คำตอบที่ 1
       นักบิดชาวสเปน จากทีมยามาฮ่า กลับมาสร้างชื่อคว้าแชมป์โลกโมโตจีพี สมัยที่ 2 ของตัวเองได้สำเร็จ หลังจากขี่รถคู่ใจ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ในศึกออสเตรเลียน กรังด์ ปรีซ์ ทำแต้มทิ้งห่างคู่แข่งแล้ว แม้จะเหลือแข่งอีกสนามก็ตาม...

ชื่อ-นามสกุล : ฆอร์เก ลอเรนโซ​ / Jorge Lorenzo
วันเดือนปีเกิด : วันที่ 4 พฤษภาคม 1987
สถานที่เกิด : พัลมา เด มายอร์กา ประเทศสเปน

ประวัติการแข่งขัน

- ลอเรนโซ เริ่มรถมอเตอร์ไบค์ และคว้าแชมป์มากมาย ก่อนมาขับในรุ่น 125 ซี.ซี. จากนั้น ขยับมาขับในรุ่น 250 ซีซี. และคว้าแชมป์โลกได้ 2 สมัย ในปี 2006,2007

- ลอเรนโซ ย้ายมาเป็นนักขับให้กับ ยามาฮ่า โมโต จีพี ในปี 2008 และเซ็นสัญญาเป็นคู่นักขับพาร์ตเนอร์ของ วาเลนติโน รอสซี เป็นเวลา 2 ปี ในปี 2008

- ลอเรนโซ ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ ในปี 2010 หลังคว้าอันดับ 3 ในศึกโมโต จีพี ที่รายการ มาเลเซียน กรังด์ ปรีซ์ ซึ่งทำให้แต้มสะสมของเขาทิ้งขาดคู่แข่งไปเป็นที่เรียบร้อย

- ลอเรนโซ ได้เพียงอันดับ 2 ในฤดูกาล 2011หลังจากเก็บชัยชนะได้เพียง 3 สนามเท่านั้น โดยเสียแชมป์ให้กับ เคซีย์ สโตเนอร์​ นักบิดชาวออสเตรเลีย ของทีมเรปโซล ฮอนด้า

- อย่างไรก็ตาม เขากลับมาคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จอีกครั้งในปี 2012 หลังจากทำคะแนนทิ้งห่าง ดานี เปโดรซา จากทีมเรปโซล 43 คะแนน ภายหลังได้อันดับ 2 ในรายการ ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ แม้ว่าจะเหลือแข่งสนามสุดท้ายที่ บาเลนเซีย ก็ตาม

ประวัติและผลงานที่่ผ่านมา

- แชมป์โลก รุ่น 250 ซีซี (2006,​ 2007)
- แชมป์โลก รุ่น โมโต จีพี 2 สมัย (2010, 2012)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       การขับขี่ของลอเรนโซ่นิ่งมาก สมมุติทำเวลาต่อรอบ 1.45 นาที การขับ 28 รอบสนามในการแข่งขันลอเรนโซ่ก็จะขับด้วยเวลาเกือบเท่ากันทุกรอบ สมาธิแบบนี้แบบนี้อยู่ในขั้นสูงมาก และถ้าได้ขึ้นนำก็จะเป็นที่ 1 ไปเลยเพราะหาใครแซงเขายากทีเดียว
สมาธิแบบนี้มันเกิดจากการฝึกซ้อมอย่างหนักจนเกิดความมั่นใจเต็มร้อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ส่วนนคนนี้ที่มีฉายาเดอะ ด๊อกเตอร์วาเลนติโน่ รอสซี่ จะว่าไปแล้วเขาคือนักขับที่เก่งที่สุดในโลก

Valentino Rossi (วาเลนติโน รอสซี) เป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์รุ่นโมโตจีพี (MotoGP) แชมป์โลกหลายสมัยชาวอิตาลี เป็นนักแข่งที่มีผู้คนชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ด้วยการขับขี่ที่ดุเดือด และถือเป็นนักแข่งคนหนึ่งที่ทำสถิติแชมป์โลกหลายสมัยใน MotoGP เลยทีเดียวครับ

มาดู ประวัติของ Valentino Rossi กันครับ
ชื่อ-นามสกุล : วาเลนติโน รอสซี (Valentino Rossi)
ฉายา : เดอะ ด็อกเตอร์ (The Doctor)
วันเกิด : วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1979 (พ.ศ. 2522)
อายุ: 36
สถานที่เกิด : ตาวุลเลีย เมืองอูร์บีโน ประเทศอิตาลี
สัญชาติ : อิตาเลียน (Italian)
อาชีพ : นักแข่งรถโมโตจีพี (MotoGP)

Valentino Rossi วาเลนติโน รอสซี
เป็นบุตรชายของกราเซียโน รอสซี อดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งพ่อของเขาได้สอนเขาขี่มอเตอร์ไซค์เมื่ออายุประมาณ 3 ขวบ รอสซี่นั้นเคยขับรถในรุ่น 125cc และ 250cc ที่มอพรีเลียในระหว่างปี 2539 - 2542 ก่อนที่จะย้ายมาขับให้กับทีมเรปโซล-ฮอนด้า ในรุ่น 500cc และมาขับในการแข่งขัน MotoGP ระหว่างปี 2543 - 2546 และต่อมาในปี 2547 ได้ย้ายเข้ามาอยู่กับทีม Yamaha ในปี 2547 จนถึงปัจจุบัน และรอสซี่นั้นขับรถหมายเลข 46 ทำให้หมายเลข 46 นั้นถูกนำไปทำเป็นหมวกกันน็อค เสื้อผ้า อุปกรณ์ต่างๆ สำหรับให้แฟนคลับได้ซื้อเป็นที่ระลึก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ปี 2002 รอสซี่ย้ายจาก Honda Nastro Azzurro ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนจากบ้านเกิด และจะไม่มีทีม ๆ นี้อีกต่อไป มาอยู่กับ Repsol Honda
ทุกอย่างเป็นจริงดังที่คาด "เค้าทำให้นักแข่งคนอื่น ๆ ในสนามดูเป็นเด็ก ๆ ไปเลย" -ผู้ชมในสนามคนหนึ่งกล่าว
รอสซี่นำความสำเร็จมาให้กับฮอนด้าอีกครั้ง และอีกครั้งในปี 2003 แต่ใครละจะรู้ รอสซี่ไม่มีความสูข...
รอสซี่ถูกฮอนด้าทำเหมือนกับเค้าเป็นหุ่นยนต์ ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ สิ่งเดียวที่รอสซี่ต้องทำคือ ทำตามที่ฮอนด้าบอก
รอสซี่ไม่มีอิสระในการขับ รอสซี่ไม่มีอิสระในการใช้ชีวิตแม้แต่นอกสนาม.และมันก็ถูกแสดงออกอย่างชัดเจนที่บรูโน่ สาธารณรัฐเช็ก ในปีเดียวกันนั้นเอง มันคือการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงการเป็นนักโทษของฮอนด้า ทำตามฮอนด้า แต่วันนี้มันจบสิ้นแล้ว...

และฮอนด้าก็ตอบแทนเค้าคืนอย่างสาสมเช่นกัน โดยการกักตัวของรอสซี่ตามสัญญาโดยไม่อนุณาตให้ออกไปทำการเทสรถกับยามาฮา
จนกว่าสัญญาจะหมดลง นั้นทำให้รอสซี่และยามาฮาไม่มีความพร้อม มันเป็นการกระทำเพื่อให้ยามาฮาเสียเปรียบ เพราะฮอนด้ารู้ดีว่าคนที่ย้ายไปตอนนี้นั้นมีความสามารถมากแค่ไหน... กว่าที่รอสซี่จะได้เทสรถกับยามาฮาก็ปาเข้าไปในวันที่ 24 มกราคมปี 2004 ที่สนามเซปัง ช้ากว่าทีมอื่น ๆ ไปเกือบ 3 เดือน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       นั้นจึงเหตุผลว่าทำไมรอสซี่ถึงต้องชนะสนามแรกของปีที่แอฟริกาใต้ให้จงได้ เพราะเค้าต้องการให้ฮอนด้ารู้ว่าสิ่งที่พวกเค้าทำมันไม่สำเร็จ
รอสซี่ขับเคี้ยวกับแม็ก เบียอจี้อย่างถึงลูกถึงคนตลอด 28 รอบสนาม และมาแซงได้เอาตอนสุดท้ายโดยเอาชนะไปได้เพียงแค่ 0.210
รอสซี่บอกว่าเค้าเหมือนได้พิสูจน์ตัวเอง ได้ปลดปล่อยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รถและตัวเค้าเองยังไม่พร้อม 100% และเค้าดีใจอยากบอกไม่ถูกกับรถคู่ใจคันใหม่ของเค้า เพียงแค่สนามแรก มันก็นำพาเค้าไปสู่แชมป์ ผมรักเธอตั้งแต่วันนั้น -รอสซี่กล่าว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       การเข้าไลน์ที่คมกริบ การเปิดตัวจากโค้งที่รวดเร็ว การเบรคที่ลึกมาก ๆ รอสซี่มีลักษณะการขับขี่ที่บ้าดีเดือดมาตลอด ครูที่ให้คำแนะนำกับเค้าก็คือ มิก ดูฮานตำนานนักบิดของ Honda อีกคนนึง

คนอื่นล้มแต่รอสซี่ควบคุมรถผ่านมันไปได้ นี่แหละความน่าทึ่งของรอสซี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       2 นักขับ YAMAHA ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถสูงทั้งคู่
รอสซี่ไม่ชอบการขึ้นนำ แต่ชอบเป็นผู้ตามมากกกว่า เขาจะค่อย ๆ ไล่แซงคู่แข่งขันขึ้นมาเรื่อย ๆ มีหลายคนเมื่อเจอรอสซี่ตามอยู่ก็ถูกกดดันจนต้องพลาดล้มไปเอง หรือแค่เปิดช่องเพียงนิดเดียวก็ถูกแซงขึ้นไปแล้ว
คนที่ขับเคี่ยวกับรอสซี่ได้ในปัจจุบันนี้มีเพียง ลอเรนโซ่หมายเลข 99 เพื่อนร่วมค่าย YAMAHA เท่านั้นที่ออกนำไปแล้วขี่ได้นิ่งพอที่จะไม่ให้ใครแซงได้ กับ มาร์ค มาเควซดาวรุ่งพุ่งแรงจาก Repsol Honda ที่มีสไตล์การขับบ้าดีเดือดมากคนนึง

ปัจจุบันรอสซี่ขับไปแล้ว 8 สนามในฤดูกาลนี้ และใน 8 สนาม รอสซี่ขึ้นโพเดียม หมายถึงได้อันดับ 1 2 3 ยืนบนแท่นได้ทั้ง 8 สนาม นั่นหมายความว่ารอสซี่ไม่เคยขับได้ต่ำกว่าอันดับ 3 เลย คะแนนเป็นอันดับ 1 นำลอเรนโซ่อยู่ 10 คะแนน

ในขณะที่ลอเรนโซ่เพื่อนร่วมค่ายจาก YAMAHA ได้ชัยชนะอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 4 สนาม ส่วนสนามในฮอลแลนวันเสาร์ที 27 Jun ทีผ่านมาได้อันดับ 3
มาร์ค มาเควซได้อันดับ 2 จากการไล่บี้กับรอสซี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ณ เวลานี้แฟนๆ วงการมอเตอร์สปอร์ตคงไม่มีใครไม่รู้จักชายหนุ่มวัย 21 ปี จากสเปนที่ชื่อว่า “มาร์ค มาร์เกวซ” อีกต่อไปแล้ว หลังนักบิดหนุ่มจากทีมเรปโซล ฮอนด้า รายนี้ สร้างผลงานอันเป็นที่ฮือฮา! บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ โมโต จีพี ฤดูกาล 2013 ด้วยการคว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยแรก ทั้งๆ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาลงแข่งขันรายการระดับโลกรุ่นใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปีแรก ก่อนประกาศศักดาคว้าตำแหน่งแชมป์โลกด้วยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการ จนกลายเป็นที่จับตามองและถูกยกให้เป็นอนาคตใหม่แห่งวงการ โมโต จีพี ขณะนี้

มาร์ค มาร์เกวซ เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 1993 ที่เมือง เยย์ดา ประเทศสเปน ก่อนย้ายมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และ อเล็กซ์ น้องชายของตัวเองที่เซร์เบรา เมืองเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของสเปน ซึ่งเมื่อ มาร์เกวซ อายุครบ 4 ปี เจ้าตัวก็ได้ร้องขอให้คุณพ่อซื้อรถมอเตอร์ไบค์คันเล็กเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ ซึ่งคุณพ่อก็ตัดสินใจมอบให้พร้อมกับพาไปฝึกซ้อมขี่รถในละแวกแถวบ้าน จนกระทั่งเมื่ออายุ 5 ขวบ เจ้าตัวก็ได้ตัดสินใจลงแข่งขันรถจักรยานยนต์ประเภท เอ็นดูโรรุ่นเด็ก แม้จะไม่อาจคว้าชัยชนะได้แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับว่าที่แชมป์โลก โมโต จีพี ในอนาคต

หนุ่มน้อยจากแคว้นคาตาโลเนียเดินสายลงแข่งขันรายการต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยสหพันธ์รถจักรยานยนต์แห่งคาตาลัน เช่น มอนติ คัพ ให้กับทีมโปรเคิร์ฟ ต้นสังกัดในเวลานั้น และช่วยให้ทีมคว้าอันดับ 3 ของทัวร์นาเมนต์ในปี 2002 ก่อนจะยกระดับไปลงแข่งรายการที่ใหญ่กว่าเดิมอย่าง Open RACC 50 ในปีต่อมา แม้จะหวังเพียงแค่เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อพัฒนาฝีมือ แต่กลับทำผลงานได้ดีจนคว้าแชมป์โลกรายการนี้ได้ท่ามกลางความประหลาดใจของเจ้าตัวและทีมงาน

มาร์เกวซ เดินสายล่ารางวัลอย่างต่อเนื่องที่บ้านเกิด ในปี 2003 รวมถึงมีโอกาสเข้าไปสัมผัสการแข่งขันประเภทอื่นอย่างรุ่น KTM ปี 2007 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ทว่าจุดเปลี่ยนก็มาถึงในช่วงปลายปี 2007 เมื่อ เอมิลิโอ อัลซาโมร่า อดีตนักบิดรุ่น 125 ซีซี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานคนสำคัญของฮอนด้า ต้นสังกัด มอบโอกาสสำคัญให้เจ้าตัวเข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรุ่น 125 ซีซี ในฤดูกาลถัดไป แน่นอนว่ามาร์เกวซไม่ปฏิเสธโอกาสทองที่ทีมงานหยิบยื่นเข้ามาให้

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักบิดอาชีพของมาร์เกวซก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อช่วงเริ่มต้นเจ้าตัวประสบปัญหากับการปรับตัวเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์จนได้รับบาดเจ็บจากการซ้อมอยู่หลายครั้ง ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในสนามที่ 3 ของปีที่เอสโตริล ประเทศโปรตุเกส ในเดือนเมษายน แม้จะออกสตาร์ทไม่สวยนัก จบอันดับ 18 ของรายการ แต่สนามต่อไปที่เซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต สาธารณรัฐประชาชนจีน มาร์เกวซก็สามารถประเดิมเก็บแต้มแรกในรุ่นนี้ได้สำเร็จ หลังวิ่งเข้าเส้นชัยอันดับ 12 ก่อนจะทยอยเก็บแต้มในสนามต่างๆ และปิดฉากปีแรกด้วยผลงานจบที่อันดับ 13 บนตาราง ชิงแชมป์โลก มี 63 แต้ม ซึ่งผลงานดีที่สุดคือการขึ้นโพเดียมอันดับ 3 ที่โดนิงตัน พาร์ค ประเทศอังกฤษ แม้ว่าปีนั้นเจ้าตัวจะต้องปิดฤดูกาลก่อนกำหนดเนื่องจากประสบปัญหาบาดเจ็บที่กระดูกขาหักในสนามที่มาเลเซีย ก็ตาม

เข้าสู่ปี 2009 มาร์เกวซ ลงสนามแข่งฤดูกาลใหม่พร้อมประทับหมายเลข 93 ซึ่งเป็นปีเกิดของตัวเอง (เกิดปี 1993) บนชุดแข่งและคอนโซลหน้ารถ โดยมาร์เกวซเริ่มฉายแววความเก่งกาจทำผลงานเก็บคะแนนเข้ากระเป๋าเป็นกอบเป็นกำ จนขยับขึ้นมาจบที่อันดับ 8 ของฤดูกาล มี 94 แต้ม เรียกว่าผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดปี 2010 มาร์เกวซก็จัดการประเดิมคว้าแชมป์รายการแรกของตัวเองที่มูเจลโล่ ประเทศอิตาลี ก่อนปิดฉากฤดูกาลดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการ คว้าแชมป์โลกรุ่น 125 ซีซี มาครองได้สำเร็จ จากผลงานสุดยอดซิวแชมป์ 10 สนาม จาก 17 สนามที่ลงแข่งขัน เก็บไป 310 แต้ม ด้วยกัน

จากผลงานประลองความเร็วอันน่าทึ่งในรุ่น 125 ซีซี ทำให้มาร์เกวซได้รับการผลักดันไปสู่เวทีที่ใหญ่กว่าเดิม นั่นคือการแข่งขันในรุ่น โมโตทู ในปี 2011 ให้กับทีม คาตาลุนญ่า เรปโซล ทีมย่อยของฮอนด้า และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ทีมงานต้องผิดหวังเมื่อประเดิมออกสตาร์ทคว้าแชมป์ที่สนามบูกัตติ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ก่อนซิวแชมป์เพิ่มอีก 6 สนาม ก่อนปิดซีซั่นด้วยตำแหน่งรองแชมป์ เฉือนกับ สเตฟาน บราเดิล คู่แข่งชาวเยอรมนีไปแบบปลายจมูก พร้อมกับได้รางวัลรุกกี้ยอดเยี่ยมประจำปีไปครองเป็นการปลอบใจ อย่างไรก็ตาม มาร์เกวซ ก็มาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกได้ในปีถัดไป จากสุดยอดผลงานแชมป์ 9 สนาม บวกกับขึ้นโพเดียมอีก 5 สนาม จบฤดูกาลเก็บไป 328 แต้ม สร้างชื่อชั้นให้กับตัวเองในการแข่งขันระดับเวิลด์แชมเปียนชิป ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

เข้าสู่ปี 2013 มาร์เกวซ ได้รับโอกาสสำคัญจากฮอนด้า เมื่อผลักดันเข้าสู่ทีมเรปโซล ฮอนด้า ทีมใหญ่ในรุ่น โมโต จีพี 1,000 ซีซี แทนที่ของ เคซีย์ สโตเนอร์ นักบิดรุ่นพี่จากออสเตรเลีย แชมป์โลก 2 สมัย ที่อำลาวงการ โดยมี ดานี่ เปโดรซ่า รุ่นพี่ชาวสเปนเป็นคู่หูและพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำปรึกษา มาร์เกวซต้องลงต่อสู้ในรุ่น โมโต จีพี ท่ามกลางคู่แข่งระดับพระกาฬอย่าง ฆอร์เก ลอเรนโซ่ แชมป์โลก 2 สมัยจากฝั่งยามาฮ่า และ “เดอะ ด็อคเตอร์” วาเลนติโน่ รอสซี่ แชมป์โลก 9 สมัย ชาวอิตาเลี่ยน แต่มาร์เกวซก็ยังทำผลงานของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ หลังประเดิมคว้าแชมป์แรกในสนามที่ 2 ของปี ที่เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกันส์ สหรัฐอเมริกา ก่อนทยอยขึ้นโพเดียมเก็บคะแนนสะสมอย่างต่อเนื่องด้วยสไตล์การบิดอัน ดุดันชนิดไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีแชมป์โลกจากทีมคู่แข่ง จนในที่สุดนักบิดชาวคาตาลันก็สามารถประกาศศักดาคว้าแชมป์โลก โมโต จีพี ครั้งแรกในชีวิตได้สำเร็จ หลังคว้าอันดับ 3 ในสนามสุดท้ายที่บาเลนเซีย ทำให้เจ้าตัวมีคะแนนสะสมเพิ่มเป็น 334 แต้ม แซงหน้า ฆอร์เก ลอเรนโซ่ รุ่นพี่จากฝั่งยามาฮ่าที่แย่งแชมป์กันอยู่ไปเพียง 4 แต้มเท่านั้น ก่อนเขียนบันทึกหน้าใหม่ของวงการโมโต จีพี ด้วยตำแหน่งแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการ (อายุ 20 ปี) ทั้งที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาลงแข่งรุ่นใหญ่สุดเพียงแค่ปีเดียว…

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       สถิติที่น่าสนใจของ มาร์ค มาร์เกวซ ใน โมโตจีพี

- มาร์ค มาร์เกวซ เป็นนักบิดคนที่ 4 ในรอบ 65 ปี ที่สามารถคว้าแชมป์โลกในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกได้ถึง 3 รุ่น ไล่ตั้งแต่การแข่งขันรุ่น 125 ซีซี, โมโตทู และ โมโตจีพี ต่อจาก ไมค์ เฮลวูด, ฟิล รีด และ วาเลนติโน่ รอสซี่

- มาร์ค มาร์เกวซ ในวัย 20 ปี กับ 49 วัน สร้างสถิติเป็นนักบิดดาวรุ่งคนแรกที่สามารถทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดในการแข่งขันสนามแรกที่กาตาร์ ด้วยเวลา 1 นาที 55.445 วินาที ทุบสถิติเก่าของ เฟรดดี สเปนเซอร์ ตำนานนักบิดของฮอนด้า ที่ทำไว้ในการแข่งขันที่มิซาโน่ ประเทศอิตาลี ปี 1982

- มาร์ค มาร์เกวซ ในวัย 20 ปี กับ 63 วัน สร้างสถิติเป็นนักบิดดาวรุ่งที่อายุน้อยสุดที่คว้าแชมป์สนามของ โมโต จีพี ในการแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา ปี 2013 ทุบสถิติของ เฟรดดี สเปนเซอร์ ตำนานนักบิดของฮอนด้า ที่คว้าแชมป์แรกในการแข่งขัน เบลเยี่ยม จีพี ที่สปา-ฟรองโคชอมป์ส ปี 1982 ในวัย 20 ปี กับ 196 วัน

- มาร์ค มาร์เกวซ ในวัย 20 ปี กับ 62 วัน ทำสถิติเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดที่คว้าตำแหน่งโพล โพซิชั่น ในการแข่งขัน โมโต จีพี (ออกสตาร์ทคันแรก) ที่ออสติน สหรัฐอเมริกา ทุบสถิติของ เฟรดดี สเปนเซอร์ ตำนานนักบิดของ ฮอนด้า ที่คว้าตำแหน่งโพล โพซิชั่น ครั้งแรกที่ฆามาร่า ปี 1982 ด้วยวัย 20 ปี กับ 153 วัน

- มาร์ค มาร์เกวซ จบการแข่งขัน โมโต จีพี ฤดูกาล 2013 ด้วยการขึ้นตำแหน่งโพเดี้ยมในรอบชิงชนะเลิศได้ถึง 16 สนาม ถือเป็นสถิติที่มากที่สุดตลอดกาลของนักบิดหน้าใหม่ที่ทำได้ในการแข่งขันรุ่น โมโต จีพี

- มาร์ค มาร์เกวซ เก็บคะแนนสะสมไปทั้งหมด 334 แต้ม หลังจบการแข่งขัน โมโต จีพี ฤดูกาล 2013 ซึ่งถือเป็นนักบิดดาวรุ่งที่สามารถเก็บคะแนนต่อฤดูกาลได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์

- มาร์ค มาร์เกวซ คว้าแชมป์โลก โมโต จีพี ได้ในปีแรกที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากรุ่นโมโตทู ส่งผลให้เจ้าตัวกลายเป็นนักบิดดาวรุ่งคนแรกที่คว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จในรอบ 35 ปี ของวงการ

มีไม่กี่คนในโลกที่สามารถเข้าโค้งได้ด้วยมุมขนาดนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ดูกันอีกที มีไม่กี่คนในโลกที่สามารถเข้าโค้งได้ด้วยมุมขนาดนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       เปรียบเทียบรถจากค่ายเดียวกัน แต่ความสามารถในการขับขี่เข้าโค้งจะยังเห็นความแตกต่างกันเล็กน้อย มาเควซที่ไล่บี้มาด้านหลังพยายามแซงขึ้นมา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       การขับขี่ที่กล้าได้กล้าเสียทุกสถานการณ์ จากภาพที่เบียดฆอเก้ ลอเรนโซ่จากทีม YAMAHA
ส่งผลให้มาร์ค มาเควซเป็นนักขี่แม่เหล็กดึงดูดสปอนเซอร์คนนึงในเวลานี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       การขับเคี่ยวกันระหว่าง มาเควซ จากทีม HONDA และวาเลนติโน่รอสซี่ YAMAHA
Bridgstone ต้องทำยางออกมาให้รองรับการแข่งขันและรองรับกับความสามารถของนักขับขี่ที่มีความสามารถสูง อีกด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร พอมองกันออกบ้างหรือยัง ทำไมมาเควซจึงก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด

คำตอบไม่ใช่พรสวรรค์เลย
มาเควซเริ่มหัดมอไซด์ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ช้ากว่ารอสซี่ไป 1 ปี แต่รอสซีหัดขี่มอไซด์ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ
มาเควซฝึกฝนอย่างหนัก การฝึกนี่ไม่ใช่ไปแว้นบนถนนอย่างเด็กแว้นบ้านเรา หรือไปลงหัดในสนาม
แต่การฝึกนี่เป็นโปรแกรมการฝึกเฉพาะ การสร้างกล้ามเนื้อในเวทเทรนนิ่ง ส่วนที่ใช้งานเพราะการขับขี่รถแบบนี้ต้องใช้พลังอย่างมาก นักขับจึงจะยืนระยะได้ตลอดฤดูกาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้นักขับเอเชียเสียเปรียบโครงสร้างร่างกายความแกร่งของกล้ามเนื้อให้มีพลัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       นักจิตวิทยาที่ทำให้นักขับอย่างมาเควซกระหายชัยชนะ นอกเหนือจากการฝึกฝนอย่างมืออาชีพที่หนักหน่วงมาก ๆ แน่นอนว่าเวลาชีวิตในช่วงวัยรุ่นจะหายไปกับการฝึกซ้อมที่หนักในแต่ละวัน และการแข่งขันทั่วโลก แต่นั่นเป็นสิ่งที่นักกีฬาอาชีพทุกคนต้องเจอหรือคนมีชื่อเสียงต้องเจอ

นักขับเวิลด์ซุปเปอร์ไบค์ของทีม YAMAHA THAILAND เฉลิม ผลไม้ ก็ฝึกซ้อมร่างกายเช่นกัน ด้วยการขี่จักรยานเมาเทนไบค์ สมาชิก 2.7 ของเราที่เล่นจักรยานก็ไปเจออยู่ หลายครั้ง

คนที่มีลูกเป็นหมอส่วนใหญ่เวลาชีวิตในช่วงเด้กถึงวัยรุ่นก็มักหายไปเช่นกันจากการตรากตรำอ่านหนังสือหรือการเรียน ซึ่งการจะเก่งหรือเลิศประเภทใดก็มักต้องทุ่มเวลาให้สิ่งนั้นด้วยใจรักและมีคนคอยแนะนำที่ดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       เควิน ชว้านตำนานนักบิดจากทีม SUZUKI ชื่อก้องโลก ก็มีเรื่องราวประวัติชีวิตคล้าย ๆ กัน
ผมมีโอกาสได้เกิดทันดูการแข่งขันของเขาตั้งแต่ยังเด็กผ่านการถ่ายทอดสด
เควินชว้าน เป็นตำนานนักขับหมายเลข 1 ตลอดกาลของ SUZUKI เขาเริ่มขับมอไซด์ตั้งแต่หัดเดินได้คล่องแคล่วคืออายุประมาณ 3-4 ปีเท่านั้น จากนั้นอายุ 13 ปี เควิน ชว้านก็ได้แชมป์โลกจากการขับมอไซด์ จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ MOTO GP ไต่ระดับเรื่อยมา
ทางตรง ๆโค้งกว้าง ๆ เป็นสไตล์ที่ SUZUKI ถนัดมากในการควบรถที่แรงกว่าคู่แข่ง แต่จะเสียเปรียบที่โค้งแคบ ๆ กับทางตรงสั้นเพราะรถออกตัวช้ากว่า

ในขณะที่ก้าวแรกของมาเควซ เริ่มเป็นแชมป์โลกด้วยอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       เควิน ชว้านตำนานนักขับของ SUZUKI

เกือบทุกคนจะมีโปรไฟล์ชีวิตคล้าย ๆ กันไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไรก็ตามหรือไม่ว่าจะการเรียนก็ตามให้เป็นเลิศ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       เปลี่ยนบรรยากาศดีครับ

เมื่อก่อนผมก็ชอบดูพวกนี้เหมือนกันครับ สมัยโน้นดูทางช่อง9 เคยเล่นเกมได้ 2Tมา1ลังด้วย
เควิน ชวานซ์นี่ก็เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคนครับ(ผมก็ชอบด้วย) สมัยนั้นใครมีรถใหญ่ทำลายPepsiนี่เท่มาก

หลังๆมาไม่ค่อยได้ดูแล้วครับ ไปดูพวกรถซิ่ง4ล้อแทน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       เหมือนกันครับ เควิน ชวานซ์ ขวัญใจผมเลย ยังเคยส่งชิงโชคเสื้อเลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       การเริ่มต้นการเรียนรู้

คือสิ่งที่นักกีฬาระดับโลกมีหรือคนที่การต่อยอดให้ประสบความสำเร็จในระดับสูงกว่าคนทั่วไปมักมีอะไรที่คล้าย ๆ กันแบบนี้

รอสซีหัดขี่มอเตอร์ไซด์ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยการเคี่ยวกรำจากพ่อที่เป็นอดีตนักแข่งรถ มอไซด์
มาเควซหัดขี่มอไซด์ด้วยอายุ 4 ขวบช้ากว่ารอสซีไป 1 ปี
เควิน ชว้านก็เริ่มขับมอไซด์ตั้งแต่อายุได้เพียง 3-4 ขวบ
บรรดานักกีฬาประเภทอื่น ๆ ก็คล้ายกันไม่ว่าฟุตบอล เทนนิส หรืออื่น ๆ เราจะเห็นเด็กหลายคนที่เติบโตไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะหัดตั้งแต่อายุได้ 3-4 ปี ถ้าผู้ปกครองไปรอให้เด็กโตก่อนอายุ 6-7 ปีไปแล้วยังถือว่าช้าเกินไปสำหรับเกมระดับนี้ ที่มี่การแข่งขันมากมาย

คนเหล่านี้มาจากพื้นฐานแบบนี้ทั้งสิ้น ทัศนคติของผู้ปกครองพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญในการวางรากฐานของลูก ๆ ในการก้าวสู่อาชีพในอนาคต
เหตุผลข้อนี้จึงเป็นเหตุผลแรก ๆ ว่าทำไมเด็กในเอเชียหรือทวีปอื่น ๆ หลายคนจึงไม่เก่งสู่ระดับโลก เพราะเด็กในเอเชียหลายคนกว่าที่คุณจะเริมหัดกีฬาอย่างจริงจัง มันก็สายไปเสียไปเสียแล้ว ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก ผู้ปกครองเห็นว่าลูกยังเล็กเกินไปหรือไม่สามารถค้นหาความชอบของลูกได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       การที่มีคนคอยแนะนำที่ดี หรือโค้ชที่ดี

ส่วนใหญ่นักกีฬาเหล่านี้มีพ่อแม่ปูพื้นฐานไว้ดี ไม่ว่าจะเป็น ภราดร แทมมารีน วัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือนักกีฬาอื่น ๆ ทั่วโลก พ่อแม่ เริ่มทุ่มเทฝึกให้ลูกตั้งแต่จับไม้เทนนิสได้ ต๋องศิษฉ่อยขวัญใจวัยเด็กของพวกเราทุกคนหัดสนุ้กตั้งแต่จับไม้คิวได้ หัวยังไม่พ้นขอบโต๊ะ จากนั้นจะมีคนคอยสอนชี้ทางอะไรถูกอะไรผิด แต่บางทีน่าเสียดายตรงที่โค้ชหรือพ่อแม่ที่สอนนั้นยังไม่ใช่นักกีฬาที่เก่งในระดับโลก จึงยังทำให้เด็กยังไปไม่ได้ไกล เพราะขาดคนแนะนำที่ดีพอ

- รอสซี่หัดมอไซด์ตั้งแต่ 3 ขวบ พ่อของเขาเป็นนักแข่งอยู่แล้วสอนลูกจาก นั้นก็มีติวเตอร์ทีเก่งจนเขาก้าวเข้าทีมแข่งตั้งแต่อายุยังน้อยจึงประสบความสำเร็จมากกลายเป็นนักขับหมายเลข 1 ของโลก
- มาเควซหลงใหลการขี่มอไซด์ พ่อของเขาไม่มีความรู้จึงพาลูกเข้าคอร์สเทรนนิ่งการแข่งรถตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จากนั้นวัยเด็กมาเควซได้แชมป์โลกรายการนึงด้วยอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น เข้าตาของมิกดูฮาน หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของไมเคิล ดูฮาน ฉายาจิงโจ้ไฟจากออสเตรเลียนักบิดในตำนานของทีม Honda เป็นเหมือนพ่อคนที่ 2 ของมาเควซคอยเป็นโค้ชและให้คำแนะนำทุกอย่างกับมาเควซ จนกระทั่งเขาก้าวไปได้ไกลมากตั้งแต่อายุยังน้อย ไมเคิล ดูฮานเห็นแววว่ามาเควซจะกลายเป็นนักแข่งระดับโลกจึงยอมทุ่มเทกับเด็กคนนี้
- เควินชว้าน เริ่มหัดมอไซด์ตั้งแต่อายุ 3-4 ปี ผมไม่ทราบเรื่องราวที่ผ่านมาเวลานั้นใครเป็นคนชี้แนะ แต่พออายุ 13 ปี เควิน ชว้านได้แชมป์โลกจากนั้นชื่อของเขาดังกระฉ่อนขึ้นเรื่อย ๆ

ทุกคนจะคล้ายกันตรงที่มีพ่อหรือมีโค้ชที่ดีในการแนะนำตั้งแต่เด็กจึงก้าวไปได้ไกล ซึ่งผมเคยบอกก่อนนี้ว่าตอนเราฝึกขับรถคนเราไม่สามารถเก่งได้ด้วยประสบการณ์หรือหัดด้วยตนเอง คนเราไม่สามารถเก่งได้โดยไม่มีใครชี้แนะ หรือเรียนจบได้ด้วยตนเองโดยไม่มีใครสอน ซึ่งมันจะไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ควรทำอะไรยังไง

เมื่อ 4-5 ปีก่อนที่บริษัทผมเคยมีอบรมการขับขี่มอไซด์แบบมอโตครอสและทางเรียบให้เด็กอายุ 5-7 ปี ตอนนั้นอยากให้สมาชิกของเราพาลูกหลานเข้ามาฝึก ผ่านจากทางผม แต่ด้วยผมเห็นสไตล์การเลี้ยงลูกของพ่อแม่แต่ละคนผมไม่กล้าจะเอ่ยปาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเอเชียจึงประสบความสำเร็จได้ยากกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
      
การฝึกซ้อมอย่างหนัก
เขาซ้อมกันหนักอย่างไร

- มาเควซซ้อมอย่างหนักในโรงยิมที่ทาง Honda จัดเตรียมขึ้น เวลาในแต่ละวันของเขาหมดไปกับการฝึกซ้อมในโรงยิม ร่างกายส่วนที่ใช้งานจึงต้องมีพลังมาก เป็นพิเศษเพื่อให้ควบคุมรถได้ดี ช่วงก่อนแข่งหรือเซทรถจึงมีโอกาสลองขับรถเทสต์ในสนาม ด้วยการฝึกซ้อมที่หนักมาก การโปรแกรมทุกอย่างภายใต้ทีมงาน Honda เขาถูกวางไว้เหมือนหุ่นยนต์ ตั้งแต่การฝึกซ้อม การให้สัมภาษณ์ การวางตัวนอกสนาม ร่างกายจิตใจถูกเค้นอย่างหนักจากตารางการฝึกซ้อมเพื่อให้ผลงานในสนามแข่งต้องชนะเลิศ ซึ่งคนอย่างเรา ๆ ไม่สามารถจะถูกบีบเค้นในด้านร่างกายและจิตใจได้แบบนี้
ซึ่งเป็นคำตอบว่าทำไมเด็กแว้นหรือ กระบะดันรางจึงไม่อาจเป็นนักแข่งได้ เพราะคนชอบแค่ผิวเผินและรักอิสระไม่ชอบให้ใครมาโปรแกรมบังคับรวมถึงการถูกบีบเค้นด้วยร่างกายและจิตใจอย่างหนัก เพราะการแข่งขันที่สูงมาก รวมถึงต้องรักษาวินัยในตนเองที่เวลาในชีวิตส่วนใหญ่จะหายไปกับการฝึกซ้อมและการตระเวนแข่งขัน

- ลอเรนโซ่อดีตอยุ่ภายใต้ร่มเงาของรอสซี่มาตลอด ภายหลังนรอสซี่ย้ายทีมไป Ducati โอกาสกลายเป็นของเขาเมื่อรอสซี่ไปได้ไม่ดีกับรถแข่ง Ducati ที่มีแชสซีย์เฟรมสั้น ลอเรนโซ่ซ้อมหนักแต่ไม่รู้ว่าหนักยังไงแต่มันเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาคนนึงจะรับได้ และมันทำให้ลอเรนโซ่โชว์ฟอร์มได้ดีและเป็นแชมป์ MOTO GP ในปี 2010 นั่นเอง ภายหลังรอสซี่กลับมาเข้าทีม MOVISTAR YAMAHA อีกครั้งและกลับมาขี่ได้ดีเหมือนเดิม ลอเรนโซ่กลับมาพยายามอย่างหนักมากขึ้นไปอีก เขาเป็นคนที่ขับรถได้นิ่งมาก สมาธิเข้าขั้นอรหันต์ เป็นผลมาจากการฝึกซ้อมที่หนักจนเกิดความมั่นใจสูงสุด ถ้าลอเรนโซ่ขึ้นนำเป็นที่ 1 ในโลกนี้ไม่มีใครแซงเขาได้แม้แต่รอสซี่เองก็ตาม คู่แข่งของเขาจึงมีเพียงรอสซีจาก YAMAHA ค่ายเดียวกันกับมาร์ค มาเควซค่าย Resol Honda เท่านั้น

- ต๋อง ตอนรุ่ง ๆ สมัยหนุ่ม ซ้อมสนุ้กเกอร์อยู่ต่างประเทศซ้อมวันละ 13 ชั่วโมง ขั้นต่ำสุดก็ 7-8 ชั่วโมง เวลาทั้งหมดอยู่กับการฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเดินรอบโต๊ะก็คงนับระยะทางได้เกิน 10 กิโลเมตรต่อวัน เพราะเขาต้องทุ่มให้กับอาชีพ แต่มาเมืองไทยออกงานมากกว่าซ้อมไม่สามารถทำผลงานได้ดี

คนเรียนเก่งระดับได้ทุนคิงของรัฐบาลไทย หรือนักกีฬาระดับโลกซ้อมหนักแบบนี้ทั้งนั้น ไม่มีผิดไปจากนี้ และตอนซ้อมจะมีคนเก่ง ๆ คอยชี้แนะแนวทางที่ถูกเสมอ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
      
วันนี้อาทิตย์ 12 กค 58 มีแข่ง MOTO GP ถ่ายทอดสดจากเยอรมัน เวลา 6 โมงถึง 1 ทุ่มเป็นต้นไป ใครสนใจก็ลองดูได้ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 SD นะครับลองดูว่าเขาขับกันยังไง ทำไมเขาถึงเก่งได้
ไม่ได้บอกให้ทุกคนมาฝึกเป็นนักแข่งนะครับ แต่หมายถึงเราเรียนรู้จากการที่นักกีฬาเหล่านี้เขาฝึกฝนอย่างหนัก เราจึงเห็นความแตกต่างของแต่ละคนในการขับขี่
มันช่วยได้จริงตรงที่เราจะทราบว่าเวลาเขาฝึกนักกีฬาให้เก่งหรือฝึกฝนลูกให้เรียนเก่งจนติดอันดับโลกเขาทำกันยังไง
นักแข่งส่วนใหญ่เริ่มต้นหัดมอเตอร์ไซด์ กันตั้งแต่อายุ 3-4 ปีทั้งนั้น คืออย่างเรา ๆ มาหัดฝึกลูกหลานกันเมื่ออายุ 10 กว่าขวบมันช้าเกินไปแล้ว สู้เขาไม่ได้ อีกทั้งอายุน้อย ๆ มันก็ต้องได้รับการสอนหรือติวเข้มกับอาจารย์ผู้สอนที่ดีมาตั้งแต่ต้นมันถึงจะไปได้ไกล

มาฝึกเองคลำเองลองผิดลองถูกไม่สามารถไปได้ ไม่มีนักกีฬาระดับโลกคนใดฝึกเองด้วยพรสวรรค์จนเก่งไปถึงจุดนั้นได้ไม่มีครับ ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ทุกคนล้วนต้องได้รับการสอนที่ดีมาแต่เริ่มต้น
การเรียนการศึกษาก็เหมือนกันมันต้องถูกฝึกมาตั้งแต่อายุ 3-4 ปีหรือน้อยกว่านั้น รวมถึงต้องมีอาจารย์ที่ดีคอยแนะมาโดยตลอดแต่เริ่มต้น
ต่อมาก็ต้องถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก หนักแบบไหนให้ลองสังเกตุลอเรนโซ่ นักขับ YAMAHA หมายเลข 99 ไว้

ตัวอย่างลอเรนโซ่ที่ผมบอกคือเขาอยุ่ภายใต้ร่มเงาความยิ่งใหญ่ของ วาเลนติโน่ รอสซี่มาโดยตลอด แน่นอนว่าทีมแข่งโรงงาน YAMAHA เลือกรอสซี่มากกว่าแต่ลอเรนโซ่ไม่ได้น้อยใจที่ทางโรงงานทำแบบนั้นกลับมีความุมานะและพยายามมากกว่าใคร ๆ ฝึกหนักมากกว่าคนทั่วไปแน่นอนว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ๆ ไม่สามารถรับสภาพการฝึกแบบนี้ได้ แต่ลอเรนโซ่ทำเกินขีดความสามารถของมนุษย์คนอื่น ส่งผลให้เขาขับรถได้นิ่งที่สุดและแน่นอนมากที่สุดทีเดียวผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่าเขาก็ก้าวขึ้นเป็นแชมป์ MOTO GP ได้เช่นกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
      
เฮ้อๆๆๆ เลี้ยงลูก ให้ลูกสามารถรอดจากสังคมปัจจุบัน ได้ก็พอแล้วครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย