คำตอบที่ 1
1. เวลาขึ้นดอยด้วยกัน 2.5 VN ให้แรงบิดมากกว่ากดคันเร่งน้อยกว่า แต่ถ้าไหลยาว ๆ ที่ความเร็วสูงขึ้น อาจจะแพ้ 2.7
เพราะว่าในช่วงรอบสูงขึ้นแรงบิดเครื่อง 2.5 ดีเซลมีแต่หายกับหายลงไป จึงได้เปรียบช่วงความเร็วต้น ๆ ไม่เกิน 20-30 km/h หลังจากนั้นจะเสียเปรียบ ถ้า 2.5 ตัวนี้ใช้บรรทุกหนัก 2- 3 ตัน เป็นกระหล่ำปลีขึ้นดอยทุก ๆ วั น น่าเลือกเครื่องดีเซล
2. ถ้าติด LPG ราคา LPG ที่แม่ฮ่องสอนลิตรล่ะ 16 บาท น่ะครับ วิ่งขึ้นเขาลงเขาทุกวัน ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินก็ตกโลล่ะ 2.3 -2.5 บาท
ถ้าเป็นดีเซลวิ่งแบบเดียวกันขึ้นเขาลงเขาตกโลล่ะ 3.30 -3.75 บาท ดีเซลก็รับประทานเอาการเหมือนกัน ราคาดีเซลที่แม่ฮ่องสอน
3.ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา 2.7 ถูกกว่าชัดเจนครับถ้าคุณวิ่งแบบนี้น่ะ ใช้งาน 10 ปีขึ้นไปดีเซลคุณกลับบ้านเก่าก่อนแน่ถ้าวิ่งขึ้นลงเขาแบบนี้
2.7 เบนซินสามารถซ่อมได้บนดอยและตามหมู่บ้านไม่มีอะไรจุกจิกแค่เปลี่ยนหัวเทียนตามระยะทาง ซีลปลั๊กหัวเทียนซึมก็เปลี่ยนเอานาน ๆ ครั้งเปลี่ยนที่ศูนย์ก็ได้ไม่แพง แต่ดีเซลเห็นทีต้องออกมาซ่อมศูนย์ใหญ่เดนโซ่ ราคาแพงตามไฮโซเพราะเครื่องคอมมอนเรลแพงวิ่งใช้งานหนัก เติมน้ำมันสกปรกตามปั๊มทั่วไป อาการออกแน่นอน ทั้ง EGR TURBO จุดซ่อมที่ต้องเตรียมไว้ซ่อมถ้าเครื่องยนต์เก่า
4.จุกจิก
4.1 เบนซินเปลี่ยนแค่หัวเทียน 60 บาท 4 หัว ปลั๊กด้านบนรวมไม่เกิน 700 บาทในศูนย์ แล้วก็มีกรองเบนซินที่ 80,000 โลราคา 680 บาท มีกรองแก๊ส 400 บาท ทุก 40,000 โล
4.2 ดีเซลเปลี่ยนสายพานราวลิ้นที่ 1.5 แสนโล ราคา 5-6 พันบาท กรองดีเซล ราคาไม่ทราบทุก 10,000 โล
อัตราความเสี่ยง คือ ปั๊ม หัวฉีด SCV Valve เทอร์โบ แล้วก็เครื่องฮีท เปอร์เซ็นต์สูงมากถ้าวิ่งแบบนี้ พอพังแล้วยากจะเยียวยาค่าใช้จ่ายแพง
5.ราคาขายต่อ มันเป็นเรื่องของอนาคต 10 ปีทำนายได้ยากแต่เอาเฉพาะช่วงนี้
5.1 รถ 2.7 ทุกรุ่นที่ TOYOTA ทำออกมาในช่วงนี้ราคาขายต่อแพง มากทุกรุ่น แพงมากแพงน้อยโคตรแพงมีหมด แล้วแต่จะเลือกอย่างไหน
5.2 ดีเซลราคาหล่นวูบวาบน่ากลัว ราคาขายต่อน่ากลัวกว่าที่คิด