คำตอบที่ 1
       อัตราเร่ง ออกตัวอืดกว่า 2.5 ic ครับ แต่ไหลไปยาวๆดีกว่า ที่จริงความแรงกับความประหยัดมันอยู่คนละด้านกันเลย ถ้าอยากแรง 2.7 คงไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าอยากประหยัด 2.7 คงตอบโจทย์ได้ไม่ยาก วีโก้ 2700 ลากไกลๆยาวๆ 175km/ชั่วโมง ยังนิ่งๆอยู่เลยครับ มันอยู่ที่ใจกับจังหวะมากกว่า...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      

ถามคุณ Auto หน่อยครับ เรื่อง การกินน้ำมัน เครื่อง2.5/2.7/3.0
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/Question.asp?ID=804

ทำไมต้องล๊อกที่ 160 ด้วยครับ
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/Question.asp?ID=736

รายละเอียดต่างๆยังมีอีกเยอะลองไล่ดูในกระทู้เก่าๆครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       http://www.youtube.com/watch?v=c9JG99FpbnY


ลองดู ประกอบ อาจจะช่วยได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       http://www.youtube.com/watch?v=OOxIk8pNNyY

คิดว่าเชื่อได้ไม๊ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ตามเสปค

2.5 ดีเซลคอมอนเรล มีแรงบิดประมาณ 300-325 นิวตันเมตร ผมจำไม่แม่น ส่วนแรงม้าอยู่ที่ประมาณ 120 แรงม้าโดยประมาณ


2.7 เบนซิน แรงบิด 245 นิวตันเมตร แรงม้า 160 แรงม้า


3.0 ดีเซลคอมมอนเรล แรงบิด 345 นิวตันเมตร แรงม้า 163 แรงม้า






ถ้าดูตามสเปคนี้และกราฟแรงม้ากับบแรงบิดที่เขามีมาให้ในโบรชัวร์เวลาที่คุณจะซื้อรถ คุณจะพบว่า

เวลาเทียบกัน แรงบิดดีเซลมากกว่า ในการออกตัวที่รอบไม่เกิน 2000 รอบ / นาที การขับในช่วงนี้จะดีกว่า
แต่เมื่อหลังจากออกตัวไปแล้ว การไต่ความเร็วที่เพิ่มขึ้นจะเเป็นรองเครื่องเบนซินอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะช่วงความเร็วใช้งาน ให้ดูกราฟประกอบกันไปก็จะเห็นการไต่ขึ้นของเส้นแรงม้า


แต่เมื่อขับไปจนเค้นรอบไปประมาณ 4000 -4800 ลองดูที่กราฟจะพบการหักเหของเส้นกราฟในรถเบนซิน
ซึ่งหมายความว่าช่วงความเร็ว 120 ไปแล้วช่วงนั้นแรงบิดจะลดลงการเค้นแรงให้ได้ความเร็วเพิ่มขึ้นในช่วงนี้จะยิ่งอืดและกินน้ำมัน ต้องปล่อยให้ไหลไปอย่างช้า ๆ จนได้ความเร็วสูงสุด

ส่วนดีเซล 2.5 ไปไม่ไหวหลังจากไต่ความเร็ว ที่ 100 กิโลเมตร / ชั่วโมงแล้วล่ะ เพราะรถมันเค้นแรงม้ามาได้เท่านั้น คือ 120 ต่างจากเบนซินไป 40 กว่าตัว ถ้าใช้บรรทุกด้วยกันในช่วง 60-120 กิโลเมตร / ชั่วโมงจะเป็นรองรถ 2.7 เบนซินเห็นได้ชัด
สรุปดีเซล 2.5 คอมมอนเรลเป็นรอง 2.7 เบนซินแน่นอน ในการใช้งานหลายๆ แบบไม่ว่าจะเป็นการบรรุทุกหรือใช้งานส่วนตัว ยกเว้นตอนออกตัวจะได้อัตราเร่งดีกว่า (แต่รถใช้งานไม่ได้ออกตัวกันบ่อย ๆ )






ถ้าเป็น 3.0 ดีเซล เส้นกราฟแรงม้ากับแรบิดไต่ระดับได้สูงกว่า 2.7 การหักเหของเส้นทำได้ดีกว่าที่รอบที่ต่ำกว่า กว่าแรงบิดจะลดลงก็อยู่ในช่วงกราฟที่ดีกว่า 2.7 เบนซิน
สรุป ถ้าเทียบกัน
2.7 เบนซิน ให้กำลังสู้เครื่อง 3.0 ดีเซลไม่ได้ ในทุกช่วงความเร็วไม่ว่าต้นหรือปลาย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       เรียงลำดับความแรงจากมากไปหาน้อย
3.0 --> 2.7 --> 2.5 i/c --> 2.5

แต่การขับขี่เครื่องเบนซิน จะแตะคันเร่งแผ่วเบาเหมือนตัวดีเซลไม่ได้ ต้องกดคันเร่งเยอะกว่าตัวดีเซลเพื่อเรียกแรงบิดมาใช้งานที่รอบสูงกว่า เมื่อนั้นจะพบว่าเรี่ยวแรงไหลมาเทมาเป็นยังไง เป็นที่มาว่าทำไมผมถึงเรียงลำดับความแรงไว้ตามข้างบน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       โดยสรุปแล้ว ถ้าจะใช้ในชีวิตประจำวัน 2700 ก็เป็นอีกตัวที่ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกันนะครับ

ผมเองก็กังวลเรื่องความแรงของมันเนี่ยแหละครับ

กลัวจะด้อยกว่า 2.5ic หรือไม่ก็ไปเทียบเคียงกับ 2.5no ic เลย มีพี่ๆมาแนะนำแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะครับ

ตอนนี้กำลังต่อรองกับเซลล์อยู่ครับ กับส่วนลด 100,000 แต่ไม่รับของแถมอื่นเลย ไม่ทราบว่าที่ไหนมีถูกกว่านี้ไม๊ครับ (ขอผมอยู่ทางใต้ครับ)

คุณ auto คิดว่า หลังจากนี้ จะมีโปรที่ดีกว่านี้อีกหรือไม่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       อีกเรื่องครับ
2700 ตัวนี้ ใส่น้ำมันอะไรได้บ้างครับ

95 91
gasohol 95 91
e20 85

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       อยู่ทางใต้เหมือนกันครับ ผมอยู่นครศรีธรรมราช ตัวนี้ใช้น้ำมัน 95 91 gasohol 95 91 แต่ส่วนใหญ่จะดมแก๊ชกันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       e20 e85 ใช้ไม่ได้หรือครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ใช้ไม่ได้ครับ ใชได้ถึงแค่ E10 เท่านั้นครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ตอบ

ความน่าใช้สำหรับ Hilux 2700 นั้นมีความน่าใช้อยู่แล้วครับ ไม่งั้นขายต่างประเทศมากขนาดนี้ไม่ได้
ถ้าเราเห็นที่เขาส่งขึ้นรถเทรลเลอรืไปลงแหลมฉบังก็จะเห็น ไม่ว่ากระบะตอนเดียว หรือ 4 ประตู ส่วนใหญ่เกินร้อยล่ะ 70 จะเป็น เครื่องเบนซิน 2700 ซีซีทั้งนั้นเลย
ตอนที่ผมซื้อผมก็พิจารณาในหลาย ๆ ด้านสุดท้ายมาลงตัวที่ตรงนี้กับประสบการณ์ที่เราเคยขับ Mazda ปิคอัพเบนซินที่ส่งออกไปออสเตรเลียมาก่อน
ส่วนเรื่องความแรงตัวนี้เหนือกว่าดีเซลคอมมอนเรลในตัว 2.5 แน่นอนครับ แต่ด้อยกว่า 3.0
การเติมน้ำมันใช้ได้ทุกประเภทยกเว้น E20 E85 เติมไม่ได้

E85 มันไม่ใช่สำหรับรถแสตนดาร์ดทั่วๆ ไป ที่คนทั่วไปที่เป็นลูกค้าหลักจะซื้อได้นะครับ
เพราะรถ E85 ในกลุ่มนี้ต้องเป็นรถเฉพาะ เนื่องจากเอาแค่รถซีดานธรรมดา ๆ ขนาดเล็ก ราคาก็เกิน 1 ล้านบาทเข้าไปแล้ว
อย่าไปเชื่อพวกแรงเชียร์ แรงหนุน แรงโม้ ของคนวิจารณ์ทั่ว ๆ ไปเลยว่าทำไมบริษัทรถยนต์ไม่ออกรถใช้ E85 ออกมา
เพราะถ้าตอนนี้บริษัททำรถยนต์ รถปิคอัพ 1 ตันเบนซิน 2700 หรือซีดาน 2000 ซ๊ซี ใช้ E85 ราคารถต้องมีไม่ต่ำกว่า 1.2-1.4 ล้านบาท ต่อคัน
พวกที่มีปากชอบวิจารณ์จะกล้าซื้อมาใช้หรือเปล่า
เรื่องพลังงานคนใช้รถควรมองที่ปัจจุบันและอนาคตไม่เกิน 5 ปี ส่วนไกลกว่านั้นไม่ใช่หน้าที่ที่เราต้องมอง





ราคาโปรโมชั่นนับวันตัวเบนซินจะลดลงตามราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นครับ ไม่น่าจะเพิ่มโปรได้มากว่านี้อีก
สาเหตุที่โปรได้ส่วนลดมาก ๆ แบบนี้เพราะคำสั่งซื้อจากปีที่แล้วมีมาก ประกอบกับบเศรษฐิกจโลกชลอตัวเครื่องยนต์ 2TR-FE 2700 จากเดิม
ที่ส่งออกกันเยอะแยะมากมายจนไม่พอที่จะผลิตขายในประเทศก็มียอดขายลดลงไปด้วย ทำให้มีเหลือมาผลิตในประเทศเรามากขึ้น
ดีเลอร์ไม่อยากแบกสต๊อกที่เป็นดอกเบี้ไม่เกิดกำไรเอาไว้ก็ต้องระบายรถ 2.7 ออกไป ถ้าหมดช่วงเมื่อไหร่ 2.7 ก็กลับมาแพงอีก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ถามด้วยคนครับ ตัวตอนเดียวเบนซินเกียร์ธรรมดาที่ออกมาใหม่ ถ้าจะบรรทุกสักสามตันถึงสามตันครึ่ง มันจะไปไหวไหมครับ (ช่วงออกตัวครับ)
ทำไมราคาตัวนี้มันถึงได้แพงกว่าตัวดีเซลเสียอีก ทั้ง ๆ ที่รุ่นแคปเปิดได้ ทั้งสี่ประตูกลับถูกกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ตอบแบบไม่ต้องคิดได้เลยครับว่าไหว ว่าแต่จะบรรทุกหรือป่าว

สมัยก่อน ดัทสัน ช้างเหยียบ ทำเป็นรถสองแถว นั่งจนเต็มแถมนั่งหลังคารถด้วย ยังไปได้ดี ทั้งๆที่สเปคเครื่องต่างกับสมัยนี้ หลายเท่า

โตโยต้า vigo 2.5 ไม่มี IC สเปคเครื่อง ไม่ได้สูงไปกว่า vigo2.7 ยามหน้าผลไม้ ก็ขนออกมาขายจากชนบท เปลี่ยนเพลาหลังแบบรถ 6 ล้อ ด้วย ยังไหวถมเถ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
      
... ถมเถ ...

ชอบคำนี้จัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       เท่าที่ทราบ ผู้ที่ไม่เปป็นสมาชิกหรือเป็นสมาชิกในนี้มีหลายคนที่เอาไปบรรทุก 2-3 ตัน วิ่งสบายครับ
แต่ช่วงล่างต้องทำเหมือนกับปิคอัพดีเซลคันอื่นๆ นะครับ คือต้องปรับกันบ้างเพราะบรรทุกกันเกินพิกัดรถ เป็นประจำ


แรงบิด 2.7 ที่ 245 นิวตันเมตร เทียบดีเซลคอมมอนเรล ที่ 300-345 นิวตันเมตรเป็นรองแน่นอนครับ

แต่ 2.7 แรงบิดที่ 245 นิวตันเมตร เหนือกว่าปิคอัพดีเซลยุคเดิมทั้งหมด ที่มีแรงบิดน้อยกว่าและแรงม้าแค่ 90 แรงม้าไม่เกินนี้ ถ้าเคยขับพวก Isuzu DI MIGHTY x Strada รับรองว่าขับสบายกว่าพวกนี้เยอะแรงมากกว่าเยอะครับ ไร้กังวลเลยอ่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       เครื่อง 2.7 ตัวนี้ สามารถเพิ่มสมรรถนะ อย่างไรได้บ้างครับ
ติดกล่องเหมือนเครื่องดีเซล ได้หรือเปล่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       ดูแล้วคุณ worapog คงจะชอบขับรถเร็ว และคงมีความชื่นชอบ
ในตัวดีเซลอยู่แล้ว ผมแนะนำว่าคุณน่าจะทดลองไปขับ 2.7 ดูด้วยตัวเองนะครับ

ความเห็นส่วนตัวของผม ความแรงของ ดีเซลกับ เบนซินมันมองกันคนล่ะอย่างครับ อยู่ที่คุณชอบแบบไหน

ถ้าคุณชอบแบบแรงบิดหนัก ๆ รอบต้น ๆ แบบนี้คงไม่ชอบ 2.7 แน่ ๆ

แต่ถ้าคุณชอบแรงม้า และชอบนิสัยของเครื่องเบนซิน อันนี้ เบนซิน 2.7 คุณจะรู้สึกว่ามันแรงแน่ ๆ

แต่ถ้าคุณชอบแรงสุด ๆ จริง ๆ ขนของหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ขน ผมแนะนำ หารถเก่งขับหลัง มาวางเครื่อง 1JZ เทอร์โบ หรือ 2JZ เทอร์ไปเลยครับ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อก่อนแต่ง มาใส่ดีเซลวิ่งควันดำครับ มันต่างกันครับ

ดีเซลก็เหมือนนักยกน้ำหนัก
เบนซินอย่างพวกรถเก๋ง ก็เหมือนนั่งวิ่งระยะสั้น

แต่ 2.7 คือนักวิ่ง มาราธอนตัวใหญ่

อย่าเอานักยกน้ำหนักมาวิ่งแข่งเลยครับ ส่งสารเขา

ลองเลือกดูนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       ^
^
^
^

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       เปรียบเทียบได้ดีครับเห็นภาพชัดเลยคุณ TONG 2.7


จะเอาให้แรงใส่กล่องเพิ่มก็ได้นะครับเหมือนดีเซลนั่นแหละแต่กล่องคนล่ะอย่าง
ราคากล่อง + ครุยซ์ตอนนี้ไม่แพง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       ผมเองก็เล่นรถมาพอควร วาง 1jz-gte โบเดี่ยวก็ขับมาแล้ว และก็ขายไป เพราะเบื่อเรื่องจุกจิก เบื่อต้องซ่อม และที่สำคัญ ไม่มีเวลาเข้าอู่บ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน รถที่เหมาะกับผมคงจะเป็นรถ standard มากกว่า แล้วตกแต่งเพิ่มนิดๆหน่อยๆ ตามกำลังที่จะหาใส่ได้

ปัญหาของผมคือไม่สามารถหารถ 2.7 ทดลองขับได้เลย จึงมีความกังวลตามที่ได้เรียนปรึกษา

ส่วนรถเก๋งผมเองก็มีอยู่แล้วน่ะครับ แต่ประเด็นที่ตั้งถามนี้คือ ต้องการมาแทนกระบะคันเดิมที่ใช้อยู่ และคิดว่าน่าจะดีกว่าเดิมมากพอควร

sell บอกว่า เหมือน 1jz ไม่โบ อย่างไรอย่างนั้น แต่ผมว่าไม่น่าจะเหมือน เพราะ 1jz ไม่โบ น่าจะแรงกว่า ก็เลยไม่สามารถ คำนวณเป็นความรู้สึกได้แล้ว จะแรงแค่ไหน

แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความคิดเห็นนะครับ เพราะถ้าไม่มีที่นี่ ผมคงจะหาที่ปรึกษาได้ยากมากเหมือนกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       จาก worapog

1j 2j เป็นเครื่องออกแบบมาคนละประเภทกันเน้นที่แรงม้าและรอบจัดกว่า
ตัวนี้ถ้าเปรียบกัน พวกตระกูล เจ ย่อมแรงกว่าอยู่แล้วครับ


แต่ถ้า 2TR-FE 2.7 ตัวนี้ไม่แรงครับ เน้นไปที่งานบรรทุกและสมบุกสมบัน และความทนทานมากว่า ช่วงชักกระบอกสูบยาวกว่า เพราะฉะนั้นความแรงคงสู้ พวก J ไม่ได้ครับ

ทั้ง 2 แบบคือเครื่องยนต์คนละประเภทกัน แต่ที่มันทดแทนกันได้เพราะมันออกแบบมาขับหลังเหมือนกันและยังมีความทนทานกันพอควร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ง่าย ๆ สุด คุณ worapog ลองไปขึ้นรถตู้ Ventury หรือ Commuter 2.7 VVT-i ดูก็ได้ครับ ผมว่าการตอบสนองมันก็เหมือนกับที่วางใน Vigo เลย ลองหาดูที่วินรถตู้ใกล้ ๆ บ้านดูครับ ลองนั่งหน้าดูเลย ชวนคนขับคุยก็ได้ครับ

แล้ว คุณ worapog จะทึ่งในประสิทธิภาพของมันครับ
Commuter 2.7 VVT-i คนขับรถตู้เขาแทบทุกคัน ผมว่าเท้าหนักสุด ๆ ทำเวลากันเต็มที่ ลักษณะการขับเขาจะเป็นอีกแบบ ไม่เหมือนกับขับดีเซล จะเล่นเกียร์ลากรอบกันหน่อย แต่ขอบอก พวก ดีเซล 2KD หรือ 1KZ มุดตามไม่ทันแน่ ๆ ก็ยังสงสัยอยู่ว่า เครื่องรถตู้ 2.7 ทำไมแรงจัง นั่ง 16 คนเต็มคัน ยังวิ่งมุดไป มุดมา แบบแทบจะกอดเบาะหน้าเลย

แนะนำให้ไปลองนั่ง Commuter 2.7 VVT-i ดูครับ แล้วจะเปลี่ยนความเชื่อที่ว่าเบนซินอืด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       ขอเพิ่มเติมนะครับ ตามความคิดผมว่ากันแบบตรง ๆ แล้วนะ

ทั่วโลกเขาไม่ค่อยจะเชื่อมั่นกับเจ้าเครื่อง 1KD 2 KD เท่าไหร่หรอกครับ ถ้าเทียบกับ 2TR 2.7 VVT-i (ลองดูจากยอดส่งออกและคนนิยม 2.7 มากกว่า มีแต่บ้านเราที่แห่บริโภคกันไปตาม สื่อ)

มาดูกันว่า 1KD 2 KD มีอะไรที่มันฝืน ๆ ที่ไม่น่าใช้บ้าง

1. มีเทอร์โบแปรผัน + อินเตอร์
2. ระบบ common rial จะต้องมีปั้มแรงดันสูงมาก
3. ยังใช้สายพานขับวาล์ว เพราะต้องการแรงสั่นที่น้อยลง
4. มี ECU มาควบคุมทุกอย่าง
5. ยังใช้วาล์วแบบที่ต้องมาตั้งตามระยะทาง

จะเห็นว่าสิ่งที่เพิ่มเข้ามา มันเป็นอุปสรรคต่อราคาขาย ที่ต้องแพงกว่า และเป็นภาระกับผู้ใช้งานที่ต้องคอยบำรุงรักษาอีก ราคาชิ้นส่วนต่าง ๆ ถ้าพังมา ก็เยอะพอสมควร

ที่ทำทุกอย่าง ก็เพื่อให้มันมีจุดขายที่มากกว่า 2.7 VVT-i
แต่ว่ามันก็แรงกว่า 2.7 ได้ไม่เท่าไหร่ กลับจะมีข้อด้วยกว่าในหลาย ๆ ด้านอีกครับ

2.7 มันไม่เห็นต้องมีเทอร์โบ มันยังทำให้เราใช้งานมันได้แบบไม่รู้สึกแย่อะไร สายพานขับวาล์วไม่มี วาล์วก็ไม่ต้องตั้ง เสียงเงียบกว่า แรงสั่นน้อยกว่า ต้นทุนเครื่องต่ำกว่าเยแยอะ อันนี้ผมว่า 2.7 เจ๋งกว่า


รถระดับนน. ยังไม่ถึง 2 ตัน ผมว่ายังไง ๆ เบนซินก็ยังเหมาะสมตามหลักวิศวกรรมทุกอย่างอยู่อย่างสิ้นเชิงครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       บ้านเรานิยมเครื่องดีเซลมากกว่าเพราะตลาดเป็นแบบนั้น
คงไปโทษกันไม่ได้ เนื่องจากในยามที่น้ำมันลิตรล่ะไม่เกิน 10 บาท ดีเซลยังคือยุคของไดเรกอินเจคชั่นและเสวิร์ลแชมบอร์ จุดซ่อมไม่ถือว่าแพงแต่ก็ยังราคาสูง

ในขณะที่เบนซินแทบไม่มีให้เลือกมีแต่รถเก๋งส่วนใหญ่
เบนซินเครื่องใหญ่ 2000 ซีซีก็ซดน้ำมัน 7-8 โล/ลิตร
เครื่องยนต์ไม่ทันสมัย จุกจิกกว่าค่าซ่อมแพงโดยไม่จำเป็น
อีกอย่างการติดแก๊สก็อยู่ในวงแท๊กซี่มากกว่ารถบ้าน ปั๊มแก๊สก็น้อย วิทยาการติดแก๊ส ถูกถ่ายทอดกันเฉพาะหมู่แท๊กซี่




แต่เมื่อมาถึงยุคคอมมอนเรล
หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป
ดีเซล มีกล่อง ECU ราคาแพงกว่ากล่องเบนซิน
ดีเซล มีเทอร์โบ ราคาจากโรงงานต้นทุนเพิ่ม 1 แสนบาท
ดีเซลมีหัวฉีดที่ละเอียดขึ้น ไม่ทนต่อน้ำมันที่ไม่ดี
หลาย ๆจุดจึงทำให้ดีเซลไม่น่าใช้อีก

ในขณะที่เบนซิน 2TR-FE เป็นเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาใหม่กว่า รองรับสภาพการใช้งานในแบบฉบับรถปิคอัพทั่ว ๆ ไป ที่ต้องการความทนทาน
รองรับการใช้เชื่อเพลิงได้หลากหลายประเภทรวมถึงแก๊ส LPG NGV
ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานของเบนซินตัวนี้ต่ำกว่าใช้เครื่องดีเซลคอมมอนเรล




ประเทศที่นิยมใช้ Hilux 2.7 vvti จะเป็นตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้
นอกนั้นที่แซม ๆ เข้ามาก็เป็นยุโรปแต่จะเน้นไปที่ ดีเซลคอมมอนเรลมากกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       รถตู้เบนซิน 2.7 vvti แรงบิดเท่ากันแต่แรงม้าน้อยกว่า 160 แรงม้า
ได้ไม่เท่าปิคอัพ เพราะเป็นชุดที่ออกแบบมากับรถตู้ครับ



ในบ้านเราราคารถตู้ Commuter D4D ราคา 1,090,000 บาท
แต่ รถตู้ 2.7 VVTI Commuter ราคา 1.39-1.4 ล้านบาทโคตรอภิมหาแพง ทั้งที่จริงรถดีเซลกับเบนซิน จะมีราคาถูกกว่ากัน 1 แสนบาท เท่านั้น








ถ้าจะหารถลองขับแนะนำไปเต๊นท์รถของลองครับ
ถ้าอยู่เชียงใหม่ ติดต่อพ่อเลี้ยง Top เช่า 1 วัน
ไปสาดโค้งให้ทั่วเมืองเชียงใหม่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ขอบคุณมากๆครับ เดี๋ยวจะหาลองทดสอบปลายเท้าดู

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       เรื่องต่อจากความแรง คงจะเป็นเรื่องการติดตั้งแก๊ส
การติดตั้งใต้ cab กับ ติดตั้งแทนยางอะไหล่ ไม่ทราบว่ามีข้อดีหรือข้อเสียต่างกันอย่างไรบ้างครับ

แล้วตอนนี้ราคาทั่วๆไปของการติดตั้งแก๊ส LPG แบบหัวฉีดควรอยู่ที่ราคาประมาณเท่าไหร่ เพราะว่าติดกันน้อยมาก มีที่ไหนจัดโปรดีดีไม๊ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ราคาติดตั้งตอนนี้อยู่ประมาณ 30000 บาท + -
ติแทนยางอะไหล่ก็มีข้อดีคือไม่เสียพื้นที่แต่เสียตรงที่ต้องเอายางอะไหล่ออก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       ถังกี่ลิตรครับ ที่เหมาะสม

แสดงความคิดเห็นย่อย