คำตอบที่ 31
       เรียนท่านเวปมาสเตอร์

กระบะดัดแปลงหรือ PPV จริง ๆ แล้วในปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีแล้ว น่าจะเหลือเพียงรุ่นเดียวคือ ISUZU MU 7 กับไทยรุ่งมั้งเท่าที่เห็น
เพราะคำว่า SUV ความหมายคือ Sport utility Verhicle แปลตรง ๆ ว่ายานยนต์อเนกประสงค์
แต่คำว่าว่ายานยนต์อเนกประสงค์ กลับไม่มีนิยามว่ารถต้องมีคุณลักษณะใด ไม่นิยามว่ารถต้องเป็น 4wd รถต้องเป็น Monocog
รถในตลาดมากรุ่นจึงเรียกว่า SUV ทั้งนั้น ม่ว่าจะเป็น CRV ESCAPE VITARA FORTUNER Everest


เหตุใดจึงเรีกยว่า PPV Pick up pasenger Van หรือกระบะดัดแปลง
เป็นเพราะในอดีตประเทศไทยส่งเสริมรถเอามาดัดแปลงเพื่อส่งเสริมการจ้างงานธุรกิจรายได้ของคนไทยเพื่อให้มีความรู้ทัดเทียมกับต่างชาติ
แต่ปัจจุบันการที่บริษัทรถยนต์ลงมาเล่นตลาดนี้เอง รถจึงไม่มีความเหมือนกะบะดัดแปลงเลย
เหตุใดจึงไม่สามารถเรียกกะบะดัดแปลงได้อีกแล้ว เอาไว้มาต่อใหม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 32
       ว่าด้วยเรื่องเกียร์ Transmission
อ. มนัสได้ถามต่อในหัวข้อปัญหาเรื่องเกียร์ ที่พวกเราได้พบ


เริ่มที่เกียร์ A/T
ผมและคนอื่น ๆ พุดไปในทางเดียวกัน คือเกียร์ A/T ทั้งใน Fortuner Hilux ไม่พบปัญหาใด ๆ ในการใช้งาน แต่สิ่งที่อยากได้เพิ่มเติมคือเกียร์ A/T 5 speed ที่พัฒนาไปอีกขั้น ตรงนี้ อ.ไม่ได้ตอบตรง ๆ กับเรื่องนี้ (แต่เดี๋ยวผมมีเฉลยให้)
มีคำถามถามขึ้นมาเกี่ยวกับอายุการเปลี่ยนของน้ำมันเกียร์ เพราะในคู่มือบอกไว้ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย ว่าตรวจเช็คและเปลี่ยนตามความจำเป็น อ.มนัสได้เสริม อธิบายดังนี้ว่าน้ำมันเกียร์ A/T ต้องเปลี่ยนและต้องเปลี่ยนตามระยะเวลา ควรตรวจดูสีของน้ำมันเกียร์เป็นหลัก ถ้ามีสีที่เปลี่ยนไปต้องรีบแปลี่ยนแต่ถ้าสีเป็นสีดำคล้ำอันนี้ชุดเกียร์อาจจะเสียหายหนักก็เป็นได้ วิธีการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ถ้าเราเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ได้บ่อยหรือ Flashing ล้างระบบได้สะอาดอายุของเกียร์ A/T จะยิ่งยาวนานขึ้นจนตลอดอายุรถเลยก็ว่าได้ ทางฝ่ายเทคนิค TMT ได้ตอบว่าในเกียร์ A/T เราไม่พบปัญหาใดของเกียร์เลยถ้าลูกค้าดูแลและใช้งานอย่างถูกต้อง พวกเขาเสริมต่ออีกว่าน้ำมันเกียร์ที่ใช้คือสเปก T-IV ของ TOYOTA มาใช้เท่านั้น จะไปเอาของอื่น ๆ ยี่ห้ออื่นๆ หรือจะไปเอา Dexron II III หรือว่าชนิดอื่น ๆ มาใช้ไม่ได้เด็ดขาด เกียร์อายุสั้นพังแน่ ๆ ถ้าคู่มือระบุใช้เสปกไหนก็ต้องเป็นสเปกนั้นใช้ดีกว่าแย่กว่าไม่ได้เลย ถ้าเปลี่ยนไปใช้ของยี่ห้ออื่นก็ไม่ควรทำเพราะมาตรฐานรับรองที่กำหนดไม่เหมือนกันจึงควรใช้น้ำมันเกียร์ T-IV ของ TOYOTA เท่านั้นเกียร์จะมีอายุยืนยาวมาก

วิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ Flashing ที่อ. มนัสหมายถึงคือ จะใช้วิธีถอดท่อ Hose ที่บริเวณหม้อน้ำกับเกียร์ออกแล้วติดเครื่องยนต์ด้วยตำแหน่ง เกียร์ N แล้วปล่อยให้น้ำมันไหลออกจนหมดแล้วเติมเข้าไปใหม่ แบบนี้จะเต้องใช้น้ำมันเกียร์ T-IV ประมาณ 3 แกลลอน 12 ลิตร ราคาแกลลอนล่ะ 1200 x3 = 3600 บาท และต้องเป็น special job เพราะศูนย์ไม่ได้ทำ วิธีนี้จะทำให้เกียรื A/T มีอายุยาวนานจนตลอดอายุรถเลยก็ว่าได้ ทางช่างจะใช้วิธีเปลี่ยนถ่ายปกติใช้น้ำมันเกียร์ 3.5 ลิตร 1 แกลลอน เท่านั้น แต่สำหรับผมมองว่าถ้าเปลี่ยนวิด้วยวิธีปกติทุก 40000 โลก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถ้ารถใช้น้อยก้ให้เปลี่ยนทุก 20,000 โล การ Flashing gear โดยใช้เครื่องสร้างแรงดันในระบบเกียร์เหมือนอู่ภายนอกทำนั้นไม่ควรทำเพราะจะมีปัญหาในรถเก่า ๆ จะทำให้ซีลยาง โอริงภายในเกียร์ฉีกขาดเสื่อมอายุทำให้แรงดันมีปัญหาแล้วเกียร์จะไม่เปลี่ยนขึ้นลง 1 2 3 4

ต่อมามีการถามกันต่อเกี่ยวกับตำแหน่งเกียร์ L ในการใช้งาน อ.มนัสอธิบายเพิ่มเติมว่าตำแหน่งเกียร์ L นั้นไม่ใช่เกียร์ 1 อย่างที่เราเข้าใจกัน L คือ LOW Pressure มีการบีบอัดของชุดคลัทซ์ที่เล็กลงมากที่สุด โดยชุดคลัทซ์จะแยกกันกับตำแหน่ง 2 เกียร์ A/T ของ Hilux Fortuner จะมีตำแหน่งดังนี้ P R N D 3 2 L โดย 2 กับ L นั้นใช้ชุดคลัทซ์แยกกัน ถ้าเรามาตำแหน่ง 2 เกียร์จะเปลี่ยนที่ 1 - 2 แต่ถ้าเรามาที่ตำแหน่ง L LOW เกียร์ก็จะเพิ่มแรงทดในการฉุดลากมากขึ้นไปอีก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 33
       บรรยายกาศวันนั้น...

อาจจะมีเครียดๆกันบ้าง ออกนอกประเด็นไปบ้าง แต่ก็โอเคครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 34
       พักความเครียดมาดูเมนูอาหารกันดีก่า

มาโรงเบียร์...อาหารจานเด็ดที่ขาดไม่ได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 35
       แล้วก็ปลา..ปลาาา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 36
       ต่อด้วยน้องกุ้ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 37
       แล้วฝั่งดีเซลเค้าจะมีของเล่นอะไรใหม่ๆ ไหมครับ???

ดีเซล..เขาอยากได้แรงกว่านี้อีก... จาก : V27(northu) 14/3/2554 13:49:55 [203.150.235.242] ซึ่งดูเหมือนอาจจะพอเป็นไปได้...แต่โตโยต้าก็คำนึงถึงความปลอดภัยด้วย จาก : V27(northu) 14/3/2554 13:51:08 [203.150.235.242]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 38
       แล้วก็มีนอกเรื่องไปเรื่องน้ำมันเครื่องด้วย...เด๋วรอท่านประธานมาสรุปอีกที

น้ำมันเครื่องบางยี่ห้อที่ไม่น่าดี หรือยี่ห้อที่ว่าดีอาจไม่ได้ดีอย่างที่คิด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 39
       ว่าด้วยเรื่องเกียร์ต่อ
ผมได้ถามถึงราคาค่าซ่อมเกียร์ในศูนย์บริการคิดค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อ.มนัสตอบว่าอยู่ที่ประมาณ ไม่เกิน 80,000 บาท
(ในรถยนต์ยี่ห้อื่นรุ่นอื่น เช่น Chevrolet zafira หรือ Mitsu Lancer ก็มีราคาค่าซ่อมราว 70,000 บาท ) แต่ถ้าซ่อมอู่ภายนอกจะมีราคาไม่เกิน 20,000 กว่าบาท


ต่อมาได้พูดคุยกันต่อถึงเรื่องเกียร์ ธรรมดา M/T ปัญหาที่เจอมีอะไรบ้าง
ผมได้ตอบไปว่าปัญหาที่เจอคือ
1.คลัทซ์แข็ง มาก
2.เสียงดังเหมือนลูกปืนราวเกียร์
ทาง TMT อธิบายทีล่ะข้อด้วยเรื่องคลัทซ์แข็ง แม้กระทั่งการแก้ปัญหาของลูกค้าด้วยการออกตัวด้วยเกียร์ 2 ส่งผลปัญหาที่ตามมาอย่างมากคือผ้าคลัทซ์หวีคลัทซ์สึกหรออย่างรวดเร็ว ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นธรรมชาติของเกียร์ธรรมดาในยุคปัจจุบันที่ต้องมีการรองรับแรงบิดและแรงม้าที่เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนเสียงดังของเกียรธรรมดาพอเวลาเหยียบคลัทซ์แล้วเงียบแต่ปล่อยแล้วกลับมาดังอีกตรงนี้แก้ไม่ได้แน่นอนแต่สามารถโมดิฟายให้เสียงลดลงได้ วิธีโมดิฟายผมฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลยไม่ขออธิบาย แต่ศูนย์ไม่รับทำแน่นอน
แต่อย่างไรก็ดีทาง TOYOTA จะกลับไปปรับปรุงในส่วนนี้ให้ดีขึ้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 40
       ข้อสรุปในเรื่องเกียร์ A/T

A/T Transmission เกียร์อัตโนมัติ
1. ในระบบเกียร์ A/T ไม่ว่ารุ่นดีเซลและเบนซิน ไม่พบปัญหาใด ๆ กับการใช้งานเลย NO COMMENT จากลูกค้า เกียร์ A/T ที่มีอยู่มีความเหมาะสมกับการใช้งานอย่างมาก ทั้ง Fortuner และ Hilux

2.เกียร์ A/T 5 speed ในรุ่นดีเซล 3.0 น่าจะมาค่อนข้างแน่นอนแล้วใน Next model TMT คงฝืนกระแสอีกไม่ได้ในยุโรปที่ส่ง Hilux เข้าไปขายก็ปรับมาเป็น A/T 5 speed ไปหมดแล้วและ TOYOTA THAILAND เองก็ต้องมาเจอกับคู่แข่งที่ปรับตัวไปหมดแล้วเช่นกัน คำถามนี้สำหรับดีเซลคงไม่น่าต้องถามอะไรอีก เกียร์ A/T มีความเหมาะสมกับการใช้งานทุกประการ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้นสอดรับกับการแข่งขันของตลาด

3.เกียร์ A/T 5 speed ในรุ่นเบนซิน 2.7 ผมได้พยายามถามไปว่าทางสมาชิก 2.7 ได้ยอมรับการใช้เกียร์ A/T ค่อนข้างจะมากแล้ว มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ TMT จะนำรุ่นเกียร์ A/T กลับเข้ามาขายใน Hilux อีกครั้งนึง ตรงนี้ทางฝ่าย TOYOTA ได้ปฏิเสธมากลาย ๆ แล้ว ว่าเป็นจากการสุ่มสำรวจวิจัยทางการตลาด สัดส่วนของ M/T ในรุ่น Hilux 2.7 เบนซินลูกค้านิยมมากกว่า ตอนนี้เท่ากับว่า Hilux 2.7 เบนซินจะไม่ผลิต A/T อีก เป็นอันว่า เกียร์ A/T 5 speed ในรุ่น Hilux เบนซิน 2.7 คงจบกันไปเพียงเท่านี้

4. การยืดอายุของเกียร์ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลา หรือใช้วิธีเปลี่ยนตามที่ อ.มนัสแนะนำ เกียร์จะมีอายุยืนยาวทนทานและใช้งานได้ดีกว่าเกียร์ธรรมดา

5. ราคาค่าซ่อมเกียร์ในศูนย์ TOYOTA อยู่ที่ 80,000 บาท อุ่ภายนอก 20,000 กว่าบาท (ราคาเท่ากับยี่ห้ออื่น ๆ ในตลาดที่มีการซ่อมเกียร์กัน ไม่ถูกกว่า เพียงแต่เกียร์ของ Hilux ทนทานกว่าเกียร์ทั่ว ๆ ไป)

6. ลืมข้อนี้ไป ในส่วนของดีเซล 2.5 มีการ Request ขอให้เพิ่มเกียร์ A/T อัตโนมัติเข้ามาด้วย TOYOTA เพียงแค่รับฟังตรงนี้เอาไว้



ข้อสรุปในเรื่องเกียร์ M/T

M/T Transmission เกียร์ธรรมดา
1. ปัญหาเสียงดังของเกียร์ธรรมดา เป็นธรรมชาติแก้ไม่ได้
2.ปัญหาเรื่องคลัทซ์แข็ง แก้ไม่ได้เพราะต้องรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้น
3. TOYOTA จะปรับปรุงในส่วนของการออกตัวด้วยเกียร์ 1 ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น



ผมเพิ่มเติมในส่วนของเกียร์ A/T อัตโนมัติดังที่กล่าวไว้ตั้งแต่ครั้งแรก ๆ เสมอมา การใช้งานในยุคปัจจุบันใช้เกียร์ A/T อัตโนมัติ สำหรับรถ ปิคอัพ Hilux หรือรถตรวจการณ์ มีความเหมาะสมมากเกียร์ถูกออกแบบมาสำหรับแรงบิดและแรงม้าที่เพิ่มมากขึ้น ผสมกับความทนทานของเกียร์ที่มีมากกว่าทำให้ลงตัวกับการใช้งาน
ถ้าคุณไม่ได้นำไปใช้ในลักษณะพิเศษ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกเกียร์ M/T ธรรมดา มาใช้อีกแล้ว มันก็เปลี่ยนไปตาม ยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไป เช่นโมเครื่องยนต์ บรรทุกของหนัก 2-3 ตันทุกวันหรือเกินพิกัดของรถ หรือไปตบแต่งโมดิฟายช่วงล่างกันแบบหฤโหด

 แก้ไขเมื่อ : 14/3/2554 14:48:34

 แก้ไขเมื่อ : 14/3/2554 14:49:41

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 41
       มาต่อกันด้วยเรื่องของ เพลากลาง ที่อ.มนัส ได้ตั้งประเด็นถามพวกเรา

ผมได้ตอบว่าอาการคือเพลากลางมีปัญหาเสียงดังกึก เวลาเข้าเกียร์ ตรงจุดนี้ถ้ามีการอัดจารบีใหม่ก็หายหรือว่าดีขึ้น
ทาง ฝ่าย อ.มนัสเสริมว่าเราใช้จารบีในการอัดเข้าไปทำให้มันไม่ค่อยทนทานเพราะจารบีที่ศูนย์บริการใช้เป็นจารบีอเนกประสงค์ Muti purpose grease ถ้าเป็นสเปกของโรงงานเลยนั้นใช้ Molybdenum grease แต่ในส่วนของศูนย์บริการทุกแห่งนั้นไม่มี
ตรงจุดนี้ทางฝ่ายเทคนิค รับไปดำเนินการเพื่อจะเข้าไปปรับปรุงในส่วนของศูนย์บริการต่อไป


มาต่อกันด้วยเฟืองท้าย ซึ่งท่านได้ถามพวกเราว่ามีปัญหาอะไรกันหรือไม่
ปัญหาที่พบกันมีเคลมกันคือลูกปืนเพลาท้ายมีปัญหา จุดนี้ทาง TOYOTA ปรับปรุงมาครั้งนึงแล้วแต่หลังจากปรับปรุงก็มีปัญหาที่ลูกปืนเพลาด้านหลังแทน โดยราคาลูกปืนล้อหน้าจะมีราคาประมาณ 3000 บาท
ทางฝ่ายเทคนิคมีการปรับปรุงในส่วนลูกปืนล้อหน้ามาแล้ว แต่รถตั้งแต่ปี 2007 ขึ้นมาในส่วนของล้อหลังนั้นทางฝ่ายเทคนิคยังไม่ได้รับรายงานปัญหานี้กับลูกค้าแต่อย่างใด
มีคำถามเกี่ยวกับระยะการเปลี่ยนลูกปืนล้อหน้า ฝ่ายเทคนิคตอบว่าระยะทางประมาณ 120,000-160,000 กิโลเมตร
ส่วนราคาลูกปืนมีการขอให้ลดราคาลงมาบ้าง แต่จุดนี้เคยมีการลดราคาลงมาแล้ว
ทางฝ่ายเทคนิครับไปตรวจสอบเพิ่มขึ้น ในส่วนของลูกปืนล้อหลัง



 แก้ไขเมื่อ : 14/3/2554 19:17:33

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 42
       มาต่อกันในส่วนของระบบแอร์ใน Fortuner Hilux
ในส่วนของ Hilux ทั้งเบนซินและดีเซล มีการขอเพิ่มเติมจุดเดียวคือสวิทซ์ A/C ที่อยากให้ TOYOTA ทำมาให้ด้วยเหมือนกับตัวส่งนอก หรือว่าให้เดินสายมารอไว้ที่ปลั๊ก A/C เลยก็ได้เพื่อให้ลูกค้าไปติดตั้งเพิ่มเติมภายหลัง

ในส่วนของ Fortuner ผมพูดขึ้นมาเกี่ยวกับปัญหาระบบแอร์อัตโนมัติในรุ่น V ที่มีปัญหา เซนเซอร์ Error ทำงานไม่ตรงกับที่ผู้ใช้ต้องการทางฝ่ายเทคนิคต้องการรู้รายละเอียดจึงได้มีการช่วยกันขยายความกันต่อ คือว่าแอร์ ของ Fortuner เป็นระบบ ควาบคุมด้วย Digital แบบ Auto ถ้าใช้งานในโหมดนี้ไม่สามารถปรับความเย็นสบายได้ทั่วทั้งคันรถจะทำให้ผู้โดยสารแถว 2 รู้สึกอึดอัดมากยิ่งเป็นตอนช่วงขึ้นรถใหม่ ๆ การกระจายความเย็นทำได้ไม่ดีพอ มีการเทียบกันว่าการเปิดแอร์ในครั้งแรกระบบแอร์ในรถ Lexus จะเป่าไล่ความร้อนออกมาก่อนจากนั้นจะเร่งพัดลมทำให้ระบบทำความเย็นกระจายสู่ห้องโดยสารอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่อุณหภูมิที่ตั้งไว้พัดลมจึงค่อย ๆ ลดระดับลงมาให้ผู้โดยสารอยู่ในภาวะที่เย็นสบายตัวที่สุด แต่ว่าของ Fortuner จะตรงกันข้ามกันเซนเซอร์ไม่สามารถตอบสนองเรื่องดังกล่าวได้ ทุกวันนี้ผมต้องใช้ Manual ในการใช้งานระบบแอร์ ซื้อรถมาในราคาล้านกว่าแต่ต้องมาใช้แอร์ในระบบ Manual แทน ตรงจุดนี้ทาง TOYOTA จะรับไปแก้ไขกันใหม่ โดยถามผมว่าช่วงไหนที่ใช้งานมากที่สุด ทีแรกผมบอกไปที่ 25-28 องศาที่ผมใช้งานแอร์ เขาอยากให้ตอบเป็นตัวเลขเดียวไม่ใช่ภาพกว้าง ๆ ผมเลยตอบว่าช่วงการใช้งานแอร์เราจะปรับความเย็นไว้ที่ 25 องศา


ต่อมามีท่านนึงได้พูดถึงเรื่องการควบคุมความเย็นในรถจนทำให้เกิดฝ้าขึ้นมาสำหรับกระจกหน้าและภายใน รบกวนทัศนวิสัยในการเดินทาง ตรงจุดนี้ผมก็เสริมขึ้นมาว่าผมก็มีปัญหาเกี่ยวกับฝ้าและการไหลเวียนของอากาศภายในรถยนต์เช่นกัน แม้เราจะเปิดระบบไล่ฝ้าที่สวิทซ์ปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแล้วระบบปรับอากาศทำงานอยู่พักนึงฝ้าก็จะหายไป จากนั้นก็จะกลับมาใหม่อีก
ตรงจุดนี้ทางฝ่ายเทคนิคจะรีบไปดำเนินการแก้ไขใหม่ เพราะว่าเป็นปัยหา Safety ที่ต้องให้ความสำคัญรองลงมาจากเรื่องของกฎหมายและเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของลูกค้า

มีการ Comment ที่ตรงกันว่าแอร์ของ Fortuner ต้องการให้อัพเกรดให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้อีกโดยต้องการให้เพิ่มในส่วนของ Heater ขึ้นมาเพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในรถเพื่อแก้ปัญหาในหลายปัญหา ตรงจุดนี้มีการถามกันด้วยว่าทาง TOYOTA มีการลดต้นทุนกันหรืออย่างไรจึงไม่ใส่ Heater มาให้ด้วย ทำให้การปรับอากาศไม่คงที่ ทางฝ่ายเทคนิคในส่วนของโรงงานนั้นตอบว่าเรื่องของ Heater นอกจากเรื่องต้นทุนแล้วจริง ๆ มันมีเหตุผลมากกว่านั้นรถที่มี Heater นั้นจะถูกใช้งานในส่วน Heater ตลอดเวลา ฝ่ายเทคนิคในส่วนของโรงงานถามขึ้นมาว่าถ้ารถยนต์ถูกติดตั้ง Heater มาด้วย รถยนต์คันนั้นจะต้องกินน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น ตรงจุดนี้ลูกค้าสามารถรับกันได้หรือ ตรงจุดนี้ทางพวกเราได้ขยายความกันต่อในส่วนนี้เหมือนกันในการควบคุมอุณหภูมิภายในรถและในเรื่องการใช้งานจริงที่แอร์ ใน Fortuner ยังควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดีเพียงพอเพราะห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ การใช้งานของ Fortuner มีความหลากหลาย
เรื่องแอร์ชื่อเรื่องน่ะเย็นแต่การพูดนั้นเป็นไปอย่างเผ็ดร้อนกันทีเดียว ต้องติดตามกันต่อ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 43
       มาว่ากันต่อด้วยเรื่องแอร์ของ Fortuner

มีการเปรียบเทียบกันในระหว่างรถ Lexus Nissan almera รุ่นนี้นำเข้าจากญี่ปุ่นมี Heater ออกมาให้ด้วยการใช้งานทำได้ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงอากาศจะร้อนหรืออากาศจะหนาวสามารถควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ คนนั่งในรถจะรู้สึกสบายมากไม่ว่าเราจะปรับอุณหภูมิไว้ที่เท่าใดมันจะสั่งการให้คุมอุณหภูมิไว้ที่เท่านี้ตลอด ต่างจากระบบเดิมที่ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ถ้านั่งในรถที่มีอากาศภายนอกเย็นก็จะเกิดฝ้าที่กระจก ถ้านั่งในรถที่อากาศร้อนแอร์ก็จะเย็นแต่เย็นวูบวาบตามการตัดต่อของ Compressor แอร์เท่านั้น ถ้าอากาศหนาวไปก็ไม่สามารถใช้เครื่องปรับอากาศให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้คนนั่งในรถได้เลย เพราะต้องนั่งหนาวกันทุกคน เนื่องจากแอร์คุมอุณหภูมิไม่ได้ มีการขยายความกันเพิ่มเติมในเรื่องการควบคุมอุณหภูมิสมมุติเราตั้งไว้ที่ 25 องศา อากาศภายในจะปรับให้ได้ 25 องศาคงที่ได้โดยไม่ทำงานตามการตัดต่อของแอร์ ถ้าภายนอกมีระดับอุณหภูมิที่ 25 องศาเช่นกัน การนั่งในรถจะรู้สึกสบายและผ่อนคลายอย่างมาก
ผมได้เพิ่มต่อในหัวข้อการใช้ Heater ว่ารถผมใช้งานหลากหลายไม่ได้อยู่แต่ในเมือง อยากให้ปรับอุณหภูมิได้ดีที่สุดตลอดการใช้งานในทุกสภาวะอากาศไม่ใช่เอามือไปคอยจิ้มอย่าง Manual ทุกวันนี้หรือต้องมาคอยใส่เสื้อหนาวกันยามหน้าหนาว




ผมขยายความต่อในเรื่องนี้ซักหน่อย
คนหลาย ๆ คนจำนวนมาก มีความเข้าใจผิดกันในเรื่องแอร์ ทำไมมันต้องมี Heater อากาศในเมืองไทยมันร้อนจะตายชัก
ขยายความดังนี้ครับ คนไม่เคยอยู่แต่ในเมืองขับรถไม่เคยไปไหน หรือไม่เคยสนใจอะไรย่อมคิดเช่นนั้น

แต่ดังที่เรียนข้างต้น Heater และระบบทำความเย็นในรถมันทำให้อุณหภูมิคงที่ทุกสภาวะอากาศ จะทำให้เรารู้สึกสบายตัวอย่างที่สุดในช่วงที่อากาศร้อนหรือากาศหนาว ซึ่งรถที่ไม่มี Heater ทำไม่ได้เลย เพราะไม่สามารถควบคุมความเย็นกับความชื้นภายในรถได้ ทำให้คนนั่งโดยสารรู้สึกไม่สบายตัวในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของอากาศบ่อยครั้ง

ตัว Heater มันจะทำงานตลอดเวลา ย้ำอีกครั้งมันจะทำงานตลอดเวลาตรงจุดนี้เองทำให้รถที่มี Heater จะกินน้ำมันมากขึ้น ซึ่งทางการตลาดบ้านเราเน้นนโยบายชูจุดขายประหยัดน้ำมัน ทั้ง Hilux Fortuner ถ้า TOYOTA ออกรถที่มี Heater ออกมาจะเสียเปรียบคู่แข่งตรงจุดนี้และพวกเขาก็กลัวลูกค้ารับตรงจุดนี้ไม่ได้เช่นกันถ้ารถจะกินน้ำมันเพิ่มขึ้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 44
       ถามว่า แอร์ Fortuner Digital Auto มันห่วยหรือ......
คำตอบคือเปล่า แต่คนตอบคำถามทั้ง 2 คน ที่มีหน้าที่ตอบ ล้วนอยากได้ในสิ่งที่ตรงกันคือ รถ Suv ในระดับราคา 1 ล้านกว่าบาทอยากได้อะไรที่มันดีกว่านี้ เพราะรถในระดับ New Camry Lexus ต่างใช้ระบบแอร์ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในรถให้คงที่เช่นเดียวกับอุณหภูมิภายนอกให้ได้ สมกับระดับของรถยนต์ในเกรดเดียวกัน ลูกค้าผู้ใช้ทั้ง 2 คนอยากได้ในสิ่งนี้เพื่อตอบสนองกิจกรรมที่หลากหลายของตนเองมากยิ่งขึ้น
ลูกค้าในระดับของ Fortuner รุ่น V ต้องการอะไรที่มากกว่าเดิม

แล้วแอร์รถอื่นๆ ล่ะ มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือเปล่า
คำตอบคือ..................เปล่า..........ลูกค้าจริงๆ มันมีหลายเกรด อย่างที่บอก บางคนขึ้นรถมาเปิดพัดลมแอร์ จะใช้มือหมุนหรือปุ่มกด ขอให้ลมแรงแอร์เย็นเพียงพอ นอกนั้นกรูไม่สนเพราะกรูไม่ทราบ กรูคิดไม่เป็น กรูไม่รู้ ขอให้ในรถกรูมีแอร์ก็เพียงพอแล้ว เวลาพังอย่าซ่อมแพง เอาแค่นั้นพอ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 45
       ข้อสรุปในเรื่องแอร์แบ่งเป็นส่วนดังนี้

ส่วน Hilux
1. ทางโรงงานจะปรับปรุงเรื่องสวิทซ์แอร์ A/C น่าจะมีเพิ่มเติมให้ในโมเดลหน้า แต่เรื่องอื่น ๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะลูกค้าไม่มีใคร Comment เรื่องแอร์ของ Hilux แต่อย่างใด

ส่วน Fortuner
1. ฝ่ายเทคนิคจะรับไปแก้ไขในเรื่องการเกิดฝ้าของกระจกหน้า รวมถึงการไหลเวียนอากาศของระบบปรับอากาศภายในรถของ Fortuner อย่างเร่งด่วนที่สุดเพราะเป็นปัญหาเรื่อง Safety ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกค้า

2.ระบบแอร์ Digital Auto ในรุ่น V ของ Fortuner ทางฝ่ายเทคนิคจะรับไปปรับปรุงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าได้ดีขึ้น

3. Heater ในการนำมาใช้กับรถ New Model ใหม่ของ TOYOTA นั้น ยังไม่มีการพิจารณา
( ซึ่งเรื่องนี้คงมีการเอาไปทำวิจัยตลาดกันอีกครั้ง แต่รับรอง 100% ว่าลูกค้าไม่อยากได้เพราะไม่มีความเข้าใจอะไรเลยดังที่ผมเรียนข้างต้น )

หมายเหตุ Hilux รุ่นส่งออกนอกไปยังตะวันออกกลาง ออสเตรเลียและบางประเทศ นั้นมี Heater ติดเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถอยู่แล้ว
ดังที่สมาชิก 2.7 โชคดีบางท่านได้มีโอกาสครอบครองรถแบบนี้ไว้ในมือถือว่าโคตรโชคดีอย่างที่สุด เพราะไม่รู้ว่าไปซื้อรถ Hilux 2.7 4 doors 4wd ที่เขาตัดส่งนอกมาได้ยังไง
ในเมืองไทยรถอย่าง Camry ก็ใช้น้ำร้อนเข้ามาคุมอุณหภูมิภายในรถให้คนโดยสารนั่งสบายที่สุด โดยไม่มีการสุ่มวิจัยการตลาดแต่อย่างใด ว่าลูกค้าต้องการหรือไม่แต่ลูกค้าที่ซื้อ Camry เป็นลูกค้าอีกระดับนึงที่มีเกรดมากกว่า และลูกค้าที่ใช้ Camry ก็ไม่มีใครคิดถึงว่ารถกินน้ำมันเพราะระบบแอร์ภายในรถ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 46
       มาต่อกันด้วยเรื่องระบบเบรค
ในหัวข้อนี้มีคำถามหลายคำถามที่จะถามกับทาง TOYOTA อยู่แล้วและถ้าพูดเรื่องเบรคมาครั้งใด มักจะต่อความยาว
เริ่มแรก อ.มนัสตั้งคำถามพวกเราก่อนว่าเบรคใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงของ Fortuner ในรุ่น 320 mm. นั้นเป็นอย่างไร
ตัวนี้ผมได้แต่เฉย ๆไว้เพราะตอบเขาไม่ทัน ในส่วนของผมเบนซินเป็นรุ่นที่ปรับปรุงเบรคมาแล้วเช่นกันถือว่าดีในระดับน่าพอใจในมาตรฐานของตัวเอง แต่เบรค 320 mm อันนั้นย่อมดีกว่าแน่นอนอยู่แล้ว
มีการบอกถึงอาการปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเบรคก่อน ด้วยเรื่องของ Fortuner มีออกนอกเรื่องในการขับรถเที่ยวกันไปบ้างแต่อยู่ในเรื่องเบรคที่เป็นปัญหาคาใจโดยที่อาการของเบรคพบว่าถ้ามีการขับรถขึ้นเขาลงเขาที่ต้องมีการใช้เบรคนาน ๆ จะพบอาการเฟดเบรคทื่อขึ้นมา มาถึงตรงนี้ก็มีการเสริมขึ้นว่าอาการที่ว่านั้นคุณใช้ผ้าเบรคยี่ห้ออะไรก็เป็นหมด ทีนี้อาจารย์มนัสบอกว่าการขับขี่ทดสอบของ TOYOTA ก็เคยไปทำในช่วงการขับรถขึ้นลงเขาที่ดอยอินทนนท์ เขาค้อ ภูทับเบิก ปัญหาดังกล่าวพอรับรู้อยู่บ้าง พร้อมกับเปรียบเทียบทาง TOYOTA เคยทดสอบด้วยการขับรถลงเขาโดยการใช้เบรคอย่างเดียวลงมา จากเขา วัดเซนเซอร์ที่จานเบรคพบว่ามีอุณหภูมิสูงถึง 1000 องศา อาการที่ว่านี้จะเกิดกับรถยนต์ที่ขับผิดวิธีในการขึ้นเขาลงเขาด้วยวิธีการเลียเบรค ถ้าให้ถูกต้องคือต้องใช้ Engine Brake


ทีนี้มีการพูดกันต่อเกี่ยวกับอาการปัญหาที่พบคือเปรียบเทียบว่าเบรคถึงแม้จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นอย่างไร หรือแม้แต่การขยายจานเบรคให้มี Diameter ใหญ่ขึ้นแต่ปัญหาที่พบคือการระบายความร้อนของจานเบรคทำได้ช้าเเหมือนที่บางคนใน Fortuner เอาเบรค 340 mmมาใส่ ถ้าขับขี่ในลักษณะนี้ก็เกิดปัญหาอยู่ดีการระบายความร้อนช้าจะทำให้เบรคมีอาการทื่อในภายหลัง ตรงกันข้ามกับรุ่นแรกคือร้อนเร็วแต่ก็ระบายความร้อนเร็วตามไปด้วย มาถึงตรงนี้ทางฝ่ายเทคนิค TOYOTA จะรับไปปรังปรุงเรื่องการระบายความร้อนของจานเบรคหน้าให้ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพิ่มประสิทธิภาพการเบรค

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 47
       ต่อมาผมได้ซักถามเรื่องผ้าเบรคหลัง ที่มีการสึกไม่เท่ากันของผ้าเบรค โดยที่ระยะกางออกจะสึกมากแต่ตัวที่อยู่กับที่จะสึกน้อยมากจนเหมือนไม่สึกเลย ตรงนี้ฝ่ายเทคนิคตอบว่าเป็นอาการปกติเหมือนกันของผ้าเบรคที่เป็นดรัมหลัง จะมี CENTER ที่ไม่เท่ากันจึงไม่มีโอกาสสึกพร้อมกันเท่ากันทั้งตัว
ตรงจุดนี้ผมอธิบายเพิ่มเติมนิดนึง ให้เผื่อบางท่านไม่ทราบ ก้ามปูหลังหรือว่าดรัมหลังกรรมวิธีการผลิตผ้าเบรคจะหล่อชิ้นส่วนด้วยวิธีการฉีดอลูมิเนียม ไดคาสติ้ง Die Casting จากแม่พิมพ์ซึ่งทำมาเป็นคู่ด้าน L R ในดรัมเบรคตัวเดียวกัน แม่พิมพ์สำหรับงานแบบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คู่เดียวแต่มีหลาย Cavity ในแม่พิมพ์งานที่ออกมาใกล้เคียงกัน จากนั้นผ้าเบรคสำเร็จรูปที่ยังไม่มีการ grinding เรียกว่าLining เมื่อทำการอบผ้าเบรคแล้วก็จะมีการผ่าน กรรมวิธีทากาวให้ผ้าเบรคกับส่วนอลูมิเนียมติดกัน จากนั้นจึงนำมา Grinding โดยจับคู่กัน L R กับ Jig กรรมวิธีนี้เองทำให้ผ้าเบรค มี Diameter อยู่ใน STD. เมื่อนำไปใช้งานผ้าเบรคควรต้องจับคู่กัน แต่ปัญหาที่เจอกันก็คือการที่มันไม่ได้ center ร่วมศูนย์กันของผ้าเบรคหลังจากมีการใช้งาน เวลาทำครั้งนึงก็เป็น Lot ใหญ่ ๆ สำหรับงานแบบนี้กว่าจะได้เปลี่ยน Jig กันซักครั้งนึง


หลังจากพูดเรื่องดรัมหลังก็พูดต่อไปอีกเกี่ยวกับเรื่องการปรับเบรคหลัง ตอนนี้ศูนย์บริการหันมาปรับเบรคหลังในระยะที่ชิดมากขึ้น มีการสัพหยอกคุยกันในตอนแรกว่าระยะ clearance ของผ้าเบรคกับจานเบรค 0.6 mm. ตรงนี้การตีความหมายผิดไปหรือเปล่า หมายถึงต้องปรับเบรคหลังให้ได้ระยะห่างข้างล่ะ 0.3 เมื่อ 0.3+0.3 = 0.6 mm. พอดี แต่เข้าใจว่าของเดิมปรับที่ข้างล่ะ 0.6 เมื่อ 0.6+0.6 = 1.2 mm ทำให้เบรคทำงานไม่เต็มที่เมื่อมีใช้งานไปสักระยะนึงก็เกิดเสียงดังจากระยะห่างด้านนึงที่มากเกินไปของฝักเบรค มีการอธิบายกันต่อว่าเบรคหลังก้ามปูที่มีระยะห่างเกินไปส่งผลกับการใช้งานของเบรคมือ โดยเฉพาะเบรคมือตั้งดึงสูดที่ 60 องศาหลังการใช้งานซึ่งช่างในศูนย์ก็ยังไม่ได้ปรับตั้ง อย่างไรก็ดีช่างในศูนย์บริการต่างก็เริ่มตั้งเบรคหลังให้ชิดกันมากกว่าเดิม ผลที่ตามมาคือทำงานดีขึ้นไวขึ้นแต่บางคันจะพบปัญหาพวงมาลัยสั่นเพราะปรับเบรคหลังไม่เท่ากัน การทำงานของระบบ LSPV เมื่อมีการบรรทุกน้ำหนักมากเบรคก็จะอยู่เท้าดีมากขึ้น คนภายนอกมองกันว่าเพราะว่าเอาแรงดัน LSPV มาใช้งานมากเกินไปถ้าเอามาใช้มากเบรคหน้าจึงจับน้อยกว่า ระยะเบรคจึงยาวกว่าแต่เมื่อใดที่เราบรรทุกหนักก็จะเบรคดีกว่าเช่นกันสำหรับรถ ปิคอัพที่เน้นการบรรทุกเป็นหลัก

ผมพูดโพล่งขึ้นมาแล้วทำไม Fortuner จึงไม่ใช่ Disk brake หลัง มาด้วยซะเลยเล่า จะได้ลดปัญหานี้ไป
ตรงนี้ได้อธิบายกันต่อว่า Disk Brake มีข้อเด่นคือ จับเบรคได้ดีใช้พื้นที่ในการจับจานน้อย ระบายความร้อนได้เร็ว สามารถสลัดน้ำได้ดี แต่ว่าไม่ทนฝุ่น ทราย ส่วน Drum Brake มีพื้นที่ในการจับจานมาก ระบายความร้อนช้ากว่า แต่ว่าทนฝุ่นได้ดีมาก แต่ไม่ชอบน้ำและโคลน ทางฝ่ายเทคนิคได้ตอบว่าในเมืองไทยเขาทดสอบแล้วว่า Disk Brake หน้า Drum brake หลังเหมาะกับเมืองไทยมากที่สุด ถ้าเป็นดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อเวลาบรรทุกหนักมี ABS ก็เอาไม่อยู่สู้ดรัมเบรคไม่ได้
ตรงนี้ผมสงสัยแต่ไม่กล้าถามเลยต้องเก็บไว้ในใจ แล้วรถรุ่น Landcruiser Prado ทำไมเป็น Disk Brake หน้าหลัง รถเก๋ง[บ้านเรารุ่น TOP ก็เป็น Disk Brake หน้าหลัง แล้วมันไม่กลัวบ้างหรือ


อ.มนัสถามต่ออีกว่าเรามีปัญหาเรื่องระยะเบรคมือด้วยหรือไม่ ผมตอบว่ามีหลังจากใช้งานไปที่ระยะประมาณ 5,000 กิโลเมตร หลังการปรับตั้งเบรคก็จะพบว่าเบรคมือเริ่มมีระยะที่สูงขึ้นมากและระยะเบรคในการใช้งานก็จะยาวมากขึ้นด้วย ท่านก็ถามว่าเป็นทุกคันไหมทุกคนก้บอกว่าเป็นเหมือนกันหมดและสงสัยว่าเบรคหลังมันไม่สามารถปรับตั้งได้เองหรือไง จึงมีระยะห่างที่ออกไปมากจนเกิดเสียงดังในรถบางคัน
ตรงจุดนี้เจ้าของรถควรใส่ใจถ้าเข้าศูนย์ช่างจะถอดเบรคมาทำความสะอาดทุก 10,000 กิโลเมตร ไม่ได้เข้าศูนย์ ก็ต้องให้ช่างทำเหมือนกันและปรับระยะฟรีเบรคหลังให้มีระยะเบรคมือสูงที่ 30-40 องศา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 48
       สรุปเรื่องเบรค
ภาพโดยรวม ๆ คงเหมือนเดิม ไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรนอกเหนือจากนี้มากนัก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 49
       เรื่องอาการของช่วงล่าง
คำถามตรงนี้เป็นอีกคำถามนึงที่ทางลูกค้าอยากจะให้ทาง TOYOTA ปรับปรุง ในส่วนของช่วงล่างให้ดีขึ้น แต่ดีขึ้นแบบไหนยังไงนั้น ทางอ.มนัสก็ถามเหมือนกันว่าอยากให้ปรับปรุงยังไง แล้วอาการที่เกิดแล้วไม่ชอบนั้นคืออะไร ขอแบ่งเป็นส่วนดังนี้

ส่วนของ Hilux
ต้องการให้ปรับปรุงให้มีการเกาะถนนมากขึ้น พร้อมกับยกตัวอย่างคือการขับขี่มีอาการเลื้อย ๆ หรือท้ายส่าย เหมือนจะร่อน
ตรงนี้มีการเปรียบเทียบข้อมูลในเวปไซด์ของ Vigothailand เกี่ยวกับ Prerunner ที่มีปัญหาอาการนี้เหมือนกันโดยเฉพาะรุ่น Prerunner cab ที่ด้านท้ายเบากว่าแต่น้ำหนักด้านหน้าเทลงไปมากกว่าบางคนจึงเปลี่ยนแหนบเอารุ่น 4 ประตูมาใส่ อ.มนัสอธิบายว่าช่วงล่างเดิม ๆ กับรถคันนี้เมื่อก่อนแรงบิดกับแรงม้าของรถไม่มากเท่านี้ เคยรู้สึกไหมว่ารถมันแรงขึ้น
ตรงนี้ผมถือวิสาสะพูดไปว่า Hilux รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 2L ผมก็เจอปัญหาอาการร่อนเหมือนกัน ทั้งที่เป็นรถแรงบิดกับแรงม้าน้อยมาก พร้อมกันนี้ผู้ใช้มีการยกตัวอย่างเปรียบกับรถบางยี่ห้อขึ้น จนเกิดเป็นการเปรียบเทียบฟิลลิ่งกันขึ้นมาจนนำไปสู่ข้อสรุปของฟิลลิ่งที่ต้องการอยากได้ โดย อ.มนัสสรุปให้ฟังว่ารถปิคอัพมันออกแบบมาสำหรับการบรรทุก เมื่อมีของบรรทุกแล้วต้องใช้งานได้ดี ไม่ใช่เกิดปัญหา
1. รถปิคอัพยี่ห้อ A กับการขับขี่ พอบรรทุกแล้วเกิดอาการเลื้อย ไม่ทรงตัวอยู่กับที่ มีอาการยวบยาบ
2. รถปิคอัพยี่ห้อ B บรรทุกน้ำหนักดีมาก ๆ แต่กระด้าง กระโดดมากเวลาวิ่งตัวเปล่า แต่ก็ทรงตัวพอใช้ตอนวิ่งรถเปล่า
3. รถปิคอัพยี่ห้อ C ทรงตัวดีมาก ๆ แต่ทว่า วิ่งเฉพาะถนนเรียบจะดีกว่า
โดยข้อสรุปของฟิลลิ่งที่ต้องการ คือแบบยี่ห้อ B คือทรงตัวพอใช้ในขณะวิ่งตัวเปล่าไม่กระด้างจนเกินไป บรรทุกแล้วยังทำได้ดี

ส่วนของ Fortuner
เสนอในเรื่องของโช๊คหลังที่มีอาการยุบตัวเร็ว ดีดดิ้นมากไปหน่อย ส่วนสปริงหลังโดยรวมถือว่าทำดีอยู่แล้ว ส่วนด้านหน้ามีอาการย้วยเวลาเข้าโค้งแรง ๆ ตรงจุดนี้ อ.มนัสถามต่อว่า เอาความรู้สึกตนเองกับการใช้งานหรือเปล่า ไม่อยากให้เอาความรู้สึกที่ใช้งานในลักษณะพิเศษ ตรงนี้ก็บอกักนว่าใช่เป็นการใช้งานปกติ ผมเสริมต่อในเรื่องของอาการที่ผมพบคือถ้านั่งกันหลายคนท้ายจะห้อยมาก มีผลเรื่องการทรงตัวบ้าง ฝ่ายเทคนิคตอบว่าถ้าจะให้โช๊คซับตัวได้ดีขึ้น ความนิ่มของรถ Fortuner จะไม่มีทางนิ่มกว่านี้ได้อีกแล้ว

ข้อสรุปในส่วนนี้
1. Hilux เน้นไปที่งานบรรทุก โดยรวมน่าจะอยู่ราว ๆ นี้ไม่น่าจะมีการปรับเพิ่มเติมมากเท่าใดนัก
2. Fortuner ทางฝ่ายเทคนิคจดบันทึกข้อมูลของปัญหาโช๊คหลังเพื่อให้มีความหนืดมากขึ้น จากเดิมที่คิดกันว่ายวบยาบมากไปหน่อย ส่วนอื่น ๆ ไม่มีการแก้ไขเรื่องช่วงล่าง

แล้วทำไมพวกพี่ๆไปเปลี่ยนโช๊คข้่งนอกันอ่ะครับ จาก : luckymanth(luckymanth) 16/3/2554 21:19:46 [125.24.101.2] น่าจะบอกเค้าไปเลย ว่าเราไปเปลี่ยน mx 6 มา นิ่มกว่านุ่มกว่า เกาะกว่า จาก : luckymanth(luckymanth) 16/3/2554 21:20:44 [125.24.101.2] อ่านมาแล้วฟังดูเหมือนตอบให้ผ่านๆไปเลยครับ จาก : luckymanth(luckymanth) 16/3/2554 21:21:11 [125.24.101.2]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 50
       มาถึงเรื่องที่อยากจะทราบอยากจะรู้ ว่าด้วยเรื่อง 4wd
คำถามแรกที่ผมตั้งคำถามถามกันไป ทำไม Fortuner ที่ขายในเมืองไทยจึงไม่ใส่ Diff lock ไฟฟ้ามาให้ด้วยเหมือนกับตัวที่ส่งไปขายตะวันออกกลาง จากคำถามนี้ขยายกันไปมากมายเรื่องราวช่วงนี้ก็ยิ่งน่าสนใจติดตามไม่แพ้กัน ข้อสงสัยมากมายที่อยากรู้จะได้กระจ่างขึ้น

ภาพการใช้งาน Diff lock ไฟฟ้าของ Fortuner ที่ขายในตะวันออกกลาง
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/question.asp?id=1664

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 51
       อ.มนัส อธิบายให้ดังนี้ รถ Fortuner ที่ใช้ระบบ 4wd มีการกระจายแรงกันในระหว่างล้อทั้ง 4 ล้อ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อควบคุมการทรงตัว ในการขับขี่บนท้องถนนปกติจะแบ่งกำลังเป็นอัตราส่วน 40: 60 ยามใดที่เราวิ่งเวลาฝนตกก็จะเข้าเกียร์ HL เพื่อให้ Diff lock กลางทำงาน รถจะควบคุมแบ่งกำลังไปล้อทั้ง 4 ที่อัตราทดเท่ากัน 50 : 50 แต่ถ้าเราเจอถนนแห้ง ๆ แล้วไม่ยอมปลดล็อคจาก HL ออกมา จะเกิด Friction loss อย่างมาก รัศมีวงเลี้ยวจะยิ่งกว้างขึ้น เพลาเฟืองเกียร์หน้าก็จะร้อนจัดอาจสร้างความเสียหายได้ ยามใดที่เราเจอทางชันที่ต้องปีนป่ายข้ามอุปสรรคก็เข้ามาที่ LL เพิ่มอัตราทดในการฉุดลากออกไป อ.มนัสอธิบายเสริมต่อว่า รถ Fortuner ที่ขายในเมืองไทยจัดให้มี 4wd fulltime Diff lock ที่เพลากลางเพราะว่ามันเหมาะกับถนนเมืองไทยเป็นอย่างมาก ที่มีกรวดทรายหรือวิ่งผ่านลูกรัง ระบบ 4wd fulltime จะทำงานได้ดี รถ Fortuner 4wd fulltime จะเป็นรถที่ออกแบบไว้สำหรับวิ่งในเมืองและถนน Highways เป็นหลัก โดยสามารถเอาไว้วิ่งลุยได้เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับลุยโหด ๆ แบบทรหด หรือผ่านอุปสรรคที่ยาก ๆ


ฟังอีกทีให้ชัด ๆ ผมเขียนเรียบเรียงใหม่ตามที่ อ.มนัสและฝ่ายเทคนิคบอก รถ Fortuner 4wd fulltime ที่ขายในประเทศไทย จะเป็นรถที่ออกแบบไว้สำหรับวิ่งในเมืองและถนน Highways เป็นหลัก Diff lock ที่เพลากลางมันเหมาะกับสภาพถนนเมืองไทยที่ทดสอบแล้วว่าจะสามารถทำงานได้ดีเต็มประสิทธิภาพ กับการใช้งานบนถนนในเมืองไทย


ความเข้าใจผิด ๆ กันที่มีอยู่เดิม ๆ เกี่ยวกับซื้อรถ Fortuner 4wd ว่าไม่ได้เอาไปวิ่งลุยที่ไหน ซื้อทำไมระบบ 4wd น่าจะกระจ่างมากขึ้น
จากที่เมื่อก่อนผมเคยแนะนำให้ซื้อ Fortuner 4wd คงย้ำความมั่นใจในการซื้อได้ดียิ่งขึ้น น่าจะเคลียร์กันทุกคำตอบ
เพราะโดยส่วนตัวแล้วถ้าให้ซื้อรถประเภทนี้แล้วต้องไปเลือกซื้อขับ 2wd ผมไม่ซื้อเด็ดขาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 52
       มาต่อด้วยคำตอบของ อ.มนัส ว่าด้วยเรื่อง Diff lock ไฟฟ้าของ Fortuner ทำไมไม่ใส่มาให้เหมือนตัวส่งนอก

จารย์ท่านบอกว่าเป็นเพราะตลาดในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ในตะวันออกกลางต้องการ Fortuner ที่ต้องใช้งานแบบทรหด ๆ ผ่านอุปสรรคยาก ๆ หรือทะเลทราย ต้องการกำลังแรงฉุดมาก ๆ จำเป็นต้องใช้ Diff lock ไฟฟ้าเข้ามาช่วย

มาถึงตรงนี้คนใช้ Fortuner ดีเซลมีคำถามบ้าง เสริมมาในส่วนของ Diff lock ที่ไปติดเองกันข้างนอก
อ.มนัสอธิบายต่อแต่ทว่าเหนือชั้นกว่านั้น คือในตะวันออกลาง บางประเทศจะมี
1. Diff lock ไฟฟ้า เพลาหลัง
2. Diff lock ไฟฟ้า ที่เพลากลางแบบเดียวกับบ้านเรา แต่โทษทีเหอะใช้ไฟฟ้า มี Switch ปุ่มกดแบบภาพด้านบน คำตอบ 50 ทุกประการ เพื่อเอาไว้วิ่งทางเรียบ Highways ด้วย (พอดีไม่ได้ copy รูป swicth ตัวนี้ไว้ เคยเจอนานแระ)



โอวพระเจ้าจอร์จมันยอดมากอะไรเช่นนั้น แล้วทำไมพี่ TOYOTA THAILAND มาตัดอ๊อพชั่นของผมไปเกือบหมด
อ.มนัสยกมือปลอบใจนิด ๆ เอาน่ามันเป็นการตลาด ที่บเหมาะสมกับบ้านเรา หัวใจสลาย แปลว่ารุ่นหน้าของ SUV 1. Diff lock ไฟฟ้า เพลาหลัง 2. Diff lock ไฟฟ้า ที่เพลากลาง ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 53
       ขอมาต่อวันพรุ่งนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 54
       จากที่ผมอ่านมาตั้งแต่ต้น ทำไมผมรู้สึก แย่กับโตโยต้า มากขึ้นทุกทีทุกทีเลยคับ จากเดิมรู้สึกดีในเรื่องเครื่องยนต์ บอร์ดี้ และก้ออฟชั่นมาโดนตลอด แต่กลับไม่ยอมแก้ไขในด้านบกพร่อง หรือเป็นจุดอ่อนของเค้าเองแท้ ในบางเรื่องหลัก อย่างเช่น ช่วงล่างระบบเบรค และก้ระบบแอร์ในวีโก้

มันทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้าไม่มีเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ในวีโก้ผมคงเลือกยี่ห้ออื่นไปแล้ว อย่างเมื่อก่อนผมเคยขับดีแม็ค ตัวเพชร2มาก่อน เปรียบเทียบในเรื่องแอร์ ระบบก้ดีกว่า ช่วงล่างก้ดีกว่า เบรคก้ดีกว่า แต่ทำไมโตโยต้า ยังแฮปปี้กับอาการโครงเครงอยู๋ทุกวันนี้ด้วยหละคับ รถยี่ห้ออื่น เค้าก้บรรทุก หรือใช้งานแบบเดียวกัน ไหง ทำช่วงล่างทำเบรคออกมาได้ดีกว่า เราเป็นผู้บริโภคแท้ๆ เราแจ้งข้อด้อยให้เค้าทราบ เค้ากลับน่าจะดีใจและเอาไปแก้ไข ดูอย่างคลิปที่ต่างประเทศเค้าเทสไดร์ฟกัน วีโก้ก้ด้อยสุด จริงมั้ยหละคับ

ขอพูดเรื่องเกียร์ซักนิดละกันนะคับ ละทำไมโตโยต้าประเทศไทย ถึงไม่ผลิตทั้งเกียร์ A/T และ M/t ในรุ่น 2.7 มาให้คนไทยเป็นตัวเลือกหละคับ กับเลือกให้ เองซะงั้น และเกียร์ M/T เวลาถอยหลังก้มีเสียงดังแก๊กๆ เหมอืนกันคับ ไม่รู้เป็นอาการเดียวกับที่พูดมาหรือป่าว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 55
       ใจเย็น ๆ ครับ คุณ rap bank มันไม่ได้แย่ขนาดที่คิดกันไป
อย่างน้อย ๆ ผมอยากให้พวกเรารู้สึกดีกับ TOYOTA ที่ได้เปิดโอกาสให้พวกเราได้เข้าไปพูดคุยในครั้งนี้
รถยี่ห้ออื่น ๆ ไม่ได้เปิดโอกาสให้แบบนี้นะครับ ผมกล้าพูดได้เลยว่ามีรถหลายยี่ห้อในเมืองไทยจะไม่เอาคนที่พอมีความรู้เรื่องรถ หรือว่าทำงานเกี่ยวข้องด้านเทคนิคของสายการผลิตเข้าไปพูดคุยหรือสอบถามเกี่ยวกับปัญหารถของเขาเด็ดขาด

ผมไม่เอ่ยยี่ห้อนะครับ ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาที่ผ่านมา มีบริษัทรถยนต์ยี่ห้อนึง จะนัดสัมภาษณ์คุยกันเกี่ยวกับเรื่องรถ SUV ที่จะมาเปิดตลาดเพิ่มขึ้นอีกรุ่นนึงในไทยปลายปีนี้ เพื่อสอบถามความเห็น จากผู้ใช้ คิดดูสิครับอยากได้ข้อมูลจริง ๆ เพื่อเอาไปพัฒนาปรับปรุงแก้ไข แต่ห้ามเด็ดขาดห้ามเอาคนที่มีความรู้เรื่องรถยนต์ หรือคะเนจะพอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ห้ามเอาคนที่เป็นนักข่าว ทำงานสายการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ วิศวกร เข้ามาตอบคำถามหรือดูรถต้นแบบ คือเขาอยากได้คนมีเงินที่จะซื้อรถของเขาแต่ไม่ต้องการคนมีความรู้รถยนตืมาซื้อรถ หรือมาวิจารณ์เกี่ยวกับรถของเขา หรือผูกติดกับยี่ห้อรถ ที่จะซื้อ
บริษัทรถยนต์พวกนี้ ยอดขายมักไม่ค่อยดี หาลูกค้าใหม่ลองตลาดไปเรื่อย ๆ
เรียกว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้อง......................ด้วย ถ้าฉลาดหรือมีความรู้เรื่องรถยนต์เขาก็ไม่ต้องการน่ะครับ






สำหรับผม มองว่า TOYOTA แฟร์มาก ๆ ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้พูดคุยกันมากขนาดนี้ โดยที่ผมยังไม่เห็นบริษัทไหนทำมาก่อน การที่จะเรียกลูกค้าซัก 3-4 คนเข้ามานั่งกินข้าวเพื่อพูดคุยแก้ปัญหากันอย่างเป็นกันเองแบบนี้ โดยมีฝ่ายเทคนิค 3-4 คนเข้ามานั่งฟังและแก้ไขในส่วนที่เป็นไปได้ บริษัทรถยนต์อื่นไม่กล้าทำและไม่คิดจะทำละไม่เคยเปิดโอกาสพวกเราเลย

ตรงนี้ต้องขอชื่นชม TOYOTA อย่างมากมาย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 56
       ครั้งนี้ต้องขอบคุณผู้ประสานงานของ TOYOTA ที่ได้เลือกพวกเราเข้าเป็นตัวแทนในครั้งนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าพวกเราจะมีโอกาสแบบนี้อีกหรือไม่ ที่เขาจะเรียกเข้าไปแบบนี้ เพราะถ้าไม่มีตัวแทนท่านนี้ ผมและคนอื่น ๆ คงไม่สามารถได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวแบบนี้ได้

ครั้งนี้จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ ที่ คนทั้งหมด 4 คนที่ทาง TOYOTA เรียกไป ต่างก็พอมีความรู้ในเรื่องรถยนต์มากพอควรในแต่ล่ะท่านและแบกเอาความต้องการของผู้ใช้ไปพบกับทาง TOYOTA จริง ๆ ซึ่งต้องขอบคุณทาง TMT ที่เลือกพวกเราเข้าไปในครั้งนี้ โอกาสแบบนี้ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นกับบริษัทรถยนต์อื่น ๆ ง่าย ๆ จากที่ผมเคยเห็นมา บริษัทรถยนต์อื่น ๆ ไม่มีทางจะทำ
ลองคิดดูนะครับว่าถ้าบริษัทรถยนต์ เลือกคนทั่วไป ที่ไม่มีความรู้ในเรื่องรถเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนกับที่บริษัทหลายบริษัทกำลังทำอยู่ในเวลานี้ คำตอบที่ได้และผลที่ได้จะเป็นเหมือนทุกวันนี้แหละครับ คือมันไม่ตรงใจเท่าไหร่ หลายอย่างมันจะขัดความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก
สมมุติ เช่น

1. ถ้าถามเรื่องแอร์ เขาก็จะบอกว่าเย็นแล้วดีแล้ว เพราะเขาไม่รู้จะตอบอะไร หรือ comment อะไร มันเย็นก็ดีอยู่แล้ว

2. ระบบ 4wd fulltime ของ Fortuner เออ.....ชีวิตประจำวันอยู่แต่ในเมืองเป็นหลัก เอารถแค่เนี๊ยะ

3. Heater เอามาทำไม ไม่จำเป็น

4. ปิคอัพเบนซิน Fortuner ไม่ได้หรอก ปิคอัพต้องดีเซลเท่านั้นเดี๋ยวกำลังไม่พอ รถ4wd ต้องดีเซล เดี๋ยวขึ้นไม่ไหว

5. เกียร์ ต้องเกียร์ธรรมดา M/T เท่านั้น เดี๋ยวมันไม่สะใจ เกียร์ A/T เดี๋ยวพัง ขนของไม่ไหว


ลองฟังคำพูดของคนตอบคำถามเหล่านี้ ต่อไปพวกคุณจะรู้สึกตลก ตลก แต่เชื่อไหม คำตอบแบบนี้มันถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลทางการตลาดสำหรับรถที่มาขายในเมืองไทยจริง ๆ เพราะผมมีโอกาสฟังมาก็มาก และรถยนต์ที่ออกมามันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 57
       ผมตอบคุณ rap bank

1. เรื่องแอร์ ก่อนหน้านี้จนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ ผู้ใช้ปิคอัพ Hilux Vigo มีใครเคย comment เรื่องแอร์ไหมครับ อยากได้นั่นอยากได้นี่ หรือบอกว่าอยากให้แก้ไขตรงนั้นตรงนี้
ในเมื่อทุกคนไม่มีใคร comment จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ โอกาสที่เขาจะเอาอะไรมาใส่เพิ่มเติม คงยาก...................เพราะลูกค้าพอใจ อยู่ดีจะไปเปลี่ยนทำอะไรในสิ่งที่ลูกค้าพอใจ ผมเชื่อว่าบริษัทไหนก็ไม่มีใครกล้าทำ

2. เรื่องการบรรทุก เบรค ทาง TOYOTA เขาคำนึงถึงเรื่องการบรรทุกเป็นหลัก ถ้าบรรทุกแล้วจะเบรคได้ดี ทรงตัวได้ดีดังที่ลูกค้าขนของขึ้นดอยกันเป็นว่าเล่น แต่ยี่ห้อ A บรรทุกแล้วจะวิ่งเลื้อย ลูกค้า ไม่ชอบ ในขณะที่อีกยี่ห้อนึงงเน้นบรรทุกมากเกินไปลูกค้า TOYOTA เลยอยากได้ระหว่างกลางของ 2 ยี่ห้อนี้

3. เรื่องเกียร์ ตรงนี้เขาตอบออกมาแล้วจากข้อมูลการวิจัย ที่มีคนไปตอบคำถามกันมานั่นแหละ ก็ไปตอบกันมานี่นาว่าอยากได้เกียร์ธรรมดา เอา 4 ประตู ขับ 2wd ก็พอ ไม่อยากได้ 4wd กลัวว่าเกินความจำเป็น เขาดูแล้วว่าตลาดต้องการ Hilux 2.7 เกียร์ธรรมดามากกว่า จึงทำออกมาเฉพาะเกียร์ธรรมดา เขาบอกว่าบริษัทใหญ่จะปรับตัวอะไรต้องมีแผนล่วงหน้า เยอะเหมือนกัน แต่ตรงนี้ผมมองว่าบริษัทใหญ่ทำอะไรก็ต้องช้าเพราะยอดขายเขามากรวมหลายประเทศ จะทำอะไรรวดเร็วคงไม่ได้

ข้อ 2 ผมคิดว่าเข้าแค่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ แต่ความเป็นจริงรถกะบะในตลาด ส่วนใหญ่ทำได้ดี่กว่า b ไปแล้วนะครับ จาก : luckymanth(luckymanth) 16/3/2554 21:30:04 [125.24.101.2] เรื่องตัดเกียร์ A/T ในตัว 4 ประตูออก คงกลัวกระทบยอดขายตัวดีเซลหรือเก๋งมากกว่า เพราะ 4 ประุตูมันเน้นนั่งมากกว่าบรรทุก จาก : Aod SRT(Aod SRT) 18/3/2554 10:07:00 [61.19.67.250]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 58
       มาต่อกันด้วยเรื่อง 4wd ต่อจากเมื่อวาน เดี๋ยวจะไม่จบในวันนี้

เพราะผมจะเข้าบอร์ดอีกทีก็ สัปดาห์หน้า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 59
       ต่อเรื่อง 4wd

Hilux Vigo 3.0 4x4 ในรุ่นใหม่ที่มี VSC ทำไมจึงไม่มี Limeted มาให้ด้วยในเมื่อมันสามารถนำไปใช้ลุยทางโหดได้ดีกว่า Fortuner ต่างจากรุ่นเดิมที่ให้มา เขาถามกันว่า TOYOTA ลดต้นทุนหรืออย่างไร

ฝ่ายเทคนิคตอบว่าตรงนี้ไม่ใช่เป็นการลดต้นทุน ไม่เกี่ยวกัน
แต่ที่ไม่ได้ใส่มาให้ด้วยเพราะว่า VSC มันไม่สามารถทำงานควบคู่กับ Limited มันจะขืนกันอยู่หรือว่าขัดกันอยู่ เรียกว่าเหมือนไปคนล่ะทาง ตัว VSC พยายามควบคุมการทรงตัวการลื่นไถลของรถแต่ทว่า Limited มันล็อคเพลาทั้งหมดให้ไปด้วยกันเพื่อผ่านอุปสรรคยาก ๆ ในเมื่อล็อคเพลาไปด้วยกัน การมี VSC จึงทำงานไปด้วยกันไม่ได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 60
       ผมได้ถามคำถามที่อยากจะถามและพวกเราเฝ้ารอ
ผมได้ถามฝ่ายเทคนิคว่าอยากให้ Hilux 2.7 ทำรุ่น 4wd ออกมาขายใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ ตรงนี้ทางฝ่ายเทคนิคตอบว่าตอนแรก TOYOTA ออกรถ 4wd มาขายแล้วแต่ว่าเหลือค้างสต๊อกกันเต็มไปหมด ทาง TOYOTA ปรับตัวไปมาเรื่องสถานการณ์ราคาน้ำมันบ้านเราแต่ว่าปรับตัวตามไม่ทัน ตอนแรกลูกค้าไม่ซื้อทำให้รถยนต์ 4wd ค้างสต๊อกจำนวนมากผลิตออกมาไม่มีคนซื้อเลย ต้องเอามาขาย Fleet ( Hilux 2.7 4 doors 4wd ) น๊อตก็เลยเสริมว่าไปอยุ่ที่ รถตำรวจหมดแล้วใช่ไหม ฮา ต่อมาเมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงลูกค้าก็มีคำสั่งซื้อเข้ามาอีกจากนั้นราคาน้ำมันลดลงรถ Hilux 2.7 vvti ก็เลยเกิดสต๊อกขึ้นอีก ทางญี่ปุ่นที่เป็นผู้ส่งอะไหล่เครื่องตัวนี้มาประกอบที่โรงงาน STM อมตะชลบุรีก็ปวดหัวกับเรื่องนี้อย่างมาก ปรับตัวตามลูกค้าไม่ทันเลย จึงตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเครื่องยนต์ เบนซิน 2TR-FE 2.7 vvti ไปผลิตทิ่อินโดนิเซียแทนนับแต่บัดนั้น หลังจากช่วงนั้นไม่นาน TOYOTA ก็ทยอยปิดตัวรุ่น Hilux 2.7 A/T ออกไปด้วยหันไปเน้นรถเพื่อการพาณิชย์อย่างเดียว ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของ TOYOTA



มาถึงตรงนี้ผมไม่รู้จะทำไงต่อ ไปต่อไม่เป็นเหมือนกัน ผมเชื่อว่าทุกท่านที่รอคอยความหวังอยู่ก็คงจะผิดหวังเช่นกัน ตรงนี้ผมคิดในใจเตรียมจะโพล่งปากขึ้นมาพูดแล้ว ว่าถ้ายอดผลิตและยอดสั่งซื้อเอาเฉพาะ Hilux 2.7 4 doors 4wd เกียร์ A/T เดือนล่ะ 200 คัน ทาง TOYOTA จะพอใจไหมและสามารถกลับมาเดินหน้าผลิตต่อได้อีกหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่กล้าพูดออกไป เพราะว่าเราเองก็ไม่มีหลักประกันว่าจะสามารถทำได้อย่างนั้นจริง แล้วเขาจะมาเชื่ออะไรกับเรา อดีตคนที่เขามาตามอ่านเวป 2.7 ของเราก็ปฏิเสธการซื้อมาแล้วหลายราย ทั้งที่ผมบอกให้รีบซื้อกันเอาไว้ก่อนที่จะหมดลงไป



ช่วงเดินกลับมาที่ลานจอดรถผมได้คุยกับฝ่ายเทคนิค TOYOTA ท่านนึง ( แต่ไม่ใช่ อ.มนัส ) เพราะรายนั้นคงติดเบรคผมแน่นอน ผมแนะนำตัวเองและบอกว่าตอนนี้พวกเราที่ใช้ 2.7 เข้ามารวมตัวกันในเวปนี้เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ใช้ Hilux เบนซิน เพราะในอดีตนั้นลูกค้าไม่มีความเข้าใจเลย Hilux 2.7 เลย ก่อให้เกิดผู้ใช้ 2.7 จำนวนมาก
พวกเรามีความต้องการสั่งซื้อ Hilux 2.7 4wd อยากให้ทาง TOYOTA เอาเข้ามาขายอีกครั้งได้หรือไม่
ตรงนี้ฝ่ายเทคนิคท่านนี้ได้ตอบปฏิเสธมา กลาย กลาย เหมือนตอนแรกที่คุยกัน คือ TOYOTA คงจำบทเรียนครั้งนี้ได้ดี ในการผลิต Hilux 2.7 เบนซิน 4wd ออกมาแล้วลูกค้าที่เป็นคนไทยไม่ซื้อจึงเกิดสต๊อกรถคงค้างจำนวนมาก

แสดงความคิดเห็นย่อย