไปปรับ ปรุงสภาพอัพเกรดเบรคจากที่มีอยู่เดิมแน่ เพราะเบรคเริ่มเอาไม่อยู่ รถหนัก 2 ตันแต่เหยียบแล้วมาไวกว่าเดิมเลยกดเบรคหน้าเยอะขึ้น มาก 0-120 ขับสนุกไหลขึ้นมาแบบชัดเจน แต่ไม่ถึงกับแรงปรู๊ดปร๊าดขนาดนั้นนะครับ เพราะเจตนาไปติดกล่องคือเพื่อประหยัดแก๊สขึ้น ไม่ได้ตั้งใจเอาไปแข่งลงสนาม รู้สึกได้ดีกว่าเดิม 15% ช่วงปลายจากนั้นถึงแม้เสียงคำรามมาดังขึ้นแต่ยังไม่ค่อยไปเท่าไหร่ ไต่ระดับ 140 km/h ไม่มีถนนให้ลอง เพราะขับเส้นบางนาตราด เลยต้องหยุดก่อน ยังลองไม่ได้ แต่ยังไม่เท่ากราฟน้ำมันที่ไต่ระดับได้ดีกว่า
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองยังต้องรอเก็บค่ากันอีกที

พอดีช่างจูนเสียบ OBD เจอปัญหารถ V27 แก๊สบาง ไม่มีสายจูนแก๊สให้ เลยไม่ได้ยุ่งกับแก๊ส
ส่วนคันของผม OBD ฟ้องว่าแก๊สหนาไป ต้องขยับจูนใหม่แต่มีปัญหาว่าช่างจูนไม่ได้ ต้องให้ล้างหัวฉีดน้ำมันก่อนเนื่องจากรถไม่ค่อยใช้น้ำมัน ถ้าจูนกลับมากลายเป็นแก๊สบางช่างเลยไม่กล้าจูนแก๊ส กลับมาที่เดิมก็หนา ต้องหาทางแก้เรื่องนี้ก่อน เดือนหน้าช่างติดตั้งกล่อง TAP เขาจะสั่งเครื่องล้างหัวฉีดมาบริการ ผมเลยว่าจะรอทำกับเขาเลยแล้วมาจูนเล่นกันใหม่อีกรอบนึงน่าจะประหยัดขึ้นอีก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       อีกปัญหานึงที่เจอคือ วาล์วน้ำผมเริ่มเสื่อมแล้ว ช่างจูนไปด้วยและเช็ค OBD ไปด้วยปรากฎว่ารถผมอุณหภูมิเครื่องยนต์อยู่ที่ 90 องศา วาล์วเปิดแล้วตัดกลับมาที่ 88 87 องศา ดูแล้วว่าวาล์วเปิดช้าลง ต้องเปลี่ยนเฉพาะวาล์วน้ำอย่างเดียวก่อน
หลังจากจูนเสร็จรีบวิ่งไปเข้าโชว์รูมโตโยต้ามหานคร เทพารักษ์ ขอนัดเปลี่ยนวาล์วน้ำวันอาทิตย์หน้า พนักงานรับรถก็จัดการให้เสร็จและนัดหมาย มีค่าวาล์วน้ำกับโอริง ตรงนี้เป็นข้อสังเกตุให้เราใส่ใจในเรื่องของระบบหล่อเย็นด้วย เพราะช่างที่จูนรถไปกับผมนั้นเขาก็เล่าให้ฟังว่ารถเค้าเคยพังเพราะวาล์วน้ำมาเหมือนกัน วาล์วน้ำ Volvo ตัวล่ะ 800 บาท รถเขาเก่าแล้ว ไม่เปลี่ยนวาล์วน้ำซักทีเจออาการวาล์วน้ำเสียทำให้เครื่องพังไปเลย ผมเคยแนะนำในคลับเราเสมอว่าชุดหล่อเย็นต้องใส่ใจให้มาก ๆ โดยเฉพาะ pipe 1 วาล์วน้ำ ฝาหม้อน้ำ ระยะประมาณ 1 แสนกว่าโลต้องเปลี่ยน
ครั้งนี้จุดอื่นผมไม่เป็นไรเพราะเปลี่ยนมาหมดแล้ว คงต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำที่ซ้ำอีกที เพื่อลดอุณหภูมิลง

รถดีเซลก็ไม่ต่างกันนะครับ เพราะถ้าไม่เปลี่ยนอุณหภูมิจะร้อนขึ้นเพราะวาล์วน้ำเสื่อมอายุลงก็จะเปิดช้าลงจนไม่เปิดเลย เพียงแต่รถดีเซลส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนตามรอบ รอจนเครื่องพังกันแทบทั้งนั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       ถังแรกเปลืองมากครับ เซท 0 จากจุดเริ่มต้นเหมือนการใช้งานเดิมในชีวิตประจำวันทุกอย่าง จากนั้นขับไปทำงานด้วยอารมณ์เดียวกันคือห้ามขับซิ่ง ใช้สไตล์การขับแบบเดิม กลับมาเติมแก๊สที่หัวจ่ายตู้เดิมไม่เปลี่ยนตู้ ระยะทาง 44.3 กิโลเมตร เติมแก๊สกลับเข้าไป 139.73 บาท วัดอัตราสิ้นเปลืองได้ 3.15 บาท / กม. หรือ 4.577 km/l ก็ถือว่ากินเยอะกว่าเดิมมาก อันนี้เป็นข้อมูลการขับในเมืองนะครับ การจราจรบางพลีสมุทรปราการ
ของเดิมอัตราสิ้นเปลืองได้ 2.7 บาท ต่อ กม หรือ 5.35 km/l โดยประมาณ
พรุ่งนี้ต้องไปซ่อมระบบหัวฉีดน้ำมัน จูนแก๊สใหม่และปรับไฟจุดระเบิดที่ TAP ใหม่ แต่ไม่ได้ไปอู่เดิมนะครับ ที่อู่เดิมเน้นจูนซิ่งมากไปหน่อย อาจเพราะคุ้นเคยกับรถขับ 2wd มานานไม่เคยเจอรถ 2.7 4x4 มาก่อน เน้นจูนรถ 2wd ซึ่งผมเห็นว่าคนที่จูนแก๊สรถ 4x4 แบบวิ่งออฟโรดแท้ ๆ อย่างพวกเรา เป็นจริง ๆ แบบเก่ง ๆ ในเมืองไทยมีไม่เกิน 10 คน ที่สามารถทำได้ และที่ผมเห็นมาไม่เคยมีใครทำครั้งเดียวแล้วจบ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมติดแก๊สกับช่างเจ ยังต้องจูนให้ได้ค่าที่ตัวเองต้องการที่คิดว่าดีที่สุดน่าจะเข้าร้านแก๊สไปเกือบ 10 ครั้งได้มั้ง อู่อาจารย์รุ่งน้องผมเข้าไปจูน 3-4 ครั้ง ก็ยังไม่จบ จนมาจบที่ติด TAP + ค่าแก๊สเดิมที่จูนไม่จบกลายมาเป็นจบได้ งานปราบเซียนโดยแท้ บางคนเลยไปจูนเองอีกหลายครั้ง

ทั้งนี้เราไม่นับรวมอู่ทุกอู่ทั่วไป ที่จูนรถ 2.7 4x4 มาวิ่งเล่นกันเฉย ๆ นะครับ อันนั้นไม่นับ เพราะทุกอู่ไม่มีใครจูนแก๊ส วิ่งออฟโรดได้ค่าตามที่พวกเราต้องการ อันนั้นไม่ต้องมานับ เพราะผมบอกที่เห็นมาในเมืองไทยน่าจะมีไม่เกิน 10 คนที่สามารถทำได้ แต่รับประกันว่าครั้งดียวไม่มีทางจบ ดว่าจะได้ค่าที่พอใจไม่เคยเจอว่ามีอู่ไหนทำครั้งเดียวให้ผมเห็นได้เลย ถ้าเป็นรถบ้านขับ 2wd ทั่วไปใช้งานปกติวิ่งเล่นในเมือง นอกเมืองจบง่ายกว่าจริง ๆ

แต่ยอมรับว่าการขับขี่ดีมากจริง ๆ smooth มาก 0-120 กดคันเร่งเป็นมามีหน่วงเวลานิดเดียว ขับสนุกมากแต่มันไม่ใช่เหตุผลที่เราต้องการในการติดกล่อง TAP ตั้งแต่แรก ผมจะกลับไปทำที่อู่อนันต์ซอยปรีดีพนมยงค์วันพรุ่งนี้ เพราะต้องล้างหัวฉีดน้ำมันแล้วให้เซทค่าการจูนแก๊สขึ้นมาใหม่ ซึ่งอู่นี้มีเครื่องมือที่ล้างหัวฉีดน้ำมันได้ และจะทำได้ดีกว่า ต้องพึ่งเซียนในการซ่อมรถเก่ง ๆ ช่วย จะมารายงานผลต่อไป เหตุที่ต้องรีบแก้ไขเพราะต้องรีบเก็บค่าเนื่องจากจะมีการออกทริปไปเข้าป่า ลุยออฟโรดอีกเร็ว ๆ นี้ ต้องจบการจูนแก๊สจูนไฟให้หมดก่อนจะวิ่งออกทริปครั้งใหญ่ และต้องมีเวลาเก็บค่าที่ดีที่สุดในการวิ่งเข้าป่าด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       Update เพิ่มเติม

ระยะทาง 44.3 กิโลเมตรเท่าเดิม กลับมาเติมที่หัวจ่ายเดิม อัดเต็มถังจนเติมไม่ได้อีกพร้อมเขย่ารถ เติมแก๊ส 96.96 บาท
คิดเป็นอัตราสิ้นเปลือง 2.18 บาท / กม หรือ 6.6 km/l ประหยัดขึ้นกว่าเดิมมาก
ของเดิมจะกินแก๊สประมาณ 5.2-5.6 km/l หรือ 2.5-2.8 บาท /กม สามารถประหยัดได้ 0.3-0.6 บาท/กม
ข้อมูลต้องเก็บไปเรื่อยๆ เพื่อความละเอียด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       วันนี้เข้าไปที่อู่อนันต์ ปรีดีพนมยงค์ ช่างเสียบคอมแป๊ปนึงต่อดูกราฟแก๊สบอกโอเคแล้ว เราก็งงเพราะ OBD มันฟ้องไปในทางไม่ดี หลังจากนั้นคุยกับช่างลองดูการล้างลิ้นปีกผีเสื้อดูไหม ช่างก็ตกลง พอเปิดลิ้นปีผีเสื้อพบคราบเขม่าเต็มเลย จากนั้นทำการล้างเกือบทั้งหมด ต่อด้วยล้าง Air flow ที่สกปรกมากเช่นกัน (ตรงนี้เราไม่ใช่ช่างไม่ควรทำนะครับถึงแม้งานไม่ยากแต่เพราะงานเข้ากันมาเยอะแล้ว ) ปรากฎว่าหลังจากกลับมาสตาร์ทเครื่องไปใหม่ ทุกอย่างเปลี่ยนไปจริง ๆ คือ เครื่องกลับมาเถียรกว่าเดิมมาก ผมขับออกมาจากอู่ไปแวะทำธุระที่ลาดพร้าว เจอปัญหาแทรกขึ้นมาว่ารอบเครื่องยนต์พุ่งสูงเกินไปอยู่ที่ประมาณ 900-1000 rpm ปกติรอบเครื่อง 2.7 จะอยู่ที่ 600-700 rpm เท่านั้น ผมเลยขับรถกลับไปที่อู่อีกครั้งหลังจากทำธุระเสร็จ ลองดูสายแวคคั่มแล้วไม่หลุดจึงได้ถอดแบตออก 5 นาทีแล้วรีเซทใหม่อาการก็กลับมาปกติคือหายเลย งงมากเหมือนกันในเคสนี้เหมือน ECU จะจำค่าเดิมที่ผิดพลาดเอาไว้ พอล้างเซนเซอร์ไปอากาศจ่ายมากขึ้นรอบสูงขึ้นสั่งฉีดเชื้อเพลิงมากขึ้น
เดี๋ยวต้องลองเก็บค่าต่อไปอีกว่าอัตราสิ้นเปลืองจะดีแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่า ยังไม่เคยลองวิ่งทางไกลนอกเมืองเลย วิ่งแต่ในเขตเมืองรถติดบ้างไม่ติดบ้าง

สรุป สั้น ๆ ก่่อน ช่างติด TAP อาจจะจูนถูกแล้ว และเรื่องจ่ายแก๊สที่มีหนาไปบ้าง แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเนื่องจากไม่ใช่ช่างเครื่องยนต์ที่มีประสบการณ์สูงๆ เลยไม่รู้ว่าหนาหรือบางเพราะอะไร
อู่อนันต์ ที่เข้าไปวันนี้ ในวงการซ่อมรถและวงการแก๊ส เขาก็เหมาะสมกับคำว่าเทพจริง ๆ เพราะรู้อาการรถดี ไม่จูนไม่ปรับแก๊สให้ และ TAP เขาไม่ได้ปรับให้เพราะเขาไม่มีโปรแกรมทำยี่ห้อนี้ แต่เข้าใจอาการปัญหาของรถเร็วมาก ล้างลิ้นปีกผี้เสื้อและ Air flow ทำไม่นานจบอาการทุกอย่างจริง ๆ ขนาดรอบที่สูงขึ้นกลับมาอีกทีเขาคิดแป๊บเดียวถอดแบตเตอรี่ออกรีเซทใหม่ก็หายเลย ทั้งที่ที่จริงก็ไม่น่าเกี่ยว แต่มันก็เป็นไปแล้ว สำหรับคนเข้าใจเรื่องรถเป็นอย่างดี ความประหยัดได้ระดับนี้วิ่งในเมืองรถติดไม่มากไหลไปได้ตลอดได้ระดับนี้ถือว่าน่าพอใจมาก คือดีดีน่ะดีขึ้นแน่นอน แต่อย่างไรก็ต้องเก็บข้อมูลให้แน่ใจอีกครั้ง รวมถึงวิ่งทางไกลยาว ๆ ที่ยังไม่ได้ลองด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       เป็นเรื่องปกติครับ รถเครื่องเบนซิน โตโยต้า ในปัจจุบัน ทุกรุ่น เมื่อมีการล้าง Airflow รอบเครื่องจะสูงขึ้น เหมือน ECU มันจำค่าเดิมไว้ ถ้าไม่รีเซต ECU ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ ถึงจะกลับมาปกติ ดังนั้นเพื่อความรวดเร็วจึงใช้วิธีการ รีเซต ECU ด้วยการถอดขั่วแบต ครับผม เพื่อให้ ECU เรียนรู้ค่า Airflow ใหม่

จากที่เคยเจอ ทั้ง วีออส อัลติส วีโก้ หากล้าง ปีกผีเสื้อเพียงอย่างเดียวจะไม่มีอาการรอบสูง ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       Airflow

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       หน้าตารางจูน TAP ATD เหมือนหรือคล้ายของคุณต้นไผ่ให้มา ขอ Copy มาอธิบายเพิ่มเติมในส่วนคนที่สนใจอยากติดตั้งเพื่อความประหยัดนะครับ บริเวณสีแดงของผมวงไว้นั้น 4000 rpm จะถูกปรับขึ้นมาเพียงแค่ 1 องศา สามารถไปถึง 2 ได้สำหรับรถผมแต่ไม่ถึง 3 องศาถ้า 3 องศาไฟแก่เกินไปเครื่องยนต์เขกน๊อค ส่วนหลังจากนั้นเกิน 4000 rpm ก็จะประมาณ 0 องศาคือไม่ได้ปรับเพิ่มเติมให้ไฟแก่ขึ้นแต่อย่างใด
ถ้าเป็นช่วงแรก ๆ 1000- 3000 rpm จะถูกปรับให้แก่ขึ้นมา 7-8 องศาแล้วค่อย ๆ ลดลงตามรอบที่เพิ่มขึ้น
ประมาณว่าช่วยให้รถ 2.7 ออกตัวดีขึ้น ลดอาการ Kick down เกียร์ลงไป เพื่อช่วยสร้างความประหยัดให้เครื่องยนต์และทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ไวขึ้น มาเร็วขึ้น ตอนนี้รถผมใช้ Tap กับไม่ใช้ Tap ลองจัมสายเทียบกันแล้วไม่ค่อยจับความรู้สึกได้แล้วว่าแตกต่างกันเท่าไหร่อาจเพราะชินกับมันด้วย การปรับ Tap ของเราก็ไม่พยายามให้มันมากเกินไปเน้นค่าปลอดภัยสูงสุด และเน้นประหยัดเชื้อเพลิง

เดี๋ยวคืนนี้หลังเที่ยงคืนผมมาอัพเดทการกินเชื้อเพลิงต่อ การเติมแต่ละครั้งผมขับด้วยพารามิเตอร์เดิม ระยะทางเท่าเดิม วิธีการขับเดิม ๆ ให้ค่าเฉลี่ยออกมาใกล้เคียงกันที่สุด จะได้รู้ว่าประหยัดขึ้นจริงหรือเปล่า จากเดิมที่ยังไม่ติด Tap (ตอนนี้คิดว่าประหยัดขึ้นจริง)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       ลองทำตารางให้ดูหลังจาก ติด TAP ถังแรกไม่เข้าใจว่าเปลืองมากเกินไปได้ค่าเฉลี่ยออกมาไม่ดีเลย ทั้งที่เติมปั๊มเดียวกันหัวจ่ายเดียวกันตลอด เวลาเติมประมาณ 4 ทุ่มครึ่งคิดที่ระยะทางเดียวกันเหมือนกันทุกวัน ตอนไปทำงาน อาจเป็นเพราะถังก่อนหน้านี้ที่เติมไปอัดไม่เข้า พอมาเติมอีกทีจึงเติมได้เยอะมาก ผมเติมแบบอัดเข้าไปเขย่ารถโยกถังจนอัดแน่นทุกครั้ง ค่าเฉลี่ยไม่ได้ประหยัดกว่าเดิมด้วย เพราะตอนนี้รถไม่ติด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ถ้าลองตัดถังแรกออกไป ค่าเฉลี่ยจะดีกว่าเดิมมากแสดงว่าประหยัดได้จริง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       รายงานผลเพิ่มเติม ประหยัดขึ้นนิดหน่อย ลองอัดเต็มถังแบบเขย่ากันสุด ๆ แล้วก็ได้เท่านี้ เป็นตัวเลขที่น่าพอใจขึ้นคือยังไงก็ดีกว่าเดิม
สัปดาห์หน้าจะขอรายงานผลแบบหยาบ ๆ มากขึ้นน่ะครับ เป็น 4-5 วันใช้งานซัก 300 โลจึงจะเติมทีนึง
เพราะว่าปัจจุบันนี้เติมเต็มถังทุกวันเข้าปั๊มทุกวันที่หัวจ่ายเดิม ระยะทางเดิมไม่นอกเส้นทาง พารามิเตอร์เดิมหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       สอบถามครับ ร้านที่แนะนำติดมีแถบไหนบ้างครับ ราคาประมาณเท่าไรครับ รถผมวีโก้เกียร์ธรรมดา ใช้งาน เท่าที่คำนวน เติม 500 บาท แก็ส 34.60 วิ่งได้ 250 กม ในเมือง คืออยากประหยัดเพิ่มนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       ของคุณก็ประหยัดแล้วนะครับวิ่งในเมือง เติม 500 บาท วิ่งได้ 250 โล คิดเป็นโลล่ะ 2 บาท ยังไงก็ประหยัดกว่าใช้ดีเซล



คันของน้องผมวีโก้ 2.7 4x4 ติดที่ แปดริ้วฉะเชิงเทรา ราคาประมาณ 4500 บาท สะดวกไปแถวนั้นก็ได้ เป็นคนเขียนโปรแกรมทำกล่อง Datatech โดยตรงตอนหลังออกมาทำเองและสร้างผลิตกล่องตัวนี้ที่เป็นของคนไทยขึ้นมา ถ้าจะเอาเบอร์ก็ลอง facebook ส่งข้อความไปถามน้องชายผมดู เขาใช้ชื่อในล็อคอิน facebook ko ng
คัน Fortuner ผมติดที่ศรีนครินทร์ สมุทรปราการ กล่องเหมือนกันครับเพราะเขารับมาจากเจ้าแรกที่ติดให้น้องชายผมนั่นแหละ เพราะเจ้าแรกเขาทำกล่องขายเองและรับติดเองด้วยเป็นเจ้าตำรับ
แต่เจ้านี้ที่ผมไปติดนี้พอดีอยู่ใกล้บ้านผมและใกล้นายทะเบียนเลยนัดกันไปติดที่นี่


ส่วนก่อนติดเราควรเช็คระบบแก๊สกับน้ำมันของเราให้ดีก่อนว่าสมบูรณ์พร้อม ทุกอย่างไม่มีปัญหากับหัวฉีดแก๊สหม้อต้มแก๊ส หัวฉีดน้ำมัน แล้วก็ควรล้างลิ้นปีผีเสื้อ แอร์โฟวล์ให้สะอาดก่อนมาติดตั้ง Tap เพราะจะได้จับค่าอัตราสิ้นเปลืองง่ายขึ้นและไม่มีปัญหาอะไรก่อนมาติด Tap

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       รายงานผลต่อคราวนี้จับอัตราสิ้นเปลืองด้วยการใช้รถยาวขึ้น วิ่งนอกเส้นทาง แต่วิ่งในกรุงเทพอย่างเดียวมีเติมแก๊สปั๊มอื่นด้วย ได้ผลตามตารางด้านล่าง
ปล่อยแก๊สหมดถังวิ่งในเมืองอย่างเดียว ตอนเติมกลับเติมอัดจนได้ถึง 73.03 ลิตรแน่ะ ทั้งที่รถเราถัง 36x2 = 72 ลิตร
เติมไป 1010 บาท
ส่วนถังที่ 2 วิ่งเส้นทางถนนศรีนครินทร์ ลาดพร้าวโชคชัย 4 วันอาทิตย์ จอดพักนอนในรถเปิดแอร์ 40 นาที ก่อนเดินทางต่อ
โดยรวมคือ 2.6 บาท ต่อกม ถือว่าประหยัดว่าเดิม 20 สตางค์ / กมได้ ของเดิมขับแบบประมาณนี้ได้ 2.8 บาท / กม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       update วิ่งในเมืองเช่นเดิมนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       มารายงานผลการติดตั้ง TAP หลังจากติดตั้งไปหลาย Week แล้ว (พร้อมท่านประธาน)

Spec : 2.7 4WD 4Door ,tire 285/75 R16 ,เฟือง 8/39 น้ำหนักรถรวมปามาน 2ตันครึ่ง

และเปลี่ยนมาใช้หัวเทียน 2.7 CNG (K20HR-UAG8)

เหยียบคันเร่งมิด รอบเครื่องกวาดเร็วขึ้นตั้งแต่เริ่ม เกียร์เปลี่ยนต่อเนื่องการกระชากน้อยลง ต่อเนื่องดีมาก พอถึงประมาณ 120 จะเฉยๆ ไม่แตกต่าง

เหยียบคันเร่งปกติ วิ่งโหมด Normal คันเร่งจะเบาขึ้น ความเร็วมาไหลๆ แบบต่อเนื่อง ยกคันเร่งจะรู้สึกรถไหลเยอะกว่าเดิม จนถึง 120 จะเฉยๆ ไม่แตกต่าง ในการวิ่งปกตินี้ ในเมืองรถติดๆๆ มาก 30% วิ่งนอกเมือง 70% (ไม่เกิน 120) จะได้อัตราสิ้นเปลือง LPG ที่ดีขึ้น จากเดิมประมาณ 2.60บาท/KM จะลดลงประมาณ 20-30สตางค์/KM (LPG 13.99บาทต่อลิตร)

ซึ่งคาดว่าถ้าวิ่งทางไกลต่อเนื่องน่าจะได้ดีกว่านี้แน่นอนครับ แต่คงไม่ลดลงเกินกว่า 50สตางค์/KM

แสดงความคิดเห็นย่อย