WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เกร็ดความรู้รถใช้แก๊ส TOYOTA 2.7 vvti 2TR-FE
Auto.
จาก Auto
IP:27.55.203.87

พุธที่ , 15/12/2553
เวลา : 22:21

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด มีบอกกันมานานแล้ว
ผมได้คุยกับแท๊กซี่ส่วนมากเป็นแท๊กซีบุคคล ซึ่งน่าเชื่อถือได้
ข้อควรปฏิบัติสำหรับรถทั่วที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับติดแก๊ส อย่างเช่น Corolla Altis Civic หรืออื่น ๆ

1 รถแบบนี้ไม่ควรใช้แก๊สเพียว ๆ ควรสลับน้ำมันบ้าง
2 ก่อนถึงบ้านสัก 5-10 กิโลเมตรควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันก่อนดับเครื่องครั้งสุดท้ายของการใช้งาน
3 ถ้าวิ่งความเร็วสูงมากกว่า 140 km/h ขึ้นไปรถแบบนี้ไม่ต้องตัดปั๊มติ๊ก และ ควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเมื่อความเร็วสูง ถ้าวิ่งทางยาว ๆ จะสลับน้ำมันเป็นครั้งคราว
4 Valve ถ้ามีการสึกหรอสูงเมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนส่วนมากพี่แท๊กซี่เหล่านี้นิยมซื้อของแท้เปลี่ยนที่ศูนย์บริการมากกว่าไปเปลี่ยนจากร้านหรืออู่ภายนอก ราคาต่อตัวผมจำไม่ได้ว่าเขาบอกเท่าไหร่แต่อยู่หลักร้อยต่อ1 ตัว มี 16 ตัว
5 ถ้าทำได้ดังนี้จะยืดอายุการใช้งานและช่วยลดการตั้งวาล์วทุก 4 หมื่นกิโลเมตรลงไปได้

อายุของเครื่องยนต์แท๊กซี่เหล่านี้จะยาวนานกว่าปกติคือสามารถไปได้เกิน 7.5 แสนกิโลเมตร ถ้าระยะปกติที่พังกันในส่วนสหกรณ์แท๊กซี่ 5-7 แสนกิโลเมตร




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 13 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

คำตอบที่ 361
      
เมื่อ 2 วันก่อนรับโทรศัพท์จากสมาชิกท่านนึง ที่เคยคุยด้วยกันมานานปัจจบันเขาไปทำงานเป็นพนักงานรับรถโชว์รูมรถยนต์ MITSUBISHI ที่ต่างจังหวัด รถ MITSU TRITON 2.4 เบนซินในต่างจังหวัดขายดีมากคนซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูกกว่า Hilux 2.7
แต่ว่าค่าบริการ Mitsu แพงมากเปิดมาดูลิสต์ค่าอะไหล่ค่าแรงถือว่าแพงกว่า Hilux 2.7 มาก อย่างเช่น 1 แสนกิโลเมตร เปลี่ยนสายพานราวลิ้นค่าใช้จ่าย 8,000 บาท ในขณะที่ 2.7 ไม่ต้องทำอะไรเลย หรืออาจต้องมีเปลี่ยนชุดหล่อเย็นค่าอะไหล่ประมาณ 3000 บาท ซึ่ง Mitsu ก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน ดีเซลก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกันเพียงแต่ไม่ยอมเปลี่ยนกันรอให้รั่วก่อน MITSU ยังคงชื่อเสียงอะไหล่แพงค่าแรงแพงกว่า TOYOTA ต่อไปอีก คิดดูแล้วกัน Hilux 2.7 4wd ค่าบริการถูกกว่า Mitsu Triton 2wd เออเอาสิ (ถ้ารู้จักซื้ออะไหล่ )
อีกอย่างนึงผมดูในเวปนึงเรื่องค่าเช่ารถ Fleet สำหรับบริษัทนำไปใช้ อย่าง Mitsu Pajero sport รุ่น 2.5 เกรดปกติ 2wd ค่าเช่าต่อเดือน 25,000 บาท ค่าเช่าแพงพอกับ Fortuner ทั้งที่ตอนซื้อรถราคาถูกกว่า เพราะปาเจโร่สปอร์ตซื้อไม่ถึง 1 ล้าน โดยบริษัทให้เหตุผลว่า Mitsu รุ่นนี้อะไหล่แพง ค่าดูแลแพงมากในศูนย์บริการ เอาไปขายต่อเมื่อปลดระวางแล้วราคาก็ตกมาก ค่าเช่าจึงแพงถ้าเทียบกับรถตลาด ไม่รู้ว่า Pajero sport V6 3.0 ค่าดูแลจะแพงขนาดไหน ทั้งที่เป็นรถ 2wd แท้ ๆ เท่ากับว่า Mitsu Thailand เองก็ยังแก้ภาพพจน์ราคาอะไหล่และการบริการแพงกว่า TOYOTA ไม่ได้


อ่านแล้วจะรู้สึกรัก 2.7 ขึ้นมาอีก เพราะค่าบริการค่าดูแลค่าเซอร์วิสนับว่ายังถูกกว่าคู่แข่งพอสมควรแล้วก็ยังถูกกว่าเครื่องดีเซลคอมมอนเรลอีกเยอะ ถึงแม้จะขับ 2.7 รุ่นโฟร์วีลขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ค่าดูแลดันถูกกว่ารถค่ายอื่นที่เป็น 2wd ใครที่ใช้ Toyota 4wd แล้วเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นอาจคิดถึงเรื่องที่ผมเขียนในวันนี้ก็ได้




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 13/12/2555 เวลา : 18:16  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33222

คำตอบที่ 362
       รถผมมีปัญหาไฟ Engine โชว์ ไม่กระพริบนะครับ แต่ว่าติดค้างตลอดเลย
- ลองถอดแบตดู 20 นาที ปรากฎว่าวิ่งไป 2 วัน ก็โชว์อีก
- เอาเข้าอู่อาจารย์รุ่งวัฒนา ปากน้ำหัวไทร อาจารย์เช็ค CODE ให้บอกว่ามันแสดงผลว่า เซนเซอร์หน้าแคตตาไลติคตัวแรกเสีย
- อาจารย์รุ่ง ลบ CODE ให้ก่อน วิ่ง 2 วันก็ไฟโชว์อีก
- ครั้งที่ 3 ซื้ออะไหล่เพราะยังไงเซนเซอร์ก็เสียแน่นอน ราคาอะไหล่ 6200 บาท ถ้าเป็นเซนเซอร์หลังแคต 4xxx บาท
เรื่องนี้ก็คงโทษแก๊สเพราะไม่มีจุดให้โทษแล้ว
ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่าพอซื้อมาแล้ว เป็นปัญหาล่ะ เนื่องจากอะไหล่ที่ซื้อมานั้นเป็นของรถ Hilux 2.7 4wd พอดีถอดอะไหล่ออกมาปรากฎว่ารูปร่างไม่เหมือนกัน part no. ต่างกัน อาจารย์รุ่งสั่งอะไหล่ของเก่าและของใหม่มาให้ปรากฎว่าไม่เหมือนกันอีก จึงเป็นที่มาของการไขปริศนาความแตกต่างของ อะไหล่และคงมีอีกหลายเรื่องที่เราคงไม่ทราบ

ถ้าเป็นรถ 1. Fortuner 2.7 4wd part no. xxxx- 02010
2. Hilux 2.7 4wd part no. xxxx- 02070 สายไฟเหมือนกันแต่คนละรูปร่าง
3. Hilux 2.7 2wd เกียร์ธรรมดา part no. xxxx- xxxx ใช้คนล่ะแบบสายไฟคนล่ะสี
4.ถ้าเป็นรถตู้ commuter 2.7 part no. xxxx- xxxx ใช้คนล่ะแบบสายไฟคนล่ะสี
ชื่อเต็มของ Part นี้คือ Sensor Air fuel แต่ถ้าเป็นตัวหลังแคตจะชื่อ O2 SENSOR หน้าที่คนล่ะอย่างกัน
ตัวนี้อ่านค่า ratio อากาศน้ำมัน การวิ่งจะปกติมากไม่มีผลอะไรเลยสำหรับไฟโชว์ แต่จะกินแก๊สมากถึงโลล่ะ 3 บาท เพราะการอ่านค่าจะผิดไปเนื่องจากผิดเพี้ยนในการวัดค่าและ ไฟโชว์จะเข้า SAVE MODE ของ กล่อง ECU อะไหล่ก็รอเบิกใหม่อีกครั้ง
ใครจะซื้ออะไหล่ก็คงต้องเช็คกับศูนย์ให้ดีเรื่อง Part no. และรุ่นของรถรหัสตัวถังสำคัญมาก เพราะเครื่องยนต์เดียวกันก็ไม่สามารถใช้ด้วยกันได้ กล่อง ECU คนล่ะแบบสั่งการต่างกัน
ใครไปอู่อาจารย์รุ่งดีหน่อยมีอะไหล่ให้เลือกเพียบ แต่ดันไม่ตรงกับของเราซะอีก และนั่นอาจเป็นคำตอบให้เรารู้ว่ารถยนต์ในแต่ล่ะรุ่นไม่มีทางเหมือนกันเพราะรถยนต์เดี๋ยวนี้ใช้อิเล็กทรอนิกส์มากไม่เหมือนสมัยก่อน ที่รถยนต์ใช้กลไกเกือบหมด การสั่งการการเรียกแรงม้าพละกำลังมาใช้งานความประหยัดจึงมีส่วนสำคัญมากกับอิเล็กทรอนิคในยุคนี้
รถ Hilux ที่ผมบอกในกระทู้ก่อนหน้านี้ ดีเซลเวอร์ชั่นปี 2012 รถขับเคลื่อน 4 ล้อโฟร์วีล 3.0 ประหยัดน้ำมันกว่ารถดีเซลคอมมอนเรลยุคเก่าที่ ขับ 2wd รถ Hilux เครื่องยนต์เดียวกัน แต่ต่างกันที่เกียร์ AT MT และรุ่น 4wd 2wd การใช้งานต่างกันประสิทธิภาพที่แสดงออกมาต่างกัน แต่การกินน้ำมันออกมาเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน วันนี้ให้ผมเลือกรถปิคอัพมาใช้งานอีกก็คงเลือกตัวเต็ม Hilux AT 4wd เกียร์ออโตขับเคลื่อน 4 ล้อ เพราะรู้ว่าประสิทธิภาพต่างกันดังข้างต้นและอะไหล่ก็ต่างกันจริงแม้จะใช้เครื่องยนต์เดียวกัน การหาอะไหล่ในระยะยาวจะได้ยากง่ายต่างกัน

รถตอนนี้รอไปซ่อมกับอาจารย์รุ่งวันเสาร์ 29 /12/12 รอเปลี่ยนอะไหล่ใหม่อีกครั้ง อะไหล่ตัวนี้ Made in Japan นะครับ มาจาก Denso japan ราคาอะไหล่เท่ากันหมดทุกรุ่น ไม่ว่าขับ 4wd 2wd รถตู้ แต่ part no.ไม่เหมือนกัน
ส่วนการกินแก๊สโหดโลล่ะ 3 บาท ถ้าคิดในแง่ + บวกกับชีวิต กินแก๊สมากขนาดนี้พอพอกับใช้ปิคอัพดีเซลเลย พูดตามตรงมีความสุขอยู่ครับแย่ที่สุดของเรายังเท่ากับใช้ปิคอัพดีเซลรุ่นเก่า คิดแล้วทำใจลำบากเหมือนกันถ้าจะให้กลับไปขับรถดีเซล ในเวลานี้คงทำใจไม่ได้ ใช้แก๊สซะเคยตัว



รอติดตามผลครับ ของผมเป็นเหมือนกัน hilux 4wd cab แต่เป็นแล้ว ขับสักพัก หายเองครับ จูนมาหลายที่
จาก : wut-1976(wut-1976) 24/12/2555 18:08:40 [124.120.61.196]
ครั้งสุดท้าย จูนกับอาจารย์รุ่ง ยังไม่หายครับ อาจารย์บอกต้องให้ไฟโชว์ค่อยวิ่งไปเช็คอีก
จาก : wut-1976(wut-1976) 24/12/2555 18:14:09 [124.120.61.196]
กินแก๊ส 2.2-2.5/โล ครับ
จาก : wut-1976(wut-1976) 24/12/2555 18:15:40 [124.120.61.196]
คุณวุธลองตรวจสอบแบตดูครับ ผมเคยเป็นเหมือนกัน ตอนนั้นแบตเริ่มเสื่อม พอเปลี่ยนแบตไฟที่เคยโชว์ก็หายครับ
จาก : นายกัน(noom4w) 25/12/2555 9:51:22 [203.154.225.41]
อาการของผมไฟโชว์หลังจากสตาร์ท พักใหญ่ ๆ กว่าจะดับ วิ่ง ๆ ไปสักพักไฟก็กลับมาโชว์อีกแล้วก็ดับ แต่รถปกติทุกอย่างครับ
จาก : นายกัน(noom4w) 25/12/2555 9:52:31 [203.154.225.41]
ขอบคุณครับ
จาก : wut-1976(wut-1976) 25/12/2555 11:00:10 [171.6.224.173]
ความรู้ใหม่จริง ๆ เสียดายของผมมันฟ้องว่าเป็นเซนเซอร์เสียไปแล้วต้องเสียตังค์แน่นอน
จาก : Auto.(Auto.) 25/12/2555 20:41:14 [115.87.95.52]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 24/12/2555 เวลา : 10:53  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33331

คำตอบที่ 363
       จาก wut-1976(wut-1976)

อาการเป็น ๆ หาย ๆ แก้ยากเพราะหาสาเหตุไม่เจอ ตอนไปหาช่างมันหาย ช่างไม่รู้จะทำอย่างไร แต่อยู่กับเราเป็นอาการนี้ จะเซ็งจิต
ของคุณ wut-1976 ถ้าเสียแบบผม ไปหาอาจารย์รุ่งให้เบิกอะไหล่จากร้านให้เลย อย่าไปเบิกเองนะครับมันมีหลายรุ่นเหลือเกิน ( อาจผิดรุ่น แบบผมได้) ให้ช่างถอดมาก่อนแล้วเทียบเบอร์ให้ตรงกับร้านอะไหล่ จารย์รุ่งเขาสั่งได้ของมีครับ แล้วแต่ช่วงเวลา (แต่ของผมดันไม่มีซะงั้น )


ของผมโชคดีหน่อยครับ ไฟโชว์ตลอดไม่มีการหาย ทำให้ชัวร์มากในการเช็คมั่นใจว่าเจอสาเหตุแล้วและเราได้ลองถอดแบตเตอรี่รีเซท ECU แล้วหายไป 2 วันก็กลับมาเป็นอีก ตอนไปหาอาจารย์รุ่งนั้น เช็ค OBD มันฟ้องชัดเจนเลยว่าเป็น Sensor ตัวแรก Sensor Air fuel แต่อยากลองวิธีง่ายสุดก่อน แต่เมื่อลบ Code แล้วก็หายไป 2 วันเป็นอาการเดิมอีก ก็มั่นใจว่าตัวนี้เสียแน่นอนต้องเสียเงินล่ะ
ทีแรกผมคิดว่าของที่เบิกมาอาจจะคืนไม่ได้ ว่าจะให้อาจารย์รุ่งลองใส่ไปก่อน พอดีของสามารถคืนได้ อาจารย์รุ่งก็ไม่กล้าใส่เนื่องจากตอนนี้เห็นแล้วว่าเครื่อง 2.7 มันใช้อะไหล่แยกกันหลายตัวมากไม่อยากเสี่ยง เพราะอะไหล่ใช้ทดแทนกันไม่ได้ในหลายตัว ก็เลยให้รอมาซ่อมเสาร์หน้า
เป็นประสบการณ์ให้รู้น่ะครับ ว่ารถน่ะยังไงก็ไม่เหมือนกัน


Honda Civic 2.0 ปี 2012 ประหยัดน้ำมันกว่า Civic 1.8 รุ่นแรก (อันนี้นายทะเบียน V27 เขาบอกมา)
ISUZU All new D-Max แรงม้ามากกว่าเดิม แต่ประหยัดน้ำมันมากกว่ารุ่นเดิม แถมรุ่นเกียร์ AT 5 speed ประหยัดน้ำมันมากกว่าเกียร์ธรรมดาตามคู่มือภาษาอังกฤษ ลูกค้า ISUZU ยอมรับตรงจุดนี้
Hilux Vigo champ 3.0 4wd ประหยัดน้ำมันมากกว่าดีเซลคอมมอนเรลรุ่นเดิม เสียงเงียบกว่า เบรคดีกว่าเดิมด้วยทั้งที่ใช้จานเบรค 290 mm ตัวเดิม แถมประหยัดกว่า ISUZU 2.5 Hilander 2wd , Mitsu Triton 2.5 plus2wd รุ่นก่อนหน้าปี 2012

โลกมันเปลี่ยนตามยุคสมัยจริง ๆ ของใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ดีกว่าและพัฒนามากขึ้นกว่าตัวเก่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 24/12/2555 เวลา : 19:55  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33333

คำตอบที่ 364
       วันนี้ไปรับอะไหล่มาเรียบร้อยแล้วครับเป็น part ที่ตรงรุ่นกับเราจริง ๆ part no.และขนาดรูปร่างตรงกันหมด วันเสาร์จะไปเปลี่ยนที่อู่อาจารย์รุ่ง

ราคา Sensor Air fuel ขอแก้ไขราคา Part ชุดนี้ทั้งหมดด้วย
1..... Fortuner 2.7 4x4 ราคา 5800 บาท สายออก 4 เส้น สายสีดำ 2 เส้น สีขาว 1 เส้น สีน้ำเงิน 1 เส้น part no. 89467-71010

2......Hilux 2.7 4x4 ราคา 6200 บาท สายสีดำ 2 เส้น สีขาว 1 เส้น สีน้ำเงิน 1 เส้น part no. 89467-71070
3........รถตู้ Commuter เกียร์ธรรมดา ราคาเกิน 6500 up แพงที่สุดในกลุ่ม part no. 89467-xxxx สายออก 4 เส้น คนล่ะสี ใช้ปลั๊ก Connector คนล่ะแบบ ถ้าเบิกจากร้านอะไหล่ที่มีส่วนลดมากกว่าแถวร้านจากวรจักรราคายังแตะ 5 พันปลาย ๆ
4......... รถ Hilux 2.7 เกียร์ธรรมดาขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาศูนย์แตะเกิน 6xxx กว่าเช่นกัน ถ้าเบิกจากร้านอะไหล่ที่มีส่วนลดมากกว่าแถวร้านจากวรจักรราคายังแตะ 5 พันปลาย ๆ เหมือนกัน
5..........Hilux 2.7 เกียร์ออโตขับเคลื่อน 2 ล้อ ไม่ได้เช็คมา ?

ราคาใกล้กันทุกรุ่นสำหรับอะไหล่ ไม่ถึงกับเท่ากันจากตอนแรกที่ผมเบิกมาราคา 6200 บาท ได้คืนเงินส่วนต่างมาอีก 400 บาท เพราะของ Fortuner 2.7 4wd ถูกกว่า Hilux 4wd ส่วนรถ 2.7 รุ่นอื่นที่แพงน่าจะเกี่ยวกับการสต๊อกอะไหล่ในรถรุ่นหลังของ TOYOTA โดยเฉพาะรถตู้ 2.7 Commuter ที่ เป็นเกียร์ธรรมดา บริษัท TOYOTA ไม่ได้นำเข้ารถรุ่นนี้เองและอะไหล่ตัวนี้ก็มาจาก Denso japan เหมือนกันหมดประกอบกับไวริ่งและการใช้ part คนล่ะตัวทำให้ราคาอะไหล่แพงกระโดดไปมากกว่ารุ่นอื่น รวมถึง Hilux 2.7 เกียร์ธรรมดารุ่นหลังที่ไวริ่งต่างออกไป part ก็ต่างออกไปอีก อะไหล่จึงแพงกว่ารุ่นเดิม อะไหล่ชุดนี้รถ 4wd ราคาจะถูกกว่ารถ 2wd แต่ไม่ถึงกับต่างกันมาก แต่ว่าถ้าเป็นรถตู้ 2.7 เกียร์ธรรมดาจะแพงกว่ากันมาก Part ทั้งหมดเวลาเบิกต้องถอดไปเทียบหรือไม่ก็ต้องเอารหัสตัวถังไปเบิกกับศูนย์ห้ามใช้ความจำจด Part no. ไปเพราะใช้อะไหล่ไม่เหมือนกันถ้าเบิกผิดจะคืนของไม่ได้เพราะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าจะคืนของยาก


จอด Fortuner ไว้บ้านไฟโชว์เลยไม่กล้าใช้ต่อ วันนี้ขับ Hilux 2.7 cab 4wd ไปรับอะไหล่ที่บ้านโป้ง เจอรถ Hilux 2.7 จอดอยู่หน้าบ้านทีแรกสงสัยอยู่ว่าเป็นของสมาชิกคนไหนมาเยี่ยมเยียนตรงกันหรือปล่า แต่ดูกันชนหลังไม่น่าใช่เพราะว่าสมาชิกกลุ่มเราที่ผมเคยเห็นไม่มีใครใช้กันชนเหล็ก PSK บ้านโป่งราชบุรีสักราย โป้งบอกว่าเป็นเพื่อนของเขาเองและจองซื้อรถ Hilux 2.7 4wd AT 4 doors ช่วงเดียวกัน ทำงานโตโยต้าเหมือนกันแต่ตอนนี้ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเองแล้ว วิศวกรส่วนสำนักงานใหญ่ทั้ง 2 คนของโตโยต้ายังเลือกใช้ Hilux 2.7 4wd AT ผมทำงานอีกบริษัทนึงในส่วนของ QA การผลิตเครื่องยนต์ก็เลือกใช้ Hilux 2.7 4wd AT และ Fortuner 2.7 4wd AT เรื่องราวแบบนี้ไม่ค่อยได้ถูกถ่ายทอดให้ผู้อื่นรับฟังรวมถึงที่ผ่านมาที่บริษัทโตโยต้าส่งออกรถ Hilux 2.7 4wd ออกไปต่างประเทศแทนการขายในประเทศแทนที่เพราะคนไทยนิยมกระบะยกสูงดีเซลขับเคลื่อน 2wd ล้อมากกว่าและชื่นชมแต่ดีเซลมากกว่า






ผมซน จูนแก๊สบางไป ไฟเลยขึ้น ตอนนี้จูนใหม่ปกติแล้ว
จาก : Aod SRT(Aod SRT) 8/1/2556 9:34:25 [202.12.73.202]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 124.120.114.20 พุธ, 26/12/2555 เวลา : 23:30  IP : 124.120.114.20   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33356

คำตอบที่ 365
       เข้าไปเปลี่ยนอะไหล่มาเรียบร้อยแล้ว ลบ Code E/G หลังจากนั้นเอารถ วิ่งทดสอบไปด้วย 100 กว่ากิโลเมตรพอดีเมื่อวานไปเยี่ยมญาติที่คลองหกวาไฟไม่โชว์อีกแล้วซ่อมถูกอาการดีใจหายแล้วครับไฟไม่โชว์อีกแล้ว จบงานทุกอย่างแล้วจริง ๆ
อู่ติดแก๊สนั้นสำคัญจริง ๆ เพราะเกิดปัญหาแล้วแก้ไขไม่ได้จะลำบากเรา หลายที่ติดแก๊สได้แต่ว่าซ่อมรถยนต์ไม่ได้จะลำบากเป็นปัญหากับเราเพราะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้เราได้โยนกันไปโยนกันมาระหว่างอู่ติดแก๊สกับศูนย์เป็นลูกตระกร้อ เจ้าของรถจะช้ำใจหนัก เรื่องแบบนี้ต้องให้ช่างที่มีความรู้และเต็มใจแก้ปัญหางานนั้น ๆ ชอบงานแก้ปัญหาในเชิงลึกช่วยเหลือจึงทำได้ โชคดีที่อู่ของอาจารย์รุ่งนอกจากเป็นอู่ติดแก๊สแล้วและรับซ่อมรถยนต์อยู่แล้วด้วย เขาแก้ปัญหาให้จบได้ด้วยอู่เดียวราคาก็ไม่แพงและไม่ได้โยนกันไปโยนกันมา วิเคราะห์ปัญหาได้ถูกต้องตั้งแต่แรกคนที่เคยเอารถไปติดแก๊สที่นี่ไม่่ว่าจะเป็นในคลับเรา 2.7 หรือ Club Mitsu Triton 2.4 รวมถึงขาประจำ Vios Altis ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วใครเคยไปก็ประทับใจ ตอนนี้ิติดแก๊สที่ไหนก็ติดได้แต่ปัญหาที่ตามมาภายหลังจะลำบากกับตัวเราเองถ้าอู่ที่เราติดตั้งไม่ได้เป็นช่างซ่อมรถระดับสูงและไม่มีทางเบิกอะไหล่แท้จากห้างออกมาได้ในราคาถูก จะลำบากเราเพราะจะเสียค่าอะไหล่แพงมากรวมถึงค่าซ่อมจะแพงเพราะมัวแต่โทษกันนี่แหละ
จะติดแก๊สก็คิดถึงเรื่องปัญหาเหล่านี้ที่ผมบอกอู่ติดแก๊สเป็นช่างซ่อมรถหรือไม่ เบิกอะไหล่แท้ห้างราคาถูกได้หรือไม่ รับประกันงานได้เต็มที่ ราคาไม่แพง ซ่อมรถจุดอื่น ๆ เครื่องยนต์ช่วงล่างหลังจากติดแก๊สให้เราได้หรือไม่ เรื่องนี้สำคัญมากกว่าคำว่าอู่ใกล้บ้านจริง ๆ เพราะถ้าเขาแก้ปัญหาให้เราไม่ได้ คุณก็ต้องขับรถหาอู่อื่นที่ซ่อมได้อยู่ดีปวดหัวและช้ำใจเปล่าๆ

เล่าให้ฟังอาทิตย์ก่อนที่เอารถไปเช็ค code อู่อาจารย์รุ่งมีคนเอา Avanza มาซ่อมต้องเปิดฝาสูบ ใช้แก๊ส NGV มาแล้ว 299,000 กิโลเมตร ต้องทำฝาสูบใหม่ตั้งวาล์วไม่ได้แล้ว ผมว่าเจ้าของเขาคงคิดว่าคุ้มมากสำหรับเขาแล้วล่ะเพราะแก๊ส NGV ค่าใช้จ่ายไม่ถึง 1 บาทสำหรับ Avanza ทำฝาใหม่เอาไปใช้ต่อสบายอีก 3 แสนโล แต่ของเราน่าจะคุ้มกว่าตรงที่กว่าจะเปิดฝาสูบออกมาซ่อมต้องมีเกิน 4 แสนกว่ากิโลเมตร ถ้าใช้ LPG คงต้องเกิน 5 แสนกิโลเมตร แต่ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรจะแพงกว่าเค้า รถเก๋งใช้แก๊สอายุฝาสูบไม่ค่อยทนเปราะกว่า ผมถึงบอกควรเลือกอู่ติดแก๊สแบบนี้แหละที่ซ่อมรถเราได้ในอู่เดียวแก้ปัญหาเราได้ด้วยติดแก๊สแล้วเพราะวันนึงมันต้องมีซ่อมบำรุงตามระยะทาง อู่เบิกอะไหล่แท้เบิกห้างมาซ่อมรถเราได้ในราคาไม่แพงค่าใช้จ่ายระยะยาวจะถูก สบายใจเวลาใช้งานเมื่อถึงตอนซ่อมก็ยังสบายใจและสบายกระเป๋า ถ้าอะไหล่เบิกห้างแท้ไม่ได้ส่วนลดเลยก็น่ามืดอีก ถ้าเล่นของเทียมตามโรงกลึงก็ไม่คุ้มเพราะไม่ทน เนื่องจากมันเปิดฝาสูบกันเรื่อย ๆ ไม่ดีแน่นอน เรื่องพวกนี้สำคัญจริง ๆ ผ่านประสบการณ์มาก ๆ จึงจะรู้ ถ้าไม่เลือกอู่ติดแก๊สตั้งแต่แรกจะปวดหัวภายหลัง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 223.207.95.112 อาทิตย์, 30/12/2555 เวลา : 11:35  IP : 223.207.95.112   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33396

คำตอบที่ 366
       คุยเรื่องเบรคการขับรถขึ้นเขาลงเขา

หยุดยาวที่ผ่านมามีหลายท่านคงไปเที่ยวตามเขาตามดอยสูง หลายคนเบรคอาจมีปัญหาผมเชื่อว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้ทุก ๆ ปี เพราะคนขับรถพื้นราบส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในพื้นที่หลายคนไม่ชำนาญในการขับรถขึ้นเขาขึ้นดอย เวลาขับรถไปท่องเที่ยวแบบนี้มักจะเจอปัญหาเบรคไหม้ คลัทซ์ไหม้ ความร้อนขึ้นสูง น้ำมันเกียร์ร้อนจัด
ปีนี้มีท่านนึงโทรมาหาผมตอนก่อนขึ้นเขา ผมอธิบายไปแล้วให้ใช้เกียร์ให้มากที่สุดและแตะเบรคน้อยที่สุด แต่สุดท้ายด้วยการขับที่ต้องการแซงคนอื่น ไปใช้เบรคบ่อยเกิน น้ำมันเบรคร้อนจัดจนเดือดทะลักออกมา ต้องซ่อมบำรุงเบรค ผ้าเบรคหมด
(ผมอยากให้ตอนกลับมา เปลี่ยนน้ำมันเบรคด้วยครับ เพราะเสื่อมไปแล้วและก็เปลี่ยนชุดซ่อม ซีลที่คาลิบเปอร์เบรคหน้าและกระบอกเบรคหลังด้วยเพราะซีลยางน่าจะร้อนจนปริแตกไปบ้างแล้ว )


ผมเปรียบเทียบให้ฟังดังนี้ หลาย ๆ ท่านคงเคยขับรถขึ้นเขาลงเขาสูง ผมยกตัวอย่างเส้นทางเขาปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เส้นทางนี้ยามปกติไม่ค่อยมีรถมากนัก ยิ่งกลางคืนถ้าไม่ใช่เทศกาลเส้นนี้รถน้อยทางจะเปลี่ยวมากบนเขา รถยนต์มักหลีกเลี่ยงเส้นทางสายนี้กันเพราะว่ารถบรรทุกจะใช้เส้นทางนี้เยอะมาก โดยเฉพาะรถบรรทุกรถยนต์ของบริษัท TOYOTA CHEV ISUZU ใช้ขนส่งที่เส้นทางนี้ แล้วก็หลัก ๆ ก็จะเป็นรถพ่วงบรรทุกไม้ ที่เป็นต้นยูคาลิปตัสส่งโรงงานกระดาษ ดับเบี้ล A ทุกท่านลองสังเกตุคนขับรถบรรทุกเหล่านี้สิครับว่าเขามีวิธีขับรถกันยังไงจึงปลอดภัย
วิธีการขับของเขานั้นใช้เกียร์ต่ำขณะขึ้นเขาและตอนลงจากเขา ใช้เกียร์ต่ำที่สุดคลานลงเขา และแทบจะไม่มีการแตะเบรคเลย การใช้เบรคน้อยมากและจะใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น รถพวกนี้น่ะกำลังเครื่องยนต์แรงน่ะครับบางคันเป็นรถบรรทุกหัวลากจากนอก VOLVO SCANIA พละกำลังมหาศาลมากแต่พวกเขาขับแบบคลาน ๆ และใช้เกียร์ต่ำมาก ไม่ห้าวเหมือนรถส่วนตัวที่ขับปาดซ้ายปาดขวาเร่งแซงทั้งที่อยู่บนเขา ทั้งที่เขาก็มีป้ายห้ามแซงแต่คนที่ไม่ใช่คนขับในพื้นที่มักจะขับด้วยการแตะเบรคลงเขา แซงแล้วเบรค ปาดหน้ารถบรรทุก


ทราบไหมว่าเขาขับแบบนั้นเพราะอะไร
- รถเวลาขับขี่ปกติทางราบการเบรคเขาคำณวนมาใช้แรงเท่านี้ สมมุติรถหนัก 1500 kg. ใช้แรงเบรค 1500 kg. แต่นี่เป็นทางราบน่ะครับ กลับกันถ้าสมมุติรถคันนี้ลงเขาสูงชันแรงเบรคในการเบรคที่จะทำให้รถหยุดต้องใช้มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แล้วถ้ารถคันนั้นมีการบรรทุกสัมภาระมากขึ้นแรงเบรคในการหยุดรถก็ต้องใช้มากกว่าเดิม
- ผ้าเบรคปกติทนความร้อนได้ประมาณ 300-500 องศาเป็นผ้าเบรคใช้งานทั่วไป ส่วนผ้าเบรคชนิดทนความร้อนสูงมาก ๆ จะทนความร้อนได้ 500-700 องศาแบบนี้ใช้สำหรับงานหนักเป็นพิเศษหรือการแข่งขันแต่ไม่เหมาะกับใช้รถทั่วไปเพราะเฟดเบรคจะทื่อมาก
ฝ่ายเทคนิค TOYOTA เคยทดสอบการใช้รถขึ้นเขาขึ้นดอยในประเทศไทย ใช้ sensor ตัวจับความร้อนจับที่ตัวผ้าเบรคขณะปล่อยรถลงเขาแล้วแตะเบรคเลียเบรคลงมาจากเขาค้อ พบว่าอุณหภูมิผ้าเบรคสูงถึง 800-1000 องศา ซึ่งเกินกว่าที่ผ้าเบรคและจานเบรคจะรับได้ไหว นั่นหมายถึงประสิทธิภาพเบรคที่ลดลงจนถึงจุดอันตรายด้วย ถ้าใครขับรถแล้วเลียเบรคลงเขา

- รถบรรทุกคนขับเขาไม่สามารถใช้เบรคได้ ต้องใช้เกียร์ต่ำและรักษาระดับความเร็วเท่านั้นในการเบรค ใครแตะเบรคกะทันหันหรือเลียเบรคลงมาจากเส้นทางลงเขาปักธงชัย ลงมาฝั่งอำเภอวังน้ำเขียว จุดจบก็คือศาลเจ้าที่หรือพระภูมิที่ตั้งอยู่ข้างทางด้านซ้ายมือมากมายนั่นแหละคือคำตอบ
รถบรรทุกเหล่านี้บรรทุกสินค้าหนัก 20-40 ตัน รวมกับน้ำหนักรถเข้าไปอีกมันไม่มีผ้าเบรคที่ไหนที่มันจะสามารถหยุดรถได้ในขณะขับลงจากเขาแบบนั้นหรอก ถึงกดเบรคได้ซีลกระบอกเบรคก็แตกนั่นคือเบรคแตกอยู่ดี รถเปล่าอย่างเดียวก็แทบเบรคไม่ได้อยู่แล้วในขณะลงเขา คนขับรถบรรทุกหรือรถโดยสารรถทัวร์พวกนี้เขาผ่านประสบการณ์มาเยอะเขาจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษใช้เกียร์ต่ำมาก และไม่เล่นกับเบรค ไม่ห้าวเหมือนคนขับรถส่วนตัวที่เร่งแซงกันบนภูเขาและใช้เบรคกันตอนลงเขาแน่นอน มีพวกคนขับรถส่วนตัวที่ไม่รู้จักความตายนั่นแหละที่ไปปาดหน้าเขาซึ่งคนขับรถบรรทุกเขาไม่แตะเบรคกันง่าย ๆ เขาจะเอารถคุณนั่นแหละเป็นที่เบรค หากคุณไปอยู่หน้ารถบรรทุกในระยะกระชั้นชิดตอนที่เขาขับลงเขากัน

- รถส่วนตัวหรือรถปิคอัพก็เหมือนกัน ไม่ว่ารถจะเป็นเกียร์ MT AT ไม่ต่างกัน คือต้องใช้เกียร์ควบคุมหรือ Engine brake ขณะขับขึ้นเขาลงเขา ห้ามไปแตะเบรคกันบ่อย ๆ อย่าคิดว่ามันไม่มีอะไร หลายคันเจอปัญหาผ้าเบรคไหม้ร้อนจนเบรคไหม้หรือเบรคทื่อไปแล้วหรือไม่ก็ใช้กันจนผ้าเบรคหมด เรื่องมันเกิดได้ทั้งนั้นเดี๋ยวจะเป็นการเที่ยวที่ไม่สนุกอุตส่าห์ขับรถไปเที่ยวกันทั้งทีถ้าเกิดปัญหาระหว่างทางจะเซ็งกันเปล่า ๆ หลายคนไม่เข้าใจการใช้เกียร์ในการขับรถขึ้นเขาลงเขาแบบนี้ ผมถึงเทียบให้ดูเป็นตัวอย่างรถบรรทุกที่เขาขับกันที่เขาปักธงชัยนี่แหละ เพราะผมใช้เส้นทางนี่บ่อยการขับขึ้นเขาลงเขาต้องใช้เกียร์ในการเบรคให้ได้ เวลาเกิดปัญหาขับรถหลายคนไม่ชำนาญแต่ทุกอย่างต้องฝึกให้ได้เพราะไม่มีใครเป็นตั้งแต่เกิด แต่มันต้องฝึกให้ได้ หลายคนสงสัยว่ากระชั้นชิดเบรคยังไง ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อนว่าเวลาเขาขับกันนั้น เขาต้องควบคุมความเร็วของรถให้ได้ก่อนว่าใช้ความเร็วระดับไหนจึงไม่ต้องใช้เบรค ที่เท้ากันบ่อย ๆ เกียร์กับคันเร่งจะเป็นตัวจัดการเรื่องทั้งหมดจะเบรคจะเร่งอยู่ที่เกียร์กับคันเร่งนี่แหละ เบรคคืออันดับสุดท้ายไม่จำเป็นเขาจะไม่แตะเบรคกัน ลองฝึกให้ชินมันสำคัญกับเราและคนในครอบครัวที่นั่งไปกับเรา (วิธีการฝึกขับรถจากโรงเรียนของบริษัทรถยนต์ช่วยท่านได้ ไม่งั้นบางคนหัดไม่เป็น)

- ตัวอย่างชาวเขาชาวดอยที่เขาขับรถขึ้นเขาส่งผักหรือโดยสาร ดูจากวิธีการขับรถของเขาก็ได้ เขาจะไม่ขับจี้ติดตูดใครเว้นระยะห่างคันหน้าพอสมควร ใช้เกียร์กับคันเร่งอย่างเดียว เบรคใช้น้อยมากจริง ๆ แทบไม่แตะเบรคกันเลย รถปิคอัพ 90 แรงม้าก็ขับขึ้นดอยได้ แต่นักท่องเที่ยวนี่แหละที่ไปเบรคไฟแดงกันแทบทุกโค้ง ผ่านแนวโค้งหรือลงเขาทีไรเห็นไฟเบรครถคันหน้าแดงกันพรึ่บ อันตรายน่ะครับขอบอก ดีหน่อยก็คือเบรคร้อนจัดผ้าเบรคสึกหรอรวดเร็วมากแย่หนักก็เบรคไหม้ หรือเบรคทื่อจนจมหายไปเลย
ผมก็เคยโดนคนอื่นเยาะมาแล้ว ตอนขับรถใหม่ ๆ เบรคทุกโค้ง ตอนจอดรถพักถึงขนาดมีคนเข้ามาถามเลยเป็นรถที่ตามหลังมา ว่าขับรถใช้เบรคแบบนี้ไม่กลัวอันตรายหรอกหรือแตะเบรคตลอด หลังจากนั้นผมก็พยายามทำความคุ้นเคยและฝึกฝนตัวเองมาตลอดแม้จะไม่เก่งเท่าชาวเขาชาวดอยในพื้นที่ # ผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว เลยกล้าพูดได้ ถึงขนาดมีคนที่เขาหวังดีลงมาเตือนเรื่องการขับรถ #
ลองคิดกลับกันถ้าท่านลองไปขับรถโดยสาร หรือรถบรรทุกผักขึ้นดอยบ้างแล้วไปขับเลียเบรคกันแบบบนี้ คงไม่มีใครเขาจ้างท่านขับรถแน่เพราะเบรคหมดประจำ ไม่คุ้ม ต้องมาซ่อมบำรุงรถกันบ่อย ๆ ขึ้นดอยทีต้องเปลี่ยนผ้าเบรคกันทีแถมอันตรายกับคนนั่งไปด้วย

- ถ้าใช้รถ 4x4 อยู่แล้วรถท่านจะเหนือกว่ารถคนอื่นอยู่บ้างพอสมควรทีเดียว มันมีระบบช่วยในการลงเขาสำหรับ SUV บางรุ่นแค่กดปุ่มนี่แหละ ง่ายเพียงปลายนิ้ว ส่วนรถใครที่ไม่มีปุ่มตรงนี้ก็ใช้เกียร์ 4wd ช่วยในการลงเขาได้ ถ้าภูเขานั้นสูงชันมากช่วยในการปีนเขาให้รถไม่ต้องเสียกำลังมากนักในการเร่งเครื่องก็สามารถขึ้นเขาได้ง่ายกว่าหรือช่วยตอนลงเขาสูงชันก็ทำได้ให้ง่ายขึ้น เพียงแต่อยากให้ศึกษาฝึกฝนเรียนรู้จากโรงเรียนขับรถยนต์ของบริษัทรถยนต์จะดีกว่า แล้วจะรู้ว่ารถของท่านเหนือกว่าของคนอื่น ( บางทีใช้ไม่เป็นมันจะอันตรายเพราะวงเลี้ยวจะกว้างขึ้น หรือระบบจะเสียหาย เพราะบางคนก็ขับรถไม่เป็นจริง ๆ แค่ขับรถได้ในทางราบเท่านั้น )



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 124.120.154.81 อาทิตย์, 6/1/2556 เวลา : 17:01  IP : 124.120.154.81   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33416

คำตอบที่ 367
       เมื่อวานตอนเย็น 9 Jan 13 รับโทรศัพท์สมาชิกท่านนึงที่คุ้นเคยกันดีและเคยมาเยี่ยมผมที่บ้าน อ.บางคล้า ที่ใช้ Hilux 2.7 AT 4x4 ปัจจุบันผันตัวเองเป็นพนักงานในศูนย์บริการรถยนต์มิตซูบิชิทางภาคเหนือ เขาไปอบรมกับทางทางบริษัทแม่มิตซูบิชิประเทศไทย มีคำถามนึงที่ทางพนักงานอยากจะถามและต้องการจะรู้จากมิตซูบิชิ คือ ทางดีเลอร์ของมิตซูบิชิต้องการให้ Mitsu thailand ออกรถ Mitsu Triton เบนซิน รุ่นเกียร์ออโต 4wd ขับเคลื่อนสี่ล้อมาเติมช่องว่างตลาดที่ลูกค้ามีความต้องการสูงมาก

ทางตัวแทนมิตซูบิชิ ตอบชัดเจน...... มิตซูบิชิจะไม่มีนโยบาย ทำตลาดรถกระบะไทรทันรุ่นเบนซิน เกียร์ออโต 4wd ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อในประเทศไทยอย่างแน่นอน (ยกเว้นคู่แข่งจะเปลี่ยนแปลง)
เมื่อทางกลุ่มตัวแทนถามเหตุผล ว่าทำไม ทางตัวแทนเลี่ยงที่จะตอบคำถาม ตอบเพียงแต่ว่า เป็นนโยบายทางการตลาด
รับทราบชัดเจนกันแล้วนะครับ


เรื่องนี้ผมก็ยืนยันมาตั้งแต่ต้นไม่เพียง Mitsu เท่านั้น ทั้ง TOYOTA ISUZU NISSAN CHEV ทุกค่ายจะไม่ทำรถกะบะปิคอัพเบนซิน เกียร์ออโต 4wd ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเข้ามาขายในประเทศไทยอย่างแน่นอน ถึงแม้จะมีรถของตัวเองทำตลาดส่งนอกอยู่แล้วก็ตาม บอกว่าเป็นเหตุผลทางการตลาด การขายปิคอัพเบนซินในประเทศไทยแบบนี้ไม่ได้มีคนตัดสินใจเพียงคนเดียว แต่มักต้องได้รับอนุมัติจากบริษัทแม่ในต่างประเทศก่อน
ซึ่งปัญหาคือประเทศไทยเป็นผู้บริโภคปิคอัพดีเซลขนาด 1 ตันเป็นอันดับ 1 ของโลก รัฐบาลคุมราคาน้ำมันดีเซลให้ถูกกว่าเบนซิน เฉพาะ TOYOTA ISUZU แต่ล่ะค่ายเดียวกันก็มียอดขายปิคอัพดีเซลมากกว่า 1 แสนคันต่อปี คงไม่มีใครให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ยอมเสียตลาดไปแน่นอน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 124.122.77.185 พฤหัสบดี, 10/1/2556 เวลา : 11:00  IP : 124.122.77.185   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33439

คำตอบที่ 368
       ทำความเข้าใจเรื่องนิยาม ชื่อในการเรียก สำหรับ 2.7


1. รถขับในเมือง คำว่ารถใช้งานในเมืองคือความหมายของการขับในเมืองใหญ่ เช่นรถติดในกรุงเทพ ใช้งานในเมืองคือ........ '" แบบนี้ "
ไม่ใช่ท่านเห็นผมเอารถไปขับออฟโรดลุยป่าข้ามลำธารแล้วบอกว่าตัวเองขับในเมือง อันนั้นมันคนละความหมายกัน


2. ขับนอกเมือง การใช้งานนอกเมืองคือการขับออกไปทางถนนหลวง ทางไฮเวย์ จะขึ้นเขาลงเขาทางเรียบก็คือการขับนอกเมือง การใช้ความเร็วปกติในการใช้งาน

3. ขับในเส้นทางออฟโรด อันนี้เป็นชื่อเรียกทางสากล ในการขับ Off road หรือทางทุรกันดารที่ไม่ใช่ถนน



หลายคนไปตีความหมายกันผิดผิด ใช้คำว่าขับในเมืองคือขับทั่วไป หรือขับทางไฮเวย์ก็ยังเรียกตัวเองว่าขับในเมือง แล้วบอกว่าการขับ off road มันคือการขับนอกเมือง ซึ่งความเข้าใจมันไม่ตรงกันการเลือกรถ เลือกล้อยางที่ใช้ การใช้งานมันจะเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนไปทั้งหมด เพราะหลายท่านโทรมาถามผมว่าเกือบ 100% เข้าใจความหมายไม่ตรงกันเลย คำตอบมันจะคลาดเคลื่อนกันไปมากเพราะความเข้าใจไม่ตรงกัน


อีกอย่างนึงเรื่องชื่อเรียกของรถ ผมพยายามจะเรียกชื่อเป็น Hilux 2.7 vvti เพราะ Hilux 2.7 ต้องผลิตต่อไปอีก เป็น 10 ปี ในต่างประเทศก็ใช้ชื่อเรียกเป็น Hilux SR5 , Hilux 2.7 Flex Hilux 2.7 Petrol มีความหมายคือกลุ่ม Hilux กลุ่มเครื่องยนต์เบนซิน
ผมไม่ใช้คำว่า Vigo เพราะคำว่า Vigo นั้นไม่ใช่ชื่อเรียกสากลที่นำมาเรียกกันและในโมเดลหน้าก็ไม่มีชื่อเรียกว่า Vigo อีก เวปนี้ก็ไม่ใช่ชื่อว่า Vigo แต่เป็นเวป toyota Hilux 2.7 เวปเราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเวป Vigo แต่อย่างใด และผมเองก็ไม่เคยไปโพสต์ให้ความรู้ใเวป Vigo แต่อย่างใดนอกจากไปซื้อของในหน้าซื้อขายของ Vigo ในบางครั้งเท่านั้นจึงโพสต์กับผู้ขาย
ส่วนคำว่า Fortuner ผมยังเรียกอยุ่บ้างแต่ชื่อเต็มมันเป็น Hilux ชนิดแบบคือ Fortuner ในต่างประเทศยังใช้ชื่อนี้อยู่

ส่วนคำว่า Pajero นั้น บ้านเรายังให้คำนิยามว่า Pajero อยุ่ดีเพราะสายพันธ์นั้นต่างกันมาก
ยกเว้นคำว่า Pajero sport จะเรียก Sport ต่อท้ายสำหรับประเทศไทย เพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่ Pajero ตัวใหญ่
แต่ในเมืองนอก ไม่มีชื่อเรียกคำว่า Pajero sport เขาจะเรียกเป็น Pajero dakar เพราะในเมืองนอกไม่มีรถ Pajero ขับ 2wd เป็นกะบะต่อหลังคาแบบบ้านเรา










 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 124.122.111.223 อาทิตย์, 20/1/2556 เวลา : 20:06  IP : 124.122.111.223   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33532

คำตอบที่ 369
       pajero v6 เปลี่ยนหัวเเทียนที่ 100000 โล แต่ต้องถอดเยอะมาก valve auto เหมือนกัน แต่ไม่มี 4wd



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ton pitlok จาก tpl 27.130.254.8 อาทิตย์, 20/1/2556 เวลา : 22:50  IP : 27.130.254.8   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33534

คำตอบที่ 370
       รถยนต์ Mitsubishi ธรรมชาติแล้วคืออะไหล่แพง ยิ่งเก่ายิ่งแพงในการหาอะไหล่มือ 2 ทั้งที่จริงเบิกศูนย์ของใหม่คุ้มกว่าไปหาเซียงกง
เครื่องเบนซินสำหรับ Mitsubishi แล้วถือว่าอะไหล่แพงมาก ยิ่งเป็นตระกูล V6 ไปด้วยแล้วแพงมากแบบโคตร ๆ เหมือนกัน นานไปกลัวจะจุกจิก การซ่อมบำรุงของ Mitsu จึงถือว่าเป็นปัญหาพอสมควร
รถ Pajero sport V6 ในบ้านเราไม่น่าเล่นเลย เพราะเรื่องดังกล่าวข้างต้น อีกทั้ง Pajero คือเสน่ห์ของรถ 4wd ตัวจริงที่แฟน Mitsu มักถวิลหาแต่นี่เป็นรถ 2wd ถ้ารถพอเป็นมือ 2 แล้ว ยิ่งเก่าจะหาคนเล่นไม่ได้ราคาจะตกมากเพราะแฟนรถประเภทนี้ที่เขายอมเล่น Mitsu Pajero เพราะมันเป็นรถ 4wd ถ้ามันเหลือแค่ 2wd คงหาคนซื้อต่อลำบากเพราะอะไหล่ก็แพง โดยเฉพาะอะไหล่เครื่องยนต์แพงมาก คนซื้อ Pajero GDI คันล่ะ 3 ล้านกว่าไม่มีใครเอารถไปลุย off road เพราะค่าซ่อมมันแพง หาอะไหล่ยาก ไม่ใช่รถลุยไม่ได้ แต่เขายอมซื้อกันเพราะมันเป็น Pajero เขายอมจ่ายค่าซ่อมที่แพงกว่ารถตลาดเพราะเสน่ห์ของ Dakar จากสนามแรลลี่ ตรงนี้แฟนมิตซูมีอย่างเหนียวแน่น ในขณะที่รถรุ่นหลังแฟนมิตซูเองก็ไม่ค่อยมองเหมือนกัน ขนาด TOYOTA รถ PPV รุ่นเก่า 2wd ขายกันถูก ๆ คนยังไม่มีมองเลย ตรงนี้คนจะเล่น PPV 2WD ต้องทำใจถ้าคิดจะซื้อ

อะไหล่ Mitsu ที่ว่าแพงจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ถึงกับแพงอย่างน่าตกใจสำหรับรถในประกอบในประเทศ เพียงแต่ว่าคนยังไปติดภาพลักษณ์เก่า ๆ ของคำว่า Mitsu อะไหล่แพงไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้เวลาซ่อมรถมักออกไปซ่อมกับอู่นอก โดนร้านฟันกันมาเยอะแล้ว ผมจำได้ว่าราคาเปลี่ยนปั๊มน้ำของ Pajero Shogun ค่าแรง 500 บาท เมื่อหลายปีก่อนนี้ แต่คนไปเปลี่ยนอู่ข้างนอกโดนค่าแรงไป 800 บาท เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช้รถ Mitsu ไม่ค่อยประทับใจศูนย์บริการ มักซ่อมรถข้างนอกกัน แล้วภาพลักษณ์ที่ติดมาทำให้ไม่มีการเช็คราคาค่าแรงการซ่อมรถกับอู่นอกและค่าอะไหล่ในการซื้อกับร้านข้างนอก ทำให้เสียเงินแพงเกินความจำเป็น กับร้านหรืออู่ด้านนอก
นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ที่ติดตัวมาทำให้การเดินหาอะไหล่ในเซียงกงมักได้ของแพง ๆ กันตามไปด้วย หลายคนไปได้อะไหล่เซียงกงมากับรถ Mitsu ในราคาที่แพงมาก ๆ ทั้งที่จริงอะไหล่เบิกศูนย์ซ่อมศูนย์ดีกว่า ในกรณีที่เป็นรถผลิตในประเทศ เพียงแต่ต้องทำใจกับศูนย์บริการที่ตัวเลือกน้อย ไม่ตอบสนอง รถ Mitsu ไม่ค่อยจุกจิกถ้าซ่อมด้วยอะไหล่แท้กับช่างผู้ชำนาญงาน แต่ต้องยอมรับว่าอะไหล่จะแพงกว่ารถตลาดนิดนึงถ้าเทียบของใหม่ในศูนย์ด้วยกัน แต่การซ่อมข้างนอกช่างในอู่หลายคนกู้ปัญหาของ Mitsu ไม่จบทำให้กลายเป็นว่าบานปลายรถอะไหล่แพง เปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนเกียร์ใหม่คุ้มกว่า รถดีดีเลยเสียไปหมด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 22/1/2556 เวลา : 08:55  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33546

คำตอบที่ 371
       ตามน้นคับผมทำงานที่ 0 mitsu เจอทุกวันลากเข้ามาบอกว่าช่างข้างนอกซ่อมไม่ได้แต่ กว่าจะบอกว่าเป็นอะไรมาต้องฟ้องด้วยภาพเหมือนลองวิชา
แต่ต้องยอมรับคำว่าค่านิยมและบริการ มันต่างกันทุกอย่างเพราะ 0 บริการต่างจังหวัดส่วนมากเป็นระบบเถ้าแก่จึงมุ่งแต่ผลกำไรไม่ค่อยคิดถึงคุณภาพ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ton pitlok จาก tpl 223.207.155.153 อังคาร, 22/1/2556 เวลา : 20:59  IP : 223.207.155.153   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33552

คำตอบที่ 372
       รถ Mitsu ควรทำในศูนย์ถ้าไม่แพงเกินไป และต้องใช้อะไหล่แท้เนื่องจากรถ Mitsu ปกติแล้วไม่จุกจิกถ้าซ่อมจบแบบถูกต้องโดยช่างผู้ชำนาญงาน งานจะจบ ใช้ได้นานคุ้มค่าเพราะปกติแล้วคนใช้รถ Mitsu จะใช้กันยาวนาน
หรือไม่ทำในศูนย์ก็ได้ ไปหาอู่นอกทำกันเองในราคาไม่แพงแต่ต้องเป็นช่างที่ทำงานในศูนย์ Mitsu แล้วมาเปิดจ๊อปทำงานอู่ของตัวเองไปด้วย หรือเคยอยู่ศูนย์ Mitsu มาก่อนจนลูกค้าเชื่อถือแล้วมาเปิดอู่ทำเอง สามารถเบิกอะไหล่แท้จากศูนย์ในราคาย่อมเยาว์มาทำ ไม่ใช่ซื้อจากร้านข้างนอกเอาอะไหล่เทียบมาทำ งานจะจบได้และราคาไม่แพง ใช้งานได้อีกยาวนานคุ้มค่า

แต่คนส่วนใหญ่ที่เห็น ไปซ่อมรถกับอู่ทั่วไป ผมเห็นตั้งแต่ Mitsu Starda 2.8 ดีเซลมักมีปัญหาคือซ่อมไม่จบ มีปัญหาจุกจิกค่าใช้จ่ายตามมา โดยรวมแล้วแพงกว่า สำหรับการซ่อมแบบนี้ ไม่ค่อยคุ้ม โดยเฉพาะเรื่องเครื่องยนต์ Heat และก็เกียร์ธรรมดาของ Mitsu มีปัญหาตามหลังถ้าซ่อมกับช่างไม่ดี มันไม่ค่อยจบในครั้งเดียว ทำให้ค่าใช้จ่ายดูแล้วแพงเกินจริง



ถ้าเป็น TOYOTA รถกลุ่มตลาดที่ผลิตในประเทศ ส่วนใหญ่เข้าซ่อมศูนย์คุ้มกว่าอยุ่แล้ว ยกเว้นว่ามีอู่ที่ซ่อมบำรุงราคาไม่แพงจริงเบิกอะไหล่แท้ในราคาถูกจริง ๆ ก็น่าทำ แต่ก็ได้เฉพาะบางรายการไม่ทุกรายการสำหรับอู่นอก แต่หลายรายการของ TOYOTA ทำในศูนย์คุ้มกว่าทำกับอู่ด้านนอกอยู่แล้ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 23/1/2556 เวลา : 08:37  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33553

คำตอบที่ 373
       เข้าศูนย์มาครับอาทิตย์ที่แล้ว ศูนย์แจ้งปั้มน้ำมีอาการเป็นคราบ(น่าจะกำลังจะรั่ว) ค่าใช้จ่ายประมาณ 5000 เปลี่ยนในศูนย์หรือข้างนอกดีครับ



เข้าเช็คระยะที่ 130000 กิโลเมตรครับ
จาก : suchet22(suchet22) 23/1/2556 8:58:54 [58.137.193.130]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

suchet22 จาก suchet22 58.137.193.130 พุธ, 23/1/2556 เวลา : 08:57  IP : 58.137.193.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33554

คำตอบที่ 374
       1. ซื้อปั๊มน้ำจากร้านข้างนอกอะไหล่แท้หรือเทียบแบบแท้ ๆ ราคาประมาณ 1300-1400 บาท
2. Pipe 1 assy ซื้อในศูนย์ 850 บาท
3. ฝาหม้อน้ำ ซื้อจากในศูนย์ 250 บาท + -
4. น้ำยาหล่อเย็นของ TOYOTA แท้จากร้านอะไหล่ 300 กว่า - 400 กว่าบาท ใช้ 1 แกลลอนใหญ่ + อีก 2 ประป๋อง หรือ ( จะซื้อแบบ 2 แกลลอน) หรือจะมาซื้อที่ผมก็ได้ถ้าว่าสะดวกก็แวะมาเอา ราคาประมาณ 370 บาท
5.ค่าแรงอยู่ประมาณ 1,000 + - แล้วแต่ร้าน
ทั้งหมดนี่ ทำอู่นอกก็ได้ ลองบวกราคาเอาครับ รถของคุณ Suchet ยังไม่เก่าไม่ต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำก้ได้ แต่ถ้าใช้เยอะแล้วต้องให้เปลี่ยนวาล์วน้ำไปด้วย

แต่ถ้าไม่มีก็สามารถทำในศูนย์ได้ ราคาทำในศูนย์เป็นดังนี้
1. ปั๊มน้ำ 2100 กว่าบาท
2.น้ำยา coolant 450 x 2 = 900 บาท
3. Pipe 1 assy 850 บาท
4. ฝาหม้อน้ำ 250 บาท + -
5. ค่าแรง 1,xxx กว่าบาท
ราคาออกมาประมาณ 5,000-6,000 บาท


ก็ลอง + - ราคาเทียบเอาครับว่าจะทำอู่นอกหรือว่าทำในศูนย์



ขอบคุณครับ
จาก : suchet22(suchet22) 24/1/2556 13:16:46 [58.137.193.130]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 23/1/2556 เวลา : 11:09  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33558

คำตอบที่ 375
       รถผมก็ 130000 แล้ว กะว่า 160000 ถึงจะเปลี่ยนระบบน้ำ หรือ 150000 ก็ควรเปลี่ยนแล้วครับ รถใช้งานมาแค่ 2 ปีกว่าๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

teelaban จาก teelaban 203.155.220.236 พฤหัสบดี, 24/1/2556 เวลา : 09:33  IP : 203.155.220.236   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33561

คำตอบที่ 376
       จาก teelaban

ตามกำหนดระบบน้ำหล่อเย็นต้องเปลี่ยนครั้งแรกที่ 160,000 กิโลเมตร หลังจากนั้นเมื่อเปิดเปลี่ยนแล้วครั้งต่อไปเปลี่ยนทุก 80,000 กิโลเมตร
ทำตามคู่มือดีกว่าเพราะรถคุณ teelaban ใช้เยอะ ไม่ต้องรีบเปลี่ยน ให้เปลี่ยนตามเวลาก็ได้คือใช้ถึง 160,000 กิโลเมตรก็ได้
ส่วนระบบหล่อเย็น ปั๊ม น้ำ pipe 1 ไม่รั่วก็ยังไม่ต้องเปลี่ยนเพราะรถใช้เยอะไม่ค่อยมีปัญหา แต่รถใช้น้อยนี่แหละปัญหาเยอะกว่า คือรั่วเร็วกว่าตามเวลา



ขอบคุณครับ
จาก : teelaban(teelaban) 28/1/2556 17:14:43 [203.155.220.236]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 24/1/2556 เวลา : 12:50  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33566

คำตอบที่ 377
       เคสตัวอย่างเอามาบอกเล่าในกระทู้นี้ พอดีเห็นว่าคนอ่านเยะอไม่รู้จะลงในกระทู้ไหนเอามาลงในกระทู้แล้วกัน


มีเคสนึงคือลักษณะเกียร์เข้ายาก เป็นรถ 2.7 ใหม่เกียร์ธรรมดา เกียร์เข้ายากมากตอนเครื่องเย็น ในจังหวะเกียร์ 1 ไป เกียร์ 2 แล้วก็เกียร์ถอยหลัง ถ้าเครื่องร้อนจะไม่มีปัญหา เข้าได้ตามปกติ ผมเห็นว่ารถยังใหม่มากเพิ่งออกมาไม่นานนักให้วิ่งมาเข้าศูนย์ TBS เลยในวันนั้น แต่เนื่องจากไม่ได้นัดคิวก่อนจึงต้องจอดรถไว้ก่อนเพื่อรอซ่อมตามคิวในวันถัดไป ผมบอกให้พยายามเปลี่ยนเกียร์เลยเพราะรถอยู่ในประกัน แต่เนื่องด้วยการคุยที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นัก พอดีผมจับสังเกตุเรื่องบางอย่างได้ คือเป็นเฉพาะตอนเช้าอากาศเย็น แต่ตอนเครื่องร้อนไม่เป็นเลย จึงถามกลับไปว่าก่อนหน้านี้เคยไปเปลี่ยนน้ำมันเกียร์มาก่อนหรือเปล่า ปรากฎว่าไปเปลี่ยนมาจริงแต่ไปเปลี่ยนมาจากข้างนอก ผมก็งงมาก รถคุณอยู่ในประกันไม่ใช่หรือแล้วรถก็ยังใหม่มาก แต่ไปเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามอู่ข้างนอก ผมถามว่าเอาน้ำมันเกียร์อะไรใส่ก็ตอบไม่ได้ว่าช่างเอาอะไรใส่ให้ ผมเดาว่าน้ำมันเกียร์ที่ใส่น่ะมีปัญหาแน่คือไม่ถูกต้อง ผมบอกว่าเคสนี้เข้าศูนย์เสียตังค์แน่ แถมประกันขาดแน่นอน เพราะเอารถไปทำอู่นอกแถมสร้างความเสียหายกลับมาอีก ศูนย์ก็ต้องคิดเงินตามจริง ผมบอกให้แจ้งพนักงานรับรถถ่ายน้ำมันเกียร์ออกมาก่อน ถ้าหายจะได้ไม่ต้องเสียเงินมากนัก
สรุปว่าเปลี่ยนแล้วหายจริง ๆ แต่ต้องเสียตังค์สบายไป แถมประกันขาดไปแล้ว เรื่องเกียร์ ช่างศูนย์บันทึกเรียบร้อยลูกค้าเอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ข้างนอกมา ไม่เข้าเช็คระยะตามกำหนด แย่ 2 ต่อ

มันมีอีกเคสนึงน่าสนใจคล้าย ๆ แบบนี้คือ เฟืองท้าย มีรายนึงเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย Limited slip ของยี่ห้อนึงปรากฎว่าวิ่งออกไปไม่นานเสียงเฟืองท้ายมีสดุดครืด ๆ ๆ ในบางครั้ง คนนี้เขาเลยแก้ด้วยการเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายใหม่ของ TOYOTA ปรากฎว่าอาการดังกล่าวหายไป


ทั้ง 2 เคสเกิดจากปัญหาน้ำมันที่เปลี่ยนเข้าไป คือตามทฤษฎีการเปลี่ยนน้ำมันโดยใช้ตามเบอร์ที่กำหนดน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วเพราะน้ำมันถูกควบคุมโดยค่ามาตรฐาน SAE ในเคสแรกผมว่ามีปัญหาตรงผิดเบอร์ ไม่ใช้น้ำมันเกียร์ของโตโยต้าเบอร์ 75w-90 ไม่ตรงตามมาตรฐานที่โตโยต้ากำหนด เลยมีปัญหา ส่วนเคสหลังอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้
สรุป ........ ในระยะหลังนี้ผมไม่ค่อยแนะนำใครใช้น้ำมันของเหลวเปลี่ยนถ่ายในรถ TOYOTA ต่างยี่ห้อ เพราะกลัวปัญหามากกว่าถึงแม้ตามทฤษฎีมันจะสามารถเอามาเทียบใช้ได้ก็ตาม แต่ผมไม่ค่อยแนะนำแล้วเพราะกลัวเจอปัญหาลักษณะคล้าย ๆ แบบนี้ตัดปัญหาใช้น้ำมัน TOYOTA ล้วน ๆ อีกอย่างเราพอซื้อน้ำมันของเหลว TOYOTA ได้จากข้างนอกราคาถูกแล้วหิ้วไปเปลี่ยนในศูนย์เองได้ก็เลยให้ใช้วิธีนี้แทนสบายใจกว่าเพราะน้ำมันของโตโยต้าเกรดที่ใช้ก็ถือว่าสูงมากกว่าท้องตลาด

อีกท่านนึงที่มาซื้อน้ำมันจากผมใช้ Hilux 2.7 cab 4wd AT จากระยอง เขาบอกเหมือนกันว่าพอจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ AT ข้างนอกช่างบอกแนะนำเอาน้ำมันเกียร์ต่างเบอร์ต่างยี่ห้อเอามาใช้ เขาบอกไม่เอาไม่ถ่ายทั้งสิ้น (น่าจะทำถูกแล้วเพราะช่างเอาเบอร์น้ำมันเกียร์ต่างชนิดต่างยี่ห้อมาใช้ ปัญหาจะตามมาอีก)



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 124.121.222.247 อาทิตย์, 27/1/2556 เวลา : 21:33  IP : 124.121.222.247   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33574

คำตอบที่ 378
       จากคำตอบ 359 ,360 ผมไปนครพนม เพิ่งกลับมาเมื่อคืนนี้เอง เจอญาติภรรยาเขาเอารถ Hilux 3.0 4x4 คันนี้ไปลากของเจอเลยถ่ายรูปไว้ซักหน่อย พี่คนนี้ไปเบิกอะไหล่ ยางกันโคลนซ้ายขวา ข้างล่ะ 730 บาท ที่ผมแนะนำไป เขาไปเบิกที่โตโยต้านครพนม เอามาใส่เรียบร้อย เพราะรถรุ่นนี้ TOYOTA ตัดอ๊อพชั่นออกไม่ใส่มาให้ด้วย ซึ่งผมก็หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าตัดออกไปเพราะอะไร เลยให้ไปหาซื้อมาใส่กัน สังเกตุที่ล้อหน้าเอามาใส่เรียบร้อยแล้ว


ผมไปกลับนครพนมเที่ยวนี้ระยะทาง 1,518 กิโลเมตร เติมแก๊สเต็มถังก่อนที่บางพลี สมุทรปราการเช่นเคยจากนั้นเซทไมล์ เป็น 0
จากนั้นก็วิ่งแล้วเตฺิมเต็มถังไปเรื่อย ๆ ยกเว้นขากลับพยายามไม่เติมเต็มถัง เพราะปั๊มช่วงขากลับที่เจอโกงมิเตอร์ปั๊มแก๊สแทบทุกปั๊ม เลยเติมมครั้งล่ะ 200บาท ตอนเติมแก๊สสตาร์ททีมิเตอร์วิ่งไป 5 บาทกว่าแล้ว ก็เลยไม่เติมต่อ กลับมาเติมที่บางพลีเต็มถัง
สรุปใช้แก๊สครั้งนี้หมดเงินไป 2,894 บาท หรือเฉลี่ยกิโลเมตรล่ะ 1.94 บาท สิ้นเปลืองเฉลี่ย 6.7 -7.8 km/l






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 115.87.81.212 จันทร์, 18/2/2556 เวลา : 23:18  IP : 115.87.81.212   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33712

คำตอบที่ 379
       รายงานผลการเดินทางต่อจากเมื่อคืนนี้ ผมใช้ Fortuner 2.7 4x4 ไปอีกเช่นเคย

-ผมออกเดินทางจากบางพลีเซทไมล์เป็น 0 ที่ปั๊มแก๊สเส้นถนนกิ่งแก้วเติมเต็มถัง จากนั้นผมวิ่งออกทางเส้นทางฉะเชิงเทราขึ้นเขาปักธงชัยนครราชสีมา ไปเติมแก๊สอีกทีตอนก่อนถึงปั๊มแก๊ส ใจดี ระยะทางรวม 313.6 กิโมตร เติมแก๊สครั้งแรกไป 600 บาท ราคาแก๊ส 13.50 บาท
ปั๊มแถวนี้ไม่แถมน้ำสิงห์ 50 บาท แถม 1 ขวดแล้วน่ะครับ ผมถามเด็กปั๊มเขาบอกว่าปั๊มอื่นร้องเรียนเพราะการค้าเขาสู้ไม่ได้ เลยต้อลดการแจกแถมลงไป ส่งผลให้ปั๊มแถวนี้ลูกค้าหายไปกว่าครึ่ง

- หลังจากนั้นออกเดินทางไปสู่เมือง พล แวะเติมปั๊มนี้อีก 250 บาท ระยะทางไม่ได้จับ แต่เติมเต็มถังเหมือนกัน 13.65 บาท
-จากนั้นเติมอีกทีน่าจะเป็นช่วงเข้ายางตลาดกาฬสินธ์อีก 180 บาท ระยะทางไม่ได้จับแต่ก็เต็มถัง ราคาแก๊ส 13.65 บาท
- ทีนี้มาเติมอีกครั้งที่ปั๊มแก๊สปั๊มสุดท้ายก่อนขึ้นเทือกเขาภูพาน 160 บาท เต็มถังที่สุด ราคาแก๊ส 13.95 บาท ขณะนั้นระยะทางรวมจากบางพลีถึงปั๊มปั๊มสุดท้าย คือ 537 กิโลเมตร
รวมเที่ยวแรกขาไป ใช้แก๊สรวม 1190 บาท กับระยะทาง 537 กิโลเมตร


ขากลับ
- หลังจากผมเติมปั๊มสุดท้ายที่ก่อนขึ้นเขาภูพานผมวิ่งยาวตลอด ไม่เติมอีกเลยเพราะข้ามเทือกเขาภูพานไปแล้วราคาแก๊สจะแพง ลิตรล่ะ 14.58 บาท

- จากนั้นวิ่งไปธุระแถวบ้านนิดหน่อย ขากลับวิ่งงออกมาข้ามเทือกเขาภูพานข้ามมาเติมปั๊มรองสุดท้ายหลังจากลงภูพาน เติมไป 200 บาท ราคา 13.80 บาท / ลิตร
- จากนั้นวิ่งต่อมาเติมที่แถวเมืองพล อีก 200 บาท แก๊สลิตรล่ะ 13.50 บาท
- แล้ววิ่งยาวมาถึงโคราชเติมอีกทีเต็มถังเลย 784 บาท ระยะทางรวม 610 กิโลเมตร ค่าแก๊สขากลับถึงโคราช 1,184 บาท เฉลี่ย 1.94 บาท / กิโลเมตรกับระยะทาง 610 กิโลเมตร ข้ามเขาภูพาน
-หลังจากนั้นวิ่งมาเติมแถวบางพลีระยะทาง 314.6 กิโลเมตร เติมไป 520 บาทเต็มถัง แก๊สลิตรล่ะ 12.90 บาท

รวมเติมแก๊สครั้งนี้ 2,894 บาท กับระยะทาง 1,518 กิโลเมตร ไปกลับสมุทรปราการ - นครพนม ขึ้นลงเขา 2 ลูกที่ปักธงชัยกับเทือกเขาภูพาน
ผมใช้เวลาเดินทางประมาณ หลายชั่วโมงประมาณ 12-14 ชั่วโมงต่อการวิ่งครั้งนึง




รายละเอียดอื่น
- ขับไปครั้งนี้เหนื่อยมาก เห็นได้ชัดว่าอายุมากแล้วมีปัญหาจริง ๆ เรื่องที่จะกลับไปขับรถเกียร์ธรรมดาอีก เลิกคิดไปนานแล้ว ขนาด Fortuner เกียร์ AT ยังเหนื่อยขนาดนี้ อ่อนเพลียมาก
- พักเติมแก๊สบ่อยเพื่อคลายอิริยาบถ ไม่ให้มีปัญหากับร่างกาย ผมพยายามพักตลอดไม่วิ่งยาว เพื่อรักษาสุขภาพตนเอง
- ยางที่ใช้คงเลือก BF Goodrich Allterarin ต่อไปเพราะยังหาตัวเลือกที่คุ้มกว่านี้ไม่ได้ เพราะมันทนทานดีผมต้องใช้สมบุกสมบัน ยอมรำคาญเสียงดังกับโครงสร้างยางที่แข็งกว่าทำให้หลับไม่สบาย แต่แลกกับความสบายใจไปก่อน
- สิ่งที่เจอเป็นปัญหามากเลยคือระบบปรับอากาศ คือสภาพอุณหภูมิระหว่างแต่ล่ะจังหวัดแตกต่างกันมาก อยุ่กทม แถวนี้อากาศร้อนถึงร้อนมากแต่พอวิ่งข้ามภูพานไปแล้วอากาศเย็นจัดมากโดยเฉพาะกลางคืนแต่กลางวันอุ่น ความแตกต่างอุณหภูมิมีสูง แอร์ภายในรถถ้าเจออากาศร้อนตัดขึ้นมาทำให้เย็นมาก ถ้าวิ่งที่อากาศเย็นไม่มีปัญหายังไม่พบความแตกต่างมากนัก ผมเปิดแอร์ที่ 27-28 องศา ใช้แอร์เบอร์ 2 ด้านหลังไม่เปิดเนื่องจากนั่งแค่ 3 คน ถ้าเปิดด้านหลังหนาวเกินไป รถถ้านั่งนาน ๆ อากาศไม่พอ ต้องเปิดกระจกหายใจเป็นพัก ๆ เพื่อสูดอากาศใหม่ ถ้าออกมานอกรถไข้กินกันเป็นแถวเพราะอากาศช่วงขอนแก่น โคราชร้อนจัด
เรื่องแอร์ผมฟันธงตามที่เคยพูดกันไว้ รถในเมืองไทยต้องมี Heater ถ้าเอาไปวิ่งทางไกล ๆ ไม่งั้นเสร็จไข้กินแน่นอน แอร์ไม่สบายตัวเอาเลยทั้งไปกลับเจอสภาพอากาศเปลี่ยนไข้กินกันหมด รถถ้าไม่ใช้ Heater วิ่งใกล้ ๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าวิ่งระหว่างภาคกลาง ข้ามไปภาคอื่น ๆ ภายในวันเดียว รถบ้านเราต้องใช้ Heater จึงจะปรับอุณหภูมิรักษาสภาพร่างกายคนเราได้ไม่ให้เจ็บป่วยได้ง่าย
- เสียงเครื่องยนต์เสียงลมปะทะ มีเข้าห้องโดยสารบ้าง บางทีก็ดังน่ารำคาญไม่เงียบขนาดรถเก๋งขนาดกลาง สไตล์รถปิคอัพไม่มีวันเหมือนรถเก๋งไปได้ ถึงแม้จะใช้เครื่องเบนซินแต่ดีกว่าใช้ดีเซลที่ดังรำคาญกว่านี้มาก
- ถ้าเทียบค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ถ้าขับ Fortuner ด้วยกันระหว่างดีเซลกับเบนซินติดแก๊ส ดีเซลจะจ่ายประมาณ 3700-4xxx กว่าบาท และยังต้องแลกมากับอะไรอีกหลายอย่าง ผมเลยคิดว่าขับคันนี้มีความสุขกว่า
- ถ้าเทียบ Fortuner เบนซินคันนี้กับการขับปิคอัพดีเซลด้วยระยะทางเท่ากัน ดีเซลจะจ่ายประมาณ 3500-4xxx บาทแล้วแต่รุ่นของรถ แน่นอนว่าผมคงไม่เลือกปิคอัพดีเซล ด้วยเหตุผลอีกหลายประการที่ผมบอกใครหลายคนว่าไม่คุ้มถ้าเอามาเทียบกัน ซึ่งเป็นข้อสรุปของผมเอง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละบุคคลย่อมมีสิทธิ์เลือกตามกำลังทรัพย์และความต้องการของตนเอง







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 19/2/2556 เวลา : 19:25  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33726

คำตอบที่ 380
       อ้อผมมี รายละเอียดการขับนิดหน่อย

ตอนขับนั้นใช้ความเร็วประมาณ 80-110 ตลอดเส้นทาง ไม่ค่อยแตะเบรค คือขับแล้วไม่ค่อยเบรคจริง ๆ รักษาคันเร่งไว้เยอะหน่อย ช่วยได้เยอะเพราะพี่ตำรวจดักจับตลอดเส้นทาง ผมรอดตลอดเพราะความเร็วไม่สูง และรักษากฎจราจรเคร่งครัดไม่แซงเส้นทึบ
ตอนขับขึ้นเขาลงเขาที่เทือกเขาภูพานเนื่องจากชำนาญทางมากแล้ว วิ่งผ่านมาเป็น 10 ครั้ง ตอนนี้ไม่ค่อยเหยียบเบรคแล้วครับ วิ่งซัดกันยาวอาศัยคันเร่งกับเกียร์ช่วยตลอด เรื่องกดเบรคเลยแทบไม่มีรถไม่ค่อยติดด้วย น่าจะส่งผลเรื่องความประหยัดได้มากขึ้นกว่าเดิม ที่กดเบรคแล้วปล่อย หรือเร่งเครื่องแซงระหว่างบนภูเขา จะเปลืองแก๊สมาก สาดโค้งแบบนี้ถ้าใครขับแล้วไม่ค่อยแตะเบรคเลยจะเชื่อตามที่ผมบอก รถต้องเป็น 4x4 เท่านั้น ไม่งั้นเสยราวสะพานลงเหวถ้าเป็นขับ 2 ยกสูงช่วงล่างไม่เกาะหนึบ แต่อย่าทำน่ะดีแล้วสำหรับคนไม่คุ้นเคยเส้นทาง

ยางกันโคลนล้อหน้าถ้าใครยังไม่ซื้อก็ไปซื้อของแท้มาติด ช่วยได้เยอะ เพราะผมวิ่งเข้าสวนยาง ที่นา ข้ามลำธารของชาวบ้าน ลุยไปหมด รถสะอาดฝุ่นไม่จับรถเลอะเหมือนก่อนแล้ว Part no. ตามที่ให้ไป ในคำตอบ 311 ไปสั่งได้ทุกศูนย์ของโตโยต้า ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม TOYOTA ตัดอ๊อพชั่นนี้ออกไปสำหรับรถที่ขายในไทย
1.. Mudgard FR Fender RH 76621-0K100 ราคา 730 บาท
2.Mudgard FR Fender LH 76622-0K100 ราคา 730 บาท
3. Screw 90159-60603 ใช้ ข้างล่ะ 1 ตัว รวม 2 ตัว ราคา ตัวล่ะ 14 บาท






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 19/2/2556 เวลา : 19:42  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33730

คำตอบที่ 381
       เอาประสบการณ์ของสมาชิกมาเล่าสู่กันฟัง

เขามีรถ Hilux 2.7 อยุ่ 2 คัน คันแรกเป็น Hilux 2.7 4wd AT เอาไว้ใช้ส่วนตัว อีกคันนึงเป็น Hilux 2.7 ตอนเดียวเกียร์ธรรมดาเอาไว้วิ่งส่งของ
คัน Hilux 2.7 4wd วิ่งมาแล้ว 169,000 กิโลเมตรแต่ระยะเวลา 5 ปีแล้ว ระบบหล่อเย็นเริ่มรั่วแล้ว สั่งอะไหล่จากศูนย์ยังไม่มาแต่ทราบว่าทางศูนย์แจ้งเปลี่ยนแปลงอะไหล่ Pipe 1 assy ท่อบายพาสแล้วนะครับ โดยเปลี่ยนจากท่อพลาสติกราคา 850 บาท เป็นท่อเหล็กราคา 1600 บาท สงสัยรับรายงานว่าลูกค้าเอามาเปลี่ยนกันเยอะมั้งเลยมีการแก้ไข Drawing เพื่อปรับปรุงเปลี่ยน part ชิ้นส่วนใหม่

คันที่ 2 รุ่นตอนเดียวเขาใส่หลังคากระบะสูง 3 เมตร จากพื้น บรรทุกสินค้าหนักเกือบ 2 ตัน ใช้ยางด้านหน้า 215 ส่วนยางหลัง 225 อัตราสิ้นเปลืองแก๊สเฉลี่ย ประมาณ 2.30 บาท / กิโลเมตร ความเร็วสูงสุดทำได้เพียง 140-150 กิโลเมตร แต่ใส่หลังคาสูงขนาดนี้แถมบรทุก 2 ตันความเร็วขนาดนี้ก็เสียวจะแย่อยู่แล้ว เพราะบรรทุกหนักมากกับหลังคาสูงต้านลมมาก แต่ความประหยัดนี่ใช้ได้เลย วิ่งมาแล้ว 330,000 กิโลเมตร ยกคลัทซ์เปลี่ยนมาแล้ว 2 ครั้ง ค่าใช้จ่ายครั้งแรก 6,xxx บาท ครั้งที่ 2 ทำในศูนย์แพงกว่าแต่จำราคาไม่ได้ ยังไม่เคยเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น รถเพิ่งวิ่งได้เพียง 2 ปีกว่า เฉลี่ยระยะทางปีล่ะ 160,000 กิโลเมตร ถ้าเปรียบเทียบใช้ดีเซลจะตกกิโลเมตรล่ะ 3.0-3.5 บาท / กิโลเมตร ประหยัดเงินไปได้ 300,000 บาทแล้ว ตอนซื้อคันที่ 2 รถ 2.7 ไม่มีเกียร์ออโตให้เลือกอีกแล้วเลยต้องซื้อเกียร์ธรรมดาเข้ามา ส่งผลให้ต้องซ่อมยกคลัทซ์ไปถึง 2 ครั้ง


______________________________________________________


เมื่อวานเอารถเก๋ง 3 ห่วงไปซ่อมช่วงล่างกับอู่ตี๋มิสทีน คุยกับแท๊กซี่คนนึงที่เอารถมาซ่อมเหมือนกัน เป็น Altis ผมถามเขาเรื่องการใช้งานรถ เขามีคำตอบน่าสนใจให้ดังนี้
รถเขาวิ่งมา 300,000 กว่ากิโลเมตรแล้วในระยะเวลา 2 ปีกว่า ๆ ยังไม่ต้องปรับตั้งวาล์วน่ะครับ ฟังดูอ่านดูให้ชัด ๆ เพราะว่ารถรุ่นที่เขาใช้เป็นรุ่น Dual vvti จะปรับตั้งวาล์วอัตโนมัติ รถเขาใช้ก๊าซ NGV การสึกหรอจะสูงอยู่แล้ว ถือว่าAltis รุ่นใหม่ที่ออกมาพยายามตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาร้องเรียนกันที่วาล์วอ่อนมากจากรุ่นแรกทำให้เครื่องยนต์ไม่ทนทานต่อการใช้ก๊าซ 40,000 โลต้องตั้งวาล์วสำหรับอัลติสรุ่นเดิมที่ไมมี Dual vvti ทำความเข้าใจอีกนิดนึง รถพี่แท๊กซี่คนนี้ใช้น้ำมันด้วยนะครับเขาเติมน้ำมันเบนซินและสลับการใช้งานก๊าซกับน้ำมันเพื่อลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ พี่เขาบอกว่ารุ่นนี้จะทนกว่าโคโรล่ารุ่นเดิมและเวลาฝาสูบมีปัญหาเขาจะยกราวปรับตั้งวาล์วตัวนี้ใหม่เลย ไม่มีการเบิกไปซ่อมกับโรงกลึง

เหมือนที่ผมบอกทุกท่านไป เครื่อง 2.7 ที่ว่าทนมาก ๆ ถ้ามีปัญหาบ่าวาล์วขึ้นมา ห้ามยกฝาไปโรงกลึงแต่ต้องเปลี่ยนฝาสูบใหม่เลยเครื่องจึงจะทนทานมาก แท๊กซี่รุ่นนี้พี่เขายังบอกว่าเบิกอะไหล่ใหม่เลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 58.11.254.154 อาทิตย์, 24/2/2556 เวลา : 10:27  IP : 58.11.254.154   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33774

คำตอบที่ 382
       รายงานระยะทาง 1 ล้านกิโลเมตร


รถตู้ Commuter 2.7 รุ่นแรก มีคนวิ่งทะลุหลัก 1 ล้านกิโลเมตรไปแล้วนะครับ ในรอบ 1 ล้านกิโลเมตร เขามีการซ่อมบำรุงตามระยะทางโดยการเปลี่ยนแหวนที่ลูกสูบไปอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ได้เปลี่ยนนะครับ เปลี่ยนเฉพาะแหวนอย่างเดียวเปิดเปลี่ยนในศูนย์บริการค่าใช้จ่าย หมื่นปลาย ๆ อย่างอื่นไม่มีอะไรเสียหายนะครับ เครื่องยนต์ไม่มีการหลวมแต่อย่างใด เพียงแต่เขาเปิดมาแล้ว เห็นว่าระยะทางวิ่งมามากแล้วเลยจัดการเปลี่ยนซะหน่อย เครื่องยนต์ตัวนี้ 2TR-FE อายุไลฟ์ไทม์ในการวิ่งต้องมีขั้นต่ำ 1 ล้านกิโลเมตร แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ว่าอะไรเสียหายบ้าง แต่ไม่มีอะไรเสียหายนะครับ เขาก็เอามาวิ่งใช้งานประกอบอาชีพต่อไป ตามปกติ

เพราะฉะนั้นรถใครยังวิ่งไม่ถึง 1 ล้านกิโลเมตร ก็รีบวิ่ง ให้ถึงก่อนน่ะครับ อายเขา วิ่งน้อยจัง อ่ะล้อเล่น ..........

รถใคร 2.7 ถ้ายังวิ่งไม่ถึง 1 ล้านกิโลเมตร แล้วบอกว่าเครื่องหลวมอย่างนั้นอย่างนี้ เครื่องไม่ทน อย่าเพิ่งมาคุยกันเลยครับ เอาไว้วิ่งให้ถึง 1 ล้านกิโลเมตรก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ ว่าจะทำอะไรต่อไปดี จะใช้งานต่อไปหรือจะขายออกไป
_____________________________________________________________________________________________________________


ส่วนรถใครถ้าวิ่งมามากกว่า 3 แสนโลกิโลเมตรแล้ว ชุดหล่อเย็นเปลี่ยนทั้งหมดแล้วเป็นรอบที่ 2 คือเปลี่ยนทั้งชุดน่ะครับ ทั้งวาล์วน้ำ ฝาหม้อน้ำ ปั๊มน้ำ ท่อ Pipe 1 ถ้าสมมุติว่าเกิดอาการความร้อนขึ้น ช่วงใช้ความเร็วสูงมาก ๆ หรือวิ่งขึ้นเขาความร้อนสูงมาก แต่วิ่งทางราบความร้อนปกติ อาการนี้ให้เช็คดูแผงรังผึ้งแอร์และรังผึ้งหม้อน้ำ สกปรกหรือไม่ ถ้าล้างด้วยน้ำยาอาปาเช่แล้ว ไม่หาย หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำให้ดูความสกปรกภายในเครื่องยนต์ตอนถอดวาล์วน้ำด้วย ถ้าสกปรกให้เปลี่ยนหม้อน้ำด้วยนะครับ เพราะหม้อน้ำอาจจะตันแล้ว ถ้าเปลี่ยนแล้วถึงจะหายหลายคันใช้วิธีนี้เพราะเศษตระกรันอยู่ในหม้อน้ำ แม้รถคันนั้นจะวิ่งในเมืองเพียงอย่างเดียวก็ตาม แต่ความสกปรกก็มากกว่ารถที่วิ่งนอกเมือง หม้อน้ำรถรุ่นใหม่ไม่สามารถล้างได้นะครับต้องเปลี่ยนอย่างเดียว หม้อน้ำเครื่องยนต์ 2.7 ไม่เหมือนกันนะครับ ห้ามเบิกอะไหล่ผิด หม้อน้ำเกียร์ออโตก็ไม่เหมือนหม้อน้ำรถเกียร์ธรรมดา อย่าเบิกอะไหล่ผิด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 28/2/2556 เวลา : 15:44  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33825

คำตอบที่ 383
       ไฟรูปเครื่องโชว์ ตอน 170980 เข้า o ตรวจเชค พบว่า OCV valve มีปัญหาอาการคือตอนคลิ๊ก down จะอืดกว่าเดิม OCV valve มีหน้าควบคมการจ่วยน้ำมัน
ไปใช้ในระบบ valve แปรผัน vvti นั่นเองเครื่อง2.7 จะอยู่หลังกะปุกน้ำมัน power ปลั๊กสีดำถ้าว่างๆก็ถอดออกมาทำความสะอาดได้ไม่ยากครับ สาเหตุเกิดจากครังล่าสุดตอนถ่าย น้ำมันเครื่องผมเติมน้ำยาล้างเครื่องไปทำให้คราบเขม่าไปอดทางเดินน้ำมันในตัว OCV valve



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ton pitlok จาก tpl 49.48.171.248 พฤหัสบดี, 28/2/2556 เวลา : 23:28  IP : 49.48.171.248   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33826

คำตอบที่ 384
       เคยเป็นเเต่คนละอาการ

อาการของผมคือ ไฟรูปเครื่องโชว์บ้าง ไม่โชว์บ้าง

นำไปเข้าศูนย์แจ้งว่า กล่องECU ประมวลผลผิดพลาดเป็นบ้างครั้ง ก็เลยทำให้ไฟรูปเครื่องโชว์บ้าง ไม่โชว์บ้าง

ทางศูนย์แจ้งราคากล่องECU 2.7 4wd ราคา 30400 บาท ยังไม่รวมVAT และไม่มีส่วนลดใดๆ แพงโครตตต

ทางหัวหน้าแนะนำว่า ถ้าไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนก็ทนใช้ไปก่อนก็ได้ แต่จะทำให้รำคาญใจ

เท่าที่ผมสังเกต ตอนที่ไฟรูปเครื่องโชว์ เครื่องยนต์ก็ปรกติดี ครับ

พี่ๆท่านใดเคยเจออาการแบบนี้บ้าง ช่วยแนะนำด้วยครับ (เลขไมล์ 103000KM)



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

apa2.7vvti จาก ตัวเล็ก 2.7VVTI 119.42.118.163 ศุกร์, 1/3/2556 เวลา : 08:58  IP : 119.42.118.163   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33828

คำตอบที่ 385
       ลองไปหาที่อื่นเช็ค Code ดูครับว่าบอกตรงกับศูนย์นี้หรือเปล่า ถ้าใช่ถึงจะเปลี่ยน เพราะบอกว่าประมวลผลผิดพลาดบางครั้งไม่น่าใช่เท่าไหร่ เพราะแบบนี้ไม่น่าเสียจริง


แต่ถ้าเสียจริง ๆ เวลาเปลี่ยนมี 2 วิธีครือ

1. ไปหาศูนย์อื่นที่ได้ส่วนลดมากกว่า เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าไปใช้บริการโตโยต้าชัยรัชการไม่เคยมีส่วนลดใด ๆ เลย ผมก็แนะนำไปที่อื่นส่วนใหญ่โทรนัดล่วงหน้ามีส่วนลดขั้นต่ำ 10% ทั้งนั้น

2 ถอดกล่อง ECU จด Part no. หลังกล่องทุกตัวหรือถือกล่อง ECU ไปให้ร้านค้าที่วรจักรเบิกอะไหล่ให้ได้ส่วนลด15% ถ้าเสียจริง

3. ถ้าเสียหายมากแล้วไปหาที่รับซ่อมกล่อง ECU มีหลายที่ครับเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 2500-5000 บาท กรณีนี้ต้องเสียเยอะแล้ว คุ้มที่จะเสี่ยงถ้าซ่อมไมได้ก็คือไม่ได้เพราะยังไงมันก็เสียอยู่แล้ว


ราคากล่อง ECU ราคารถเบสิกทั่วไป จะตกประมาณ 25,000-28,000 บาท เมื่อก่อนผมเช็คราคาทุกยี่ห้อแล้วประมาณนี้ ยกเว้นรถยุโรปจะแพงกว่า




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 ศุกร์, 1/3/2556 เวลา : 10:48  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33830

คำตอบที่ 386
       ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ



คุยเรื่องซ่อมกันเรียบร้อยแล้ว
จาก : Auto.(Auto.) 1/3/2556 21:22:44 [124.122.113.83]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

apa2.7vvti จาก ตัวเล็ก 2.7VVTI 119.42.125.59 ศุกร์, 1/3/2556 เวลา : 20:55  IP : 119.42.125.59   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33831

คำตอบที่ 387
       รถของคุณ ตัวเล็ก 2.7VVTI เข้าไปซ่อมจูนแก๊สแก้ไขหัวฉีดแล้วไฟ Engine หายไป คงต้องลองไปใช้ไปก่อนว่าอาการเดิมจะกลับมาอีกหรือไม่
_____________________________________________________________________________________________________________

กรณีเคสของคุณตัวเล็ก 2.7VVTI เหมือนบางท่านที่ผมเคยเจอคือ ไม่ได้ติดตามอ่านความรู้ในเวป Toyota 2700 มาตลอด มันมีความรู้อยู่ในทุกกระทู้บางเรื่องก็เป็นกระทู้สำคัญที่ผมและสมาชิกคนอื่น ๆ ได้ตอบไว้เป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้นเลย ซึ่งบางท่านพอติดแก๊สแล้วก็ไม่เคยเข้ามาอ่านอีกหรือเลือกอ่านเฉพาะบางกระทู้เท่นั้น ซึ่งบางทีมันไม่พอ จะขาดบางเรื่องที่สำคัญไป อย่างที่คุณตัวเล็กทำตอนได้รถมาใช้งานบางเรื่องผมมองว่าไม่จำเป็น บางเรื่องที่จำเป็นก็ไม่ได้ทำ คือเป็นการลองผิดลองถูกเสียเงินเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ ซึ่งผมได้บอกไปแล้วว่าในเวปนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ของ 2.7 ไว้แล้ว เราไม่ต้องไปลองเองให้เสียเวลา

_______________________________________________________________________________________________________

เมื่อวานนี้ได้คุยกับคุณตัวเล็ก 2.7VVTI ที่เอารถมาซ่อมที่อู่อาจารย์รุ่งผมอยู่ที่บางคล้าหัวไทร ก็เลยขับรถออกมาคุยด้วย เขาใช้ Hilux 2.7 4wd Cab AT โฟร์วีล มีเรื่องราวบางเรื่องถ่ายทอดเล่าสู่กันฟังดังนี้ เขาบอกว่าได้รถมาจากเต๊นท์รถที่กรุงเทพ ลองขับพอใจแล้วก็เลยซื้อมาราคา 6xx,xxx บาท ตอนซื้อนั้นน้าชายพาไปซื้อ

ผลคือโดนด่ากันไปเป็นเดือน ไม่เว้นแม้แต่น้าชายที่พาไปซื้อ ครอบครัวด่ากันทุกคนโกรธกันหมด หาว่าไปซื้อรถอะไรมา แถมยังเป็นรถมือ 2 อีก พ่อของคุณตัวเล็กบอกว่า เพิ่มเงินอีก 1 แสนกว่าบาทก็ได้รถใหม่ป้ายแดง 2.5 4wd โฟร์วีลแล้ว ไม่เห็นต้องซื้อมือ 2 เข้ามา
หลังจากใช้งานไปซักพักนึง เสียงด่าไม่มีอีกเลย ทุกคนชอบและพอใจกับการใช้งานรถคันนี้ เงียบกันหมดและชอบที่จะขับรถคันนี้ใช้งานมาก หลังจากได้มาคุณตัวเล็ก 2.7 VVTI ใช้งานวันล่ะ 100-200 กิโลเมตรตลอด ไม่ใช่ซื้อมาจอดเขาพอใจที่จะใช้รถคันนี้มากกว่าที่จะขับดีเซล แน่นอน หลังจากนั้นเพื่อนข้างบ้านมาขอซื้อรถคันนี้แต่เขาไม่ขาย และครอบครัวของเขาอยากได้เพิ่มอีกซัก 1 คันสำหรับรถแบบนี้
ผมคุยกับเค้าซึ่งเค้าบอกว่าเค้าบอกพอใจมากกับเกียร์ออโตเมติกของ 2.7 และโฟร์วีล 4wd การขับขี่จะดีกว่า
ตรงนี้ผมเสริมไปว่า รถ 2.7 จะให้ลงตัวในการใช้งานซื้อมาใช้เป็นรถในครอบครัวหรือบรรทุกหนัก ยังไงก็ต้องซื้อรถ เกียร์ออโต 4wd
เพราะเป็นรุ่น 2wd เกียร์ธรรมดา ที่เป็นขับ 2 ล้อ คนยังไงไม่ประทับใจเท่าตัวเต็มของเดิม ที่เป็นเกียร์ออโต AT 4wd จะใช้งานได้ดีกว่า

เป็นยังไงบ้างกับเรื่องราวที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงของผู้ใช้ ซึ่งมันเคยเกิดกับหลายครอบครัวมาแล้ว ในเคสแบบนี้
รถ 2.7 ไม่ได้มีดีแค่ประหยัดเพราะความประหยัดมันจะน้อยลงเมื่อราคาแก๊สเพิ่มขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือความสุขในฟิลลิ่งการขับขี่ที่คนใช้งานพอใจกับมันว่านี่แหละใช่เลยสำหรับรถปิคอัพ ราคาค่าใช้จ่ายพอพอกัน การใช้งานปิคอัพเบนซินเกียร์ออโต 4wd ยังน่าเลือกมากกว่าการขับปิคอัพดีเซลเกียร์ธรรมดาแบบขับ 2wd

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้าใครมีเรื่องราว ผ่านมาทั้งดีและไม่ดีกับ 2.7 สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ ไม่ว่าเป็นการซ่อมรถ หรืออื่น ๆ อย่าเก็บไว้คนเดียว
อย่างน้อยก็สามารถใช้เป็นประสบการณ์ให้ท่านอื่น ๆ ได้ หรือไม่สะดวกพิมพ์ก็สามารถโทรมาบอกเล่ากับผมได้ ผมจะนำมาลงถ่ายทอดไว้ในเวป ให้คนอื่น ๆ ต่อไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 4/3/2556 เวลา : 09:45  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33841

คำตอบที่ 388
       ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่AUTOและทุกท่าน ที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้


ส่วนอาการของ ไฟเครื่องยนต์โชว์ ตอนนี้หายแล้วครับ และหลังจากที่ได้จูนเเก๊สใหม่รู้สึกว่า


เครื่องยนต์นิ่งและทำอัตราเร่งได้ดีมาก (เรื่องแก๊สต้องให้เค้าเลย อ.รุ่ง) ขอบคุณครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

apa2.7vvti จาก ตัวเล็ก 2.7VVTI 119.42.121.121 จันทร์, 4/3/2556 เวลา : 14:28  IP : 119.42.121.121   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33842

คำตอบที่ 389
       รบกวนปรึกษาครับ เห็นฟอร์จะออกตัวใหม่ถ้าเอา2.7 มาติดแก็สจะคุ้มไหมครับ
2wd ใช้120โล/วัน ใช้20วันต่อ/เดือน ราคาแก็สปัจจุบัน 15บาท/ลิตร
ขอบคุณครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Tinity จาก tinity 223.205.247.153 เสาร์, 6/6/2558 เวลา : 11:35  IP : 223.205.247.153   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41942

คำตอบที่ 390
       ขับบนถนนมิตรภาพตลอด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Tinity จาก tinity 223.205.246.86 เสาร์, 6/6/2558 เวลา : 11:57  IP : 223.205.246.86   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41943

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 13 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,25 ธันวาคม 2567 (Online 2807 คน)