คำตอบที่ 211
       ขอบคุณครับคุณAuto
แต่ว่า iNNOVA ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรูปทรงหรืออะไรก็ไม่รู้นะผมรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบสักเท่าไรนะครับ
อีกอย่างหนึ่งผมก็คงไม่มีโอกาสได้ซื้อรถบ่อยๆ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้ซื้อก็อยากได้ที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด
เพราะอนาคตเผื่อมีเพื่อนๆชวนไปเที่ยวเขาเที่ยวดอยเราจะได้ไปเที่ยวกับเขาได้บ้าง
แล้วถ้าเป็น วีโก้ 2.7 4WD 4ประตู ตัว 2005(ประมาณหกแสนแปด) กับ Fortune 2.7 2011 ตัวไหนคุ้มกว่ากันครับ
เน้นว่าคุ้มกว่ากันครับ เพราะโดยส่วนตัวผมแล้วไม่ค่อยสนใจว่าจะเป็นมือสองหรือป้ายแดงแต่จะดูว่าของที่ได้มาคุ้มค่า
กับเงินที่เราจ่ายไปแค่ไหนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 212
       ตอนนี้ผมมาประชุมที่ กทม. ไม่ได้เข้ามาคุยต้องขอโทษด้วยครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ คุณคือผู้รู้จริง
โดยส่วนตัวนะยังชอบฟอร์จูน นะครับ แต่ไม่มีรถนี่ซิ
ส่วนอินโนว่าก็เคยไปดูตัวจริงมาแล้วแต่ไม่ชอบเหมือนกัน taro
อะครับ คงต้องรอ รอ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 213
       จาก tato

เปรียบเทียบ วีโก้ 2.7 4WD 4ประตู กับ Fortune 2.7 4wd fulltime
อันดับแรก HILUX 2.7 4wd ปี 2005 ราคาควรซื้อไม่เกิน 640,000 บาท เกินกว่านี้ไม่ไหวแล้วครับ
ปีต่อ ๆ มาราคาสูงกว่านี้ได้ แต่ว่าตอนนี้ต้องจบไม่เกิน 7 แสนบาท ไม่ควรมากกว่านี้แล้วครับ ตลาดยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากขนาดนั้น
Fortuner 2.7 4wd ปี 2005 ราคาซื้อไม่เกิน 840,000 บาท ปี 2006 ซื้อไม่เกิน 860,000 บาท ปี 2007 ซื้อไม่เกิน 890,000 บาท
2.7 Exclusive ไม่สามารถบอกราคาได้เพราะรถ ไม่มีในท้องตลาด ราคาจึงแล้วแต่ตกลง แต่ราคาจะสูงมากกว่ารถปกติ
หมายเหตุเป็นราคารถ ณ วันนี้นะครับ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 เดือนหน้าค่อยมาว่ากันใหม่
ทั้งหมดต้องดูปีที่ผลิตบนตัวรถเป็นหลัก ไม่ใช่ปีที่จดทะเบียน

วีโก้ 2.7 4WD 4ประตู
อารมณ์ขับจะอีกแบบนึง คือถ้าคุณเป็นคนชอบอารมณ์แบบดิบ ๆ นิดนึง วิ่งทางลูกรังบ่อย ทางโคลนบ่อย หรือเข้าสวนบ่อย เวลาหักเลี้ยวโค้งหรือกดคันเร่งลึกล้อหลังปั่นดินขึ้นกระจาย ปั่นฟรีทางลูกรังได้หนักแน่นกว่า สาเหตุเพราะเฟืองท้ายเป็น Limited slip เป็นระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เวลาขับบนนถนนหลวงทางราดยางเวลาหักเลี้ยวเยอะ ๆ ผ้าคลัทซ์จับอีกล้อนึงไปด้วยไม่ให้ล้อหลังหมุนต่างกันเกินไปนัก บางคนเคยใช้แต่ปิคอัพ 2wd มาก่อน พอมาเจอฟิลลิ่งแบบ 4wd นี้ จะรู้สึกชอบเพราะรู้สึกว่ามันหนักแน่นดีให้อารมณ์มากกว่ารถ 2wd เวลาเข้าสวนทางลื่น ๆ จะมีอาการเหมือนปลาหมอ คือแถก....ครับ มันจะดิ้นสอดส่ายหาทางรอดให้ได้เพื่อไม่ให้ตัวเองติดหล่ม เฟืองท้าย Limited slip ทำงาน (แต่ถ้าเป็น 2wd ล้อหลังจะฟรีหลังจากนั้นจม ๆ ๆ ถ้าไม่จมท้ายก้ปัดไปปัดมา)
ถ้าชอบบรรทุกของเยอะ ๆ แยกสัมภาระไว้ด้านหลังแบบเยอะ ๆ อารมณ์ดิบ ๆ หน่อย ชอบกระแทกคันเร่งเวลาเจอทางขรุขระ ใช้กะบะ 2.7 4wd น่าจะคุ้มกว่าครับ ข้อดีของตัวนี้คือ TOYOTA THAILAND ได้บทเรียนอันแสนเจ็บปวดจากลูกค้าชาวไทย ในการผลิต Hilux 2.7 4wd เกียร์ A/T ในอนาคต ทาง TOYOTA จะไม่ยอม ผลิตรถยนต์รุ่นนี้ส่งขายในประเทศไทยอย่างแน่นอนใน Model หน้าค่อนข้างจะ 100% เพราะฉะนั้นคนไทยทีรอจะซื้อรถรุ่นนี้ ไว้มีใหม่ค่อยซื้อ อ้าปากค้างไว้ได้เลยรอเก้อแน่นอน ราคาตอนซื้อและตอนขายราคายังไงก็ไม่ตกครับ ประกอบกับ เต๊นท์รับซื้อไปขายประเทศโลกที่ 3 ด้วย นับวันมีแต่จะหายากขึ้นเป็นพระเครื่อง จอดเติมแก๊สที่ไหนโอกาสที่จะมีคนมาถามไถ่ข้อมูลรถคันนี้ จะขายเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะ ขอซื้อต่อ คุณได้เจอแน่นอนเหตุการณ์แบบนี้ ในขณะที่คุณขับ TOYOTA เหมือนกันแต่เป็นรถตลาดรุ่นอื่น ๆ ใครเขาจะแลคุณ

Fortuner 2.7 4x4
ถ้าชอบเอาไว้เป็นรถยนต์นั่ง หรือสัมภาระเยอะแต่เป็นสัมภาระในครอบครัวเช่น เต๊นท์ อาหาร การกิน เสื้อผ้า ชอบฟิลลิ่งการขับที่ดีกว่าการขับกะบะยังไงก็ Fortuner 2.7 4x4 ก็ดีกว่า เพราะว่า Fortuner 4wd fulltime ทีมวิจัย TOYOTA ได้ออกแบบมาเพื่อถนนเมืองไทยโดยเฉพาะ เพื่อการขับขี่ความเร็วสูงบนไฮเวย์ถนนราดยางบ้านเรา ขึ้นเหนือล่องใต้มีความสุข ใช้สำหรับทำงานในเมืองแบบหรู ๆ วันหยุดท่องเที่ยว ตามที่ต่างๆ ได้เลย ถ้าจะลุยก็ลุยได้สบายแบบโฆษณาหรือประมาณกระทู้ด้านบนที่ผมไปเที่ยว แต่ไม่หนักหนาแบบจมโคลนครึ่งคันหรือสาหัสสากรรจ์นัก เพราะลุยแบบหฤโหดยังไม่ใช่บุคคลิก Fortuner เนื่องจากตัวนี้อย่างที่บอกทำออกมาสำหรับประเทศไทยเพื่อเน้นวิ่งบนถนนราดยาง ทีม TOYOTA ทำออกมาคือให้ 4wd แบบ Fulltime โดยที่ ล็อคเพลากลางแบบ Limited torsen ส่วนเฟืองหน้าและเฟืองท้ายตัดอ๊อพชั่น Diff lock ไฟฟ้าออกไปจนหมดมีเฉพาะตัวส่งนอกเท่านั้นทำให้รถคันนี้เน้นไปทางไฮเวย์ครับ ถ้าชีวิตประจำวันวิ่งในเมืองเป็นหลัก วิ่งถนนไฮเวย์บ่อย ๆ แบบหนุกหนานเพลิดเพลิน นาน ๆ คุณไปลุยทีกับเพื่อนแบบไม่โหดสุด ๆ นักล่ะก็ Fortuner 2.7 4x4 ก็ ok แล้วล่ะครับ
เพิ่มเติมนิดนึง Fortuner 4x4 คุณจะไปออกตัวล้อฟรีเหมือน Hilux ไม่ได้ จะไปทำแบบซาดิสต์กระทืบคันเร่งให้รถมันเป๋ไปมาเหมือน 2wd ก็ไม่ได้มันออกแนวไฮโซ ฟิลลิ่งจะออกแนวนั้นเพราะมันกระจายกำลังออกไปล้อหน้า 40 ล้อหลัง 60 เพื่อการขับขี่และไม่ให้รถสไลด์หมุนคว้างกลางอากาศ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 214
       Fortune 2.7 2011

ตัวนี้ป็นรถใหม่แต่ 2wd รถรุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมาเน้นการขับขี่ แต่เป็นรุ่นที่ทำมาทีหลัง เพื่อเอาใจตลาดอีกกลุ่มนึงเนื่องจากลูกค้าเรียกร้องอยากได้ 2wd เพราะลูกค้าเข้าใจผิดคิดว่า Fortuner รุ่น 4wd ต้องเอาไว้ลุย ถ้าไม่ได้ลุยออฟโรดควรซื้อ 2wd เอาไว้แค่คุย
ถ้าคุณซื้อป้ายแดงตอนนี้ ใช้ไป1-2 ปี ราคาตกไป 3 แสนกว่า ใช้ซัก 5 ปี ราคาตกไป 4- 5 แสนบาท ยิ่งเก่ายิ่งไม่มีคนซื้อหรือขายยากกว่า
ถ้า..........ผมลองถามคุณบ้างว่าตอนนี้ถ้าเป็นคุณ ผมให้คุณเลือกซื้อ Fortuner 2wd มือ 2 นะ เอาแบบถูก ๆ เลย 8-9 แสน คุณจะซื้อหรือเปล่า
ถามใครก็ส่ายหน้าทั้งนั้นแหละ
รถกินเชื้อเพลิงใกล้เคียงกันเท่ากันถ้าติดแก๊สแล้วยิ่งไม่เห็นผลต่าง พอเป็นมือ 2 แล้วตลาดกลุ่มล่าง ๆ ยิ่งไม่อยากเล่น
เพราะว่าถ้าคุณ คิดจะซื้อ Fortuner 2wd รถป้ายแดงก็มีให้ซื้อ ไม่เห็นต้องดิ้นรนเอามือ 2 รถใหม่จองกัน 5-6 เดือนจริง แต่มันก็มีคนทิ้งจองรุ่นนี้เหมือนกัน โชคดีฟลุ๊กอาจได้รถเร็ว ยิ่งราคาแก๊สขึ้นราคามากขึ้น อยุ่ดี ๆ คนซื้อรถรุ่นนี้เกิดมีอัตราการกินแก๊สต่างจากดีเซลไม่มาก ลูกค้าจะไปซื้อรถรุ่นนี้ทำไม เพราะลูกค้าเองก็ไม่ได้ประทับใจฟิลลิ่งของรถหรือหวังไปใช้งานออฟโรดเลยเพียงแต่ซื้อ Fortuner 2.7 2wd เพื่อติดแก๊สเท่านั้นเมื่อราคาค่าใช้จ่ายสูงขึ้นคนกลุ่มนี้ก็จะหันไปหารถอื่นๆ แต่ถ้าเป็น 4x4 อย่าลืมว่าตลาดกลุ่มนี้ยังมีคนซื้อและยังต้องการอะไหล่ไว้เล่นอีกมากอนาคตรถ 4x2 และ 4x4 รุ่นนี้เดินทางผิดกันแน่นอน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 215
       ชัดเจนครับ ขอบคุณครับคุณ Auto ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ตอนนี้ผมคิดว่าผมน่าจะตัดสินใจได้แล้วนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 216
       ตอนนี้มีหลายท่านรับรถ 2.7 มือ 2 ออกมากัน ผมก็ดีใจด้วยนะครับ แล้วโทรมาถามผมหลายราย
รถมือ 2 ส่วนใหญ่ที่ซื้อกันมาก็มีระยะใช้งาน 1 แสนกว่าโลขึ้นไป สิ่งที่ต้องทำหลังจากรับรถกันออกมาแล้ว
ผมกล่าวไว้ตอนนี้เลย จะได้สบายใจ หมดข้อสงสัยเรื่องคำถามกันอีก



1. ทำตามที่แจ้งไว้คือระยะ 1 แสนกว่าโลให้เปลี่ยน วาล์วน้ำ ปั๊มน้ำ ท่อยางหม้อน้ำ water bypass pipe 1 ฝาหม้อน้ำ น้ำยาหล่อเย็น
หมดนี้ค่าเปลี่ยนไม่กี่พันบาทหรอก (......แต่คนส่วนใหญ่ตกใจกลัวจะแพงเลยรีบขายรถออกมากันในระยะนี้............)

2. ท่อยางน้ำ ที่หม้อต้มด้านเข้าและด้านออก ราคาท่อยางไม่เกิน 100 บาท ราคาค่าเปลี่ยนไม่กี่บาท พูดง่าย ๆ ว่าถูกมากเปลี่ยนไปซะเลย เพราะยางมันแข็งตัวด้วยอายุที่เก่าแล้ว ไปให้ร้านแก๊สเปลี่ยนให้เลย ร้านแก๊สหลายร้านฟันหัวแบะกันมาแล้ว เพราะฉะนั้นคุณจะดูพฤติกรรมของร้าน จะฟันมากหรือน้อยคุณก็ดูได้จากเขาเปลี่ยน กรองแก๊ส จากราคาต้นทุน 250 บาท เขาจะเปลี่ยนเท่าไหร่ =
กับท่อยางน้ำ ต้นทุนไม่กี่บาท จะเปลี่ยนกันเท่าไหร่ ดูได้จากตรงนี้


3. ไปจัดการเอาฟองน้ำที่ปั๊มอากาศออกซะ ราคาค่าเอาออก 100 บาท ที่ผมไปทำมาจากร้านไพเราะแอร์ เทพารักษ์ อยู่ตรงข้ามโรงงานสุรพลซีฟุ๊ด



ทั้งหมดนี้ไม่แพงทำในระยะนี้ทั้งหมดคุณก็จบได้ทุกอย่างไม่ต้องกังวลปัญหารถอีก รถสามารถนำเข้าเช็คระยะต่อไปที่ศูนย์บริการได้เลยไม่ต้องกังวลอีกแล้ว รถไม่ต้องทำอะไรนอกจากนี้นะครับหลายคนกลัวว่ารถวิ่งมาเยอะแล้วกลัวจะเสียนั่นเสียนี่ บอกเลยไม่ต้องไปกลัวมัน
มันไม่เสียหรอกไม่ต้องไปทำอะไรนอกจากนี้แล้ว รถที่วิ่งมาเยอะไมล์แท้ไม่น่ากลัว เราจะได้รู้ว่าจะได้ทำอะไรต่อกับรถ
แต่รถที่ไมล์น้อยกลับเลขไมล์อันนี้น่ากลัวเพราะว่าเราจะประเมินได้ยาก ว่ารถต้องทำอะไรบ้างแล้ว อย่ากลัวเรื่องเลขไมล์เกินเหตุ
เพราะรถปิคอัพ 2.7 มันจะทนทานกว่ารถเก๋งส่วนตัวมากมายอยู่แล้ว ระยะการใช้งานของเครื่องยนต์ 1 ล้านกิโลเมตร แล้วค่อยมาคุยกันใหม่
ส่วนช่วงล่างไม่มีได้มีปัยหาอะไร ยิ่งช่วงล่างเดิมดูง่าย
ถ้าเป็นรถ 4wd คุณวิ่งไป 2 แสนโล ช่วงล่างยังไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็นเลย ว่าต้องมีการซ่อมแต่อย่างใดจะยกเว้น โช๊คกับยางที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเท่านั้น อันนี้ต้องประเมินเองว่าควรเปลี่ยนหรือไม่


ในระยะ 2 แสนโลเท่ากันเทียบระหว่างรถปิคอัพเบนซิน 2.7 กับเก๋ง เบนซินทั่วไป
รถปิคอัพ 2.7 ไม่ได้มีอะไรน่าห่วง แต่รถเก๋งทรุดโทรมมากกว่าเป็นเรื่องปกติ
ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันว่ารถนั้นมีอายุใช้งาน 5 ปี 1 แสนกว่าโลก็หมดอายุชิ้นส่วน ควรขายออกมาแล้ว
ที่จริงปิคอัพ มันมีอายุการใช้งานมากกว่านั้น ทั้งปิคอัพเบนซินและดีเซล ล้วนทนทานกว่ามาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 217
       เรื่องการซ่อมบำรุงระบบแก๊ส หลายคนก็กลัวเช่นกัน อย่าไปกลัวเกินไป


ในปัจจุบันร้านที่ชาว 2.7 และชาว Mitsu 2.4 เบนซินไปใช้บริการกันอยู่ที่ อ.บางคล้า จ. ฉะเชิงเทรา เป็นอู่อาจารย์รุ่งนะครับ ตามที่ผมเคยแจ้งไว้ในกระทู้อยุ่แล้ว อย่าเข้าร้านผิด ค่าทำหรือซ่อมบำรุงไม่แพง ไม่ฟัน สามารถซื้ออะไหล่มาเองได้ แต่ว่าการจะไปขอให้โทรไปนัดก่อน ตอนนี้ต้องนัดทุกรายการนะครับ เพราะว่ามีลูกค้าไปใช้บริการเยอะมาก ที่นั่งรอ นอนรอคงไม่สะดวกแน่นอน แต่คุ้มที่จะไป หลายคนก็วิ่งรถมาจาก ระยอง ชลบุรี ปราจีนบุรี กรุงเทพ ทั้งนั้นถ้าจะทำให้ยอมเสียเวลาตรงนี้ อีกอย่างหัวฉีดแก๊สที่ทำได้คือ AC AG Versus bsm สามารถซ่อมแก้ไขและสามารถติดตั้งได้หมด ติดตั้งใหม่ก็สามารถมาที่นี่ได้เลย ราคาไม่แพง ไม่ฟันหัวแบะ คุ้มกับการขับรถมาแน่นอน

แต่ถ้าใครรับรถมาแล้วหัวฉีดชุดคิทแก๊สซ่อมบำรุงเป็นของยี่ห้ออื่น ๆ ให้ลองโทรมาถามผมก่อน คงต้องแนะนำเรื่องที่ซ่อมที่อื่น ๆ ให้แทน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 218
       สิ้นปีนี้ถ้าไม่มีการเบรคหรือหยุดขึ้นราคาก๊าซ LPG จะทำให้ราคาหน้าปั๊ม LPG อยู่ที่ลิตรล่ะ 15-16 บาท / ลิตร สำหรับในเขตกรุงเทพ
ซึ่งราคาแบบนี้ในต่างจังหวัดอย่างเชียงใหม่ อุบลราชธานี ที่เคยขายแก๊สกันแพงกว่าชาวบ้านในเขตอื่น ๆ สลบแน่ ๆ จะไม่เกิดแรงจูงใจให้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เปลี่ยนมาใช้แก๊สแต่อย่างใด
ส่วนราคา ที่แม่ฮ่องสอน 16 บาท/ ลิตร แล้วขึ้นไปอีก 6 บาท / ลิตร จะกลายเป็น 22-23 บาท ราคานี้ไม่น่าเติมเลยครับ ถ้าเป็นการเที่ยวชั่วคราววิ่งน้ำมันเบนซินดีกว่าเครื่องยนต์ไม่สึกหรอมาก
คนที่เคยซื้อรถเข้ามาแล้วคิดสักแต่ว่าจะติดแก๊สคงต้องรอบคอบมากขึ้นในการเลือกซื้อรถ จะมาใช้มุกเดิม ๆ อ้างว่าจะซื้อรถเก๋งเบนซินแล้วเอามาติดแก๊ส อาจไม่ใช่ความประหยัดอย่างที่คิด คงจะต้องไตร่ตรองรุ่นรถที่จะซื้อเข้ามาใช้งานเป็นหลัก เพราะ การติดแก๊สไม่ใช่คำตอบเสมอไป
ผมเตือนไว้เสมอสำหรับคนใช้รถเก๋งขนาดเล็ก Vios City Yaris Jazz Altis Civic จะติดแก๊สต้องรอบคอบมาก ๆ เดี๋ยวนี้แก๊สไม่ใช่ราคา 11.30 บาทเหมือนในอดีตการจะเข้าร้านแล้วบอกติดแก๊ส คงไม่ง่ายเหมือนก่อน ความคุ้มค่าก็ไม่ได้มากมายนัก รถพวกนี้ไม่ใช่รถเพื่อการพาณิชย์เหมือนแท๊กซี่ ควรคิดกันหลาย ๆ ครั้ง


อีกอย่างถ้าเป็นคนที่พอมีกำลังเงิน ในการเลือกซื้อรถก็น่าจะหันมาเลือกซื้อเก๋งดีเซล อย่าง
1. Ford Focus 2.0 TDCI
2. Chevrolet Cruze ดีเซล
3. BMW 320D 520D
4. Mercedes Benz 220 CDI

พวกนี้จัดเป็นรถเก๋งที่น่าเลือกซื้ออย่างยิ่ง เพราะเครื่องยนต์ดีเซลและเกียร์ออโตเมติกทันสมัย ให้กำลังเครื่องยนต์ที่ดี ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประกอบกับรัฐบาลอุ้มราคาดีเซลไว้ที่ 31 บาทกว่า ทำให้ความน่าใช้ตกไปอยู่กับดีเซลกลุ่มรถเก๋ง สำหรับคนที่ต้องการรถเอาไว้เพื่อใช้งานส่วนบุคคลเป็นหลัก ที่ประหยัดน้ำมันน้ำมันมากกว่า 16 km/l ในการเดินทาง รถพวกนี้จัดว่าตอบโจทย์ได้ดีเว้นแต่ว่าพวกคุณไม่อยากซื้อรถเก๋งดีเซลเท่านั้นแหละหรือไม่ก็ไม่ชอบยี่ห้อเหล่านี้ ถ้าเรื่องที่คิดฝันว่าจะไปรอรถยี่ห้อ TOYOTA HONDA MITSU เอารถเก๋งดีเซลมาทำขายในไทยล่ะก็อย่าไปรอเลย อีกนานหลายปีถ้าแนวโน้มตลาดไม่เปลี่ยนเขาจึงจะเอาเก๋งดีเซลมาทำ เพราะตลาดมันอยู่แค่ในยุโรป


ถ้ายังไม่ชอบแนวนั้น ยังรักแบรนด์ TOYOTA ก็น่าเลือกรถเล็กอย่าง Prius ไฮบริดที่กินน้ำมัน 16 -24 km/l มาแทนที่ดีกว่า
หรือไม่ก็หารถเล็ก Ecocar เอามาวิ่งน้ำมันอย่างเดียวจะดีกว่า ลองไปใคร่ครวญกันดู
อย่าซื้อรถโดยไม่คิดถึงการใช้งาน อย่าเข้าร้านเพื่อติดแก๊ส โดยที่ยังไม่คิดให้รอบคอบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 219
       รถเก๋งดีเซลจัดเป็นรถที่ทันสมัยในปัจจุบัน จัดว่าน่าซื้อยกเว้นแต่คุณจะไม่ซื้อเท่านั้นแหละ
ราคาดีเซล 31 บาทกว่า แต่เป็นราคาที่ไม่เสียภาษีสรรพสามิตรอีก 5 บาท เพราะรัฐบาลช่วยอุ้มไว้ให้ เพื่อไม่ให้ข้าวของแพงขึ้น
ยังไงใช้รถเก๋งดีเซลถือว่าสบายใจได้

ยกเว้นปิคอัพดีเซล ถ้าจะให้เครื่องยนต์และเกียร์ทันมัยและประหยัดเหมือนรถเก๋งดีเซล คงทำไม่ได้ เพราะรถยนต์มันต่างระดับกันอยู่ คนล่ะประเภท
การซื้อปิคอัพแล้วเอามาทำเป็นรถส่วนบุคคลคงไม่เหมาะ ตอบโจทย์ไม่ได้เพียงพอ ถ้าเป็นแบบนั้นหันมาซื้อ Hilux 2.7 เกียร์ A/T เบนซินหรือ Fortuner เบนซินดีกว่า ติดแก๊สแล้วก็ยังคุ้มกว่าใช้ดีเซลล้วน ๆ
แต่ถ้าเป็นรถอื่น ๆ ไม่เหมาะ ติดแก๊สเพราะ ถ้าแก๊สแพงมากก็สลบเหมือนกันหมด

อย่าซื้อรถโดยไม่คิดถึงการใช้งาน อย่าเข้าร้านเพื่อติดแก๊ส โดยที่ยังไม่คิดให้รอบคอบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 220
       วันเสาร์ ที่ 10 มีนาคม 2555 ผมกลับบ้านที่ฉะเชิงเทรา
เลิกงาน 5 โมงเย็น กลับบ้านเลย ไปถึง ปากน้ำ หัวไทรก็ 6 โมงเย็น

เหลือบไปเห็นที่ร้านแก๊สที่ปากน้ำ บางคล้า รถใคร Vigo Champ สีขาวไปทั้งคัน ยกเว้นป้ายแดงไปซุ่มติดแก๊สอยู่ รายงานตัวมาหน่อย
ผมขับรถผ่านไปเลย เห็นช่างเดินสายใต้ท้องรถ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 221
       เมื่อวานคุณ Sembe เอาฝาหม้อน้ำที่ฝากซื้อไว้มาให้ปรากฎว่าผิด
ฝาหม้อน้ำไม่ตรงกับ Spec ของ 2.7 ผมเลยให้เค้าลองเอาไปเปลี่ยนดูก่อน
ฝาหม้อน้ำที่ช่างในศูนย์หยิบเอามาให้นั้นเช็คแล้วเป็นของ Altis ซึ่งมีแรงดันน้อยกว่า

Spec ต้องเป็นของ ND 108 kpa 1.1 bar ของแท้เบิกห้างเท่านั้น

ฝาหม้อน้ำใช้ Part No. 16401-0H060 เป็นฝาหม้อน้ำอะไหล่ทดแทนของแท้เดิมที่ยกเลิกเปลี่ยน Revision part ใหม่
ราคา 280 บาท

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 222
       ผมให้ดูรถปิคอัพที่บรรทุกมะม่วง มารับซื้อผลไม้ที่บางคล้าใช้ Isuzu มังกรทองรุ่นแรกเครื่องยนต์ 2.5 DI 87 แรงม้า แรงบิดไม่เกิน 180 nm ต่อคอกบรรทุกหนัก 3- 4 ตัน เพลาลอย เขายังสามารถใช้รถคันนี้วิ่งส่งผลไม้ไปขายตลาดไทกันได้



แต่มายุคที่มีปิคอัพเบนซิน Hilux Vigo ออกสู่ตลาด คนถามปิคอัพเบนซินจะบรรทุกไหวหรือเปล่า
ทั้งที่ 2.7 เบนซิน มีแรงบิด 241 nm 160 แรงม้า เหนือกว่า Isuzu 2.5 DI มังกรทองทุกอย่าง
เรื่องราวแบบนี้ยังคงมีอยู่

มีคนถามเหมือนแถวบ้านผมเลย บรรทุกฝรั่ง 2 ตัน จะไหวเหรอ.......ผมได้แต่ยิ้มอยู่ไนใจ.....555 จาก : ya_(ya_) 1/4/2555 22:09:05 [171.96.19.100]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 223
       ข้าง ๆ เป็น Datsun ช้างเหยียบปิคอัพเบนซิน 1500 ซีซี ตำนานรถเก่าคลาสสิค ในปัจจุบัน
พ่อผมใช้บรรทุกมะม่วงอยู่จนถึงปัจจุบัน แม้จะไม่สามารถบรรทุกหนักขนาด 3- 4 ตันได้แต่ก็คุ้มกับการใช้งาน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 224
       สวัสดีครับ พี่ AUTO สงสัยได้เอา mitsu cng มาแล้วครับ งบน้อยครับพี่ แต่อยากเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกะเรื่องของแก๊สๆๆจะได้ไหมครับ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 225
       ได้ครับ รถปิคอัพเบนซินเหมือนกันแชร์ความรู้กันง่ายอยู่แล้ว
ติดแก๊สให้เอาไปติดที่บางคล้าเลย เพราะร้านนั้นก็ทำ Mitsu 2.4 มาเยอะแล้วและต้องระบุให้ติดกระป๋องออโตลูปน้ำมันหล่อลื่นบ่าวาล์วด้วยนะ เพราะว่า Mitsu รุ่นนี้บ่าวาล์วไม่ทนเหมือน 2.7

คิอผมจะเอาตัว cng จากโรงงานเลยครับ แต่ว่าจะไปติดกระปุกน้ำมันเลี้ยงบ่าวาล์วได้ที่ไหนครับ ขอบคุณครับ จาก : leo mobile(leo mobile) 28/3/2555 10:18:10 [101.51.134.180] ลองถามที่บางคล้าก่อน ถ้าไม่รับทำก็ลองไป CNG AUTO GAS จาก : Auto.(Auto.) 28/3/2555 10:20:45 [202.80.239.130]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 226
       ตอนนี้ตัว cng ไม่มีของเลยครับอาจจะได้มาติดแก๊สข้างนอกแล้วครับพี่ auto พอจะมีร้านที่รู้จักแถวชลบุรีบ้างไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 227
       ขอโทษที่ครับที่โทรไปกำลังยุ่งอยู่ ขอโทษจริงๆๆนะครับ

เรื่องเล็กน้อยครับไม่เป็นไร ยินดีล่วงหน้ากับการได้งานมาวิ่งรถ จาก : Auto.(Auto.) 31/3/2555 8:25:43 [202.80.239.130]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 228
       ผมแนะนำคุณ leo ไปซื้อรถปิคอัพ 2.7 เกียร์ออโต รุ่นแรกหามือ 2 เพื่อมาวิ่งงาน 2 แถวรับส่งพนักงาน เพราะได้เกียร์ออโต จะทนทานมาก แล้วก็รถรุ่น 2.7 ที่เป็นรุ่น G เกียร์ออโต สร้างชื่อเสียงให้กับ 2.7 มาตลอด ไม่ใช่รถเกียร์ธรรมดาเหมือนในรุ่นปัจจุบัน
แต่ปรากฎว่า รถ 2.7 G แคป รุ่นแรก ๆ ในตลาดเองก็หาซื้อมือ 2 ไม่ได้เลย เพราะคนส่วนใหญ่ก็ซื้อเก็บไว้ใช้งานเอง กันหมด
จะเหลือแค่ 2.7G smart cab ที่ราคามือ 2 บางคันในตลาดรถขายแพงมาก เลยยังขายไม่ได้
ตอนนี้คุณleo ก็เลยต้องไปหาซื้อ Mitsu 2.4 แทนเพราะรถใหม่ 2.7 เกียร์ธรรมดาก็ไม่มีรถให้



บรรดารถที่สร้างชื่อเสียงให้กับ 2.7 และเป็นตลาดหายากในปัจจุบัน และก็แพงมากในปัจจุบันนี้

1. Hilux 2.7 Double cab เกียร์ A/T 4wd
จัดเป็นรถที่สร้างชื่อเสียงให้กับ 2.7 มากที่สุด เวลานี้ไม่มีรถจะขายแล้วนะครับ มือ 2 แทบไม่ต้องไปหาเลย ไม่มีรถเลย
เมื่อก่อนคนบอกไม่อยากได้ เกียร์ออโต ไม่อยากได้ 4wd แต่หนทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์รถ
ผมบอกให้รีบซื้อไม่ซื้อตตอนนี้ หมดเกลี้ยงตลาด หายากกว่าตอนซื้อรถใหม่เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วอีก

2. Hilux 2.7 Extracab เกียร์ A/T 4wd
เป็นรถที่ไม่มีใครสนใจในตลาดตอนเป็นรถใหม่ ขายไม่ออก ทำให้จำนวนการผลิตน้อย ในเมืองไทยมีไม่เกิน 900 คัน แต่การใช้งานถ้าเทียบคุ้มค่าที่สุดในบรรดารถ 2.7 ทั้งหมด ตอนนี้กลายเป็นรถที่หายากที่สุด ราคาแพงที่สุดในบรรดารถ 2.7 ทั้งหมด ขนาด 2.7 Exclusive ของผมที่ว่าแพงแล้ว ยังต้องหลีกทางให้กับความแพงของ Hilux 2.7 Extracab เกียร์ A/T 4wd เพราะหายากแพง คุ้ม ต้องการสูง ตลาดกว้างสุด รถน้อยที่สุดเป็นรองจำนวนผลิตแค่ 2.7 Exclusive เท่านั้น ผมยังต้องไปควานหามาใช้ที่บ้าน 1 คัน เพราะรถใหม่ปี 2014 Hilux ไม่มีผลิตรถรุ่นนี้แน่นอน
ทำลายสถิติรถมือ 2 ของ 2.7 ที่มีการซื้อขายทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว ( ไม่บอกราคา ก็แล้วกัน ) หายาก แพง คุ้มค่าที่สุดต้องรุ่นนี้

3. Hilux 2.7 G Extracab เกียร์ A/T
3.1 มันแบ่งเป็นรุ่น แรกที่แคปเปิดไม่ได้ ตอนนั้นหลายคนซื้อเพียงเพราะเอามาติดแก๊ส ไม่คิดไรนอกจากนี้ อยากได้แค่ปิคอัพ 2wd เกียร์ธรรมดา
อ๊อพชั่นไม่ต้องมาก แต่หลังจากใช้ไปจะรุ้ว่าที่ผมบอกน่ะจริง
รถ 2.7 มันต้องเป็นเกียร์ออโต ไม่ใช่เกียร์ธรรมดา แล้วรถอ๊อพชั่นประมาณนั้นรุ่น G ถือว่าไม่มากไปและไม่น้อยไป น้อยกว่านี้ก็ไม่ไหวแล้ว
และรถยังมี ABS ซึ่งใช้งานได้จริง เหมาะสมกับแรงม้าของรถมาก การใช้งานหลายคนเอาไปใช้ก็บอกว่าดีมากต่างจากปิคอัพดีเซล 2wd ทั่วไป
ผมบอกให้ใครหลายคนไปหาซื้อรถรุ่นนี้มาใช้เพราะจะคุ้ม กว่ารถรุ่นปัจจุบัน แล้วราคามือ 2 ตอนนั้น ไม่เกิน 5 แสนบาท ปรากฎว่ารถไม่มีแล้ว คนส่วนใหญ่ซื้อไปใช้เองแล้วก็เก็บไว้หมด ทั้งที่รถมีปริมาณมากในตลาดตอนขายใหม่ แต่ตอนนี้มือ 2 หาไม่ได้เลย เกลี้ยงแล้ว
3.2 รุ่นแคปเปิดได้ เนื่องจากคนซื้อรถ 2wd เพราะต้องการเอามาติดแก๊สช่วงน้ำมันแพง 45 บาท เลยทำให้ยอดจองล้น แล้วหลังจากนั้นน้ำมันลดราคารถก็เลยล้นตลาดเพราะคนทิ้งจองหันไปหาดีเซล เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้เรื่องปิคอัพ 2.7 เบนซินยังยึดติดกับ ปิคอัพดีเซลมากกว่า ทำให้ตอนนั้นพากันทิ้งจองไป ราคารถแคปเปิดได้ เลยลดราคาลง 1 แสนบาท ทันที คนซื้อรถรุ่นนี้ตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นแฟนปิคอัพเบนซิน ทำให้เวลาซื้อขายไม่ค่อยสนใจอะไรนัก รถจึงมีขายในตลาดมือ 2 มากกว่ารุ่นอื่น แล้วก็อาศัยที่ตลาดมือ 2 ของ 2.7 ราคาสูงก็เลยทำให้ราคารถสูงไปด้วย บางคันตั้งราคาไว้สูงมาก ทำให้มือ2 ยังขายไม่ได้เท่านั้นเอง


4. Fortuner 2.7 4wd fulltime
แรก ๆ คนยังคิดว่า 4wd fulltime ยังเป็นของเหลือ ๆ แต่หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาและระยะทางพิสูจน์ความคุ้มค่า
รถรุ่นนี้ดีกว่า Fortuner 2wd รุ่นปัจจุบัน ที่ผมบอก Fortuner 2wd พอเป็นมือ 2 อย่าไปซื้อ ไม่คุ้มแน่ ให้ปล่อยผ่านไปเลย
เพราะรุ่นเดิม 2.7 4wd fulltime ใช้งานได้คุ้มกว่า หลากหลายกว่า ที่สำคัญการใช้งานทนทานมากกว่า Fortuner 2wd อัตราการใช้เชื้อเพลิง ก็เท่ากันเลย ไม่ต่างจากรถปัจุบัน ความประหยัดมากกว่า Hilux 2.7 4wd อีกเล็กน้อยนะครับ เทียบรถผม
เพลาขับ 4wd ของ Fortuner 4wd อายุการใช้งานมากกว่า 5 แสนกิโลเมตร ตรงนี้ช่างศูนย์ที่ไปอบรมมากับฝ่ายเทคนิค ไม่มีใครยอมบอกลูกค้าเลยว่าอายุของเพลา.ในรุ่น 4wd โคตรทนทานมาก ลูกค้าไม่ต้องซ่อมเลยแต่ทุกคนไม่บอกลูกค้าไว้เลย แต่อย่างว่าตอนนั้นถึงบอกไปก็ไม่มีรถ 4wd ให้ซื้อแล้วบอกไปรถ 2wd ปัจจุบันก็ขายไม่ได้ มีคนโทรมาหาผมบอกเรื่องนี้ตอนมีปัญหากับช่างในศูนย์ถึงรู้อีกทั้งพอเป็น Fulltime กลับทนทานกว่า Hilux ที่เป็น Part time เพราะว่าไม่มีกล่อง คุมเกียร์ 4wd ทำให้ลุยน้ำลึกไม่มีปัยหาเรื่องน้ำเข้ากล่องเกียร์ทำให้ไฟโชว์ 4wd กระพริบ ตอนผมไปหาช่างจันให้รื้อมาตรวจสอบ ช่างจันก็บอกไม่มีกล่อง motor 4wd เลยต้องซ่อมอะไรเลย
Fortuner 2.7 4wd ตอนแรกราคารถร่วงมากเพราะตอนนั้นยังไม่มีเวปเราเปิดขึ้นมา ตอนนี้ราคารถไม่ตกแล้ว เพราะรุ่นใหม่ไม่มี 4wd ผลิตออกมาอีก การใช้งานออฟโรดกำลังเหลือเฟือ แถมใช้งานได้ดีมาก ๆ แบบคนทั่วไปไม่รู้ว่าเล่น 4wd ได้ไม่แพ้ Hilux โชคดีตรงที่รุ่นนี้ได้อานิสงค์ ช่วงปี 2005 2007 ในเวลา 2 ปี รถใหม่ถูกขายในประเทศไทยประมาณ 12,000 คัน ทำให้รถในตลาดมือ 2 มีให้เลือกหาเยอะกว่า 2.7 รุ่นอื่น ๆ
อีกทั้งลูกค้ากลุ่มนี้ กำลังซื้อสูง ถ้าเล่นรถเก่ามือ 2 ลังเลไม่อยากเล่น ขอข้ามไปเล่นรถใหม่ 2wd ราคา 1.2 ล้านดีกว่า ทำให้ราคามือ 2 Fortuner 4wd ราคาไม่สูงเกินไปนัก

5. รถตู้ 2.7 จัดไว้อันดับท้ายแม้จะมีการใช้งานที่มากแต่ว่ารถกลุ่มนี้ยังไม่มีการขายเป็มือ 2 และรถส่วนใหญ่วิ่งวิน ถ้าปลดประจำการแล้ว จะไม่เหลือราคาให้เล่น บอกไม่ได้กับอนาคต




ตรงนี้คือบรรดารถ 4 รุ่น ของ 2.7 ที่ Hot ที่สุดและสร้างชื่อเสียง ให้กับ 2.7 มากที่สุด ในเวลานี้
รถทั้ง 4 รุ่น มี 4wd ติดเข้ามาถึง 3 รุ่น แสดงให้เห็นว่าทุกคนยอมรับในความเป็น 4wd ของ 2.7 มากกว่าเดิมเพราะรถรุ่นนี้สร้างชื่อเสียงทั้งในประเทศและการขายในต่างประเทศอย่างมาก ส่วน 2wd ที่คนนิยมคือ Extracab ในการใช้งานแบบปิคอัพทั่วไปหรือปิคอัพส่วนบุคคล
แล้วก็ทุกคันเป็นเกียร์ออโตทั้งหมด ที่นักเล่น 2.7 ยอมซื้อเข้ามาเล่น

ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ auto หรือเกียธรรดา ของ toyota ไม่มีเลยครับ จาก : leo mobile(leo mobile) 1/4/2555 5:36:49 [101.109.141.8]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 229
       ถามพี่ auto หน่อยครับ ว่าทำไหมช่างถึงบอกว่าน้ำมันเลี้ยงบ่าวาวไม่จำเป็นเพราะไปเลี้ยงบ่าวาวที่ไอเสีย ช่างบอกมายังงี้นะครับก็เลยงงกะช่าง ส่วนที่บางคล้า พี่เขาบอกว่าจริงๆๆแล้วติดใกล้ๆๆบ้านจะดีกว่าเวลาเซอวิส จะได้ไม่ต้องมาไกล ขอบคุณพี่ auto มากเลยครับ ที่ให้คำปรึกษา ส่วนน้ำมันเลี้ยงบ่าวาวจริงๆๆแล้วมันยังไงครับพี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 230
       น้ำมันเลี้ยงบ่าวาล์วจำเป็นแน่นอนครับ สำหรับ Mitsu 2.4 ถ้าคิดจะใช้รถยาว ๆ ต้องติด ถ้าไม่ติดอายุของเครื่องตัวนี้อยู่ที่ 3 แสนกิโลเมตร จะต้องเปิดฝาสูบมาซ่อมบ่าวาล์วแน่นอน

ส่วนไปติดแก๊สที่บางคล้าน่ะผมแนะนำไปติดที่นั่นดีแล้วครับ ตอนเซอรวิสคุณก็จะสบายใจด้วยราคาไม่แพง คุ้มแน่นอน
เพราะวันมิตติ้งเจอคุณ R400 ก็คุยกันเรื่องแก๊สที่เขาติดมาจากร้านที่ชลบุรี ร้านที่ติดมาไม่เคยเซอร์วิสเลย เพราะบริการห่วย เห็นอย่างนี้แล้วคุณ leo คิดยังไง ร้านใกล้บ้านแต่บริการห่วยก็เท่านั้น หลายคนยอมวิ่งมาบางคล้า เอาความสบายใจ และราคาไม่แพง ร้านยินดีทำให้แม้ต้องรอนาน มีคุณต้นที่เพิ่งคว้า Hilux 2.7 Cab 4wd มาจากโคราชเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขับรถจากอยุธยาวิ่งมาคุยที่ร้านอาจารย์รุ่ง นี้เฉย ๆ น่ะครับ เพื่อดูลู่ทางเปลี่ยนจาก NGV มาเป็น LPG ที่ร้านนี้ อยากให้เน้นความสบายใจเป็นหลัก ไม่ใช่ติดมาแล้วเจอร้านบริการห่วย เสียความรู้สึกเปล่า ๆ พาลไม่อยากกลับไปใช้บริการ เพราะรับสภาพกันไม่ได้
วงการแก๊สบ้านเราที่คนกลัว และมันไม่สามารถยั่งยืนถาวรได้ เพราะมาตรฐานของบริการอู่ติดแก๊ส ห่วยนั่นเอง
ผมเองเคยไปติดแก๊สและวางถังแก๊สที่ร้านชื่อดังแห่งนึงจากระยอง ปรากฎว่าร้านแก้งานไม่จบเลย ไป 2 ครั้งก็ไม่อยากไปแล้ว เพราะว่าไม่มีฝีมือจะแก้งานนั่นเอง ทำแค่ Auto tune ทีเดียวจบ วิ่งจูน 2-3 กิโลจบ แต่งานไม่เคยแก้จบเพราะคนจูนยังไม่เข้าใจเรื่องศักยภาพรถดีพอด้วยซ็ำแต่ดันมาเปิดอู่ติดแก๊ส เพียงแต่เก่งธุรกิจ ผมเลยจบกับร้านนี้ไปเลย เสียความรู้สึกมาก ๆ กับร้านที่คิดว่าดังลงหนังสือแก๊สไทยก็หลายครั้ง
ผมเลยกลับมาบ้านที่ฉะเชิงเทรา ลองให้ร้านนี้ลองแก้ดูก็เลยพบอาจารย์รุ่งที่มาเปิดร้านซ่อมรถที่นี่แหละ ต่อสายจูนก็ทราบอาการแล้วก็ยินดีแก้ให้ค่าจูน 150 บาท จบจริง ถูกกว่ากรุงเทพมากมาย ส่วนการวางถังแก๊สก็กลับไปแก้จากร้านนี้ อาจารย์รุ่งยินดีแก้ให้แม้ไม่ใช่คนที่ติดตั้งทำจนเราพอใจ ยังนึกขอบคุณทุกวันนี้
ส่วนร้านที่ระยอง ไม่เคยนึกถึงอีกเลยและไม่เคยระบุให้ใครไปติดที่นั่นอีกด้วย ลาขาดกันทีระยอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 231
       ต้องขอโทษจริงๆๆครับพี่ AUTO ที่ผมไม่ได้ไปติดที่ร้านพี่แนะนำก็ไม่ไกลกันมาก น่าจะอยู่ประมาณ 100 กิโลได้ แต่ผมไปติดมาแล้วครับวันที่ 1 นี้เอง ราคาเท่ากัน แต่บริการต้องดูอีกที่ไม่รู้จะดีแค่ไหน แต่น้ำมันเลี้ยงบ่าวาล์วผมติดมาด้วยครับ ร้านขอเพิ่มอีก 1500 ลืมผมติดของ versus มาครับ ยังไงขอปรึกษาเรื่องแก๊สๆๆด้วยนะครับ

 แก้ไขเมื่อ : 2/4/2555 21:20:03

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 232
       ส่วนตัวนะครับ....น้ำมันเลี้ยงบ่าวาล์ว....ติดตั้งทางไอดี...ส่วนตัวผมมองว่าไม่ประโยชน์ใดๆ โดยปรกติวาล์ที่เสียหายจากความร้อนจะเป็นวาล์วไอเสียซะส่วนใหญ่ เนื่องจากความร้อนที่ใช้แก๊สนั้นมากกว่าน้ำมันมากมาย แล้วน้ำมันที่เอาเพิ่มก็ถูกเผาไหม้ในกระบอกสูบเรียบร้อยแล้ว วาล์วไอเสียจะรับความร้อนทั้งหมดออกไป นอกเสียจากน้ำมันบ่าวาล์วจะเข้าไปช่วยลดอุณหภูมิในกระบอกสูบได้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ...

ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

ขอบคุณครับคำแนะนำ จาก : leo mobile(leo mobile) 2/4/2555 11:36:44 [125.27.25.101]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 233
      
ตอนผมไปคุยกับอู่อาจารย์รุ่งที่บางคล้ามีลูกค้าที่มาติดแก๊สคนนึงก็คุยด้วยกันเกี่ยวกับ Mitsu 2.4 และ Toyota 2.7 ซึ่งได้ติดแก๊สกันไป ถ้าเป็น Toyota 2.7 ยังไม่เคยเจอปัญหาบ่าวาล์วทรุด
ใน Mitsu 2.4 ที่ผู้ประกอบการรายนึงซื้อมาใช้ในบริษัทของตน รถหลายคันติดแก๊สมาจากสถานที่ต่างกัน ในจำนวนนี้ทั้งหมดรถวิ่งที่ระยะประมาณ 300,000-320,000 กิโลเมตร รถทุกคันต้องเปิดฝาสูบมาซ่อมทุกคันเลยในระยะเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
แต่รถทั้งหมด Mitsu 2.4 ที่ติดกระปุกน้ำมันเลี้ยงบ่าวาล์ว ใช้งานเกิน 3 แสนกิโลเมตรไปแล้ว ทุกคันยังใช้งานได้ปกติจนถึงวันนี้ครับ โดยไม่ต้องเปิดมาซ่อมแต่อย่างใด
รถคุณ leo เอาไปใช้งานเชิงพาณิชย์เช่นเดียวกันระยะทางการวิ่งก็คงจะสูงเช่นกันกว่าจะขายรถออกไป น่าจะเกิน 3 แสนกิโลเมตร ผมถึงบอกให้เอาไปติดกระปุกน้ำมันเลี้ยงบ่าวาล์วได้เลย สำหรับ Mitsu 2.4 รุ่นนี้จำเป็นครับ

น้ำมันเลี้ยงบ่าวาล์วติดมาแล้วครับ จาก : leo mobile(leo mobile) 2/4/2555 18:27:44 [125.27.25.101]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 234
       รถปิคอัพ Hilux Vigo 2.7G เกียร์ออโตเมติก รุ่นแรกที่เอาไปใช้งานเชิงพาณิชย์ บรรทุกหนักกันทั้งนั้น ติด LPG ส่วนใหญ่ใช้งานเกิน 300,000 กิโลเมตรไปบ้างแล้ว ( ไม่นับรวมรถตู้ ขสมก.) เครื่องยนต์และเกียร์ปกติดีไม่มีปัญหา ตัวเกียร์ออโตทนทานกว่ามากจริง ๆ คำยืนยันจากผู้ใช้ครับ
เมื่อวานนี้ผมขับตามรถ Hilux Vigo 2.7G เกียร์ออโตเมติก รุ่นแรก ต่อคอกบรรทุกหนัก 2-3 ตัน เลี้ยวเข้าหมู่บ้านศุภาลัยเส้นกิ่งแก้วหนามแดง เดี๋ยวมีเวลาเอารูปให้ดูพยายามเอากล้องขึ้นถ่ายรูปไว้ได้ ยืนยันความทนทรหดของเกียร์ออโตเมติกของ 2.7 จริง ๆ ครับ ไม่ดีจริงไม่เอามาเป็นเชิงพาณิชย์แบบนี้แน่นอน ยืนยันว่าปิคอัพถ้าจะเอาทนทรหดต้องเกียร์ออโต ซึ่งเกียร์ 2.7 ออโตก็เป็นเกียร์ Heavy duty แบบเดียวกับรถบรรทุกหัวลากขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เกียร์ออโตเหมือนกัน อายุเกียร์ 2 ล้านกิโลเมตร ถึงจะเอาออกมาซ่อมบำรุงรักษาทีนึง




ตรงนี้ทั้งคุณบอมบ์ลูกชายอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจและคุณอภิชัย ไกรนุกูลผู้สื่อข่าวยานยนต์ FM 102 ที่ตอบปัญหาเรื่องเกียร์สำหรับคนใช้ปิคอัพ ก็ยืนยันเหมือนกันเลือกเกียร์ออโตดีกว่า
ถ้าไม่ใช่อารมณ์ดิบ ๆ ประเภทเกียร์ 1 ลาก 60 เกียร์ 2 ลากไป 100 กว่า ๆ จึงเปลี่ยนเกียร์ ให้หันมาเลือกเกียร์ออโตที่ทนทานและใช้งานได้ดีกว่า
ฟอร์ดก็เป็นเจ้าแรกในเวลานี้ที่พยายามชี้ให้เห็นถึงการเลือก New ranger ปิคอัพรุ่นใหม่ให้เกียร์ออโตมีราคาแพงกว่า เกียร์ธรรมดาเพียง แค่ 10,000 บาท เพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อมาใช้และยอมรับเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซักที ไม่ใช่โบราณคร่ำครึอยู่กับปิคอัพดีเซล 2.5 เกียร์ธรรมดาเท่านั้น

รูมีความสามารถถ่ายได้เท่านี้จริง ๆ ครับ จาก : Auto.(Auto.) 14/4/2555 13:52:08 [110.49.235.94] ต่อคอกเพื่อบรรทุกหนัก 2-3 ตัน ใช้2.7 เกียร์ออโต รุ่นแรก ทนทานจริง ๆ จาก : Auto.(Auto.) 14/4/2555 13:53:15 [110.49.235.94] รูปมืดไปหน่อย ถังแก๊สอยู่แทนยางอะไหล่ ต่อคอกสูงเพื่อบรรทุกหนัก 2-3 ตัน จาก : Auto.(Auto.) 15/4/2555 0:32:33 [110.49.226.135]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 235
       อันนี้เห็นตอนเช้า Hilux VIGO 2.7 G เกียร์ออโต smartcab เอามาทำรถ 2 แถว วิ่งรับส่งพนักงาน ผมถ่ายรูปที่หน้าไทยซัมมิทโอโตพาร์ท ถนนบางนา กม.17 รถไม่ดีจริงไม่ทนจริงไม่สามารถเอามาวิ่งแบบนี้ได้แน่นอน
ทำไมผมถึงกล้าพูดได้ เพราะ ปสก. ที่ผมอยู่ตรงนี้ จากคำบอกเล่าของคนที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิกหลายท่านในการนำเอารถปิคอัพ Hilux 2.7 G เกียร์ออโตเมติกมาวิ่งใช้งานหนักบรรทุกของเชิงพาณิชย์ 2.7 ทุกคันใช้เกียร์ออโตเมติกของ Aisin เกียร์ทนทานมากไม่เคยเปิดออกมาซ่อมเลย เปลี่ยนแต่ผ้าเบรคไปหลายครั้งแล้ว แต่เกียร์ออโตใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาจุกจิก ดีกว่าที่คิดไว้ตั้งแต่ทีแรกเพราะตอนนั้นไม่มีตัวเลือกเรื่องเกียร์เลย
พอปัจจุบันมีตัวเลือกเป็น 2.7 เกียร์ธรรมดา เปรียบเทียบการซ่อมบำรุงต่างกันเห็นได้ชัด เกียร์ธรรมดาซ่อมตามระยะ แต่เกียร์ออโตแค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ T-IV แท้ TOYOTA ตามระยะเท่านั้น

พระเอกตัวจริงปิคอัพ Hilux 2.7 ต้องเกียร์ออโตครับ ไม่ใช่เกียร์ธรรมดาเหมือนรุ่นปัจจุบันตามที่เซลเอามาหลอกกันไว้

อยากได้แบบนี้ แต่ไม่มีของ (เศร้าใจ) จาก : leo mobile(leo mobile) 14/4/2555 15:18:56 [101.109.138.63]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 236
       สอบถามหน่อยคะ คือตอนนี้หนูกำลังเปรียบเทียบเบนซินกับดีเซลอยู่ ใจอยากได้เบนซินเป็นทุนเดิมแต่พอพี่Auto บอกว่าไม่ควรซื้อในเกียร์ธรรมดา ทำให้สมควรเลือกดีเซลมากกว่ามั้ยคะ เพราะ ณ ตอนนี้ไม่มีเกียร์ออโต้ให้เลือกแล้ว คือพี่ๆบอกว่าเกียร์ออโต้ดีกว่า ให้ความรู้กับทางด้านเกียร์ออโต้มากกว่า ทำให้การตัดสินใจซื้อเกียร์ธรรมดาเป็นเรื่องยาก รบกวนเปรียบเทียบ 2.7 เบนซินเกียร์ธรรมดา กับ 2.5 prerunner ดีเซลนะคะ ขอบคุณมากคะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 237
       จาก Hongthong

เงื่อนไขมันคนล่ะแบบกันเลยนะครับ ต้องถามความต้องการของตัวคุณเองด้วยนะครับคุณลักษณะการใช้งานของรถ ทั้ง 2 แบบต่างกันโดยสิ้นเชิง
เรียกว่าเปรียบกันยากมากทีเดียว เรียกว่า คนล่ะขั้วเลยแม้เป็นรถ Hilux เหมือนกัน ถ้าคุณเอามาใช้งานเองคำถามนี้สามารถตอบได้ง่ายมากเลยครับ แบบไม่ต้องวัดใจตอบเลยแม้แต่น้อยสามารถตัดตัวเลือกไปได้ทันที

2.7 เบนซินคุณตัดตัวเลือกนี้ไปเลย ไม่ต้องไปซื้อหรอก
เหตุผลเพราะว่า 2.7 ที่ออกมารุ่นหลังปี 2011 เป็นต้นมาเขาทำออกมารองรับรถธุรกิจเชิงพาณิชย์หรือว่าเป็นรถเถ้าแก่เอาไว้ให้ลูกน้องใช้ วิ่งงานได้บริษัท รถเพื่อการส่งของ หรือรถ fleet ที่มีการซื้อขายจำนวนมาก ไม่ได้เอาทำออกมาเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือ เอาไว้ใช้งานเป็นปิคอัพส่วนบุคคลเหมือน Hilux 2.7 รุ่นแรกแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นโดยคุณสมบัติของรถมันเองมันไม่น่าซื้ออยู่แล้วครับ เพราะทำออกมาลูกค้าคนล่ะกลุ่มเลย คุณเองก็คงไม่ได้เอาไว้วิ่งส่งของหรือทำรถสองแถวหรอกเพราะฉะนั้นอย่าไปซื้อเลยครับ
ถึงแม้ว่าจะเป็นตัว2.7 E 4 ประตู ที่คุณดูไว้ก็ตาม เพราะรถรุ่นนี้ถูกตัดอ๊อพชั่นออกไปหมดเช่นกัน เกียร์ออโต เบรค ABS EBD SRS อ๊อพชั่นถูกตัดออกหมด เพราะว่าเขาเอาไว้ทำเป็นรถเชิงธุรกิจ รถเช่าบริษัท ไม่ได้ทำไว้สำหรับลูกค้าทั่วไป รถรุ่นนี้ผมคุยกับเพื่อนที่ทำ TOYOTA ASIA ในไทยขายไม่ได้หรอก ขายได้ก็ไม่ดี แต่ก็ไม่ได้คิดจะเน้นลูกค้าทั่วไปอยู่แล้ว
รถรุ่นนี้ 2.7 4 ประตู 2wd ที่จริงเขาทำส่งนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะส่งไปทวีปออสเตรเลีย อ๊อพชั่นเต็มระบบคือ มีระบบความปลอดภัยพร้อมเพื่อเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและใช้งานเพื่อการบรรทุกของ ระบบแอร์มี Heater ทำความร้อน เกียร์ออโต เบรค ABS ถุงลมนิรภัยคู่หน้า พวกนี้คืออุปกรณ์มาตรฐานที่รถทุกคันที่ส่งเข้าไปขายต้องมี ไม่งั้นขายไม่ได้ลุกค้าไม่ซื้อ ไม่นับรวมอ๊อพชั่นอื่น ๆ
แต่ 2.7 E 4 ประตูที่คุณ Hongthong จะซื้อนั้นไม่มีอะไรที่กล่าวมาเลยซักอย่างเดียว อีกอย่างรถมีกำลังเครื่องสูง 241 nm 160 แรงม้า แม้กระทั่งเบรค ABS ถุงลมนิรภัยก็ยังไม่มี มันไม่เหมาะที่จะซื้ออยู่แล้วครับ เพราะมันคือพื้นฐานของรถที่คุณต้องใช้มันตลอดเวลา พื้นฐานของการมาใช้งานในครอบครัว ต้องดูเรื่องพวกนี้ด้วยครับ อีกทั้งคุณซื้อมาขับเองคนในครอบครัวขับเองเลือกเกียร์ออโตดีกว่า เพราะฉะนั้น 2.7 E เบนซิน ที่คุณดูไว้นั้นมันไม่เหมาะที่จะซื้อและไม่น่าจะสอดคล้องกับคุณอย่างแน่นอน ให้ตัดตัวเลือกนี้ทิ้งไปเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 238
       จาก Hongthong

2.5 prerunner ที่คุณจะซื้อนั้น ผมไม่แน่ใจว่าคุณดูไว้เป็นแค่รถเกียร์ธรรมดาเหมือนกันหรือเปล่า เพราะรุ่นนี้มีแต่เกียร์ธรรมดา
ตัวนี้ซื้อได้ครับแต่มันเหมาะกับ ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงขับ และอีกอย่างนึงถ้ารถไม่มี ABS ก็ไม่ควรเลือกเช่นกัน จากผมที่ลองขับเองหรือแม้แต่ผู้สื่อข่าวยานยนต์ถ้าคุณไปถามเขาก็พยายามให้คุณเลือกรถที่มี ABS ไว้ก่อน เพราะมันจำเป็นมากไงล่ะ สำหรับรถสมัยนี้ รถที่มี ABS กับไม่มี ABS วิธีการขับรถยังต่างกันเลยครับ ใช้ทักษะการควบคุมรถต่างกัน แต่คนทั่วไปคิดว่าเหมือนกันเนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องรถ และไม่เคยฝึกทักษาะการขับรถแต่ล่ะรุ่นตามที่บริษัทรถขายรถออกมา หารถ 2.5 G 2wd ตัวเตี้ยก็พอครับ หรือไม่ก็เลือก 3.0 2wd เกียร์ออโตตัวเตี้ย
ถ้าอยากได้รถยกสูงก็เลือก 3.0G 4wd รุ่นแคปเกียร์ธรรมดาก็ได้ครับอ๊อพชั่นครบ เพียงพอกับการใช้งาน ถ้าคิดว่าขับเกียร์ธรรมดาได้ตัวนี้ปลอดภัยและเหมาะสมถ้าคิดจะเอารถยกสูงมาใช้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 239
       ที่ดูเบนซินเพราะแถวบ้านมีปั๊มแก๊ส ngv(บางปะกง)คะ เลยทำให้อยากเลือกเบนซิน ถ้าเป็นดีเซลกลัวเปลืองน้ำมันเยอะ แหะๆๆ ทั้งคู่เป็นแค๊ปเกียร์ธรรมดาเหมือนกันเพราะไม่มีออโต้ให้เลือก อาจมีวิ่งทางไกลบ้างแต่ไม่บ่อยนักอาจต้องเข้าไปเรียนที่กรุงเทพทุกอาทิตย์ถ้าสอบติด ตัวเก่าเป็น altis ติดcng ทำให้คันใหม่อยากติดบ้างแต่อยากได้เป็นกระบะ ถ้าขับไม่เร็วมาก อัตราการกินน้ำมันของpre กับเบนซินติดcng ประมาณกันมั้ยคะ เพราะค่าบำรุงของcng น่าจะเร็วกว่ารึดีเซลขับเรื่อยๆไม่ต้องซ่อมไรมากเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไร จองรถเป็นเบนซินไปแล้ว แต่ว่าน่าจะเปลี่ยนหลังสงกรานต์นี้ได้นะคะ ตัดสินใจไม่ถูก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 240
       จาก Hongthong

แล้วทำไมไม่เลือกเป็น Altis CNG จากโรงงานไปเลยล่ะครับ มันดูจะเหมาะกับคุณมากกว่า รถเก๋งแบบนี้ประหยัดปลอดภัยมากกว่าปิคอัพที่คุณจะเลือกแน่นอน แก๊สที่ติดจากโรงงานมีความปลอดภัยสูงมากการซ่อมบำรุงทำโดยศูนย์บริการ TOYOTA เลยมีอะไรก็ไปจัดการที่ศูนย์ได้เลย บริการดีกว่าร้านข้างนอกที่เป็นอู่ติดแก๊สทั่วไป
แต่ถ้าเลือกเป็นกะบะปิคอัพ 2.7 ที่ติดแก๊สมาจากโรงงาน มันเหมาะกับธุรกิจรถบริษัทมากกว่า แล้วราคามันก็แพงมากเพราะไม่ได้ทำไว้สำหรับลูกค้าทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งลูกค้าทั่วไปที่จะซื้อรุ่นนี้ผมก็แนะนำว่าไม่ควรซื้อ รุ่นแคปราคาก็ 729,000 บาท รุ่น 4 ประตูเกิน 8 แสนอีกแน่ะ ราคามันไม่เหมาะกับลูกค้าทั่วไปอยู่แล้ว ตลาดคนล่ะกลุ่มครับ ถ้าคุณเป็นผู้ชายพอมีความรู้เรื่องรถอยู่บ้าง ชอบชีวิตผจญภัยเล็กน้อย ชอบเปิดชีวิตท้าทายสิ่งใหม่ ๆ บ้าง ทำงานแล้ว สามารถมิตตี้งเข้ากลุ่มหาความรู้กับพวกเราได้บ้าง ติดตามความรู้ในเวปบ่อย ๆ สามารถไปซ่อมรถตามที่ผมแนะนำได้ ผมจะแนะนำให้คุณเลือกเป็นมือ 2 Hilux 2.7 vvti doublecab 4wd เกียร์AT ที่เป็นมือ 2 ขายในตลาดบางคันติด NGV มาแล้ว จะตรงกับที่คุณต้องการ
แต่นี่มันอาจไม่ตรงผมแนะนำว่าคุณไม่ควรเลือก 2.7

ส่วน 2.5 Prerunner ผมไม่รู้ทำไมคนกลัวเรื่องค่าน้ำมันกันนัก
ขนาดกินน้ำมัน 13-14 km/l คนยังกลัว บางทีโฆษณาหรือพูดกันตามเวปอื่น ๆ ดีเซลดีอย่างโน้นอย่างนี้ มันไม่ได้ผลหรือไง
รถดีเซลคุณจะให้ประหยัดน้ำมันกว่านี้คงจะยากแล้วครับ เพราะรถใหญ่ เครื่องยนต์ใหญ่ ล้อใหญ่ ต้านลม กินน้ำมันประมาณนี้ถือว่าประหยัดมากอยู่แล้ว ถ้าเป็นเกียร์ออโต 3.0 จะกินประมาณ 11-12 km/l มากกว่าเกียร์ธรรมดากันเล็กน้อย ซึ่งถ้าไม่สามารถรับความสิ้นเปลืองตรงนี้ได้ก็ไม่ควรเลือกดีเซลครับ เพราะจะมีปัญหากับการใช้งานคือซื้อรถแล้วไม่ได้ใช้อยู่ดี




แต่ก็นั่นแหละการหันไปเลือก 2.7 มันก็ไม่เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน เนื่องจากมันทำออกมาสำหรับลูกค้าคนล่ะกลุ่มไปแล้ว คงไม่เหมาะกับคุณ
เพราะในอดีต ลูกค้าส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่มีความสนใจในรถ Hilux 2.7 vvti และไม่มีความรู้เรื่องเกียร์ออโต และไม่มีความรู้ในเรื่อง 4wd ซึ่งอยู่ในแวดวงเฉพาะกลุ่ม มันจึงกลายเป็นรถที่ทาง TOYOTA ไทยแลนด์ส่งเข้ามาทำตลาดเนื่องจากเป็นอานิสงค์ของโครงการ IMV หลังจากนั้นพอ 2.7 ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ในเรื่องของการเป็นรถ 4wd และความทนทานของรถเกียร์ออโต ทาง TMT ก็ตัดสินใจให้หยุดการผลิตขายในประเทศไทยไปเลย เพราะกระทบกับรถที่ใช้ส่งออกอย่างมาก เนื่องจากโควต้ารถที่จะส่งออกไปต่างประเทศเป็น Hilux 2.7 เป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ดีเซล ทำให้การใช้ชิ้นส่วนทั้งหมดของ 2.7 เพื่อเป็นการส่งออกเป็นหลักมากกว่าจะผลิตขายในประเทศไทย ถ้า 2.7 ขายดีมันก็จะกระทบกับ รุ่นดีเซลที่ขายในประเทศเช่นกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย