คำตอบที่ 61
       จาก toyopet
รอตั้งนาน กว่าฝนมันจะตก ณ บางแสน ตกทีคราวนี้ โคตรโหดเลย
ฟ้องด้วยภาพครับ กระจกไม่เป็นฝ้านะครับ เพราะคำถามนี้ ต้องการคำตอบ

เห็นภาพเลยครับ ขอบคุณครับ จาก : manonmoon(manonmoon) 10/3/2555 11:38:24 [125.27.57.154]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 62
       วันนี้ นัดช่างติดตั้ง มิเตอร์ หรือ เกจ ต่างๆ ไว้ตอนบ่าย 3 โมง ติดตั้งอะไรบ้าง ดังนี้
1. วัด Boost
2. Oil Temp
3. Oil Press
4. Water Temp

ยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร เดี๋ยวติดตั้งเสร็จแล้ว จะเอาภาพมาฟ้องครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 63
       รอชมครับ ............

เอามาให้ชมแล้วครับ อิอิ จาก : Oui(apilucky) 10/3/2555 18:29:55 [171.5.47.174]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 64
       รูปนี้ทุกท่านคงคุ้นเลยหน้าตากันดี สิ่งที่ผมถ่ายมานั้น มันมีความหมาย คือ อยากให้สังเกตุอุณหภูมิน้ำครับ

ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่า อุณหภูมิน้ำ ที่เกจมิเตอร์มาจากรถนั้น มันต้องสูงถึงขนาดไหน

แต่ดูจากเกจแล้ว ดูแล้วอุณหภูมิไม่สูงเท่าไหร่ใช่ไหมครับ ฟ้องด้วยภาพ

ตอนผมได้รถมา ก็เช็คที่โปรแกรม gas AG แจ้ง 110 ได้อะครับ เลยถามหา วาว์ลน้ำอะครับ(ไม่แน่ใจว่าเซนเซอรของแก๊สดีป่าว) จาก : aod_ae(aod_ae) 13/3/2555 17:55:12 [58.8.66.22] นานๆทีเข้ามาในเวป 2.7 นะพี่(แหะๆ..เล่น FB ซะเคย) จาก : aod_ae(aod_ae) 13/3/2555 17:56:12 [58.8.66.22] เซนเซอร์ ขอโปรแกรมแก๊ส AC ของผม องศาน้ำไม่เคยเกินกว่า 80 องศา ครับ จาก : Oui(apilucky) 15/3/2555 20:38:37 [223.206.114.109]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 65
       เกจวัดที่ติดตั้ง เป็นของ ยี่ห้อ Defi รุ่น Advance CR มีรูปร่างหน้าตาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ

รูปนี้ ยังไม่ได้เปิดไฟหรี่ ครับ

สามารถกำหนดค่า สูงสุด และ แจ้งเตือนด้วยเสียง หรือ ไฟสีแดงกระพริบๆ ได้ครับ

อยากให้สังเกตุ อุณหภูมิ น้ำครับ ว่าเท่าไหร่ ปาเข้าไป 90 องศา เซลเซียสครับ 555+ แต่เกจวัดหน้าปัดรถ เข็มไม่ขึ้นเท่าไหร่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 66
       ภาพจากคำตอบที่ 64 นี้ผิดปกติคร๊าบ...รถคันนี้ปกติวิ่งไม่ต่ำกว่า 140Km. ค๊าฟ



 แก้ไขเมื่อ : 10/3/2555 18:17:38

ถ้าไม่จอดถ่าย แล้วมันจะถ่ายภาพ ได้งัยเนี่ย ขับรถสองมือนะ 555+ จาก : Oui(apilucky) 10/3/2555 18:19:51 [171.5.47.174]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 67
       ภาพนี้เปิดไฟหรี่ ไฟก็จะติดสวยงาม อย่างนี้แหละครับ ฟ้องด้วยภาพ

ภาพนี้ ตั้งไฟเป็นสีขาวครับ(สามารถเปลี่ยนได้อีก 1 สี ไม่บอกว่าสีอะไร รอภาพต่อไปแล้วกันครับ) แต่ขอบเป็นสีแดง เปลี่ยนไม่ได้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 68
       อันนี้ อีกสีนึงครับ แล้วแต่ชอบนะครับ ดูดี หรูหรา มีระดับครับ

ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งทั้งหมด 4 ตัว + ค่าแรง + ค่าสายไฟ + ค่าอะแดปเตอร์เพื่อวัดน้ำ + ค่าอะแดปเตอร์เพื่อวัดแรงดันน้ำมันและอุณหภูมิ น้ำมันเครื่อง

รวมแล้วค่าเสียหายทั้งหมด 8,800 บาท ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 69
       เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เยี่ยมเลยใช่ไหมครับ ฉะนั้น ใครอยากแรง อยากจี๊ด อยากแซรด อยากออกตัวดี อยากปลายไหล รีบๆ ตามมาด่วนๆ ครับ

โปรเจคถัดไปที่จะตามมาเร็วๆนี้คือ
1.เปลี่ยนหม้อน้ำเป็น อลูมิเนียม ครับ เนื่องจากกลัว ฝาหม้อน้ำกระจาย เพราะแรงดันน้ำครับ
ฝาหม้อน้ำและตูดหม้อน้ำ เดิมๆ มันเป็นพลาสติกครับ ก็ควรๆจะระวังๆ กันทุกท่านด้วยนะครับ โดยเฉพาะถ้าใครเลขไมล์สูงๆ ควรขยันตรวจสอบครับ รอยรั่วซึมต่างๆ หรือน้ำหาย หรือน้ำขาด ควรตรวจสอบเป็นพิเศษครับ

ไม่ใช่ว่าติดเทอร์โบ แล้วมันมีปัญหา เลยต้องเปลี่ยนหม้อน้ำนะครับ ผมเพียงอยากจะบอกว่า แค่กลัวและกลัวมากกกกกครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 70
       เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เยี่ยมเลยใช่ไหมครับ ฉะนั้น ใครอยากแรง อยากจี๊ด อยากแซรด อยากออกตัวดี อยากปลายไหล รีบๆ ตามมาด่วนๆ ครับ

โปรเจคถัดไปที่จะตามมาเร็วๆนี้คือ
1.เปลี่ยนหม้อน้ำเป็น อลูมิเนียม ครับ เนื่องจากกลัว ฝาหม้อน้ำกระจาย เพราะแรงดันน้ำครับ
ฝาหม้อน้ำและตูดหม้อน้ำ เดิมๆ มันเป็นพลาสติกครับ ก็ควรๆจะระวังๆ กันทุกท่านด้วยนะครับ โดยเฉพาะถ้าใครเลขไมล์สูงๆ ควรขยันตรวจสอบครับ รอยรั่วซึมต่างๆ หรือน้ำหาย หรือน้ำขาด ควรตรวจสอบเป็นพิเศษครับ

ไม่ใช่ว่าติดเทอร์โบ แล้วมันมีปัญหา เลยต้องเปลี่ยนหม้อน้ำนะครับ ผมเพียงอยากจะบอกว่า แค่กลัวและกลัวมากกกกกครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 71
       สุดยอดจริงๆครับอุ๊ย

ยังไงก็ขับรถระวังๆนะครับ .... ของมันแร๊งงงงง มากกกกกก

ด้วยความเป็นห่วง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 72
       จาก orange mania
ขอบคุณมากๆครับ

ช่วงนี้ไม่แซรดแล้วครับ แต่ที่ผ่านมาบอกตรงๆว่าแซรดดดดจริงๆ เพราะต้องการทดสอบการวิ่ง ดูการรั่วซึมตามข้อต่อต่างๆ และจูนแก๊สให้นิ่งครับ
ต่อจากนี้ไป คงได้วัดอัตราการบริโภคแก๊สแล้วครับ

ของคุณโฝ่ง แซรดบ้าง ขับปกติบ้าง เดินทางใช้ชีวิตประจำวันบ้าง ขับทำงานบ้าง ไปโน่นนี่นั่นบ้าง เฉลี่ยอยู่ที่ 6 กม.ต่อลิตร(แก๊สนะครับ)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 73
       เรื่องอุณหภูมิน้ำหม้อน้ำนั้น ตามหลักแล้วจะขึ้นๆ ลงๆ อยู่ที่ช่วง 85-95 องศาเซลเซียสนะครับ หากรถวิ่ง จะลดลง ยิ่งหากอากาศเย็น ก็จะลดไปอีกนิดหน่อย

หากจอดไว้เฉยๆ มันก็จะขยับไปที่ประมาณ 95 องศาเซลเซียสครับ ซึ่งเป็นอุณหภูมิทำงานครับ ไม่ผิดปกติ รถไม่มีเทอร์โบก็อุณภูมิขนาดนี้

แต่เกจ์วัดที่ติดตั้งมาในไมล์ของเรา มันจะไม่เด้งขึ้นๆ ลงๆ ให้เห็นนะครับ มันจะไม่ไวเหมือนกับเราติดตั้งเอง อย่างที่พี่อุ้ยติดตั้ง แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ เพราะเกจ์วัดที่ติดตั้งในรถจริงๆ ก็เพียงพอในการใช้งาน เพราะหากความร้อนอยู่ในช่วงทำงานมันจะอยู่ในจุดกึ่งกลาง แต่หากความร้อนสูงขึ้นมากกว่าอุณหภูมิทำงานเมื่อไหร่ มันก็จะขึ้นสูงทันทีให้เราสังเกตได้ทันครับ

โดยอุณหภูมิที่ถือว่าสูงจนยันขีดแดงอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 110 องศาสเซลเซียสครับ

ขอบคุณครับโฝ่ง จาก : Oui(apilucky) 12/3/2555 18:14:19 [183.88.30.236]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 74
       ข้อควรระวังเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์ นะครับ น้ำห้ามขาดเด็ดขาด เพราะ เกจ์วัดความร้อนของเครื่องยนต์เรา รวมถึงที่ติดตั้งเข้าไปเอง เซนเซอร์จะจับอุณหภูมิที่น้ำเป็นหลัก ถ้าไม่มีน้ำ เกจ์ก็จะไม่ขยับ เครื่องยนต์เราก็พังโดยที่เราไม่รู้เลยครับ

ขอบคุณครับโฝ่ง จาก : Oui(apilucky) 12/3/2555 18:14:35 [183.88.30.236]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 75
       เย็นวันศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ขอเรียนเชิญ ณ บางแสน ใครว่างมาด่วน จัดปายครับ
มาเจอกัน มาคุยกัน มาปรึกษาหารือกัน เรื่องรถบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง มาดูความสูงของรถบ้าง ช่วงล่างบ้าง ใครไปทำอะไรมา ใส่อะไรมาเพิ่มมาแชร์กันได้ ใครมีคำถามที่อยากจะถามนอกกระดาน ก็มาถามกัน กินข้าว กินกับข้าว กินยอดข้าว ไม่ว่ากันคร้าบบบบบบ
หมายเหตุ ในการฉลองครั้งนี้
1.มีผู้สนใจ ปูเสื่อรอนั่ง 2.7VVT-i Monster 2 คัน (งานเน้ มี 2 คัน) 555+
2.มีท่านเฮียเทพ ลงมาจาก อุดรธานี ซึ่งตั้งใจลงมาอย่างแรง
3.มีนอร์ท เป็นตัวตั้ง ตัวตี ในการจัด Meeting ครั้งนี้
ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ บ้านอาจจะเล็กไปหน่อย แต่น้ำใจมีเหลือครับ
ใครใกล้จะถึงแล้วหลงทาง หรือ ใกล้ๆ ถึงโทรหาผม 086-843-8850

ตั้งในนี้เพราะตั้งกระทู้ใหม่ไม่ได้อ่า เป็นไรไม่รู้คร้าบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 76
       อยากเห็นตัวเป็นๆ จังครับ ..........

มาเลยครับ บางแสนยินดีต้อนรับ มาเมื่อไหร่ก็ได้ครับ โทรหาผมได้ตลอดครับ จาก : Oui(apilucky) 15/3/2555 20:39:35 [223.206.114.109] ขอบคุณครับ........ จาก : ya_(ya_) 3/4/2555 22:29:50 [110.169.228.130]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 77
       ผมก็ลางานไปนะครับ พอดีมีธุระเข้าไปจัดการกับศูนย์บริการ TBS เลยต้องลางานไปทำเอง
ใครมีอะไรอยากนัดเจอก็ไปได้ที่นี่ครับ
เจอกันตอนเย็น วันงาน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 78
       จาก ya
ตัวเป็นๆ ต้องมาให้เจอด้วยตัวเองครับ แล้วจะรู้ว่าอ้วนเตี้ย ดำ เป็นอย่างไร



จาก Auto
แล้วเจอกันครับ ท่านประธาน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 79
       สืบเนื่องจากเลขไมล์ของผมนั้น ปาเข้าไป 290,xxx กม.
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หม้อน้ำเดิมติดรถ ที่ฝาบนและฝาล่าง ที่เป็นพลาสติกนั้น มันยังดีอยู่ไหม แต่ที่แน่นอน คือไม่มีรั่วแน่นอน
แต่เพื่อความสบายใจ กับรถ 5 ปี และเลขไมล์ สูงๆ ผมจึงถือโอกาส เปลี่ยนหม้อน้ำแล้วกันครับ
ขอฟ้องด้วยภาพเลยละกันครับ หม้อน้ำอลูมิเนียม สั่งทำใหม่ เนื่องจากไม่มีขายตามท้องตลาด

หม้อน้ำเดิมติดรถ ไม่รู้ว่าใน ศูนย์ขายกันอยู่เท่าไหร่ แต่คาดว่าน่าจะมากกว่า 4000 บาทแน่นอน
เพราะของเทียม ข้างนอกผมเห็นขายกันอยู่ที่ 3500-3800 บาท

แต่อลูมิเนียมสั่งทำลูกนี้ จัดไปที่ราคา 6500 บาท ครับ พร้อมติดตั้ง (เอาน้ำยาหม้อน้ำไปเองนะครับ ไม่งั้นเติมน้ำเปล่ามาแน่แท้)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 80
       ขนาดที่สั่งทำ คือ เท่าของเดิมทุกอย่าง แต่ต้องการครีบ ครีบในหม้อน้ำให้ใหญ่ขึ้นครับ ผมลองถ่ายแล้ว แต่ลำบากมาก เพราะมันอยู่ด้านในมองไม่เห็นอ่า ดูด้านนอกไปพลางๆ แล้วกันครับ

หม้อน้ำสวยดีครับ ^_^" จาก : ^Top^(^Top^) 20/3/2555 1:58:58 [118.172.10.74]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 81
       ทำจากที่ไหนครับพอบอกได้เปล่าแล้วรับทำกับรุ่นอื่นๆไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 82
       จาก Rin
ทำจากร้านในเครือข่ายของร้านพนมเฮดเดอร์ที่ติดตั้งเทอร์โบมาแระครับ
รับทำทุกรุ่นครับ แต่ถ้าไม่มีแบบ เหมือน 2.7VVT-i ก้อต้องจอดรถครับ เพราะต้องถอดไปเพื่อทำแบบครับ
แบบว่าไม่ต้องโมดิฟายเลยครับ แป๊ะๆ ทุกรูน๊อตยึดเลยครับ

ถอดเปลี่ยนแล้ว ก็เอาของเก่าไปเป็นแบบให้ด้วย จาก : longloi(nhong23) 20/3/2555 16:31:10 [58.9.92.208] ด้วยความยินดีครับ จาก : Oui Smile(apilucky) 21/3/2555 16:11:18 [183.88.28.145]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 83
       สวยครับ

ขอบคุณครับ จาก : Oui Smile(apilucky) 21/3/2555 19:30:27 [223.205.29.201]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 84
       รบกวนถามคุณ OUi หน่อยครับว่า รถวิ่งมา 290xxx เนี่ยรอบเดินเบามีอาการสะอึกนิดๆ รอบเครื่องยนต์วัดได้ 650 ปกติมั๊ยครับ ของผมเป็นทั้งตอนใช้แก๊สและน้ำมัน จะสะอึกเป็นบางครั้งตอนรอบเดินเบา เปลี่ยนหัวเทียน เปลี่ยนกรอง ล้างแอร์โฟร์ ล้างปีกผีเสื้อก็ไม่หาย ผมใช้กรองเลส เหมือนกันครับ

ตอบแล้วครับ จาก : Oui Smile(apilucky) 21/3/2555 19:30:43 [223.205.29.201]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 85
       จาก pornshan คำถามนี้อธิบายยากและลำบาก ต่อการเรียบเรียงเพื่อให้เข้าใจมากเลยครับ

เรื่องของการสะอึกเนี่ย รถผมก็เป็นครับ แต่เป็นเฉพาะน้ำมัน รอบเครื่อง สวิงอยู่ประมาณ 600-700 ตลอดๆ เหมือนกัน และยังไม่ได้แก้ไข เพราะคิดว่าไม่ค่อยได้ใช้น้ำมัน ครับ
แต่มีแนวทาง ที่จะแนะนำสำหรับการแก้ไขปัญหา คือ
1.ล้างแอร์โฟร์
2.ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ
3.เปลี่ยนหัวเทียน
ซึ่ง 3 รายการข้างต้น คุณ pornshan ได้ดำเนินการแล้ว แต่ยังมีหลายรายการครับ
4.เปลี่ยนกรองเบนซิน (เคยเปลี่ยนบ้างหรือยังครับ)
5.น้ำยาล้างหัวฉีด (1 ขวด ใส่ลงถังน้ำมันเต็ม 1 ถังเลยครับ และวิ่งน้ำมันในถังนี้ให้หมดเลยครับ)
6.ถ้ายังไม่หาย ถอดหัวฉีดออกมาเช็คสภาพเลยครับ

แต่รถผม ถ้าเป็นแก๊สรอบนิ่งมาก อยู่ที่ 700 ซึ่งทีแรกแก๊สก็สะอึกเหมือนกัน
เนื่องจาก ECU แก๊ส มันจะฉีดแก๊ส เท่ากับน้ำมัน ซึ่งหัวฉีดน้ำมัน มันฉีดได้ไม่เหมือนเดิม แก๊สก็เลยเพี้ยนตามไปด้วย
แต่มีแนวทาง ที่จะแนะนำสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องแก๊สสะอึก คือ
1.เปลี่ยนกรองแก๊ส
2.ปรับจูนแก๊สเพิ่ม ดูว่าจุดไหนรอบนิ่ง ตรงนี้เพิ่มแก๊สอีกนิดเดียวเองครับ

สตาร์ทเครื่อง ที่รอบเดินเบา รถผม ค่าของหัวฉีดน้ำมัน ขณะปิดแอร์ จะอยู่ที่ 3.1ms ถ้าเพี้ยนไปจากนี้ เครื่องจะสั่นๆ สะอึกๆ ครับ
สตาร์ทเครื่อง ที่รอบเดินเบา รถผม ค่าของหัวฉีดแก๊ส ขณะปิดแอร์ จะอยู่ที่ 2.9-3.0ms ถ้าเพี้ยนไปจากนี้ เครื่องจะสั่นๆ สะอึกๆ ครับ

ขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าผมไม่ใช่ช่างเครื่องยนต์ แต่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่บอกไปนั้น มาจากการสอบถามผู้รู้ มาจากการสังเกตุจากการใช้รถ และสิ่งสำคัญยิ่งคือ ผมจูนแก๊สเอง เลยสามารถบอกค่าต่างๆได้ครับ

ขอบคุณครับ จาก : pornshan(pornshan) 22/3/2555 8:48:39 [58.8.81.47]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 86
       เอามาฟ้องด้วยภาพนะครับ ว่าครีบหม้อน้ำเดิม มันแค่ไหน ส่วนของใหม่ผมเต็มฐานครับ (ครีบเล็กมากกกกก)

ยังบางได้อีกไหมเนี่ย??? จาก : Aod SRT(Aod SRT) 26/3/2555 8:24:28 [202.12.73.193]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 87
       พอใส่เข้าไป มันก็หล่ออย่างนี้แหละครับ

เต็มๆ แน่นๆ จาก : Aod SRT(Aod SRT) 26/3/2555 8:24:52 [202.12.73.193]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 88
       สืบเนื่องจากการที่ผมได้ติดเกจ์วัดค่าต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย 1.วัดบูท 2.วัดอุณหภูมิน้ำ 3.วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง 4.วัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ขอแจ้งให้ทราบเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1.การขับขี่ อย่างปกติที่สุด เท่าที่จะทำได้ โดยขับไป-กลับ งานบวชเพื่อน ออกจากบางแสน ไปถึง สนามชัยเขต แปดริ้ว ด้วยระยะทาง 80 กว่า กม. ขับด้วยความเร็วเท่าไหร่ ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้ดู สนใจแต่ ไม่เกิน 2000 รอบ/นาที เพราะไม่ต้องการให้ เทอร์โบ มันบูท หรือ ไม่ต้องการให้ เทอร์โบ มันทำงานนั่นเอง ได้ ค่าต่างๆ ดังนี้
1.1 วัดบูท ค่าที่วัดได้ 0
1.2 วัดอุณหภูมิน้ำ ค่าที่วัดได้ 90-100 องศา หลังจากที่เปลี่ยนหม้อน้ำมาแล้ว (ก่อนหน้านี้ 100 องศาแบบเข็มไม่กระดิกเลย)
1.3 วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง ค่าที่วัดได้ เครื่องเย็นตอนสตาร์ท 6 บาร์ ยิ่งร้อน ยิ่งต่ำ เฉลี่ยๆ อยู่ประมาณ 1-2 บาร์
1.4 วัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ค่าที่วัดได้ 100-105 องศา

กรณีที่ 2 การขับขี่ อย่างโหดที่สุด เท่าที่จะทำได้ โดยขับไป-กลับ บางแสน-เซ็นทรัล บางนา ด้วยระยะทาง 70 กว่า กม. ขับด้วยความเร็วบนทางด่วนบูรพาวิถี ด้วยความเร็ว 140-190 กม./ชั่วโมง ให้มันทำงานแบบสุดๆ ได้ค่าต่างๆ ดังนี้ (ใช้ความเร็วแบบนี้จริงๆ มีเพื่อนไปพิสูนจ์ด้วย 1 คน แบบไม่กลัวตาย 555+)
2.1 วัดบูท ค่าที่วัดได้ช่วงเหยียบหนัก 5 ปอนด์ แต่ช่วงเปลี่ยนเกียร์ไหลไป 7 ปอนด์ และที่ความเร็ว 170-190 อยู่ที่ 7 ปอนด์ ตลอดๆ แบบเหยีบๆ แช่ๆ ทั้งไปและกลับ
2.2 วัดอุณหภูมิน้ำ ค่าที่วัดได้ 90-100 องศา หลังจากที่เปลี่ยนหม้อน้ำมาแล้ว (ก่อนหน้านี้ 100 องศาแบบเข็มไม่กระดิกเลย) เช่นกัน
2.3 วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง ค่าที่วัดได้ เครื่องเย็นตอนสตาร์ท 6 บาร์ เหยียบหนักแบบสุดๆ อยู่ที่ 5-6 บาร์ ที่ความเร็ว 170-190
2.4 วัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ค่าที่วัดได้ 110-120 องศา

หมายเหตุ
1.การทดสอบดังกล่าว ไม่ควรลอกเลียนแบบ ถ้าไม่มั่นใจว่าสามารถ ควบคุมรถได้ด้วยความเร็วสูง
2.การทดสอบกรณีที่ 2 ทำให้ เทอร์โบ โข่งหลังแดงวาว เมื่อเปิดฝากระโปรงดู เอาบุหรี่ไปจิ้ม บุหรี่ติดอย่างทันทีแทบลุกเป็นไฟ

ฝากไว้เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกท่านรับทราบจากการทดสอบ การใช้งานจริง อย่างโคตรโหด แบบไม่กลัวพัง ในกรณีที่ 2 เหยียบยาว และเหยียบแช่ๆ จริงๆ

ลงรูปเดิม เพื่อให้รู้ ว่าติดอะไรมาบ้าง ส่วนผล ให้อ่านเอานะครับ จาก : Oui Smile(apilucky) 25/3/2555 13:28:41 [223.207.81.98] บางแสน-สนามชัยเขต ไป-กลับ ก็ประมาณ 160 กม. : บางแสน-บางนา ไป-กลับ ก็ประมาณ 140 กม. จาก : Oui Smile(apilucky) 26/3/2555 10:00:33 [183.88.29.210]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 89
       ฝาก Article ไว้ให้อ่านเกี่ยวกับเรื่องอุณหภูมิ นะครับ (ขออนุญาต Web siamsubaru นำข้อมูลมาเผยแพร่โดยไม่ได้บอกกล่าวนะครับ)


1. มาตรวัดบูสต์ (BOOTS METER)
มาตรวัดตัวนี้จะเห็นในรถยนต์แทบทุกคันที่มีการติดตั้งเทอร์โบเข ้าไป รวมถึงรถยนต์ที่มีเทอร์โบมาจากโรงงานก็อาจจะมีตัวนี้มาให้ เนื่องจากมันเป็นตัวบ่งบอกสำคัญให้ผู้ขับขี่ทราบว่า มีแรงดันอากาศ หรือแรงบูสต์เข้ามายังเครื่องยนต์มากน้อยเพียงไร มาตรวัดตัวนี้โดยปกติบนหน้าปัด จะมีค่าตัวเลขด้านล่างขึ้นมาที่ 0 ซึ่งเป็นค่าของ แวคคั่ม หรือ แรงดันลบ และจาก 0 ขึ้นไป จะเป็นของเทอร์โบ หรือ แรงดันบวก และในส่วนของเทอร์โบนี่เองที่จะเป็นส่วนบ่งบอกว่า เทอร์โบ กำลังทำงานอยู่สำหรับการดูค่าอัตราบูสต์เทอร์โบนั้น ถ้าหากว่าเข็มบนมาตรวัดเดินช้ามาก เป็นตัวแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า เทอร์โบมีขนาดใหญ่เกินไป ส่งผลให้ไอเสียที่ไปปั่นใบเทอร์โบไม่พอ การแก้ไขก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นแคมฯ องศาสูง
รือไม่ก็เปลี่ยนจังหวะของวาล์วเป็นต้น นอกจากนี้หากบนมาตรวัดชี้ว่ามีแรงบูสต์สูงเกินไปจากที่มีการตั้ งค่าเอาไว้ ก็อาจจะสรุปได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นที่สปริงวาล์วของเวสต์เกต ที่เป็นตัวควบคุมแรงดันบูสต์ของเทอร์โบเป็นต้น สำหรับมาตรวัดอัตราการบูสต์นี้ อาจจะมีค่าการวัดไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจบ่งบอกค่าการวัดเป็น Bar (บาร์) หรือว่า psi (ปอนด์) อีกทั้งค่าสูงสุดของมาตรวัดบูสต์ ก็ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการ

2. มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ (WATER TEMP METER)
สำหรับมาตรวัดความร้อน ตามปกติในรถธรรมดาทั่วไป ก็จะมีติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
แต่ว่ารถยนต์ทั่วไปนั้นอาจไม่ได้อ่อนไหวในเรื่องของความร้อนมาก นัก ค่าแสดงให้เห็นจึงไม่ละเอียดมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะทางโรงงานตั้งใจทำมาอย่างนั้น เพื่อคนขับจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เกจความร้อนขยับสูงขึ้น นั่นหมายความว่าความร้อนขึ้นค่อนข้างมาก ทว่าถ้าเป็นในรถธรรมดา อาจจะยังไม่ก่อปัญหามากนัก ขณะที่รถยนต์ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบและมีการโมดิฟาย หรือปรับบูสต์ เรื่องปัญหาความร้อนมีความสำคัญมาก เพราะอาจหมายถึงความเสียหายที่เกิดกับเครื่องยนต์ได้เลยทีเดียว โดยปกติ เซ็นเซอร์ ที่ใช้วัดความร้อนของเครื่องยนต์จะติดตั้งอยู่ตรงท่อน้ำที่ออกจ ากเครื่อง ซึ่งอุณหภูมิโดยปกติที่เครื่องยนต์ทำงานควรจะอยู่ที่ราว 90-100 องศาเซลเซียส และควรควบคุมไม่ให้สูงขึ้นเกินไปกว่า 120 องศาเซลเซียส หากว่าอุณหภูมิยังสูงขึ้นก็พอมีวิธีแก้ไขคือ เพิ่มขนาดของหม้อน้ำให้ใหญ่ขึ้น เปิดกันชนหน้าให้ลมผ่านเข้าหม้อน้ำได้ง่ายขึ้น หรือไม่ก็เจาะสคูปดักลมบนฝากระโปรงหน้า ให้ลมเข้ามาเป่าห้องเครื่อง วิธีการเหล่านี้พอจะสามารถทำให้เครื่องยนต์เย็นได้บ้างเหมือนกั น

3. มาตรวัดรอบ (TACHO METER) RPM
สำหรับมาตรวัดรอบ ก็เหมือนกับมาตรวัดความร้อน คือรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งมาให้จากโรงงานอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่มีบางคนต้องไปติดเพิ่มอาจจะมาจากเหตุผลต่างกันไป บางคนอาจคิดว่าเป็นอุปกรณ์ตกแต่งสร้างความสวยงาม หรือความเท่ แต่กับบางคนอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ อย่างรถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายเปลี่ยนไปใช้แคมฯ องศาสูงมาก ๆ จนทำให้สามารถเร่งรอบได้มากกว่าเดิม ซึ่งวัดรอบที่มีติดมากับรถ ไม่สามารถแสดงข้อมูลได้เพียงพอ จึงต้องหาอันใหม่มาติดเข้าไป หรือในรถยนต์ที่ทำขึ้นมาสำหรับการแข่งขันควอเตอร์ไมล์ซึ่งจังหว ะการเปลี่ยนเกียร์ ถือเป็นสิ่งที่ต้องการให้ความสำคัญมาก การตัดสินแพ้ชนะอยู่ที่เวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที ดังนั้นมาตรวัดรอบที่มาพร้อมไฟเตือน จึงกลายเป็นอุปกรณ์ช่วยได้อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามการแพ้ชนะไม่ได้เพียงอุปกรณ์ที่ว่าเท่านั้น จังหวะฝีมือ สมาธิ ในการเปลี่ยนเกียร์ของผู้ขับขี่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า &n bsp;

4. มาตรวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง (OIL TEMP METER)
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง มีความสำคัญมากพอสมควร เพราะถือว่ามีผลกระทบกับเครื่องยนต์โดยตรง หากว่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องสูงเกินไป เครื่องยนต์ก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเ ครื่องที่ใช้ ซึ่งในตลาดน้ำมันเครื่องแยกเป็นหลายประเภท มีทั้งแบบทนความร้อนสูงที่อุณหภูมิสูงถึง 120 องศาเซลเซียส ส่วนบางประเภทอุณหภูมิแค่ 110 องศาเซลเซียส ก็ทนไม่ไหวกลายสภาพเป็นน้ำก็มี โดยปกติของอุณหภูมิน้ำมันเครื่องจะสูง-ต่ำ
ไปในแนวทางเดียวกับอุณหภูมิของเครื่องยนต์หรืออุณหภูมิหม้อน้ำ ซึ่งถ้าความร้อนของน้ำขึ้น อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องก็จะขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ในสภาพการใช้งานเครื่องยนต์ควรรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเค รื่องให้อยู่ในช่วง 80-110 องศาเซลเซียส ถ้าหากอุณหภูมิสูงขึ้นไปเกิน 120 องศาเซลเซียส ควรทำให้เย็นลงก่อนจึงใช้งานเครื่องยนต์ต่อไป สำหรับทางออกในการช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง รถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายมักมีการใส่ OIL COOLER เข้าไปช่วยก็ทำให้อุณหภูมิน้ำมันเครื่องไม่สูงเกินไป

5. มาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่อง (OIL PRESSURE METER)
มาตรวัดตัวนี้จะมีส่วนสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ น้ำมันเครื่อง โดยค่าที่แสดงออกมาให้เห็นจะเป็นเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานในรอบส ูงๆหรือขณะที่เครื่องยนต์ มีอุณหภูมิในการทำงาน เพราะเมื่อน้ำมันเครื่องเจอเข้ากับความร้อนสูง ๆ จะถูกหลอมให้เหลวลง และถ้าน้ำมันเครื่องเหลวมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพความหล่อลื่นก็จะลดลงการสึกหรอ จนถึงการ ระบายความร้อนก็จะลดประสิทธิภาพลงตามไปด้วย ดังนั้นการตรวจสอบตรงจุดนี้จึงมีความสำคัญ ซึ่งมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่องจะเป็นตัวบ่งบอกข้อมูลนี้ได้ โดยในการแสดงข้อมูลให้เห็นนั้น หากว่ามีแรงดูดน้อย ที่เรียกว่า "แรงดันต่ำ" จะถือว่าการหล่อลื่นไม่ดี เพราะแสดงถึงว่าน้ำมันเครื่องเหลวมาก ใช้แรงดูดน้อยก็ไหลเข้ามาแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าน้ำมันเครื่องมีความหนืดมาก แรงดูดก็ต้องใช้แรงมาก เรียกว่า "แรงดันสูง" จะสังเกตได้ว่าเวลาที่น้ำมันเครื่องยังคงเย็น มาตรวัดจะแสดงว่ามีแรงดันสูง แต่เมื่อความร้อนเพิ่มขึ้น น้ำมันเครื่องคลายความหนืดลง ความดันก็จะเริ่มต่ำลงมา สำหรับรถยนต์โดยทั่วไปในขณะวิ่ง แรงดันน้ำมันเครื่องควรอยู่ที่ประมาณ
3 - 4 kg/cm2 หรือหากสูงมากก็ไม่ควรจะเกิน 6 kg/cm2

6. มาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสีย (EX. TEMP METER)
อุณหภูมิของท่อไอเสีย หลายคนอาจจะมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับประสิทธิภาพ การทำงานของเครื่องยนต์ ทว่าในความเป็นจริงมันมีส่วนที่สัมพันธ์กับแรงดันน้ำมัน หรือการไหลของอากาศสำหรับรถที่ผ่านการโมดิฟาย นอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ ก็คือ ปริมาณการจ่ายน้ำมันเบนซิน ซึ่งปริมาณน้ำมันเบนซินจะมากจะน้อย ก็สามารถวัดได้จากมาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสียนี่เอง ซึ่งหากมีการปรับน้ำมันให้อ่อนลง จะทำให้อุณหภูมิของท่อไอเสียเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้ามน้ำมันแก่ อุณหภูมิของท่อไอเสีย ก็จะต่ำลง ดังนั้นมาตรวัดอุณหภูมิไอเสีย จึงสามารถบอกข้อมูลของรถในขณะวิ่งได้ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไป มาตรวัดอากาศไหลเข้า หรือว่ามาตรวัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ใช้บอกข้อมูลในทางเดียวกัน

7. มาตรวัดแรงดันเชื้อเพลิง (FUEL PRESSURE METER)
สำหรับมาตรวัดตัวนี้ใช้เป็นตัวเช็คแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ในขณะที่เหยียบคันเร่งแล้วน้ำมันขึ้นมาตามปริมาณที่เราออกแรงกด ลงไปบนคันเร่งหรือไม่ สำหรับคนที่ใช้รถแบบปรกติหรือใช้บนถนนทั่วไป มาตรวัดตัวนี้คงจะไม่จำเป็น อย่างไรก็ดีหากว่า ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดเกิดมีปัญหาขึ้นมา มาตรวัดที่บอกค่าของแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็สามารถเป็นตัวบอกความผิดปกติได้ วิธีดูมาตรวัดตัวนี้ จะใช้ดูค่าในขณะที่รถยนต์ติดเครื่องเดินเบาเป็นหลัก สำหรับรถยนต์ที่มีเทอร์โบติดตั้งอยู่ด้วยค่าของแรงดันนี้จะขึ้น ไปตามอัตราการบูสต์ เช่น ค่าที่วัดได้ในขณะเดินเบามีค่าเป็น 3 บาร์ แต่เมื่อเทอร์โบบูสต์ไป 1 บาร์
ค่าบนของมาตรวัดจะชี้ไปที่ 4 บาร์ ซึ่งหากว่าแรงดันนี้ตกลง นั่นหมายถึงว่าขนาดของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดที่ใช้ไม่ เพียงพอ เสียแล้ว ดังนั้นมาตรวัดตัวนี้จึงมีความจำเป็นไม่น้อยสำหรับรถยนต์เทอร์โ บ ซึ่งผู้ขับขี่ความสังเกตค่าแรงดันในขณะที่เดินเบาเป็นหลัก และสังเกตว่าแรงดันน้ำมัน นั้นขึ้นไปตามอัตราการบูสต์หรือไม่

8. มาตรวัดส่วนผสมของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง (A/F METER)
มาตรวัดตัวนี้เป็นการเช็คความสมดุลระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเ พลิง สำหรับ A/F คืออัตราส่วนระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งโดยทั่วไปอัตราส่วนตามหลักการนี้จะต้องมีค่าเท่ากับ 14 ในขณะที่เครื่องเดินเบา เลข 14 ก็จะหมายถึงอากาศ 14 ส่วน/น้ำมัน 1 ส่วน ซึ่งจะผสมอยู่ในห้องเผาไหม้สำหรับจุดระเบิด และค่านี้จะต่ำลงไปในขณะที่มีการเร่งเนื่องจากปริมาณน้ำมันเพิ่ มขึ้น และค่า A/F นี้จะสูงขึ้นในขณะที่ทำการถอนคันเร่ง โดยค่า A/F นี้จะถูกแบ่งออกเป็น "บาง" กับ "หนา" ซึ่งถ้าต้องการทำให้รถแรงขึ้น ก็ต้องปรับให้ค่า A/F ให้มีค่าที่บางลง คือการปรับให้น้ำมันน้อยลง-อากาศมากขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับในลักษณะดังกล่าว ก็มีผลทำให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ค่า A/F ไม่ควรสูงเกินกว่า 12 เพราะนั่นหมายความว่าน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยเกินไป ซึ่งในรถที่มีการโมดิฟาย ควรจะให้มีค่า A/F ขณะเร่งอยู่ในช่วง 10.5- 11.5 ก็พอ

9. แวคคั่ม มิเตอร์ (VACCUM METER)
มาตรวัด VACCUM ตัวนี้ จริง ๆ แล้วมันก็อยู่ในมาตรวัดตัวเดียวกับมาตรวัดอัตราบูสต์เทอร์โบ มาตรวัดตัวนี้จะตอบสนองกับ อัตราการเหยียบคันเร่ง ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการเช็คความสิ้นเปลืองน้ำมันได้เหมือนกัน สำหรับการดูค่าของมาตรวัดตัวนี้ต้องดูเวลา เครื่องเดินเบา ซึ่งจะดูได้จากค่าสุญญากาศ ถ้าค่าสุญญากาศนี้มีมาก ก็จะถือได้ว่าเครื่องยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่รั่วซึม แต่ถ้าค่านี้ลดลงไปมาก นั่นก็เป็นไปในทางตรงกันข้าม มาตรวัดตัวนี้จึงเป็นมาตรวัดที่อาจมีไว้เช็คสภาพของเครื่องยนต์ ได้ ทั้งนี้ในขณะเครื่องยนต์เดินเบาถ้าเข็มบนมาตรวัดนี้บอกค่าไม่ถึ ง 300 cmHg นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์มีสภาพย่ำแย่ โดยเครื่องยนต์ใหม่ ๆ ที่มีความสมบูรณ์ค่าตัวนี้จะอยู่ที่ประมาณ

หมายเหตุ
1.เพื่อเป็นความรู้ ซึ่งเค้าตอบไว้ได้ค่อนข้างดีมาก
2.แม้ว่าอาจจะไม่ใช่เครื่องยนต์ตัวเดียวกับ 2.7VVT-i แต่ค่าที่ผมวัดได้มันก็ใกล้เคียงกันเลย

ข้อมูลที่ได้มานี้ ขอบคุณคุณโฝ่ง ด้วยครับ ที่หาข้อมูลมาให้ เพราะผมก็พยายามหาอยู่เหมือนกันครับ จาก : Oui Smile(apilucky) 25/3/2555 13:39:07 [223.207.81.98] เอาไปล้านLikeเลยครับ เยี่ยมยอด ^_^ turbo ตัวที่สั่งมาเกินส่งไปเชียงใหม่เลย Ha Ha จาก : j cha(j cha) 25/3/2555 22:26:52 [58.11.108.37] ตัวที่เกิน เก็บไว้ได้ เพราะโข่งหลังผม อาจจะรั่ว เพราะเหยียบหนักจัด 555+ จาก : Oui Smile(apilucky) 25/3/2555 22:41:37 [223.207.81.98] ตั้งใจสั่งเกิน...เอ๊ย...สั่งสำรองไว้เลยเหรอ ^_^" จาก : ^Top^(^Top^) 26/3/2555 18:55:03 [101.109.11.146]   แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก oui 223.207.81.98 อาทิตย์, 25/3/2555 เวลา : 13:38  IP : 223.207.81.98

แก้ไขคำตอบ   ลบคำตอบ 30303