WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เกร็ดความรู้รถใช้แก๊ส TOYOTA 2.7 vvti 2TR-FE
Auto.
จาก Auto
IP:27.55.203.87

พุธที่ , 15/12/2553
เวลา : 22:21

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด มีบอกกันมานานแล้ว
ผมได้คุยกับแท๊กซี่ส่วนมากเป็นแท๊กซีบุคคล ซึ่งน่าเชื่อถือได้
ข้อควรปฏิบัติสำหรับรถทั่วที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับติดแก๊ส อย่างเช่น Corolla Altis Civic หรืออื่น ๆ

1 รถแบบนี้ไม่ควรใช้แก๊สเพียว ๆ ควรสลับน้ำมันบ้าง
2 ก่อนถึงบ้านสัก 5-10 กิโลเมตรควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันก่อนดับเครื่องครั้งสุดท้ายของการใช้งาน
3 ถ้าวิ่งความเร็วสูงมากกว่า 140 km/h ขึ้นไปรถแบบนี้ไม่ต้องตัดปั๊มติ๊ก และ ควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเมื่อความเร็วสูง ถ้าวิ่งทางยาว ๆ จะสลับน้ำมันเป็นครั้งคราว
4 Valve ถ้ามีการสึกหรอสูงเมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนส่วนมากพี่แท๊กซี่เหล่านี้นิยมซื้อของแท้เปลี่ยนที่ศูนย์บริการมากกว่าไปเปลี่ยนจากร้านหรืออู่ภายนอก ราคาต่อตัวผมจำไม่ได้ว่าเขาบอกเท่าไหร่แต่อยู่หลักร้อยต่อ1 ตัว มี 16 ตัว
5 ถ้าทำได้ดังนี้จะยืดอายุการใช้งานและช่วยลดการตั้งวาล์วทุก 4 หมื่นกิโลเมตรลงไปได้

อายุของเครื่องยนต์แท๊กซี่เหล่านี้จะยาวนานกว่าปกติคือสามารถไปได้เกิน 7.5 แสนกิโลเมตร ถ้าระยะปกติที่พังกันในส่วนสหกรณ์แท๊กซี่ 5-7 แสนกิโลเมตร




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 6 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

คำตอบที่ 151
       ความคิดเห็นที่ 6 +2

แล้วเครื่องยนต์เล็กๆ ทางการเกษตรจะทำอย่างงัยครับท่าน ให้พวกผมยกเลยการใช้ไปด้วยเหรอ เครื่องตัดหญ้า เครื่องสูบน้ำ เครื่องพ่นยา เครื่องว่านข้าว พวกนี้เป็นเครื่องจีนใช้ได้แต่ 91 ถ้าเป็นโซฮอมันกัดยางตายหมด คิดถึงหัวอกชาวนาบ้าง ถึงจะใช้ไม่เยอะเพราะมันไม่กินน้ำมันลิตรนึ่งก็ใช้ได้เกือบวัน พวกท่านได้แต่นั่งนึกเอาแบบนี้คนอื่นเดือนร้อน
ดำ




ตามความเห็นนี้เป็นเรื่องจริงเลยครับ
เพราะว่าที่บ้านผมใช้เครื่องยนต์เอนกประสงค์ เครื่องบิด เครื่อง JLO เครื่องตัดหญ้าเล็ก พวกนี้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลไม่ได้นะครับ ลองมาหมดแล้วพบปัญหาเครื่องเอนกประสงค์ที่ต่อกับเครื่องวิดน้ำ กินน้ำมันมากกว่า 91 ชัดเจน เครื่องไม่มีกำลัง ติดยากขึ้น สกปรกต้องซ่อมบำรุงล้างคาร์บูเร็วกว่ากำหนด อุดตันง่าย เครื่องบิดท่อยางน้ำมันพังหมด ติดยากมากตอนอากาศเย็น รถยนต์ก็ลองมาแล้วในกระทู้ที่เห็น รถโคโรล่า 3 ห่วง หัวฉีดน้ำมันพังไปแล้ว
เครื่องยนต์ของรถหลายรุ่นก็ไม่ได้ออกแบบให้ใช้แก๊สโซฮอลเพียงแต่โดยระบบและวัสดุของรถรุ่นใหม่สามารถทนได้ที่ E10 อยู่แล้วทุกคัน รถในหลายประเทศเขาก็ไม่นิยมใช้แก๊สโซฮอล เพราะน้ำมันเบนซินกับเอทานอลราคาไม่จูงใจให้ใช้ ยกเว้นมีส่วนต่างของพลังงาน 2 ชนิดนี้มากและไม่เป็นอุปสรรคกับพื้นที่การเกษตรที่ใช้ผลิตอาหาร



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 ศุกร์, 2/12/2554 เวลา : 08:31  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29115

คำตอบที่ 152
       กำลังภายในที่ต้องวัดกัน ระหว่างคนที่จ้องจะขึ้นราคา NGV กลายเป็น 14.5 บาท/KG

นอกจากนี้กระทรวงพลังงานไม่สามารถตอบคำถามผู้ขับแท็กซี่ได้ว่าปี 2556 จะปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีอีกหรือไม่และเท่าไร เพราะปี 2555 กระทรวงพลังงานจะทะยอยปรับราคาเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม รวม1ปี คือ 6 บาท ผู้ขับแท็กซี่จึงกลัวว่าปี 2556 อาจปรับมากกว่านี้ซึ่งถือเป็นภาระที่ไม่สามารถรับได้


http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9540000154947



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 110.49.233.13 จันทร์, 5/12/2554 เวลา : 21:05  IP : 110.49.233.13   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29162

คำตอบที่ 153
       มาตรการราคาแก๊ส NGV ที่จะทยอยปรับราคาปีหน้าอยู่ที่ 14.50 บาท/ kg LPG อยุ่ที่ประมาณ 16-18 บาท/ลิตร
ตอนนี้ทางภาครัฐยังไม่มีการชะลอการปรับแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือแท๊กซี่ด้วยการจ่ายบัตรเติมก๊าซเดือนล่ะ 6000 บาทก็ตามแต่สหกรณ์แท๊กซี่ก็คัดค้านมาตรการดังกล่าวและยังไม่ยอมรับมาตรการนี้
อีกทั้งถ้าขึ้นราคาจริงภาครัฐก็ยังตอบไม่ได้ว่าปี 2556 จะขยับราคาอีกหรือไม่

ผู้ใช้แก๊สไม่เกิดแรงจูงใจให้ใช้ถ้าราคาแก๊สทุกชนิดปรับเกิน 15 บาท เพราะการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่มีมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาตามมาหลังจากติดแก๊ส และยังต้องเพิ่มภาระแบกถังแก๊สไปกับรถอีกด้วย
ข้อมูลจนถึงเดิอน ตค.54 มีรถยนต์ใช้แก๊สในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 1 ล้านคัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 ศุกร์, 9/12/2554 เวลา : 08:28  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29217

คำตอบที่ 154
       รัฐบาลกับ ปตท. ดูถ้าคราวนี้จะเอาจริงแน่กับงานนี้ที่จะขึ้นราคาแก๊ส LPG NGV ในต้นปีหน้าเริ่มตั้งแต่เดือน มกราคม 2555 เป็นต้นไป
ถึงแม้ทางสหกรณ์แท๊กซี่ไม่อยากจะรับเงื่อนไขที่ทาง ปตท. ออกบัตรเติมก๊าซให้ก็ตาม
เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าทางรัฐบาลกับ ปตท. เชิญชวนให้แท๊กซี่หันมาใช้ก๊าซ NGV แต่พอจำนวนรถที่ใช้ NGV เพิ่มขึ้น ทุกฝ่่ายก็พาเหรดกันขึ้นราคา NGV เป็น 14.5 /kg ตรงนี้ผู้ใช้ต่างก็ไม่มีใครยอมเชื่อ ปตท. เพราะว่าปีนี้ขึ้นแล้ว 6 บาท ปีต่อไป 2556 จะขึ้นหรือเปล่าคำถามนี้เล่นเอา ปตท. ไม่ยอมตอบเพราะตอบไม่ได้
ในเวลานี้มีรถยนต์ที่ใช้ก๊าซทั้ง 2 ชนิดเป็นเชื้อเพลิงประมาณ 1 ล้านคัน ซึ่งทุกฝ่ายก็เล็งเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้ามา แต่ทุกฝ่ายลืมไป 1 อย่างสำคัญก่อนขึ้นราคาก๊าซคือรถยนต์ส่วนใหญ่ในบ้านเราไม่ได้ออกแบบมาสำหรับติดก๊าซ
ถ้าขึ้นราคาก๊าซตามที่มีการประกาศก็คงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการรถยนต์ทั้งเก่าใหม่และวงการแก๊สแน่นอนแต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้น่าจะออกมาแบบนี้


สมมุติ VIOS YARIS JAZZ CITY
รถเหล่านี้เป็นรถซิตี้คาร์ราคาไม่แพงออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมัน แต่คนส่วนใหญ่เอามาติดก๊าซโดยต้องการความประหยัดจากราคาเชื้อเพลิงเบนซินที่สูงขึ้น โดยถ้าใช้น้ำมันจะมีอัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 12- 15 km/l หรือคิดเป็นเงิน 2.3-2.8 บาท /กิโลเมตร
แต่ว่าราคาก๊าซที่ถูกกว่าน้ำมัน LPG 11.3 NGV 8.5 บาท /kg ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในการใช้ก๊าซเพื่อลดค่าใช้จ่ายลงเนื่องจากเมื่อใช้ก๊าซแล้วสามารถประหยัดได้ถึง 50-70% ถึงแม้ติดก๊าซจะมีข้อจำกัดและจุดที่ทำให้รถด่้อยลงไปแต่ นำเงินส่วนต่างมาเป็นค่าซ่อมแซมหรือยอมรับจุดด้อยของการใช้ก๊าซ แต่ถ้าเกิดมีการขึ้นราคาเมื่อนำมาหักลบส่วนต่างแล้ว การติดก๊าซและการใช้ก๊าซจึงไม่มีความน่าสนใจ
คิดตามหลัก
- รถคันนึงเฉลี่ยการใช้ 4-5 ปีระยะทาง 150,000 กิโลเมตร
- คิดเป็นเงิน 2.3-2.8 บาท /กิโลเมตร รวม 345,000 บาทต่อการใช้รถ
ถ้ามีการติดก๊าซสมมุติ LPG รถคันนี้จะใช้เงิน ไปเพียง 150,000 + 30,000 + ค่าซ่อมแซมรถ 30,000+30,000 + ค่าซ่อมก๊าซ 10,000 + ค่าน้ำมันเบนซิน 1x,xxx เมื่อหักลบกลบหนี้ = รถคันนี้ยังมีกำไรตลอด 5 ปีของการใช้รถประมาณ 1 แสนกว่าบาท



แต่ถ้ามีการขึ้นราคาก๊าซ LPG เป็น 16-18 บาท / ลิตร อัตราสิ้นเปลืองคือ 1.5 ต่อกิโลเมตร ขึ้นไป คือค่าเชื้อเพลิงก๊าซ 220,000 up
เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่อการใช้รถ 5 ปี ด้วยสมการเดียวกัน รถกลุ่มนี้มีกำไรไม่เกิน 60,000-80,000 บาทด้วยซ้ำต่อการใช้งานวงรอบนึง 5 ปีและอาจจะน้อยกว่านี้สำหรับคนใช้งานรถไม่เกิน 25,000 กิโลเมตรต่อปี หรือประหยัดได้เพียงปีล่ะ 10,000-20,000 บาท เท่านั้น ซึ่งปัญหาก็คือรถกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ต้องออกจากระบบการใช้ก๊าซไปเนื่องจากรถยนต์ที่เราใช้กันทุกวันนี้ไม่ได้เป็นสเปกที่ใช้ในยุโรปที่ทนทานต่อการใช้ก๊าซแต่อย่างใด และส่วนต่างกำไรที่เกิดขึ้นทำให้รถกลุ่มนี้ไม่เหมาะที่จะใช้ก๊าซอีก เพราะไม่คุ้มกับการใช้ก๊าซหรือติดก๊าซ
สิ่งเหล่านี้ไม่ทราบว่าทุกคนได้กลับมายั้งคิดกันหรือไม่ ว่ารถเราเองคุ้มค่าเพียงพอจะติดก๊าซหรือเปล่า
เพราะว่าร้านติดแก๊ส ผู้นำเข้าแก๊ส มุ่งหวังแต่แสวงหาผลกำไรมากกว่าจะมาคิดเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้ บริษัทรถยนต์ในไทยก็ไม่ได้ส่งเสริมรถยนต์ใช้ก๊าซแต่อย่างใด ดังจะเห็นว่ามีเพียงรถยนต์ 2 รุ่นเท่านั้นที่สามารถติดตั้งและรับรองการใช้ก๊าซจากโรงงานรถยนต์โดยตรง คือ อัลติส CNG และ Benz E200 NGT ซึ่งผู้นำเข้าก๊าซก็ไม่สามารถผลักดันให้เครื่องยนต์ในไทยมีสเปกเหมือนยุโรปที่รองรับก๊าซได้อยู่ดี
ถึงแม้ว่าผู้นำเข้าหัวฉีดก๊าซจะพยายามปรับตัวเพื่อหันมาติด NGV รองรับตลาดก็ตาม แต่ในเมื่อรถยนต์ไม่ได้รองรับก๊าซ 2 ชนิด ยิ่ง NGV ก็มีข้อด้อยกว่าหลายประการ ชนิดที่ว่าเปรียบกันไม่ได้เลยนอกจากราคาถูก ซึ่งผู้นำเข้าหัวฉีดแก๊สคิดแต่กำไรของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว แต่ความคุ้มค่าในการใช้รถอีกหลายรุ่นเป็นปัญหาที่ไม่เหมาะจะใช้ก๊าซอีกต่อไป แม้ราคาจะถูกกว่าน้ำมันก็ตาม บ้านเราก็ไม่เหมือนในยุโรป จะเอาสมการก๊าซราคาถูกกว่าน้ำมันครึ่งนึงมาใช้ก็ไม่ได้ การขึ้นราคาก๊าซดังกล่าว มีผลกับตลาดในอนาคตทีเดียว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 110.49.249.167 อาทิตย์, 11/12/2554 เวลา : 22:57  IP : 110.49.249.167   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29226

คำตอบที่ 155
       นอกจากนี้ยังมีผลกับบรรดาคนชอบรถยนต์ที่นิยมซื้อรถมาติดก๊าซอีกจำนวนมาก ทั้งรถใหม่และรถเก่า ถึงคราวตลาดเปลี่ยนจริง ๆ แล้วครับ
ถึงแม้แก๊สจะถูกกว่าน้ำมันก็จริง แต่ไม่ได้ถูกกว่าจนสะกดคำว่าคุ้มค่าได้หรอก ถ้ามันขึ้นราคาไปเยอะ ๆ ก็มีผลมากเหมือนกัน
จนกลายเป็นความไม่น่าใช้

ปตท มีแผนสร้างปั๊ม NGV จำนวนมาก ถ้ารัฐบาลยอมให้ขึ้น NGV เป็น 15 บาท /kg แล้วตัวเองจะโดดลงมาเล่น LPG ด้วย
แต่ว่าถ้าไม่ขึ้นราคาก็อย่าหวังได้เห็นการขยายปั๊ม มากกว่านี้
แต่ถ้าขึ้น NGV เมื่อไหร่ ชาวบ้านหยุดใช้ก๊าซเมื่อนั้น ตลาดก๊าซหดตัวลงอย่างรุนแรง ปตท ก็ยังไม่เสียหายมากนัก
เพราะว่า ปตท บอกว่าจะขยายปั๊ม เมื่อขึ้นราคาแต่ตอนนี้ยังไม่ได้ขยายซักหน่อย แม้จะขึ้นราคาไปแล้วก็่ค่อยดูตลาดอีกทีว่าตลาดคนใช้ก๊าซจะหดตัวลงเพียงใด เมื่อนั้นตัดสินใจใหม่ก็ยังไม่สาย



คำแนะนำสำหรับคนจะติดก๊าซเวลานี้ ถ้าไม่ใช่รุ่น 2.7 ให้ชะลอดูท่าทีไปอีก 1- 2 เดือนก่อนก็ยังดี อย่าเพิ่งไปติดก๊าซตอนนี้ เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองสมควรติดก๊าซหรือไม่แล้วถ้ายังคิดจะติดอยู่จะเลือกได้ว่าจะเอาแบบไหน
ใครจองคิวติดก๊าซไว้ตอนนี้ถ้าไม่เสียหายสมควรยกเลิกกันก่อน เพราะงานนี้รัฐบาลกับ ปตท น่าจะเอาจริง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 110.49.249.167 อาทิตย์, 11/12/2554 เวลา : 23:20  IP : 110.49.249.167   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29227

คำตอบที่ 156
       เอารถ Altis CNG ไปเช็คระยะ 20,000 กิโลเมตร
แจ้งซ่อมเพิ่มเติม
- กันชนหน้าไม่สนิท
พนักงานรับรถถามเสมอว่าไปโดนชนมาหรือเปล่า ผมบอกว่าเป็นข้อบกพร่องของรุ่นนี้ พนักงานก็เลยเปลี่ยนท่าทีบอกใช่มันเป็นจุดบกพร่องของการออกแบบ

- พวงมาลัยเอียง
- แร๊กพวงมาลัยมีเสียงดัง บางครั้ง
พนักงานรับรถบอกไม่น่ามีอะไร ผมบอกว่ามีการบกพร่องของแร็ก รุ่นนี้ต้องเปลี่ยน อาการเสียงดังของแร๊ก ผมตั้งใจว่าจะเคลมเอาแร๊กใหม่มาให้ได้พนักงานก็เลยเออออตาม ว่ารุ่นแรกของอัลติส CNG มีปัญหาเรื่องนี้แต่รุ่นนี้เป็นรุ่น 2 แล้วเพิ่งเคยเจอไปคันเดียวแต่จะลองดูให้ก่อนแต่ไม่รู้ไปแก้อะไรก็หายแล้วไม่ได้เปลี่ยน ผมปล่อยไก่ไปทีนึงว่าเสียงเหมือนมีแรงดันส่วนเกินอยู่ แต่ที่จริงมันคือแร็กไฟฟ้าใช้โซ่ขับภายในราคาแพงกว่าแร๊กน้ำมันนิดนึง


สรุป พนักงานกะล่อนจัง ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องเคลมอะไรได้บ้างสงสัยเป็นหมูอีกแน่




จากนั้นคุยเรื่องรายการเช็คระยะวันนี้ พนักงานบอกว่ารถถึงเวลาต้องเปลี่ยนกรองแก๊ส 20,000 กิโลเมตร แต่ราคากรองแก๊สผมอายจังไม่กล้าบอกกับลูกค้าเลยเพราะราคา 1,800 บาท ผมเลยบอกข้างนอกราคา 400 บาท ราคามาตรฐานคืออย่างแพง แต่ถ้า 500-600 บาทอันนี้ฟันกันเต็มที่แล้วสำหรับร้านแก๊ส ที่ไม่น่าคบ พนักงานบอกกรองแก๊สอันนี้เป็น oem part ราคาถูกบวกไปสูงมาก ผมบอกเปลี่ยนได้เลยเพราะต้องเปลี่ยนในศูนย์เพื่อการรับประกันเนื่องจากอาจมีปัญหาที่หัวฉีดตัน (ผมอยากเคลมหัวฉีดจะตายไป ใช้สัก 8-9 หมื่นโลแล้วเคลมคงมีความสุข)
ราคาเช็คระยะมีดังนี้
1 ค่ากรองแก๊ส 1800 บาท
2 ค่าแหวนรอง 49 บาท ทำไมมันแพงกว่ารถทั่วไปที่ราคา 18 บาท
3.กรองน้ำมันเครื่อง 220 บาท
4 เหล็กรัด 125 บาท โอ
รวมส่วนลดกับแวตแล้ว 2233 บาทน้ำมันเครื่องนำไปเอง

คิดแล้วใช้ 2.7 4x4 ยังมีความสุขกว่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 110.49.227.59 พุธ, 14/12/2554 เวลา : 23:17  IP : 110.49.227.59   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29255

คำตอบที่ 157
       พอคุ้นเคยกันอยู่บ้างกับพนักงานรับรถ TBS ก็เลยถามกันเล่น ๆ


ปั๊มอากาศ 2.7 ที่เป็นข้อบกพร่อง TOYOTA จะเอายังไง เพราะพังกันหลายคัน ของผมต้องถอดฟองน้ำออกถ้าไม่ถอดก็เสี่ยงพัง
พนักงานบอกว่าเป็นกันเยอะ แต่ถ้าอยู่ในประกันก็เคลม ผมบอกส่วนใหญ่เลยประกันถึงจะพัง
พนักงานบอกอีกว่าให้ลองโทรไป call center TOYOTA พวกผมเป็นพนักงานมันก็เลยช้าบางทีลูกค้าร้องเรียนไปดีกว่า
ซึ่งเขาก็ตอบในฐานะพนักงาน คงไปคาดคั้นเขามากไม่ได้


ก่อนกลับถามเล่น ๆ ไปอีกเรื่อง Hilux Vigo 2.7 เบนซินไม่ทำขับเคลื่อน 4wd ออกมาอีกเหรอ
พนักงานตอบว่าผมไม่ได้อยู่ส่วนโรงงานเลยไม่สามารถตอบได้ แต่เห็นว่ารุ่นนี้เน้นไปที่การส่งออกน่าจะอยุ่ที่นั่นมากกว่า
ก็เป็นการกดดันกันไปดีกว่าไม่ทำอะไรเลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 110.49.227.59 พุธ, 14/12/2554 เวลา : 23:27  IP : 110.49.227.59   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29256

คำตอบที่ 158
       แหม...ใช้วิธี กด...ดัน นะครับ ดีคร๊าบเผื่อจะทำมาขายคนไทยบ้าง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

tar3425 จาก tar3425 203.155.220.236 พฤหัสบดี, 15/12/2554 เวลา : 12:20  IP : 203.155.220.236   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29259

คำตอบที่ 159
       ไม่รู้มีใครเจอกันบ้างไหม
ผมเจอขี้เกลือที่ขั้วบวกแบตเตอรรี่ มันกัดหางปลาของสายไฟที่ต่อเข้ากล่อง ECU แก๊สจนผุหมดเลย
ซึ่งเพิ่งมาเป็นหลังเข้าศูนย์เช็ค 60000
สันนิฐานว่าพนักงานเติมน้ำกลั่นมากเกินไป พอล้นแล้วมันจะเกิดเป็นขี้เกลือ
เพราะปกติผมจะเติมเอง และไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้

ตอนนี้จัดการเปลี่ยนหางปลาเรียบร้อยแล้ว
เล่าสู่กันฟังครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Aod SRT จาก Aod SRT 202.12.73.193 พฤหัสบดี, 15/12/2554 เวลา : 13:29  IP : 202.12.73.193   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29260

คำตอบที่ 160
       สมาคมแท็กซี่จี้รัฐบาลทบทวนขึ้นก๊าชเอ็นจีวีภายใน 31 ธ.ค.นี้ ขู่หากไม่ได้คำตอบที่พอใจจะนำสมาชิกแท็กซี่กว่า 7.3 หมื่นคันหยุดวิ่งให้บริการ และจะปรับค่าบริการนอกมิเตอร์เพิ่มอีกเที่ยวละ 20 บาท หาก ปตท.ปรับขึ้นราคา...

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมผู้ประกอบการรถแท็กซี่สยาม ระบุว่า จะต่อต้านการขึ้นราคาพลังงานของรัฐบาลทุกรูปแบบ โดยในส่วนของการเตรียมปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีนั้น รัฐบาลยังพอมีเวลาที่จะทบทวนใหม่ ซึ่งจะให้เวลารัฐบาลพิจารณาทบทวนให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธ.ค.2554 นี้ หากไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ รถแท็กซี่ซึ่งมีสมาชิกรวมกว่า จะเริ่มทยอยหยุดวิ่งโดยอาจจะเริ่มจากหยุดวิ่งเป็นเวลา 15 วัน หรือ 1 เดือน และหากในวันที่ 16 ม.ค. 2555 ปตท.มีการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีจริง สมาชิกของสมาคมจะพร้อมใจกันปรับขึ้นอัตราค่าบริการนอกมิเตอร์เพิ่มอีกเที่ยว ละ 20 บาท นอกเหนือไปจากค่าโดยสารตามมิเตอร์ เพื่อลดภาระต้นทุนค่าขนส่งที่ปรับเพิ่มขึ้นจากราคาก๊าซ

น.ส.ภัทรวดี กล่อมจำรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง กล่าวว่า ปัจจุบันรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานคร เกือบทั้งหมดใช้เชื้อเพลิงเอ็นจีวี เนื่องจากถูกระเบียบขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพบังคับ ดังนั้น การปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีครั้งนี้ รถโดยสารจะได้รับผลกระทบโดยตรง ประกอบกับที่ผ่านมาสถานีบริการก็ยังมีไม่เพียงพอ สร้างปัญหาให้กับรถโดยสารมาก.


โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
http://www.thairath.co.th/content/eco/224551/




ตอนนี้สถานการณ์น่าห่วงทีเดียวเพราะยังไม่มีการทบทวนเพื่อปรับราคาแต่อย่างใดซึ่งเป็นไปได้ว่าหลังปีใหม่อีกไม่กี่วันจะกลายเป็นข่าว............มหาวายร้ายยิ่งกว่าน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมยังสามารถลดลงได้ภายใน 3-4 เดือน แต่ถ้าแก๊สขึ้นราคาแล้ว ............ชาตินี้ไม่มีวันที่ราคาจะลดลงกลับมาอยู่เท่าเดิม
เพราะราคาแกสทั้ง 2 ชนิดพาเหรดขึ้นราคาสูงมาก จนน่ากลัว รถเล็ก ๆ ที่ประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว ไม่เหมาะสำหรับติดแก๊สอีกต่อไป


ปตท.ให้แท๊กซี่เปลี่ยนมาใช้ NGV พอวันนึงเปลี่ยนกันมาเยอะ ก็ขึ้นราคาก๊าซ NGV เป็น 14.5 บาท / kg
ปตท. จะมาอ้างได้อย่างไรว่าขาดทุน เพราะมีการพูดคุยกันแต่แรกแล้วว่า NGV เหมาะมากสำหรับประเทศที่มีท่อส่งก๊าซการเดินท่อก๊าซส่งไปตามบ้านเรือนหรือตามปั๊มสำหรับรถยนต์ เป็นสถานีเติมเฉพาะเพื่อรถโดยสารขนาดใหญ่ที่มีเส้นทางประจำ เพื่อให้บริการภาคประชาชนทำให้ค่าโดยสารถูกมากเป็นการช่วยประชาชนให้ใช้รถสาธารณะที่มีเชื้อเพลิงสะอาดและราคาถูกมาก
แต่ในเมื่อมันไม่เหมาะ ปตท. กับรัฐบาลพยายามเอาออกมาใช้โดยไม่ทำความเข้าใจ และเอารถบรรทุกมาขนส่งก๊าซ แล้วคิดต้นทุนขั้นต่ำ 15 บาท
แบบนี้จะเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกได้ยังไง ตายซิครับ มันผิดวัตถุประสงค์



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 20/12/2554 เวลา : 08:47  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29300

คำตอบที่ 161
       เห็นรถที่บรรทุก NGV ไปส่งตามปั๊มยังใช้น้ำม้นเป็นเชื้อเพลิงอยู่เลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

tar3425 จาก tar3425 203.155.220.236 อังคาร, 20/12/2554 เวลา : 16:17  IP : 203.155.220.236   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29304

คำตอบที่ 162
       บอกให้อีกทีก้ได้ สำหรับคนที่รถหมดประกันแล้วไม่อยากเข้าศูนย์เพราะแพง ลองพิจารณาดูว่าสามารถทำได้หรือไม่แล้วค่อยพิจารณาว่าจะทำในศูนย์หรือจะออกนอกศูนย์


1....ถ้าเข้าศูนย์ในการเช็คระยะทั่วไป อยู่ในระยะปกติ ไม่ใช่ระยะเปลี่ยนถ่ายของเหลวครั้งใหญ่ สิ่งที่ต้องทำมีดังนี้
ถ้าทำอู่นอก.............ย้ำว่าอู่นอก

- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
- เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง
- ถอดเบรคหน้ามาขัดทำความสะอาดหน้าสัมผัสผ้าเบรค
- หล่อลื่นจุดหมุนจุดยึดเบรคหน้า ส่วนสัมผัส
- ตรวจดูร่องรอยการฉีกขาดของยางแม่ปั๊มเบรค
- ตรวจดูการสึกหรอของผ้าเบรค ถ้าสึกมากให้เปลี่ยน
- ตรวจดูการสึกหรอของผ้าเบรค ถ้าสึกไม่เท่ากัน งานเข้าแล้วครับ ให้ไปจัดการเข้าซ่อมเปลี่ยนลูกยางแม่ปั๊มเบรคควรรีบทำทันที ของแท้ทั้งหมดรวมค่าแรงราคาไม่เกิน 1000 บาทที่ศูนย์บริการ รายการนี้ทำข้างนอกได้แต่ เมื่อเจอปัญหาแล้วทำในศูนย์ดีกว่าเนื่องจากราคาถูกกว่าทำอู่นอกและได้เอาของแท้ด้วย
-ถอดเบรคหลังออกมาขัดทำความสะอาดผ้าเบรคด้วยกระดาษทรายหยาบ เพราะต้องเอาความดำด้านของผ้าเบรคออกไป ควรทำทุก 1 หมื่นโล
- ปรับตั้งความตึงผ้าเบรคหลังด้วยการเขี่ยที่ปรับตั้ง ระยะความตึงให้สังเกตุจากเบรคมือตั้งไว้ประมาณ 15-18 องศา เน้นควรปรับตั้งให้ตึงไว้ก่อนเพราะเบรคดรัมหลังของ Hilux ทำงานตอบสนองช้าเร็ว ควรตั้งให้ตึงไว้นิดนึงพอใช้ไปสัก พักมันก็เริ่มหย่อนเอง
-ตรวจเช็คยางปั๊มเบรคหลัง
- หล่อลื่นจารบีที่จุดหมุนจุดต่อหน้าสัมผัส ทำเช่นเดียวกับเบรคหน้า
- เช็คช่วงล่างทั่วไป สายตา
- เช็คสภาพเครื่องยนต์ทั่วไป สายตา
- เช็คกล่องฟิวส์ในห้องเครื่องยนต์ เปิดเช็คด้วยสายตา
- อัดจารบีช่วงล่างถ้าจำเป็น

ทั้งหมดนี้ค่าแรงเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 50 บาท
ค่าแรงบริการเบรคหน้าหลังไม่เกิน 200 บาท
ราคาทั้งหมดรวมแล้วไม่เกิน 300 บาท ถ้ามีอู่ทำข้างนอกได้ราคาไม่เกินนี้ แนะนำเข้าอู่นอกได้เลยครับ ประหยัดเงินไปได้


แต่ถ้าหาอู่ทำไม่ได้ หรือราคาค่าแรงอู่ทำแพงกว่านี้ก็กลับไปใช้ศูนย์บริการทำดีกว่า ค่าแรงตกประมาณ 900 บาท ในระยะปกติ คุ้มกว่าทำอู่นอก






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 26/12/2554 เวลา : 12:37  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29353

คำตอบที่ 163
       สำหรับคนที่รถหมดประกันแล้วไม่อยากเข้าศูนย์เพราะแพง ลองพิจารณาดูว่าสามารถทำได้หรือไม่แล้วค่อยพิจารณาว่าจะทำในศูนย์หรือจะออกนอกศูนย์

ในระยะ 80,000 กิโลเมตร 120,000 กิโลเมตร 160,000 กิโลเมตรหรือทุกระยะการเปลี่ยนของเหลวซ่อมบำรุงใหญ่
ถ้าเป็นรถ 2wd จะเป็น Fortuner Hilux


1. รายการที่ทำเหมือนเช็คระยะปกติ คือบริการเบรคทั้ง 4 ล้อ เพื่อความปลอดภัยและยืดอายุเบรค
2.เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แล้วแต่อยากใช้คิดประมาณ การ 1700 บาท ค่าแรง 50 บาท
3.เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง
4.เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ T-IV แท้โตโยต้าเท่านั้น 900 บาท ซื้อข้างนอก ค่าแรงเปลี่ยน 50 บาท
เกียร์ธรรมดาให้ใช้ 75w-90 tranmission แท้โตโยต้า 3 ลิตร 150 บาท = 450 บาท
5.เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย 80w-90 ซื้อข้างนอกค่าของ 3 ลิตรลิตรล่ะ 200 บาท รวม 600 บาท ค่าแรง 50 บาท
6.เปลี่ยนน้ำมันเบรคแท้โตโยต้า ซื้อข้างนอกลิตรล่ะ 70 บาท 2 ลิตร รวม 140 บาท ค่าแรงเปลี่ยน 100 บาท
7.เปลี่ยนหัวเทียน หัวล่ะ 63 บาท ค่าแรงเปลี่ยนฟรี หรือคิดไม่เกิน 50 บาท
8.ถ้าทุกระยะ 80,000 โลต้องเปลี่ยนกรองเบนซินด้วยของแท้เบิกห้าง ไม่ใช่ร้านข้างนอก 700 บาท เท่านั้น ค่าแรงเปลี่ยนไม่เกิน 50 บาท
รวมจ่ายระยะนี้ทำอู่นอกที่ไม่ควรเกิน คิดเป็นค่าอะไหล่แท้ทั้งหมด 3600-3800 บาท ค่าแรงเปลี่ยนของเหลวไม่เกิน 300
ค่าแรงบริการเช็คเบรคหน้าหลังและตั้งเบรคหลัง ไม่เกิน 200 บาท
รวมจ่ายระยะนี้สำหรับรถ 2wd ไม่ควรเกิน 4,500 บาท


ถ้าหาอู่ทำไม่ได้หรือทำแล้วแพงกว่า
ถ้ามากกว่านี้คุณไปหาศูนย์ทำเองเถอะ เพราะน่าจะถูกกว่าได้ประกันด้วย น้ำมันหิ้วเองจากข้างนอกทุกรายการ ยกเว้นศูนย์ไม่ให้เอาน้ำมันเข้าไปควรเปลี่ยนศูนย์ใหม่ คือทางออกที่ดีกว่าไปทะเลาะกับศูนย์



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 26/12/2554 เวลา : 12:39  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29354

คำตอบที่ 164
       สำหรับคนที่รถหมดประกันแล้วไม่อยากเข้าศูนย์เพราะแพง ลองพิจารณาดูว่าสามารถทำได้หรือไม่แล้วค่อยพิจารณาว่าจะทำในศูนย์หรือจะออกนอกศูนย์

ในระยะ 80,000 กิโลเมตร 120,000 กิโลเมตร 160,000 กิโลเมตรหรือทุกระยะการเปลี่ยนของเหลวซ่อมบำรุงใหญ่
ถ้าเป็นรถ 4wd 4x4 จะเป็น Fortuner Hilux



1. รายการที่ทำเหมือนเช็คระยะปกติ คือบริการเบรคทั้ง 4 ล้อ เพื่อความปลอดภัยและยืดอายุเบรค
2.เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แล้วแต่อยากใช้คิดประมาณ การ 1700 บาท ค่าแรง 50 บาท
3.เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง
4.เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ T-IV แท้โตโยต้าเท่านั้น 900 บาท ซื้อข้างนอก ค่าแรงเปลี่ยน 50 บาท
5.เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย Hypoild 85w-90 Limited slip ซื้อข้างนอกแท้ TOYOTA เท่านั้น ค่าของ 3 ลิตรลิตรล่ะ 180 บาท รวม 540 บาท ค่าแรง 50 บาท
ถ้าเป็น fortuner 4x4 ใช้น้ำมันเฟืองท้ายธรรมดาเบอร์ 80-90 เหมือนรุ่น 2wd จะมีราคาแพงกว่าลิมิเต็ดนิดนึงคือ 200 บาท 3 ลิตร = 600 บาท
6.น้ำมันเกียร์ทรานเฟอร์สหน้า 75w-90 transmiission ค่าของ 3 ลิตรลิตรล่ะ 150 บาท รวม 450 บาท ค่าแรง 50-100 บาท
7.เปลี่ยนน้ำมันเบรคแท้โตโยต้า ซื้อข้างนอกลิตรล่ะ 70 บาท 2 ลิตร รวม 140 บาท ค่าแรงเปลี่ยน 100 บาท
8.เปลี่ยนหัวเทียน หัวล่ะ 63 บาท ค่าแรงเปลี่ยนฟรี หรือคิดไม่เกิน 50 บาท
9.ถ้าทุกระยะ 80,000 โลต้องเปลี่ยนกรองเบนซินด้วยของแท้เบิกห้าง ไม่ใช่ร้านข้างนอก 700 บาท เท่านั้น ค่าแรงเปลี่ยนไม่เกิน 50 บาท
รวมจ่ายระยะนี้ทำอู่นอกที่ไม่ควรเกิน คิดเป็นค่าอะไหล่แท้ทั้งหมด 4,000-4,500 บาท ค่าแรงเปลี่ยนของเหลวไม่เกิน 300
ค่าแรงบริการเช็คเบรคหน้าหลังและตั้งเบรคหลัง ไม่เกิน 200 บาท
รวมจ่ายระยะนี้สำหรับรถ 4wd ไม่ควรเกิน 5,500 บาท


ถ้าหาอู่ทำไม่ได้หรือทำแล้วแพงกว่า
ถ้ามากกว่านี้คุณไปหาศูนย์ทำเองเถอะ เพราะน่าจะถูกกว่าได้ประกันด้วย น้ำมันหิ้วเองจากข้างนอกทุกรายการ ยกเว้นศูนย์ไม่ให้เอาน้ำมันเข้าไปควรเปลี่ยนศูนย์ใหม่ คือทางออกที่ดีกว่าไปทะเลาะกับศูนย์






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 26/12/2554 เวลา : 12:40  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29355

คำตอบที่ 165
       รายการเปลี่ยนที่ระยะ 1.2-1.6 แสนกิโลเมตร ผมยังไม่ได้ทำแต่ค่าของค่าแรงประมาณการดังนี้
ราคาทำอู่นอก ที่ถามาคร่าวๆ จดไว้ดังนี้

อะไหล่ต้องเป็นของแท้ทั้งหมดแต่ซื้อเบิกห้าง เพราะต้องการของแท้เป็นสำคัญ

1. ปั๊มน้ำ เบิกหน้าซื้อขายวีโก้ไทยแลนด์ 1xxx บาท ของแท้เบิกห้าง ถ้าซื้อจากศูนย์ไม่ใช่ร้านอะไหล่ 2,150 บาท
2. water by pass pipe 1 assy 800 กว่าบาท เบิกห้าง
3.วาล์วน้ำ 750 บาท เบิกห้าง
4.ฝาหม้อน้ำ แท้ห้างซื้อจากศูนย์ไม่ใช่ร้านอะไหล่ รายการนี้ไม่อนุญาตซื้อร้านอะไหล่เพราะของเทียมเพียบกิ๊กก๊อกกระจอกเกินไปได้ไม่คุ้มเสีย ราคา ในศูนย์ประมาณ 250 บาท
5.น้ำยาหล่อเย็นแท้โตโยต้า 2 แกลลอน 7 ลิตร 700 บาท จากร้านข้างนอก
6.ท่อยางน้ำหม้อน้ำ ราคาไม่เกิน 1000 บาท แท้ห้าง


ราคารวมอะไหล่แท้ทั้งหมด 4,500 บาท
ค่าแรง 1000 + - ในการเปลี่ยน แล้วแต่ร้าน

หมายเหตุถ้ามีการเปลี่ยนหม้อน้ำ หรือพบว่าหม้อน้ำรั่วที่ระยะนี้ ราคาหม้อน้ำสำหรับรถรุ่นเกียร์ออโตเมติกวีโก้อยุ่ที่ 2xxx กว่าบาทแท้ จากร้านอะไหล่




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 26/12/2554 เวลา : 12:51  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29356

คำตอบที่ 166
       ส่วนกรองแก๊สและเช็คการรั่วของแก๊สให้ทำดังนี้

กรองแก๊สสามารถซื้อได้จากร้านขายอะไหล่รถยนต์หรือร้านขายอะไหล่แก๊ส ราคาที่ผมซื้อมานั้น 250 บาท ขั้นตอนการเปลี่ยนนั้นง่ายเพราะเป็นแค่เข็มขัดรัดสายเท่านั้นเองถอดออก 2 ตัวหัวท้ายเปลี่ยนก็จบแล้ว ตัวกรองแก๊สมีทิศทางเข้าและออก IN OUT ต้องระวังเรื่องทิศทางนิดนึงเท่านั้น ทุกท่านสามารถซื้อมาเปลี่ยนเองได้เลย
กรองแก๊สราคาไม่แพง 250 บาท เท่านั้น จะเลือกเปลี่ยน 20,000 หรือ 40,000 กิโลเมตรก็ได้ ถ้า CNG น่าจะเปลี่ยนเองทุก 20,000 โล ไม่ต้องทำการปรับจูนใดใดทั้งสิ้น
ปกติที่ร้านแก๊สจะคิดราคากัน 400 บาทซึ่งถือว่าแพงมากแล้ว ถ้าต้องการประหยัดเราซื้อมาเปลี่ยนเองได้หรือซื้อไปให้ร้านซ่อมรถยนต์ช่วยเปลี่ยนได้ค่าแรงไม่เกิน 20 บาท

การเช็ครั่วให้ซื้อกระป๋องเสปรย์ฉีดน้ำยารีดผ้า จากนั้นผสมน้ำซันไลท์ฉีดตามข้อต่อท่อแก๊สที่บริเวณห้องเครื่องและบริเวณข้อต่อถังแก๊ส


ทั้ง 2 อย่างนี้ง่ายและสามารถทำเองได้เลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 26/12/2554 เวลา : 16:24  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29358

คำตอบที่ 167
       ส่วนเรื่องการตัดปั๊มติ๊กที่ผมเคย comment ไปนั้น สุดท้ายแล้วคนส่วนใหญ่เลือกกลับมาตัดปั๊มหรือคนเคยติดตั้งแก๊สไปแล้วก็หันกลับมาตัดปั๊มติ๊กกันอีกรวมถึงการที่หลายต่อหลายคนพยายามหันกลับมาตั้งรอบ RPM ของการเปลี่ยนเป็นแก๊ส 600-700 rpm ไม่ตั้งรอบสูง 1500 rpm เหมือนอย่างเดิมอีก
เหตุเพราะ ...........เคยถามตัวเองกันไหมเพราะอะไร

1. ทำไมเราต้องเติมน้ำมัน 1/ 4
2.ทำไมต้องสิ้นเปลืองกับการใช้น้ำมัน ตอนเช้ามากเกินจำเป็น ทั้งที่ไม่เกิดประโยชน์
3.ทำไมต้องมาเสียเงินซ่อมปั๊มติ๊ก ราคาแพง ๆ
4.ทำไมต้องเสียเวลาให้รถไปเปลี่ยนเป็นแก๊สขณะวิ่งบนท้องถนน
5.ทำไมต้องไปเสี่ยงเชื้อเพลิงท่อรั่ว ท่อแตก
6.ทำไมต้องมาถกเถียงกันแบบไร้ประโยชน์

หลัง ๆ รถส่วนใหญ่ได้ทำตามข้อสรุปนี้กัน คือตัดปั๊มติ๊กเพื่อให้หมดกังวลไปตั้งแต่ติดแก๊สครั้งแรก ตั้งรอบ 600-700 รอบของการเปลี่ยนเชื้อเพลิงน้ำมันไปเป็นแก๊ส เพื่อจะได้อุ่นเครื่องและเปลี่ยนเชื้อเพลิงก่อนการใช้งานจริงบนท้องถนน ร้านติดแก๊สเขามีบริการตัดปั๊มให้อยู่แล้วตั้งแต่ติดมา แต่ถ้าใครไม่ได้ทำต้องการไปทำทีหลัง ล้วนต้องเสียเงินเพิ่มเติมทั้งนั้น 500-1000 บาท
แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ทำตามที่ผมแนะนำไปคือ รถยนต์มันต้องการการใช้น้ำมันบ้างเราไม่สามารถใช้แก๊สตลอดเวลาได้เพราะชิ้นส่วนกลไกภายในของเครื่องยนต์ต้องการหล่อลื่นและการลดอุณหภูมิสะสมลง เพราะตัวอย่างมีแล้วกับรถที่มักใช้แก๊ส 100% ฝาสูบมักจะพังเร็วกว่ากำหนดมากกว่าที่ควรจะเป็น

ควรทำตามคำแนะนำของบริษัท Mitsubishi Thailand คือ ควรสลับการใช้น้ำมันในการใช้งาน 90 กิโลเมตร / การใช้น้ำมัน 10 กิโลเมตร
ถ้าใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน
วิ่งทางไกลควรเปลี่ยนสลับเดินเครื่องด้วยน้ำมันตามอัตราส่วนข้างต้น และไม่ควรวิ่งด้วยแก๊สใช้งานระยะยาวโดยไม่พักหยุดรถ เพราะความเครียดสะสมในเนื้อวัสดุทำให้ฝาสูบสึกหรอมาก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 26/12/2554 เวลา : 16:45  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29360

คำตอบที่ 168
       บางท่านอาจทราบแล้ว บางท่านอาจไม่ทราบ เอามาลงให้ดูแล้วกัน เฟอรรารี่ติดแก๊ส
ถือเป็นความรู้ครับ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เรื่องใหญ่ หรือเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย
ดีเซลหรือรถอื่นๆ ที่ยังติดแก๊สไม่ได้ผลยังน่าวิจารณ์มากกว่า

http://www.bangkoksupercar.com/forum/index.php?topic=7028.0





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 5/1/2555 เวลา : 19:28  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29457

คำตอบที่ 169
       SL รหัส R129 เปิดประทุน เครื่องยนต์ SL600 ก็ติดแก๊ส
http://www.benzowner.net/forum/showthread.php?t=37827&page=2





รถในฝันของผมเลยนะ
จาก : J cha(J cha) 11/1/2555 13:59:06 [171.4.197.144]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 5/1/2555 เวลา : 19:31  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29458

คำตอบที่ 170
       การขึ้นราคาแบบขั้นบันไดเดือนละ 50 สตางค์ ต่อเดือน อาจจะดูน้อย แต่เมื่อรวมการปรับทั้งหมด 12 ครั้ง รวม 6 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาแก๊สเอ็นจีวี ซึ่งปัจจุบันกิโลกรัม 8.50 บาท เมื่อถึงสิ้นปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 14.50 บาท ซึ้งคิดเป็นอัตรา 70 % ซึ่งเป้นการปรับราคาในอัตราที่สูงมาก

ทำนองเดียวกับ การป่าวประกาศของ ปตท. ว่า มีภาระขาดทุนสะสม จากการตรึงราคาแก๊สเอ็นจีวี ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ถึง 38,000 ล้านบาท ซึ่งดูแต่ตัวเลข จะรู้สึกว่าเยอะมาก แต่ถ้า สื่อ ไม่ถูกงบโฆษณาประชาสัมพัน์ของ ปตท. ปิดหู ปิดตา และปิดปาก ลองเอากำไรตั้งแต่ ปี 2547 ถึง 9 เดือนแรกของ ปี 2554 มาบวกกันดู ก็จะพบว่า 8 ปีที่ผ่านมา ปตท. มีกำไรสุทธิรวมกันถึง 7 แสนล้านบาท การขาดทุนที่ ปตท . อ้างว่า เกิดจาการตรึงราคาแก๊สเอ็นจีวี นั้น มีสัดส่วนไม่ถึง 5% หรือ ไม่ถึง ครึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อ ปี ของกำไรที่เกิดจากการใช้ ทรัพยสินของแผ่นดินไปหาประโยชน์

เมื่อเทียบกับ ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่ต่ำกว่า 10 % ต่อปี โดยปี 2553 สูงถึง 18.06 เปอร์เซ็นต์ต่อปี การตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวี ถือว่า เป็นภาระเพียงนิดเดียว แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ที่แท้จริง หาก ปตท. จะมีน้ำใจ ไม่คิดแต่การแสงหากำไรสูงสุด

ผู้ประกอบการขนส่ง ไมได้ปฏิเสธการขึ้นราคาแก๊สเอ๊นจีวี แต่พวกเขาเห็นว่า การขึ้นราคาถึง 70 % นั้นมากไป เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค พวกเขาไม่ได้ต่อสู้คัดค้านการขึ้นราคาเอ็นจีวีของ ปตท. โดยใช้พวกมากมาปิดถนน นั่นเป็นทางเลือกสุดท้าย พวกเขาสู้ด้วย ข้อมูล ซึ่งแตกต่างจาก ปตท. โดยสิ้นเชิง ราคาที่พวกเขารับได้คือ ปรับขึ้นอีกกิโลละ 2 บาท ไม่ใช่ 6 บาท เพราะนั่นเป็นข้อมูลของ ปตท. ฝ่ายเดียว ซึ่งบวกเอาค่าบริหาร จัดการ ค่าขนส่ง ที่ล้วนอยู่ภายใต้การผูกขาดของ ปตท. เพียงผู้เดียว สามารถยักย้ายถ่ายเท ตั้งราคาขาย โอนกำไรจากกระเป่าซ้าย ไปสู่กระเป่าขวาได้ตามใจชอบ

เหตุผลที่ ปตท. มักจะใช้ เป็นข้ออ้างในการขึ้นราคา เอ็นจีวี เสมอ คือ การปรับขึ้นราคาครั้งนี้ เป็นไปตามมติข อง กพช. แต่ใครๆก้รู้ดีว่า กพช. ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ กำกับ ดูแล ด้านนโยบาย ไม่ให้ ปตท. ซึ่ งเป็นผู้ผูกขาด ธุรกิจพลังงานรายเดียวในประเทศไทย มีอำนาจเหนือตลาด เอารัดเอาเปรียบ ผู้บริโภค กลับ มีผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับ ปตท

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000003585>



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 10/1/2555 เวลา : 19:23  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29496

คำตอบที่ 171
       ช่วงวันที่ 6 คุณปืนโทรมาหาผมถามไถ่เกี่ยวกับการเปิดปั๊ม LPG ผมเลยบอกให้ลองไปถามไถ่กับทาง NRB GAS ที่มีประสบการณ์ทำปั๊มเอง
พอดีได้คุยกันเกี่ยวกับรถที่ใช้เพราะท่านนี้ขับรถตู้ 2.7 ด้วย ใช้งานมา 530,000 กิโลเมตรแล้ว ติด NGV นะครับ ยังไม่เคยเปิดฝาสูบลงมาซ่อมเลยใช้งานได้ปกติจนวันนี้ เขาบอกว่าทำตามคำแนะนำที่บอกกันมานั่นแหละ ตามที่ผมให้ไว้ไม่ใช่เรื่องใหม่ พวกรถตู้กับแท๊กซี่ก็ทำกัน คือรถไม่สามารถใช้แก๊สเป็นเวลาติดต่อกันยาวนานได้หรือใช้แต่แก๊สโดยไม่ใช้กลับน้ำมันเลย พวกนี้การสึกหรอมันสูงมาก
ต้องใช้น้ำมันให้เพียงพอด้วย




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 10/1/2555 เวลา : 20:14  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29497

คำตอบที่ 172
       ตอนนี้มีข่าวดีและข่าวร้ายคือ

ข่าวร้าย
ทั้งแก๊ส LPG NGV ยังไงก็ขึ้นราคาแน่นอน ดูท่าจะหยุดไม่อยู่แล้ว เพียงแต่จะขึ้นราคาเท่าไหร่เท่านั้น


ข่าวดี
จากทีแรกที่ยังกังวลเรื่องค่าแก๊สที่จะต้องแพงขึ้น แต่กลายเป็นว่าหลังจากเดือน มกราคาม 2555 น้ำมันเบนซินนและดีเซลจากเดิมที่เคลลดการอุดหนุนเกบเงินเข้ากองทุนแต่หลังจากนั้นจะหันกลับมาเก็บเงินเกองทุนน้ำมันอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินทุกชนิดจะขยับราคาขึ้นทันที
ซึ่งดีเซลจะวิ่งอยู่แถว 31-33 บาท เบนซินคงจะ 35-45 บาทตามเคย
ตอนนี้ใครกังวลเรื่องราคาแก๊สจะมาใกล้เคียงดีเซล แล้วหันมาใช้ดีเซลสบายใจได้เลย เพราะราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินจะถีบตัวหนีไปอีก
ผมวิ่งไป สมุทรปราการ - นครพนม ริมฝั่งแม่น้ำโขง ระยะทางไปกลับ 1610 กิโลเมตรโดยประมาณ จ่ายค่าแก๊สเต็มถังทั้งไปและกลับที่ 2,696 บาท
รวมจ่ายเฉลี่ยกิโลเมตรล่ะ 1.7 บาท ถ้าเป็นดีเซลเอาแบบถูก ๆ เลยน่ะ คือต้องใช้ปิคอัพดีเซลคอมมอนเรล 2.5 เกียร์ธรรมดา จึงประหยัด 2.2 บาท / กิโลเมตร ขึ้นต่ำ ซึ่งแก๊สขึ้นราคาผมก็จะจ่ายพอพอกับการใช้ปิคอัพดีเซล เหล่านี้

ขับบฟอร์จูเนอร์ 4x4 จ่าย 1.7 บาท / โล แก๊สขึ้นราคา ก็จ่าย 2.2 บาท / โล
เทียบกับขับปิคอัพดีเซลเกียร์ธรรมดา เอาแบบรุ่นยอดประหยัดของโลก จ่าย 2.2 บาท ดีเซลก็จ่อขึ้นราคาตามแก๊สอีก
เห็นแบบนี้แล้ว ผมจะกลับไปขับปิคอัพดีเซลอีกทำไม ว่าไม๊




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 11/1/2555 เวลา : 10:15  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29500

คำตอบที่ 173
       สรุปแล้วน้ำมันทุกชนิดถูกเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน วันที่ 16 มกราคม 2555 นี้แล้วนะครับ โดยจะจัดเก็บดีเซลที่ 60 สตางค์/ลิตร และเบนซินทุกชนิดและแก๊สโซฮอล์ 1 บาท/ลิตร

พ่วงด้วย วันศุกร์ 13(พรุ่งนี้แล้ว) ฝันหวานนี้ น้ำมันทุกชนิด(ดีเซลและเบซินทุกชนิด)ปรับขึ้นราคา 50 สตางค์/ลิตร มีผล 5.00 น. นะครับ โดยเชลล์ปรับราคาขึ้นไปก่อนแล้วครับในวันนี้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

fongster จาก fOnGSteR 58.9.96.94 พฤหัสบดี, 12/1/2555 เวลา : 16:37  IP : 58.9.96.94   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29503

คำตอบที่ 174
       ข่าวร้ายอีกแระ


พอดีวันนี้โทรไปสั่งของเหลวเพื่อจะเอาไปเช็คระยะ คนขายน้ำมันของ TOYOTA แจ้งว่าราคาของเหลวกำลังจะปรับ 50 บาท ทุกรายการ เริ่มตั้งแต่เดือนหน้ากุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไปนะครับ ผมจะสั่งและไปเอาของพรุ่งนี้ปรากฎว่าน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ T-IV ของหมด
ผมเลยบอกว่ารอทีเดียวแล้วกันเพราะผมต้องสั่งหลายอย่าง ไม่รู้จะทันราคาเดิมหรือเปล่า

ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันเกียร์ธรรมดา GL 75w-90 กระป๋องเขียวลิตรล่ะ 150 บาท จะถูกปรับราคาขึ้นเป็นลิตรล่ะ 200 บาทแล้วนะก็เลยเป็นภาระกับพวกเราที่ชอบซื้อของแท้ราคาถูก



คนขายแจ้งว่าติดปัญหาเรื่องขายพ่วงเพราะน้ำมันที่เขารับมาต้องรับซื้อน้ำมันเครื่องแท้ TOYOTA เข้ามาด้วยเป็นสัดส่วนกัน จึงเอาน้ำมันชนิดอื่น ๆ ออกมาได้ ก็เลยเจอปัญหาว่าเขาจึงต้องขายน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 5w-40 กระป๋องสีฟ้าไปด้วยสำหรับคนที่อยากให้ส่ง ตจว.
ถ้าใครใช้น้ำมันเครื่องข้างนอกยี่ห้อ Vavolin หรือ Caltex ราคา 1200-1400 บาทอยู่แล้วอยากให้มาอุดหนุนคนขายน้ำมันเครื่อง TOYOTA แท้ดูครับเพราะเกรดเท่ากันเหมือนกันราคาเยาว์กว่าซื้อศูนย์ ราคาแค่ 1100 บาทเอง


เพิ่งดูที่เขาปรับขึ้นมาแจ้งราคามาดังนี้

- น้ำมันเครื่อง .. ยืนราคาที่ ราคา 1,100.-
- น้ำมันเกียร์ศูนย์ฯ T-IV .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคา 1,000.-
- น้ำมันเกียร์ศูนย์ฯ ATF WS .. ยืนราคาที่ ราคา 1,100.-
- น้ำมันเกียร์ธรรมดา 75W-90 .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคา 200.-
- น้ำมันเฟืองท้าย LSD 85W-90 .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคา 200.-
- กรองน้ำมันเครื่องโตโยต้าแท้ E1 .. ยืนราคาที่ ราคา 150.-
- กรองน้ำมันเครื่องโตโยต้าแท้ E2 .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคา 200.-
- น้ำมันพาวเวอร์ .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคา 150.-
- น้ำมันเบรค .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคา 75.-
- Coolant แบบแกลลอน .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคาใหม่ 400.-
- Coolant แบบลิตร .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคาใหม่ 120.-
- น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซิล .. ยืนราคาที่ ราคา 150.-
- น้ำยาล้างหัวฉีดดีเซล .. ปรับราคาขึ้นเป็น ราคา 200.-



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 49.228.249.127 เสาร์, 14/1/2555 เวลา : 21:04  IP : 49.228.249.127   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29546

คำตอบที่ 175
       ข่าวร้ายอีกข่าว


จินตนการไปก่อนไม่มีเวลาลงรูป เอาไว้วันหลัง



เมื่อวานวันอาทิตย์หลังจากเปลี่ยนโช๊คหลังที่มันใส่ผิดเสร็จแล้วก็มาจัดการตรวจเช็ครอยต่อของแก๊สตามปกติ เช็ครถฟอร์จูเนอร์น่ะครับ
วิธีเช็คคือน้ำสบู่หรือแชมพูล้างรถ ควรตรวจประจำ
ปรากฎว่ามีรอยรั่วมากจากเข็มขัดรัดตรงกรองแก๊ส ขันยังไงก็ไม่อยุ่ไม่หายรั่ว พอจับบิดไปมา แก๊สยิ่งรั่วมากขึ้นจนเครื่องดับ
เลยวิ่งไปซื้อปะแจปากตายที่โฮมโปร จัดการใช้กรรไกรตัดสายแก๊สส่วนที่เปื่อยออกซะ จากนั้นสวมสายแก๊สเข้ากับกรองแก๊สแล้วก็ใช้ปะแจปากตายเบอร์ 7 ขันโดยที่การขันมันต้องมีค่าแรงกำหนดว่าเท่าไหร่ คือสายแก๊สที่เป็นยางจะต้องยุบตัวลง 1 มิลลิเมตร
ใช้ไขควงขันไม่ได้ลองแล้วแรงไม่พอ ปากตายก็ต้องกำหนดค่าแรง ราคาปะแจปากตาย 12 บาทนะ ซื้อจากโฮมโปร
จากนั้นลองใช้น้ำสบู่ ทดสอบอีกครั้งให้ทั่วเครื่องยนต์ งานง่ายแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด เย็นแล้ววันอาทิตย์ร้านไหนก็ไม่น่าเปิด ต้องรีบแก้ไขเอง





ถ้าใครไม่เคยทดสอบก็ลองทำดูบ้างนะครับ ทำเองนั่นแหละ หาน้ำสบู่มาทำเองตอนล้างรถทุกครั้งก็ได้ เพราะคุณจะไปหวังพึ่งช่างตลอดไม่ได้เขาไม่ได้อยุ่กับคุณตลอดเวลา ควรหมั่นสังเกตุ การรั่วด้วยตัวเอง
ผมไม่ได้ย้ำให้พวกคุณระวังน่ะ เพราะระวังไม่ไหวหรอก
แต่ย้ำให้คุณไปทดสอบด้วยตัวเอง เปลี่ยนกรองแก๊สเองจะได้ทราบว่ามีตรงไหนรั่วบ้าง
เพราะงั้นควรเช็คด้วยตัวเอง เพราะมันอาจแจ๊คพอตกับใครก็ได้
สาเหตุนี้มาจากสายแก๊สเปื่อยแล้ว มันรับความร้อนให้ห้องเครื่องยนต์มาก โอกาสเปื่อยก็ยิ่งมี
ควรหาซื้อปะแจปากตายเบอร์ 5, 6 , 7 เอาไว้และก็กรรไกรใหญ่ที่มีคมติดรถไว้ก็ดีเผื่อเจอเรื่องไม่คาดคิด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 110.49.227.245 อังคาร, 17/1/2555 เวลา : 00:15  IP : 110.49.227.245   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29564

คำตอบที่ 176
       ตรวจเช็คการรั่วของแก๊สก็ต่อเมื่อเราล้างรถ คือมันมีแชมพูอยู่แล้วก็ทำซะ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 17/1/2555 เวลา : 10:30  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29573

คำตอบที่ 177
       เมื่อพบรอยรั่วก็จัดการส่องไฟ งานเข้าแล้ว
ช่างไม่รู้จะไปหาที่ไหน ค่ำมืดวันอาทิตย์







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 17/1/2555 เวลา : 10:31  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29574

คำตอบที่ 178
       ใช้กรรไกรตัดสายที่เปื่อยออกซะ แล้วก็ปะแจปากตายขันน๊อตแคลมรัดท่อ ไขควงแรงไม่พอ
ความตึงให้ใช้ตาม Drawing รถยนต์ที่กำหนด คือยุบตัวลง 1 mm หรือ torque 15-20 kg.f.cm ห้ามตึงกว่านี้







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 17/1/2555 เวลา : 10:35  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29575

คำตอบที่ 179
       ใช้สบู่ทดสอบการรั่วตามจุดต่าง ๆ ของแก๊สอีกครั้ง
ทำเองนะครับ ถ้าคูรรอให้คนอื่นมาทำ ก็หมายถึงหายนะกำลังเข้าใกล้ตัวคุณเอง

เพราะช่างไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา
ความเสื่อมของท่อแก๊สมันมีได้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 17/1/2555 เวลา : 10:37  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29576

คำตอบที่ 180
       เช็คความตึงของสายรัดตัวอื่น ๆ ด้วยประแจปากตาย เบอร์ 5.5 , 6, 7 ตามลำดับ

ซื้อที่โฮมโปรตัวล่ะ 12 บาท ไปหาติดรถไว้ซะ

เท่านี้จะใช้รถได้ปลอดภัยไร้กังวล






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 17/1/2555 เวลา : 10:38  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 29577

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 6 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,25 ธันวาคม 2567 (Online 3271 คน)