คำตอบที่ 241
       มีอีกวิธีนึงถ้าอยากเล่นรถปิคอัพคุณลองเลือกรถมือ 2 Hilux 2.7 vvti smartcab 2wd AT ไหมครับได้อ๊อพชั่นครบ เป็นรุ่นสุดท้ายของ 2.7 เกียร์ออโตแล้ว ยังมีรถสภาพดีในตลาดรถอีกหลายคัน ไม่ได้ติดแก๊สมา ระยะการใช้งานไม่มากนัก คุณเอาไปติดแก๊ส NGV ได้เลย
ตรนี้จะตรงกับทางเลือกของคุณมากที่สุด
อีกอย่างรถ 2.7 จัดเป็นรถใช้งานคุ้ม ถ้าซื้อเอามาส่วนใหญ่ใช้งานกันระยะยาว ถ้าคิดเอามาใช้กันไม่นาน 4 ปีขายออก เหมือนทั่วไปก็ไม่น่าเล่น
คุณเป็นผู้หญิงหันมาเลือกรถยนต์พวกอีโคคาร์ แล้วไม่ติดแก๊สดีกว่า ประหยัดน้ำมัน 20 km/l ใช้งาน 4-5 ปีแล้วขายออกไป

สงสัยจะหาอยากมั่งครับพี่ เพราะส่วนมากเก็บไว้ใช้เองครับ จาก : leo mobile(leo mobile) 17/4/2555 16:50:55 [125.27.30.153]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 242
       อยากได้เป็นรถกระบะเพราะว่าต้องเอาไปสวนบ้างนานๆที เอารถเก๋งเข้าไปจนช่วงล่างใกล้พังแล้วคะ แต่ส่วนมากวิ่งไม่บรรทุกแค่วิ่งไปทำงานเท่านั้น พ่อให้ซื้อรถใหม่เพราะหนูหาแล้วคะกระบะเบนซินที่เป็นตัวก่อนหน้าที่เป็นออโต้ ราคามือสองเท่ากับของใหม่ตอนนี้เลยแต่เสียที่เป็นเกียร์ธรรมดา ติดแก๊สแล้วรถน่าจะใช้ไปสัก 10 ปีได้มั้ยคะ อาจจะต้องใช้เกินเพราะสวนยางน่าจะโตพอดีได้ใช้งานจริง นานไปรึป่าวคะ รถอยู่ไหวมั้ย หนูอยากติด ngv มากเลยเพราะไม่อยากจ่ายน้ำมันใช้แก๊สไปพอให้คุ้มกับราคาน้ำมันในตอนนี้ แต่อยากทราบว่าค่าซ่อมต่อไปจะพอรับได้มั้ยที่เป็นเกียร์ธรรมดา แล้วติดแก๊สจะอยู่ได้นานถึง 10 ปีมั้ยคะ ถ้าเอาเป็นดีเซลมาอย่างที่พี่บอกหนูน่าจะไม่ค่อยได้ใช้รถแน่เลย ถ้าเกิดหนูติดตามเวปบ่อยๆ แล้วแก้ไขในจุดที่พี่แนะนำต่างๆ ได้บ้างไม่ได้บ้าง พอจะไปไหวมั้ยคะ ขอบคุณคะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 243
       จาก Hongthong

ยิ่งคุณบอกการใช้งานแบบนี้ออกมา ผมฟันธงเลยครับคุณไปหาซื้อ Hilux 2.7G เกียร์ออโตมาใช้เลยครับ ไม่ต้องไปมองที่รุ่นอื่นหรอก จะซื้อเป็นรุ่น 2wd 4wd แล้วแต่คุณ จะแคปหรือ smartcab แล้วแต่คุณ เลิกคิดถึงรุ่นอื่นได้เลย
เอาตัว 2.7G เกียร์ออโตนั่นแหละตรงใจที่สุดแล้วสอดคล้องกับการใช้งานมากที่สุด ส่วนราคาทำใจหน่อยครับว่าถึงแม้ซื้อมือ 2 ราคาจะสูง แต่ซื้อไปแล้วจะไม่ผิดหวังคุ้มแน่นอน ไม่ต้องติดใจอะไรตรงไหนอีก เหตุผลที่รถมือ 2 มีราคาสูงมันต้องมีข้อดีที่มาหักลบล้างข้อเสีย ที่ทำให้ราคารถสูงแสดงว่ามันต้องมีข้อดี ที่จูงใจให้ซื้อ รถมือ 2 หายากกว่ารถใหม่แสดงว่ามันต้องมีดีที่จูงใจให้คนเล่นมากกว่า จึงหายาก
ตรงกันข้ามถ้ารถมือ 2 ราคารุ่นไหนตกต่ำ หาในเต๊นท์สบาย ๆ มีทุกเต๊นท์เหมือนปิคอัพดีเซล ผมจะให้คุณไปซื้อรถมือ 2 เหล่านี้ทำไม .......เพราะปิคอัพดีเซลไม่มีอะไรน่าจูงใจให้คุณซื้อเลย
แนะนำครับลองไปหามือ 2 รถใกล้เคียงรถใหม่คือรุ่น 2.7G smartcab จะได้รถสภาพค่อนข้างใหม่มากบางคันยังไม่ติดแก๊สมาด้วยซ้ำในตลาดรถมือ 2 ยังพอหาได้บ้าง รอจังหวะนิดนึงรถรุ่นนี้หาไม่ยากจนเกินไป ไม่เหมือนรุ่นอื่น ๆ ที่คนรอซื้อกันยากกว่านี้อีก รอหน่อยก็พอหาได้แล้วครับแล้วคุณจะไม่ผิดหวังที่ซื้อมาใช้ รับรองคุ้มแน่นอนครับ ลืมรถใหม่ 2.7 เกียร์ธรรมดาของคุณไปได้เลย


เรื่องที่คุณจะเอาไปใช้งาน 10 ปี น่ะไม่ต้องคิดอะไรหรอก รถรุ่นนี้ ตีเคลมอายุการใช้งานเครื่องยนต์ไว้ 1 ล้านกิโลเมตร (ยกเว้นฝาสูบ ถ้าใช้แก๊ส)
ส่วนอายุเกียร์ออโตเมติก อายุการใช้งาน มากกว่า 5 แสนกิโลเมตร ส่วนบอกถ้าเกิน 2 ล้านกิโลเมตรออกจะดูโอเวอร์เกินไปนิด ๆ เนื่องจากยังไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง แต่อายุ 5 แสนกิโลเมตรผมเห็นบ้างแล้วหลายคัน คุณสามารใช้ 2.7G เกียร์ออโตบรรทุกของ วิ่งเกิน 5 แสนกิโลเมตรได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องเปิดเกียร์ออกมาซ่อมแต่อย่างใดเพียงแต่ดูแลเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ T-IV แท้โตโยต้าตามระยะเท่านั้น
เพราะฉะนั้นคุณเลิกห่วงเรื่องต่าง ๆ ได้ เอาเวลาไปหาซื้อรถมาใช้งานดีกว่า เลือกรถเอาที่ถูกใจ หา 2.7G เกียร์ออโตนั่นแหละ

2.7 เกียร์ธรรมดาตลาดรถเชิงพาณิชย์พวกนี้เปลี่ยนแปลงเร็ว รถเช่าของบริษัทเขาพร้อมโล๊ะทิ้งทันทีที่ตลาดเปลี่ยนแปลง พวกนี้เขาไม่คิดอะไรหรอกการที่เราไปเล่นรถพวกนี้ 10 ปีสภาพไม่ต่างจากปิคอัพทั่วไป อนาคตอีก 2 ปีก็จะรู้ผลว่าจะออกมาแนวไหน แต่ 2.7G เกียร์ออโต ตลาดยังอยู่ได้ เพราะกลายเป็นตลาดรถเฉพาะไปแล้ว ขายต่อวันหน้าคุณก็ยังได้ราคาไม่เจ็บตัว คุ้มค่ากับที่คุณรอคอยรถแน่นอน เลือกไปเถอะไม่ผิดหวัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 244
       รายละเอียดบางสิ่งบางอย่าง เสริมเป็นความรู้

เกียร์ออโตเมติก 6 speed ของ Ford New Ranger รุ่นปัจจุบันที่ขายในเมืองไทยและขายไปทั่วโลกเวลานี้ เกียร์ควบคุมด้วยสมองกล ECU มีความแม่นยำสูงในการเปลี่ยนเกียร์ตามสภาวะการขับขี่ น่าจะแม่นยำที่สุดกว่าได้ เกียร์เป็นแบบ sequential คือการส่งกำลังต่อเนื่องให้อัตราความสิ้นเปลืองเทียบเท่ากับการขับรถเกียร์ธรมดา 6 จังหวะ เรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่และสามารถประมวลผลการเปลี่ยนเกียร์ขณะเข้าโค้งได้ ให้ความปลอดภัยสูงสุดขณะคุณสาดรถเข้าโค้ง เพื่อประมวลผลให้แม่นยำคุณจะควบคุมรถได้ดั่งใจ ไม่เกิดอาการ โอเวอร์เสตียร์ได้ง่าย หรือหลุดจากโค้ง ไปถามหาฝีมือตัวเองหรือโชคชะตาจากใคร ๆ การสั่งการของเกียร์ออโตทำงานร่วมกับสมองกลและช่วงล่างที่มั่นใจของฟอร์ด นับว่าทันสมัยที่สุดของกระบวนการเปลี่ยนเกียร์ของปิคอัพ แค่กระพริบตายังช้ากว่าการสั่งการเปลี่ยนเกียร์เลย ในรถคันนึงมันให้อะไรกับคุณได้เยอะ ผมจำคำพูดจากกูรูหลายคนที่ผมมีโอกาสฟังทางวิทยุ การเลือกรถคันนึง ๆ ก่อนที่คุณจะมองเรื่องอื่น ๆ ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยมาอันดับแรก ๆ ในเกียร์ออโตของ 2.7 ก็เหมือนกัน มีหน่วนความจำที่เรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ได้หลายหลายรูปแบบ แต่การสั่งการยังช้ากว่าของ Ford ค่อนข้างมาก ความทันสมัยยังไงก็สู้ฟอร์ดไม่ได้ สาดโค้งแรง ๆ เห็นได้ชัดความมั่นใจด้วย( ช่วงล่างเดียวกัน ) จะเห็นอาการดื้อโค้งจะมีมากกว่า( แต่ก็ดีกว่าเกียร์ธรรมดาล่ะครับ )

แต่ในเกียร์ธรรมดา ต่างกันเยอะแบบฟ้ากับเหว เกียร์ธรรมดา 20-30 ปีที่แล้วอยู่ยังไงยังงั้น พัฒนามาเป็นแค่ 6 จังหวะและดูยังไม่เคยลงตัวกับรถรุ่นใดเลยเพียงแค่เอามานำการตลาดเท่านั้น แต่เกียร์ออโต 20 ปีที่ผ่านมาถึงจะมาช้าแต่ก็พัฒนามามากกว่าเกียร์ธรรมดาเยอะมาก ไมว่าจะเป็นความทนทาน ความประหยัดน้ำมัน การควบคุมสั่งการเปลี่ยนเกียร์ ล้วนดีกว่าสมัยก่อนมาก ซึ่งมันก็เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยของมันล่ะครับ
เกียร์ธรรมดาเราไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วเหมือนนักแข่งแรลลี่อาร์ต เราใช้ประโยชน์มันได้ไม่เต็มที่และมันก็ไม่ใช่เกียร์แข่ง แบบรถแข่ง
เทียบกับสมัยปัจจุบันที่เกียร์ออโตน่าใช้กว่าลูกเล่นไปไกลกว่ามาก ปลอดภัยกว่า ที่สำคัญทนทานยาวนานกว่าและไม่แพงเหมือนในอดีตที่น่ากลัวอีก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 245
       ขอบคุณคะพี่ หนูคงอธิบายให้พ่อฟังอีกที แต่ดูแนวโน้มแล้วให้ซื้อรถใหม่แน่นอน หนูคงเบนเข็มไปทางเครื่องดีเซล ขอบคุณมากเลยคะที่ช่วยอธิบายความรู้ต่างๆให้ทราบ หลังสงกรานต์นี้คงตัดสินใจแล้วคะ อย่างไรแล้วถ้าได้เข้ากลุ่มกับพวกพี่หนูก็ดีใจคะ ถึงแม้รถจะไม่ค่อยได้ดั่งใจก็ตามที สู้ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 246
       อ่านเจอบทความนึงเข้า มีประโยชน์ดีและคงสะกิดใจคนทั่วไปถ้าคิดศึกษาหาความรู้


http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000114603&TabID=1&
เครื่องอีซูซุ มีปัญหาในล้อดแรกๆ เพราะซัพพลายเออร์ ส่งแหวนลูกสูบ ตกสเปค กล่องควบคุม ตกสเปค แต่ป่านนี้ คงตัดซัพพลายเออร์พวกนั้นทิ้งไปแล้ว และอีซูซุ อาศัยที่ตัวเองเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปลียนเครื่องใหม่ให้ลูกค้าเลย ไม่งอแง ขอเปลี่ยนแต่แหวนหรือกล่องอย่างเดียว แบบยี่ห้ออื่น ตอนนี้ เครื่องอีซูซุ ไม่น่ามีปัญหาแล้วนะ เอลฟ์รุ่นใหม่ ก็ใช้เครื่อง 3.0 ของกระบะ แต่ลดแรงม้า เพิ่มแรงบิดรอบต่ำ ดังนั้น เครื่องดีเซลอีซูซุ จึงน่าจะทนทานแบบที่เขาคุย แต่คงไม่ทนกว่าเครื่องมังกรทอง ที่อืด ควันดำ ประหยัด แต่ทนพังยากที่สุด สรุป ถ้าชอบเครื่องดีเซล คงต้องเลือกรถกระบะอีซูซุ แม้ตัวรถจะไม่ได้ขายดีอะไรทั่วโลก ในอเมริกา อีซูซุ ก็ถอนรถออกไปหมดแล้ว เพราะขายไม่ดี พัมนาแบบรถช้ากว่าเจ้าอื่น เพราะตัวรถไม่ใช่จุดแข็งของอีซูซุ แค่เครื่องยนต์ดีเซลอีซูซุเป็นจุดแข็งของเขา และเครื่องอีซูซุกำลังจะเข้าไปอยู่ใน โตโยต้า ทรุนด้า กระบะยักษ์ในอเมริกา แปลกแต่จริง โตโยต้าเป็นเจ้าของฮีโน่ แต่ฮีโน่พัฒนาเครื่องดีเซลเล็กไม่ทันการแข่งขันของตลาด โตโยต้าจึงยอมกลืนเลือด ไปใช้เครื่องอีซูซุ คู่แข่งฮีโน่ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่า อีซูซุนะ ตัวจริงนะครับ เรื่องเครื่องดีเซล และเครื่องก็อยู่ในเซฟ ซิลเวอร์ราโด รถบรรทุกยีเอ็มซี ตั้งนานแล้ว ยังไม่นับ เครื่องดีเซลเล้กไฮบริด ที่โตโยต้าจะใส่ในรถเล็กของตัวในปี 2012 อีก ก็เครื่องดีเซลไฮบริด ที่อีซูซุ คิดเองทั้งหมด ดังนั้น ใครจะว่ารถอีซูซุไม่ดีอย่างไร ถ้าคุณต้องการใช้เครื่องดีเซลไปอีกนาน แล้วไม่ซื้ออีซูซุ คงต้องมีเหตุผลไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งดังนี้ คือ ไม่ชอบอีซูซุ เพราะชอบขายรถราคาแพงเกินเหตุ เซลล์หยิ่ง ขายรถพ่วงแอร์ บังคับซื้อพ่นกันสนิม บังคับซื้ออุปกรณ์พ่วงเช่นกันชนท้าย ฟิล์ม ผมไปเจอบางศูนย์ เซลล์บอกผมอย่างนี้จริงๆ หรือเหตุผลสุดท้ายคือ คุณไม่รู้เรื่องอีซูซุในต่างประเทศเลย ว่าเป็นยักษ์ในเครื่องดีเซล และเป็นหนูในรถยนต์รถกระบะ เพราะต่างประเทศใช้เครื่องเบนซินในรถกระบะกัน คุณจึงไปเชื่อข่าวปล่อยที่ว่า อีซูซุ ไม่มีที่ยืนในตลาดโลก อีซูซุ หลอกขายรถกระบะให้คนไทย ทั้งๆที่ ความจริง รัฐบาลไทยทุกชุด เป็นคนหลอกให้คนไทยใช้รถกระบะดีเซลเอง น้ำมันดีเซลต้องแพงกว่าเบนซินนะครับ แต่รัฐบาลไทยพยุงดีเซลให้ถูกกว่าเบนซิน คนไทยจึงใช้ดีเซลกันท่วมเมือง เมืองนอก เขาจะใช้รถกระบะดีเซลเฉพาะงานหนักเท่านั้น ลากจูงหนัก ลุยหล่มลึกในป่า บรรทุกหนัก งานนี้ เป็นงานถนัดของเครื่องดีเซลอีซูซุครับ ดีไม่ดี ทั้งเซฟวี่ ยีเอ็มซี และ โตโยต้า ก็เอาเครื่องอีซูซุ ไปใช้นะครับ แต่ถ้าอีกหน่อย ดีเซลแพงกว่าเบนซิน รถกระบะอีซูซุคงต้องสูญพันธุ์แน่ คนจะไปซื้อรถเก๋งเล้กแทน ตอนนี้คนไทยก็เริ่มทำเช่นนี้แล้ว จะมีรถกระบะเบนซินมากขึ้น โตโยต้าจะได้เปรียบ เพราะเป็นผู้นำกระบะเบนซินเหมือนกันในตลาดโลก ส่วนอีซูซุ ก็กลับไปสู่งานถนัด รถบรรทุก สี่ล้อใหญ่ ที่อีซูซุ เป็นผู้นำตลาดขนของในญี่ปุ่น ครองตลาดเกือบผูกขาด ขายเจ้าเดียวกว่าเกือบสามแสนคันต่อปี แบ่งให้ฮีโน่ 3 แค่ สามหมื่นกว่าคันเอง ยังไม่นับเมืองจีนนะ ที่ขายในนามยี่ห้อจีน เพราะเลี่ยงที่คนจีนไม่ชอบคนญี่ป่น คุณอ่านแล้ว ก็ได้ข้อมูลครบ ผมไม่เชียร์ ไม่ตำหนิอีซูซุเกินจริง บอกทั้งจุดด้อยและจุดเสีย คุณเลือกเองได้ครับ

โตโยต้า วีโก้ แน่นอนว่า โตโยต้าคือเจ้าโลกในการผลิตและขายรถเบนซิน สายการผลิตของโตโยต้าดีที่สุด สร้างรถต่างร่นต่างแบบต่างสีต่างออปชั่นได้ในสายการผลิตเดียว มีระบบตรวจคุณภาพดีที่สุด และที่สำคัญ การตลาดเก่งที่สุด ดูในเมืองไทยไม่ต้องไปไกล จากยอดขายรถกระบะ สามหมื่นคันต่อปี ตามหลังอีซูซุ ผู้นำที่ขายได้ห้าหมื่นกว่าคันต่อปี โตโยต้าออกรุ่นใหม่ ไทเกอร์ หวังจะแซงอีซูซุ แต่ไทเกอร์ทำโตโยต้าผิดหวัง ยอดขายไม่แซงอีซูซุ โตโยต้า ทุ่มเงินใหม่ วิจัยพบว่า คนไทยชอยรถกระบะคันใหญ่ แต่โตโยต้าจะประกอบกระบะทรุนด้าในไทยก็ไม่ได้ มันใหญ่ยักษ์แบบหกล้อ กฎหมายไทยยังไม่ยอมให้คนทั่วไปใช้ โตโยต้าจึงใช้วิธี ทุ่มเงิน สร้างวีโก้ คัซซไม่ต่อ ให้ฮีโน่ทำคัซซีให้ และเรื่องน้ำหนักรถเกิน 1600 กก โตโยต้าก็มีพลังลับ ทำให้กฎหมายไทยเป็นง่อยเสีย วีโก้ขับสี่ มันเกินนิดหน่อย ไม่เกินมากแบบทรุนด้า โตโยต้ามีพลังภายใจเยอะนะครับ ฟอร์จูนเนอร์ตามกฎหมายเก่า ช่างล่างหลังต้องเป็นแหนบแบบ อีซูซุ มิว แต่โตโยต้าซุ่มทำแบบสปริงไว้ รอจนกฎหมายเปลี่ยน จึงออก ฟอร์จูนเนอร์มาขาย ส่วนอีซูซุ พลังภายในน้อย ไม่รู้เรื่องกฎหมายจะเปลี่ยน ทำตามกฎเก่า มิวจึงมีแหนบอยุ่ข้างหลัง จะเปลี่ยนใหม่ก็ต้นทุนพุ่ง ไม่รวยแบบโตโยต้า ที่ขายไทเกอร์ไม่ดี เปลี่ยนใหม่หมด ขายวีโก้ กระบะลงทุนหนัก แต่ประหยัดหลายอย่างในรถ เพื่อเอาชนะอีซูซุให้ได้ก่อน แล้วค่อยแก้ตัวในไม่เนอร์เชนจ์ สอดคล้องกับนโยบายโตโยต้าในโลกที่ว่า ต้องเป็นที่ 1 ในโลก แซงจีเอ็มให้ได้ ซึ่งทุกทวีป โตโยต้าต้องเพิ่มยอดขาย รวมทั้งไทยด้วย จากขายกระบะสามหมื่นคันต่อปี ใช้เวลาแค่สามปี วีโก้ยอดแซงอีซูซ วีโก้ ขายได้ แสนเจ็ดหมื่นคันต่อปี นับว่า ตลาดโตโยต้าเก่งมาก ถ้าคุณชอบตัวถัง ตกแต่งภายใน การประกอบรถดีมาตรฐาน และที่สำคัญ ชอบเครื่องเบนซิน รับรอง ซื้อวีโก้เบนซินในวันนี้ คุณจะกลายเป็นคนส่วนใหญ่ในวันหน้า ผมเชื่อว่า กระบะเบนซินในไทย จะขายดีแน่ๆ ส่วนเครื่องดีเซลโตโยต้านั้น คุณอ่านเรื่องเครื่องอีซูซุแล้ว แต่ถ้ายังไม่สนอีซูซุ คุณก็ใช้เครื่องดีเซลโตโยต้าได้ มันไม่เลวร้ายอะไร แต่มันไม่ใช่เครื่องดีเซลที่ครองโลกเท่านั้นเอง มีจุดขายมากมายในเครื่องดีเซลโตโยต้า แล้วแต่จะยกมาอ้าง ถ้าคุณเลือกรถที่ชื่อและชั้นในตลาดโลก โตโยต้า เหนือกว่าอีซูซุ แต่ถ้าคุณเลือกเครื่องด้วยเหตุผลเดียวกัน อีซูซุ เหนือกว่าแน่นอน ลืมเรื่องเครื่องอีซูซุกินน้ำมันเครื่องกล่องเสียไปเถอะ ขนาดเครื่องไมตี้ฝาร้อน ฝาสูบแตกง่าย รู้กันทั้งเมือง คนยังใช้ดีเซลโตโยต้ากันเลย เพราะจะมีคนบอกว่า ไม่ได้ร้อน ไม่ได้แตกทุกฝา คนใช้ใช้ไม่ดี ขาดการดูแล ขาดการขันน็อตฝาสุบเป็นระยะ เรื่องไม่ดีนะ มีกันทุกเครื่องทุกยี่ห้อละครับ ขึ้นกับว่า ใครประโคมข่าวเก่งกว่ากันเท่านั้นเอง

ไม่เหมือนฟอร์ดกับมาสด้า เอาโครงรถเก่าสมัยยี่สิบปี มาเปลี่ยนเล่นอยุ่เรื่อง ไม่รู้ใจคนไทยเลย ถ้าเอา เอฟ 150 รุ่นเล้ก แต่ใหญ่กว่าวีโก้หน่อย เข้ามาประกอบ รับรองขายได้เป็นแสนคันแล้ว ถ้าชอบฟอร์ด รอกระบะเอฟดีกว่าครับ ตัวจริงเสียงจริง รถกระบะยอดขายอันดับหนึ่งของโลกตัวจริง ขายได้ เฉลี่ย เจ็ดแสนคันต่อปี โตโยต้าทรุนด้าที่ว่าแน่ๆ ยังขายได้ แสนกว่าคันเอง ทั้งลดและแจกแถมแล้วนะ โตโยต้าทำได้แค่นี้ เมื่อเทียบกับ ฟอร์ดเอฟ กระบะเบนซิน






ความจริง รัฐบาลไทยทุกชุด เป็นคนหลอกให้คนไทยใช้รถกระบะดีเซลเอง น้ำมันดีเซลต้องแพงกว่าเบนซินนะครับ แต่รัฐบาลไทยพยุงดีเซลให้ถูกกว่าเบนซิน คนไทยจึงใช้ดีเซลกันท่วมเมือง เมืองนอก เขาจะใช้รถกระบะดีเซลเฉพาะงานหนักเท่านั้น ลากจูงหนัก ลุยหล่มลึกในป่า บรรทุกหนัก งานนี้ เป็นงานถนัดของเครื่องดีเซลอีซูซุครับ ดีไม่ดี ทั้งเซฟวี่ ยีเอ็มซี และ โตโยต้า ก็เอาเครื่องอีซูซุ ไปใช้นะครับ แต่ถ้าอีกหน่อย ดีเซลแพงกว่าเบนซิน รถกระบะอีซูซุคงต้องสูญพันธุ์แน่ คนจะไปซื้อรถเก๋งเล้กแทน ตอนนี้คนไทยก็เริ่มทำเช่นนี้แล้ว จะมีรถกระบะเบนซินมากขึ้น โตโยต้าจะได้เปรียบ เพราะเป็นผู้นำกระบะเบนซินเหมือนกันในตลาดโลก ส่วนอีซูซุ ก็กลับไปสู่งานถนัด รถบรรทุก สี่ล้อใหญ่ ที่อีซูซุ เป็นผู้นำตลาดขนของในญี่ปุ่น ครองตลาดเกือบผูกขาด ขายเจ้าเดียวกว่าเกือบสามแสนคันต่อปี แบ่งให้ฮีโน่ 3 แค่ สามหมื่นกว่าคันเอง
โตโยต้า วีโก้ แน่นอนว่า โตโยต้าคือเจ้าโลกในการผลิตและขายรถเบนซิน สายการผลิตของโตโยต้าดีที่สุด สร้างรถต่างร่นต่างแบบต่างสีต่างออปชั่นได้ในสายการผลิตเดียว มีระบบตรวจคุณภาพดีที่สุด และที่สำคัญ การตลาดเก่งที่สุด

 แก้ไขเมื่อ : 19/4/2555 20:08:20

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 247
       สมัยก่อน Hilux และดัทสันช้างเหยียบ รวมถึงกะบะนิสสัน BigM เป็นรุ่นเบนซินทั้งหมด ส่วนอีผูผุเป็นเครื่อง KB2200 ดีเซล แต่มาเจอนโยบายลดราคาดีเซลให้ถูกกว่าเบนซินของรัฐบาลไทยตั้งแต่ยุคโน้น หลังจากนั้นทุกค่ายปรับตัวเข้ามาหาดีเซลกันหมดและเปลี่ยนทางเป็นการขายรถกะบะเบนซินไปประเทศอื่นแทน ความจริงคือบริษัทรถยนต์ไม่ได้หลอกเรา แต่ความจริง รัฐบาลไทยทุกชุด เป็นคนหลอกให้คนไทยใช้รถกระบะดีเซลเอง น้ำมันดีเซลต้องแพงกว่าเบนซินนะครับ แต่รัฐบาลไทยพยุงดีเซลให้ถูกกว่าเบนซิน คนไทยจึงใช้ดีเซลกันท่วมเมือง ปิคอัพเบนซินจึงหายไปหลาย 10 ปี

กะบะดัทสันช้างเหยียบ กะบะที่มีตำนานโด่งดังไปไกลถึงอเมริกา สำหรับรถกะบะญี่ปุ่น สมัยที่หลายท่านยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ใช้เครื่องเบนซินแค่ 1500 cc ยังสามารถเอาไปใช้ในอเมริกาได้ พ่อผมจึงอนุรักษ์ไว้จนถึงวันนี้ เช่นเดียวกับใครหลายคนที่พยายามซื้อ Datsun ช้างเหยียบมาบูรณะกันใหม่
ตำนานปิคอัพเบนซินในเมืองไทย ที่ยังไม่มีวันจางหายไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 248
       ฝาหม้อน้ำผมกลับบ้านเก่าซะแล้ว จุกยางยังอยู่นะครับไม่เหมือนของบางคนจุกหลุดไปแล้ว
ผมได้ฝาหม้อน้ำของแท้มาตั้งแต่ 3 อาทิตย์ก่อนฝากคุณ sembe ซื้อแต่ยังไม่ได้ใส่รอไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตอนนนี้น้ำสีแดงซึมออกจากฝาแล้วเป็นอาการเริ่มที่บอกให้รู้ว่าฝาหม้อน้ำพังแล้วครับ ระยะทางการวิ่งมา 122,000 กิโลเมตร ปกติไม่ค่อยได้วิ่งทางไกล ปกติ 20 กิโลเมตรจอด
ตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนฝาหม้อน้ำไปก่อน ส่วนอย่างอื่นยังไม่เปลี่ยนเพราะอะไหล่ยังขาดแคลน

ใครได้ระยะ 1 แสนกว่าโลแล้วไปต่อคิวจองเปลี่ยนระบบหล่อเย็นทั้งหมดไว้นะครับ ระยะนี้แสดงให้เห็นว่าอะไหล่หมดอายุแล้วต้องรีบเปลี่ยนก่อน
ตอนนี้อะไหล่ขาดแคลนมากไปต่อคิวจองซ่อมกับศูนย์กันได้เลย แต่ฝาหม้อน้ำยังมีอยู่ไปซื้อศูนย์ได้ เอามาเปลี่ยนก่อนก็ยังดี
ช่วงนี้ถ้าน้ำรั่วไม่มีอะไหล่ นะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 249
       เมืองไทยแปลกดี มีแหล่งน้ำมันดิบดีมาก กลั่นออกมาแล้วได้ เบนซินเยอะกว่าดีเซล
ไม่ยอมบอกคนไทย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 250
       สำหรับคนที่ผ่านการใช้แก๊สมาแล้วจนกระทั่งวาล์ว ทรุดจนรั่ว สำหรับ 2.7 2TR-FE
การซ่อมต้องรื้อเปลี่ยนฝาสูบและวาล์วใหม่นะครับ ไม่ควรเปิดฝาเอาไปทำใหม่
เพราะความทนทานค่อนข้างต่ำมากถ้าเทียบกับของเดิม เพราะโลหะการของวัสดในการผลิตเหล็กในการทำบ่าวาล์วต่างกันมาก ระหว่างของแท้เบิกห้างกับของเทียมภายนอก ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนฝาสูบใหม่ของแท้เข้าไป 2.7 จะไม่ทนทานเหมือนเครื่อง 2.7 อย่างเดิมอีกต่อไป ความทนทานจะเหมือนแค่อายุบ่าวาล์ว Vios เท่านั้น ทำให้ไม่คุ้มค่าในการเปิดฝาออกมาซ่อม ไหน ๆ ถ้าจะเปิดแล้วเบิกอะไหล่ของแท้ใหม่หมดเปลี่ยนเลยดีกว่า ถึงจะแพงแต่ก็คุ้มค่าที่จะเสีย
ถ้าเราไปให้โรงกลึงทำฝาให้เขาจะใช้อะไหล่ บ่าวาล์วสำหรับรถทั่วไปซึ่งอายุจะพังที่ 1 แสนโลต้น ๆ
บ่าวาล์วจึงต้องเบิกพร้อมฝาสูบของแท้จากศุนย์เท่านั้น.................
ถ้าใครมีประสบการณ์กับวินรถตู้ช่วยแชร์ด้วยนะครับ ว่าเขาซ่อมกันอย่างไร
แต่ที่เห็นคุณ ble ble ตอนเจอกันคราวนั้นบอกโดยมากเปลี่ยนฝาสูบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 251
       ตอบพี่ Auto ว่าได้จากใดมา :

พดดีได้มาจากหัวหน้าเพื่อนที่เป็น ฝรั่งครับ เค้าทำงานเท่นขุดเจาะ ไม่ค่อยได้ใช้รถ และกำลังจะกลับประเทศ เค้าเลยประกาศขาย ผมเลยจัดเองเลย เสียดายที่ไม่ใช่ Exclusive สีขาว แต่เป็นสีดำแทน แต่ก็ไม่เป็นไร ได้สภาพดีกิ๊บๆๆ

ตอนนี้กำลังจะเอาไปติดแก๊สที่บางคล้าครับ ตามที่ได้ปรึกษาพี่ไป แต่ติดที่พี่ช่าง แนะนำ หม้อต้มเป็น Tomasato หลังทอง ครับ แกบอกว่า Magic รั่วบ่อย เอางัยดีพี่

แต่แกรับทำติดตั้งที่ หม้อพักครับ ราคาไม่แรงด้วย น่าทำจริงๆ นัดเข้าทำวัน พฤหัสนี้ครับ
จาก mod7723



ตอบ........ ฝรั่งใช้ Fortuner 2.7 4x4 เบนซินไม่ขับดีเซล รถคุณ sembe Hilux 2.7 4x4 ก็ซื้อมาจากฝรั่งเหมือนกัน ฝรั่งที่มาอยู่ในประเทศไทยซื้อรถยังเลือกขับแต่รุ่นเบนซิน 4x4 ตอนนี้ไปซื้อ Hilux ดีเซลท่าจะไม่ไหว 555555555 ไม่อินเทรนด์ ก่อนซื้อ Fortuner 2.7 สีขาว Exclusive ครั้งนั้นผมคิดอย่างหนักทั้งการเลือก สีรถ และการเลือก เครื่องยนต์ระหว่าง 2.7 กับ 3.0 ผลสรุป มี 2 ข้อ
1. เลือกสีรถที่ส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก ตอนนั้นเป็น Fortuner สีขาวที่ส่งออกเป็นหลัก
2.เลือกรถที่ส่งขายต่างประเทศเป็นหลัก wolrd wide ไปทั่วโลก Fortuner ที่ส่งออกไปท่าเรือผมเห็นแต่ Fortuner 2.7 4x4 ผมก็เอตัวนี้เลย ส่วน Fortuner สีขาว V6 4.0 ลิตรตัดทิ้งไปเพราะเมืองไทยไม่มีขายแน่

ผลสรุปเลยเป็นตัว Fortuner 2.7 Exclusive เพราะชีวิตผมและที่บ้านผม มีโอกาสซื้อป้ายแดงเป็นคันแรกในชีวิตและยากมากที่จะซื้อป้ายแดงอีกครั้ง รถผมใช้งานเกิน 10 ปี ใช้คุ้ม เลือกรถทั้งทีจึงต้องเอาที่มันขายทั่วโลกและคิดว่าดีที่สุดแล้วและเราก็ต้องรักษามันไว้ให้ดีที่สุดด้วย จึงเป็นที่มาว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้รุ่นนี้
ซึ่งตอนนี้พวกเราหลาย ๆ คนไม่มีใครยอมหันไปซื้อรถปิคอัพดีเซลอีกเลย

ตกลงอู่ติดแก๊สที่บางคล้าเขารับทำวางถังแก๊สตรงหม้อพักไอเสียแล้วหรือครับ ทำวันเดียวหรือเปล่าหรือว่าทำ 2 วัน อย่าลืมที่ผมบอกไปถ้าเป็น Fortuner ใช้ถังขนาด 48 ลิตร แก้ไขวาล์วให้เติมได้ 48 ลิตรไปเลย ขนาดถังต้องผอมและไม่ยาวด้วยนะไม่งั้นจะห้อยลงมามากและก็จะไม่มีพื้นที่วางหม้อพักถ้าถังยาวเกินไป เพราะหม้อพักกับ cattalytic เอาออกไม่ได้ เขาแค่ทำการย้ายขยับไปข้างหน้าด้วยการตัดต่อท่อไอเสีย พวกแผ่นกันความร้อนบนหม้อพักก็ต้องถูกขยับตามไปด้วย ติดตั้งเสร็จต้องขึ้นไปนั่งกันหลายคนให้เด็กในร้านขึ้นไปขย่มท้ายรถแถว 3 ให้เต็มที่เลยว่ามีเสียงดังหรือติดอะไรหรือไม่
ส่วนหม้อต้มแก๊ส เดี๋ยวนี้หันมาเลือก Magic 3 กันเยอะเพราะงานมันสวยครับประหยัดพื้นที่ ดูเหมือนไม่ติดแก๊ส อายุหม้อต้มอยู่ที่ 1.5 แสนโล + - แทบทุกยี่ห้อ ของ BRC 1.2 แสนโลกลับบ้านเก่าพังแล้ว เพราะงั้นอย่าไปสนใจเลยเวลาเสียถอดทิ้งเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว คุณ mod เห็นแล้วนี่ราคาไม่แพง พอตอนเซอรวิสก็กลับมาที่นี่อีกสบายใจครับ อย่างไรก็ดีจะเลือก Tomaseto ก็ได้ไม่ต่างกันมากนัก เปลี่ยนเหมือนกันอายุใช้งานพอพอกัน ราคาใกล้กัน แต่ Magic 3 ตอนนี้สวยกว่า By Auto

ใช่ครับ พี่เค้ารับทำครับ แต่ใช้เวลา 2 วันครับ ใช้ถัง 48 ครับ จาก : mod7723(mod7723) 19/5/2555 12:10:57 [110.77.138.234] ราคาได้ใจมาก ไม่แพงครับ ถูกใจจริงๆ เดี๋ยวรอดูประสิทธิภาพอีกทีครับ จาก : mod7723(mod7723) 19/5/2555 12:12:01 [110.77.138.234]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 252
       ขอบคุณครับ พี่ auto มันติดอย่างเดียวที่ เจ้า Magic III มันรั่วบ่อย แต่เพื่อนบอกเค้าแก้แล้ว แต่รอบเดินเบาไม่เสถียร เลยไม่ค่อยมั่นใจ แต่ใจชอบ Disign ของ Magic III มากครับ สวยมาก เอาตัว 350 hp เลยดีมั้ยเนี๊ย

พี่ Auto พอมีข้อมูล การรั่วของ เจ้า Magic III มั้ยครับ

อีกอย่าง ระบบ ที่มี OBD กับ ไม่มี OBD สำหรับ fortuner หรือ Vigo 2.7 VVTI มันสำคัญมากน้อยแค่ไหน ครับ


ตอบ........ เรื่องการรั่วถ้าเป็น รุ่น 3 นี้ไม่เคยได้ยินว่ามีรั่วอีกนะครับ ถ้าเป็นรุ่นแรก ๆ น่ะเคยได้ยินเหมือนกันว่ามี แต่รุ่นปัจจุบันก็ไม่เคยเจอแล้ว รถคุณ sembe ก็ใช้หม้อต้มตัวนี้อยู่ แต่รอบเดินเบาไม่นิ่งลองสังเกตุรถตัวเองก่อนติดแก๊สน่ะครับว่าเป็นหรือไม่ เพราะว่า 2.7 เป็นเครื่องรอบต่ำมากถูกตั้งรอบเดินเบาไว้ที่ 600 รอบเท่านั้นเอง ในบางช่วง ทำให้หลายคนเห็นว่ารอบมันมีอาการแกว่งมากช่วงเดินเบา จะขึ้นลงอยู่ในช่วง 600-800 รอบ ติดตั้งหม้อต้มอื่น ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นนะครับ เพราะคัน Vigo 2.7 ของผมก็ใช้หม้อต้ม Tomasetto ก็เป็นอาการคล้าย ๆ แบบนี้เหมือนกัน ผมเลยไม่ซีเรียส เปลี่ยนหม้อต้มครั้งหน้ากะว่าเอาตัวนี้แหละ หม้อต้มไม่จำเป็นต้องเอาแรงม้าเยอะเพราะรถเรามันแค่ 160 แรงม้า เอาม้าไปโม้ได้แค่นั้นแต่มันแรงขึ้นไม่ได้หรอก เอาให้เหลือพอ แต่อย่าให้ขาด แต่ถ้าเหลือมากผลก็คือจ่ายแพงขึ้น เท่านั้นเองไม่มีผลเสีย จะลองก็ได้ รถ oui เขาใช้ KME Gold เห็นว่าจ่ายดีมากแต่นั่นรถเขาวางเทอร์โบแล้ว
ส่วนพวก OBD II บอกเลยไม่จำเป็นยิ่งฉลาดมากอาจจะกินมากเกินไปด้วยซ้ำ อีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาปวดหัวเปล่าวิตกจริตเวลาเจออาการ และเราก็ไม่ได้ใช้ต่อ obd เพื่อดูค่ามันทุกวัน ผมว่ามันไม่จำเป็นครับ ถ้าจะตัดปั๊มติ๊กแจ้งเขาไปได้เลยว่าขอให้ตัดปั๊มด้วย ถ้าเราใช้รถเหมือนคนปกติ ตั้งรอบเปลี่ยนเป็นแก๊สที่ 600 รอบ แล้วตัดปั๊มติ๊กซะ จบแน่นอน ดูตำแหน่งรีเลย์ของปั๊มติ๊กด้วยว่าอยู่ตรงไหนเผื่อมีปัญหาในวันหน้าจะได้เปลี่ยนเองได้ BY Auto

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 253
       ร้านซ่อมเกียร์ออโตเพาเวอร์ปากซอยเพชรเกษม เป็นคนตอบปัญหาทางรายการ FM 89.5 เกี่ยวกับเรื่องเกียร์ออโตเมติกที่ใช้กันทุกวันนี้ ว่า....
จริง ๆ มีการคาดหมายกันล่วงหน้ามานานแล้วว่าต่อไป รถยนต์จะมีสัดส่วนการใช้เกียร์ออโตเมติกสูงขึ้น
คือมีบางคนเคยถามกันว่าทำไมเกียร์ธรรมดาไม่ยอมเลิกไปเลย เพราะทุกวันนี้ถ้าซื้อรถเก๋งบ้านเราต้องเป็นเกียร์ออโตเพียงอย่างเดียว
แม้แต่รถแท๊กซี่เองก็เปลี่ยนมาใช้เกียร์ออโตกันเยอะมากขึ้น ส่วนรถบรรทุกรุ่นใหญ่ ๆ กลายเป็นเกียร์ออโตกันเยอะแล้วเพราะว่าความทนทานของเกียร์ออโตเมติกในปัจจุบันมันจะมากกว่าเกียร์ธรรมดาเพื่อให้สอดคล้องกับแรงม้าของรถที่เพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีเกียร์รุ่นใหม่ ๆ มารองรับ
เรื่องนี้ทางคนตอบปัญหาตอบว่า.......... ทางผู้ผลิตรถยนต์ก็ยังมีสัดส่วนในเรื่องเกียร์ธรรมดาอยู่แม้ว่าจำนวนของเกียร์ธรรมดามันจะน้อยแต่ว่ามันยังพอขายได้ ยังพอจะมีกลุ่มคนเล่นอยู่เขาจึงมีการทำออกมาเป็นทางเลือก แต่ในอนาคตสัดส่วนเกียร์ธรรมดามันมีแต่จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ
ดังจะเห็นว่าแม้แต่ปิคอัพที่ออกมานี้ ส่วนใหญ่ๆ พยายามเทไปทางเกียร์ออโตเมติกันหมดแล้ว สัดส่วนของเกียร์ออโตจะเพิ่มขึ้น เกียร์ธรรมดาจะน้อยลง แต่ว่าการผลิตเกียร์ธรรมดายังมีอยู่เพราะบ้านเรายังมีคนเล่นหรือรักจะใช้มันอยุ่บ้าง
การเลือกปิคอัพ 2.7 ในปัจจุบันควรเลือกไปเป็นเกียร์ออโต เพราะอนาคตข้างหน้าสัดส่วนของเกียร์ธรรมดาจะยิ่งน้อยลงไปมาก
เทียบกับความทันสมัยในปัจจุบันถ้าเรายังใช้รถกันอยู่ แล้วยังมาขับเกียร์ธรรมดา
เปรียบไปก็เหมือนกับคุณใช้โทรศัพท์ 3310 เป็นปุ่มกด แต่ความจริงโลกปัจจุบันพัฒนาเลยข้ามจาก Blackberry มาจนถึง IPAD กันไปแล้ว ซึ่งมันพัฒนามาไกลมาก แน่นอนว่าการเลือกใช้เกียร์ธรรมดาสำหรับการขับปิคอัพ มันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเพราะมันความสุขเฉพาะบุคคลที่วันนี้ยังพอใจที่ใช้โทรศัพท์ 3310 ปุ่มกดไม่มีฟังก์ชันอะไรเลย อาจเป็นความฝังใจอย่างนึงก็ได้
แต่ต้องเข้าใจว่ายุคสมัยมันได้เปลี่ยนไปแล้ว เกียร์ออโตเมติกมีราคาถูกในการบำรุงรักษาถูกกว่า และทนทานกว่า ใช้งานได้ดีกว่าเกียร์ธรรมดาในยุคปัจจุบันที่ดูล้าสมัยไปนานแล้ว
เฉกเช่นเดียวกับปิคอัพเบนซิน 2.7 ตอนผมรวมกลุ่มพวกเราเพื่อเปิดเวปนี้มาแรก ๆ คนไม่เชื่อว่าที่ผมบอก รถปิคอัพเบนซิน 2.7 ทนทานกว่าดีเซลคอมมอนเรล แต่ปัจจุบัน TOYOTA ยิงสปอร์ตโฆษณาความทนทานของเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 และความประหยัดมาเป็นจุดขาย
ซึ่งมันก็เข้าทำนองเกียร์ออโตเมติกที่ผมพูดอยู่ในขณะนี้ ว่าเกียร์ออโตเมติกในปัจจุบันมันทนทานและมีความเหมาะสมในการนำมาใช้กับรถปิคอัพ ที่มีแรงบิดและแรงม้าสูง ๆ มากกว่าที่จะใช้เกียร์ธรรมดา
ใน Model 2014 ทาง TOYOTA THAILAND คงต้องปรับตัวตามคู่แข่งคือต้องเข็นปิคอัพ เกียร์ออโต 5 speed ออกมาชนกับคู่ต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะคู่แข่งแต่ล่ะรายไปไกลมากแล้ว ตัวเองคงจะต้วมเตี้ยมไม่ไหว แต่อานิสงค์นี้มันเหมาะสำหรับคนที่ใฝ่ฝันและต้องการเล่นปิคอัพ เกียร์ออโตอยู่แล้วเท่านั้น ถ้าคนยังยึดติดกับการเลือกปิคอัพเกียร์ธรรมดาคงไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการพัฒนาผลิตภัณท์ของ TOYOTA ก็ต้องขับปิคอัพ เกียร์ Manual โยกเกียร์ สลับไปมาเหมือนเดิม



เรื่องแอร์ ทาง Hilux รุ่นหน้าปี 2014 ก็จะเปลี่ยนระบบแอรืมาเป็นระบบ Auto ตามคู่แข่งชาวบ้านเขาเหมือนกัน เพราะโลกมันก็ไปไกลพร้อมกับคู่แข่งที่ขยับเดินหน้าไปมากเช่นกัน ทาง TOYOTA ก็จะปรับตัวตาม แต่อานิสงค์นี้มันก็จะได้เฉพาะคนที่เลือกอ๊อพชั่นของรถเป็นระบบแอร์ Auto เท่านั้น
คนที่เลือกแอร์แบบ manual เข้าไปในรถได้ก็เอามือหมุนแอร์มาเบอร์ 2-3 คงไม่ได้ประโยชน์อะไรอีกเหมือนกัน กับการซื้อรถ Model ใหม่ ๆ แต่ได้อะไรเหมือนเดิมไม่ต่างจากคนขับปิคอัพปี 1996

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 254
       จากกรณีรถพี่อัติล้มตอนข้ามเนินเทวดาระหว่างทางไปทีไลป้า
ผมอยากให้พวกเราอ่านให้เข้าใจ มันจะเป็นข้อคิดได้ดีสำหรับคนอยาก............. ใช้รถยกสูงแต่เลือกเป็น 2wd

ที่ผมไม่ไปลงในกระทุ้นั้นเพราะผมต้องลากลิ้งค์ไปให้ทีมงานที่ไปทีไลป้าดูด้วย



ลงในนี้เป็นที่ที่พวกเราอ่านกันส่วนใหญ่อยู่แล้ว
ผมกลับลงมาจากสังขละเที่ยวนี้เผชิญกับอะไรหลายอย่างมาก
ฟังให้ชัด ๆ ในกระทู้นี้เลย ต่อไปนี้ถ้าใครถามผม Fortuner 2wd หรือ Vigo prerunner เล่นได้ไหม หรือ 2.7 เมื่อไหร่จะทำ Vigo prerunner ออกมาซักที ผมพุดตรงนี้เลยว่าห้ามซื้อเด็ดขาด หรืออย่าไปเรียกร้องจะเอามาใช้โดยเด็ดขาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 255
       รถพี่อัติมีปัญหา ตั้งแต่ก่อนขึ้นเนินเทวดามาแล้ว คือใช้งานได้แค่ 2wd เพราะเฟืองหน้าแตกซ่อมไม่ได้ ช่างยุทธไม่มีอะไหล่ ติดมาด้วย
ทำให้ต้องขับเหมือนรถกะบะขับ 2wd ทั่วไป แต่พี่อัติตัดสินใจข้ามเนินเทวดาโดยที่รถมีแค่ 2wd ขับ 2 ล้อหลัง


เหมือนที่พวกคุณอยาก...........ซื้อกันไงล่ะ อยากซื้อ Fortuner 2wd อยากซื้อ Vigo 2.7 Prerunner เพราะกลัว 4wd ไม่ได้ใช้


เดี๋ยวมาต่อว่าเพราะอะไร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 256
       ดูสภาพเส้นทาง ตรงที่รถพี่อัติล้มลงไป เส้นทาง ไม่ได้ยากเย็นนะครับ ดูเหมือนรถปิคอัพ 2wd ก็น่าจะขึ้นได้กำลังเหลือ ๆ เพราะรถสมัยนี้กำลังเครื่องยนต์เหลือเฟือ เพียงแต่เนินเทวดามันมีความยาวมาก

รถพี่อัติขับแค่ 2wd เหมือน ใครหลายคนที่อยากได้ Vigo prerunner ไม่เอา 4wd นั่นแหละ

พอรถกำลังไต่เขาขึ้นมาเรื่อย ๆ ความเร็วไม่สูงนะครับ ไม่เกิน 30 - 40 km/h เพราะต้องขับตามกันมาหลายคันและเนินเทวดายาวมาก
รถพี่อัติเกิดเสียการทรงตัวกะทันหัน ทั้งที่เส้นทางไม่มีอะไรเลย อาการเหมือนกับ Vigo prerunner ตอนกำลังลงข้างทางช่วงถนนลื่น ๆ นั่นแหละ
พริบตาเดียวไม่ถึง เสี้ยววินาที รถพี่อัติควบคุมรถล้อหน้าไม่ได้แล้วเพราะขับแค่ 2wdเฟืองท้ายหลัง ล้อหน้าสะบัดออกข้างทางไปเกยแนวกำแพงดินรถพลิกคว่ำทันที ทั้งที่ใช้ความเร็วแค่ 30 - 40 km/h ตอนไต่ขึ้นเนิน
ถ้าไม่มีแนวกำแพงดินตรงนี้รถพี่อัติไหลลงเหวนรกไปแล้ว ไม่ใช่แค่คว่ำอยู่กลางถนนแน่นอน



ถือเป็นข้อคิดสำคัญ สำหรับคนอยาก..........จะซื้อ Fortuner 2wd หรือ Vigo Preunner

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 257
       มีหลายช่วงหลายตอนในการเข้าทีไลป้าครั้งนี้ ระบบ 4wd ของ Fortuner มันประคองรถเอาไว้ได้อย่างประหลาดช่วงขึ้นเนินหลายเนิน
ผมจับสังเกตุได้ ตอนที่รถแต่ละคันส่งกันขึ้นเนินไป มันมีความแตกต่างในการควบคุมรถแต่ละคันอยู่
แม้กระทั่งขากลับลงมาจากสังขละช่วงมืดค่ำมีฝนโปรยปรายลงมา ทางเรียบลงเขา รถที่เป็น 4wd ยังมีความมั่นใจที่จะขับสูงมากกว่ารถทั่วไป ที่ยกสูงแต่เป็นแค่ 2wd


เพราะฉะนั้นผมพยายามพูดตรงนี้เสมอมา ถ้าคุณรักอยากซื้อรถประเภทนี้ อยากซื้อรถยกสูงให้ซื้อรถที่เป็น 4wd ไว้ก่อน
ส่วนจะมีระบบอะไรเพิ่มขึ้นมาถ้ามีมันยิ่งดี เพราะมันช่วยในการขับขี่ให้ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ถ้าอยากได้แค่รถครอบครัว 7 ที่นั่งอยากได้แค่ขับ 2wd ไปหาซื้อพวก Innova มาเล่นดีกว่า
หรืออยากขับรถยกสูงแต่ขับ 2wd Ford Mazda คงพอทนถ้าจะซื้อแต่ถ้าให้ผมซื้อผมไม่เอา..........เพราะผมเห็นมาแล้ว ถ้าจะซื้อผมขอ 4wd อย่างเดียว ครั้งนี้เป็นประสบการณ์จำไปตลอด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 258
       บางคนคิดเข้าข้างตัวเองบอกว่า พี่อัติขับรถประมาทหรือเปล่าจึงเป็นแบบนี้
ผมบอกเลยว่าไม่น่าจะใช่ เพราะ...........ปสก. พวกเขาขับรถผ่านมาโชกโชนมาก และความเร็วในการขึ้นเนินก็ต่ำมาก 30 - 40 km/h
แต่ครั้งนี้รถพี่อัติมีปัญหาตั้งแต่ก่อนขึ้นเนินมาแล้ว คือใช้ได้แค่เฟืองท้ายหลังเหมือนรถปิคอัพ 2wd ทั่วไป
แต่เป็นการตัดสินใจเอารถข้ามเนินเทวดาขึ้นมา รถขับแค่ 2wd ล้อหลัง ล้อหน้าเกิดอาการสะบัดทำให้ควบคุมรถไม่ได้เลย


ถ้าใครมาถามผมตอนนี้อีกว่าอยากซื้อ Fortuner 2wd Vigo Preruner ผมบอกได้เลยว่า อย่า.................... เด็ดขาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 259
       ผมพูดแบบนี้ทำให้คนเล่น Fortuner 2.7 2wd รุ่นหลังน้อยใจหรือเปล่า
ผมก็พูดมาตลอดตั้งแต่ต้น รถสูงใหญ่ขนาดนี้แต่ขับ 2wd เฟืองท้ายหลังแบบธรรมดา เหมือนรถปิคอัพ 2 ล้อทั่วไป มันจะใช่ SUV ได้ไง
ผมไม่ใช่สื่อยานยนต์ ที่ยังต้องอาศัยพึ่งพาธุรกิจกับค่ายรถยนต์ ผมบอกเลยว่าถ้าคุณไม่ซื้อ 4wd ก็อย่าซื้อรถประเภทนี้เลย เพราะมันแค่การตลาด
ผมออกทริปครั้งนี้เห็นความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ยิ่งใช้ยิ่งเห็นความแตกต่าง
ผมบอกเลยว่าห้ามซื้อเด็ดขาด Fortuner 2wd หรือเอาปิคอัพยกสูงแต่เป็น 2wd
เวลาขับไปอยู่ดี ๆ บางทีมันอาจเจออาการฉุกเฉิน แบบที่ควบคุมรถไม่ได้อยู่ในขณะนี้ ในขณะที่รถ 4wd คันอื่น ๆ วิ่งนำหน้าหรือตามหลังด้วยความเร็วเท่ากัน ทุกคันมาเนียน ๆ หมด แต่รถ 2wd เจออาการมากกว่าคันอื่น ๆ ยิ่งถนนลื่น ๆ เห็นได้ชัดว่า 4wd ขับขี่ได้นิ่งกว่ามาก
รถยิ่งสูงยิ่งน่ากลัวครับ รถ 4wd มันมีข้อดีเหนือกว่ารถ 2wd อยู่แล้วที่ความสูงของรถเท่ากัน ไม่งั้นรถ 4wd คงต้องเลิกผลิตไปแล้วถ้ามันมีข้อดีน้อยกว่ารถที่เป็นยกสูงขับ 2wd
ผมไม่ได้บอกให้ระวังหรือห้ามประมาท แต่ทางที่ดีตัดสินใจไม่ซื้อรถกยกสูง 2wd เอามาใช้ดีกว่า เพราะไม่มีใครคาดการณ์อนาคตได้หรอก ชีวิตใครใครก็รักทั้งนั้นแหละครับ คนในครอบครัวเราก็โดยสารรถเราไปทั้งนั้น พวกชอบแต่งยกสูงโดยไม่จำเป็นก็เหมือนกัน ยิ่งสูงยิ่งน่ากลัว คิดและตั้งสติให้รอบคอบก่อนทำอะไรลงไป




ภรรยาผมตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมผมจึงรัก Fortuner 2.7 Exclusive 4wd 4x4 คันนี้นักหนา รถกลับมาเที่ยวนี้ล้างรถไป 3 รอบ เดี๋ยววันที่ 8 มิถุนายนนี้เอารถไปซ่อมด้านหน้าที่ชนท้ายเขามาที่ศูนย์โตโยต้า TBS บางนาแล้ว
แฟนผมไม่ว่าอะไรซักคำ จะล้างจะเช็ดยังไงก็ได้ หรือไปซ่อมอะไรที่ศูนย์ TBS ก็เชิญตามสบายเลย เหตุผล
รถเราต้องใช้ในครอบครัว ยังต้องวิ่งเอาไปเที่ยว ภาคเหนือ หรือที่ที่ต้องการ ยังต้องเอาไปใช้งานวิ่งรถกลับบ้านพ่อตาที่ นครพนม ต้องวิ่งข้ามเทือกเขาสูงที่ภูพาน รถแบบนี้ที่เธอต้องการครับความปลอดภัยเห็นแล้วต้องมาก่อน ชิวิตคนในครอบครัวเราเธอเห็นเป็นเรื่องสำคัญ อุ่นใจได้มากกว่า
รถก็สำคัญ การฝึกขับขี่รถก็สำคัญ คุณภาพของรถก็สำคัญ ชนิดหรือแบบของรถก็สำคัญ

แฟนผมขนาดลงไปบอก ไลน์เองเลย เพราะรถมันสามารถวิ่งข้ามที่ต่าง ๆ ได้โดยปลอดภัยทั้งรถทั้งคน รถมันทำได้ คนก็ทำได้เช่นกัน

ตอนนี้ผมเลิกความคิดขายรถ Fortuner 2.7 Exclusive 4wd คันนี้ไปเลย ก่อนหน้านี้มีราคายั่วใจเข้ามาหลายราย เพราะรถเราต้องใช้เดินทางในครอบครัว รถคันนี้จึงมีความสำคัญกับเราอย่างมาก อันไหนไม่ดีผมไปให้ศุนย์ TBS เก็บทำให้เลยดีกว่า ไปหาช่างจันมารอบนึงแล้วล้างเบรคเปลี่ยนผ้าเบรคแท้ทั้งหมดเข้าไปใหม่


ถ้าจะเชื่อผมโปรดฟัง
Fortuner 2wd รถปิคอัพยกสูง ขับ 2wd ผมไม่สนับสนุนให้ซื้อเอามาใช้แต่อย่างใด ทั้งสิ้นครับ

ยิ่งเห็นยิ่งอยากได้ แต่ที่รถใหม่มันมีแต่ขับ 2 WD อะ..... จาก : ya_(ya_) 3/6/2555 21:21:27 [124.120.150.112]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 260
       ผมคนหนึ่งหละครับ..ขอสนับสนุนความคิดและความเห็น การติและการชมของคุณ Auto มากๆ ผมคนหนึ่งที่ซื้อ Fortuner 2.7VVT-i 4x4 มาใช้เพราะอ่านและใด้รู้จักกับบอร์ดนี้ ได้ความรู้ดีๆเกี่ยวกับการใช้รถ รถกระบะอีกคันที่ซื้อก็เป็น Vigo 2.5 D4D Cab 4x4 เหมือนกัน ( หาซื้อ 2.7 VVT-i 4x4 ไม่ด้าย)เอาใว้เข้าสวนที่ต่างจังหวัด ถ้าหา 2.7VVT-i 4x4 ได้กะว่าจะเอา Vigo 2.5 D4D 4x4 มาแลก เพราะว่าถ้าไห้ซื้อพวกยกสูงขับสองอย่าหวังว่าบริษัทรถจะได้ตังค์ผม..อิอิ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 261
       ผมเพิ่งกลับมาจากการคุยกับอาจารย์รุ่ง จากอู่รุ่งวัฒนาโอโตเซอร์วิส บางคล้า
อาจารย์รุ่งแนะนำเกี่ยวกับปัญหาหม้อต้ม Magic ไว้ดังนี้
ปัญหาที่เจอหม้อต้มรุ่นนี้รั่ว ก็คือ หม้อต้มรุ่นนี้ทำจากอลูมิเนียมบาง ๆ ปัญหาคือเกิดการกัดกร่อนเร็วกว่าหม้อต้มรุ่นอื่น ๆ
คนที่ไม่ดูแลระบบหล่อเย็น จะมีปัญหามากกับการใช้หม้อต้มแบบนี้ คือรั่วเร็ว
ทุกท่านพอจะนึกออกไหมครับว่าทำไม ปั๊มน้ำของเราจึงมีอาการรั่วที่ประมาณ 120,000 โล ซึ่งผมแจ้งให้ทุกคนเปลี่ยน
เนื่องจากปั๊มน้ำมันก็ทำมาจากอลูมิเนียมเหมือนกัน อาจเกิดตามดขึ้นได้
โดยกรณีที่คนใช้รถโดยที่ขาดการดูแลระบบน้ำหล่อเย็น จะเป็นปัญหามาก หรือบางคนใช้น้ำยาหล่อย็นที่มีการขายตามตลาดหรือร้านอะไหล่ทั่วไป คุณภาพจะสู้ของ TOYOTA ไม่ได้รวมถึงส่วนผสมที่ต่างกันจะยิ่งกัดกร่อนอลูมิเนียมเหล่านี้ได้ง่าย

วิธีการป้องกัน
1. ต้องใช้เฉพาะน้ำหล่อเย็นของ TOYOTA แท้เท่านั้น
2. การเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นทำครั้งแรกเมื่อเราเปลี่ยน วาล์ว น้ำ ปั๊มน้ำ ท่อ Pipe 1 ที่ระยะประมาณ 120,000- 160,000 โล หลังจากนั้นต้องเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นตามคู่มือติดรถคือต้องเปลี่ยนทุก 80,000 กิโลเมตร
3. ส่วนหม้อต้ม Magic อายุประมาณ 120,000 -150,000 โล ต้องเปลี่ยนตามระยะการใช้งานเหมือนหม้อต้มทั่วไป อย่าพยามใช้ต่อเพราะอาจเกิดการรั่วผุเกิดขึ้นได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 262
       ใครรออะไหล่ TOYOTA จากศูนย์คงจะ ยาว....... เพราะว่าแทบจะทุกรายการรอทั้งนั้นเลย ถ้าศูนย์ไม่มีต้องสั่ง
และการสั่งนี้นานกว่าจะได้ไม่ใช่แค่ 2-3 วัน
อะไหล่ชุดหล่อเย็นนี้สั่งกันเป็นเดือนนะครับ ชุดอื่น ๆ ก็ใช่ย่อยที่ไหน
รถยนต์ของท่านถ้าเป็น toyota เวลานี้รออะไหล่ นาน เกือบทั้งนั้น เพราะปัญหาของ TOYOTA เองใช้ระบบการจัด Part ตามออเดอร์ของลูกค้า ชิ้นส่วนผลิตใน lot ปกติแทบจะส่งไม่ทันอยู่แล้ว ชิ้นส่วนอื่นนอกเหนือการผลิต หาอะไหล่กันไม่ได้เลย

ใครใช้ TOYOTA วันนี้เหนื่อยครับ หาอะไหล่แท้ตอนนี้กันไม่ได้ อะไหล่ขาดแคลนหมด ศุนย์บริการเองก็รับรองลูกค้าไม่ไหวเหมือนกัน เพราะยอดขายรถเยอะมาก ทำให้รถเข้าบริการเยอะมาก ไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 263
       รบกวน คุณ AUTO หรือ สมาชิกท่านอื่นๆ รบกวนช่วยชี้แนะ ในการ ใช้งาน และ บำรุงรักษา ระบบ เกียรออโต และ ระบบเบรค ให้ใช้ได้ดี ด้วยหน่อยครับ..

เหตุเกิดจาก ผมนำรถ 2.7 4D 4WD ไปขึ้นเขาที่ น่าน อ.บ่อเกลือ ภูคา มาครับ..ขาขึ้นไม่เท่าไหร่ ครับ เรื่องระบบเบรคและเกียร์ ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่พอ ขาลงจากเขานั้น เนื่องด้วย เป็นรถใหญ่และเกียร์ออโต(ผมยังไม่ถนัดขับรถใหญ่ ขับแต่เก๋ง ครับ) ทำให้ ระบบเบรคนั้น ร้อนมากจน มีควันขึ้นเล็กน้อย ตอนจอด เพื่อลดความร้อนในระบบเบรค เนื่องจาก ต้องเหยียบเบรค เพื่อชะลอรถ(ที่หนัก)ในช่วงลงเขา เข้าโค้ง ตามลำดับ และมีการเชนเกียร ออโต ลงเพื่อให้ ฉุดกำลังรถ..

ไม่ทราบว่า ท่านๆ สมาชิก มีเทคนิคและ การอัพเกรด ระบบเบรคและเกียร์ออโต แบบไหนกันบ้างครับ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เกิดขึ้นครับ.(ผมเกือบรูดชนตูดคันข้างหน้ามาเหมือนกัน เพราะว่า เหยียบเบรคไปแล้ว เบรคจม!!ครับ ต้องเชนเกียร์ลงมาที่ 1 โดยฉับพลัน )

รบกวนท่านๆ สมาชิก ช่วยแชร์ ประสพการณ์ กันหน่อยนะครับ

ขอบคุณครับ


ตอบ.......... เบรคไม่ต้องไปอัพอะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะอัพเปลี่ยนเบรคหน้าเป็น 320 mm ให้มันหนึบขึ้นทำได้ครับ
แต่ต้องเข้าใจว่ามันต้องแยกคนล่ะกรณีกันกับการขับขึ้นเขาลงเขา เพราะการใช้เบรคขณะขับขึ้นเขาลงเขาเบรคมันจะร้อนจัดมากจนไหม้ได้ ไม่ว่าเบรคยี่ห้อไหนก็ทนไม่ไหวทั้งนั้น มันต้องมีวิธีขับอยู่แล้วครับ รถของคุณเป็นเกียร์ออโต และเป็น 4wd ยิ่งง่ายใหญ่เลยครับและปลอดภัยกว่ารถที่มีแค่ 2wd เพียงแต่ต้องรู้จักใช้เท่านั้น

1. การขับขึ้นเขา เวลาเป็นเกียร์ออโตแบบนี้ให้ใช้เกียร์ D3 ครับ D ห้ามใช้
2.ถ้าเป็นทางภูเขาสูงชันมากให้ขยับเป็นเกียร์ 2 แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็น 3 เมื่อทางไม่ชันนะครับ อย่าเผลอเรอ

3. ต้องพยายามไม่ใช้เบรค อันนี้ผมไม่ได้พูดเล่นน่ะครับ พูดจริง ๆ
การขับขึ้นเขาลงเขาแบบนี้ถ้าใช้เบรคบ่อยมากโดยไม่จำเป็น เบรคไหม้อาจถึงตายได้ ไม่ว่ารถรุ่นอะไรก็เป็น แบบนี้ คนที่อยู่บนดอยที่ขับรถบนภูเขาประจำเขาใช้เกียร์โยกไปมาเพื่อเป็น E/G Brake ทั้งนั้นครับเพราะฝีมือเขาชำนาญมากใช้เบรคน้อยมาก ใช้เกียร์ในการเบรค
เกียร์ออโตก็ไม่ต่างกันครับใช้เกียร์ในการโยกขึ้นลง 1- 2 เพื่อเป็น E/G Brake ครับ เบรคเท้าแตะบางช่วงถ้าจำเป็นเท่านั้น

4.เวลาลงเขาทางชันให้โยกเกียร์ มาที่ 2 เพื่อ E/G Brake ถ้าชันมามากก็โยกมาเป็น เกียร์ 1 คุณต้องหัดเล่นเปลี่ยนเกียร์เหมือนเกียร์ธรรมดานั่นแหละ

5. มีก๊อก 2 ให้คุณเล่นอีกคือถ้าลงเขาชันหรือถนนลื่น ให้โยกเกียร์ออโตมาที่ 2 หรือ 1 เกียร์4WD มาที่ 4H

6. มีก๊อก 3 ให้อีก ถ้าลงเขาชันมาก ถนนลื่นมาก เคยดูโฆษณาเชฟโรเลต แคปติว่าตัว TOP ไหมครับระบบช่วยในการลงเขา รถคุณที่เป็นเกียร์ออโต 4wd ก็สามารถทำได้เช่นกันคุณแทบไม่ต้องใช้เบรคเลย
วิธีการคุณ เบรครถให้หยุดนิ่งตอนเจอทางลงเขาที่ชันมาก เข้าเกียร์ออโตไปที่เกียร์ 1 Vigo โยกเกียร์ 4wd ไปที่ 4L ถ้าเป็น Fortuner ก็มาที่LL ตำแหน่งฉุดลากสูงสุด จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยรถลงมาเลย รถจะหน่วงด้วย E/G Brake ไม่ต้องแตะคันเร่งแต่อย่างใด เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มแต่ว่ารถจะถูกหน่วงด้วยความเร็วต่ำมาก เหมือนรถ SUV ระดับหรูที่ค่อย ๆ ลงเขามาน่ะครับ แต่ระวังรถหลังด้วยเพราะพวกเขาไม่สามารถเบรคหน่วงได้อย่างเรา วิธีนี้ผมทำบ่อยตอนลงเขาทางชันมาก ๆ จะปลอดภัยมาก ไม่ต้องใช้เบรคเลย มั่นใจสูงครับ
BY Auto
หมายเหตุ เกียร์ CVT คนล่ะแบบกันในด้านโครงสร้าง ผมขับเกียร์ CVT ลงเขาไม่เป็นนะครับ เพราะฉะนั้นห้ามจำเพื่อนำไปใช้กับรถเก๋งเกียร์ CVT ถ้ารถเป็นรถเก๋งแบบเกียร์ CVT

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 264
      

เริ่มจากเสียตังส์มากสุดก็ 320mm. พร้อมผ้าเบรคโตต้า ราคาหมื่นก่าๆ

ต่อมาก็ตั้งเบรคหลังใหม่ ใส่เฟืองละเอียดหลังใหม่ ราคาหลักร้อย

ส่วนเกียร์ Auto ระบบของเหลวต่างๆ ก็ทุก 40,000Km.

ไปมาหลายดอยทั้งในประเทศและนอกประเทศ มีที่ดอยอินทนนท์ที่เดียวที่ต้องพักรถ แต่ก็พักตรงจุดชมวิวพอดี ลงไปถ่ายรูปแล้วก็ไปต่อ อ่างขางก็ลงไปได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนดอยไหนยากสุดต้องรอหนุ่มเหนือมาตอบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 265
       ส่วนลงเขามาแล้วเบรคไหม้จนร้อนจัด ก็ต้องบำรุงรักษาดังนี้ เบรคดังนี้

1. ถอดเบรคมาใช้กระดาษทรายขัดหน้าสัมผัสจานเบรคที่ไหม้ออก และก็ผ้าเบรคด้วย
2.ตรวจสอบความหนาผ้าเบรค
3.ตรวจสอบลูกยางเบรคทั้ง 4 ล้อ กลัวความร้อนทำให้ลูกยางเบรคเสียหาย
4.เปลี่ยนน้ำมันเบรคไปเลย น้ำมันเบรค โตโยต้าแท้ราคากระป๋องล่ะ 50 บาทใช้ 2 กระป๋องถูกมากครับ ( ซื้อข้างนอก )

ผ้าเบรคการเลือกใช้ จากประสบการณ์ของ TOP เคยบอกกับผม
เบรคสรุปสุดท้าย เบรคแท้ของศูนย์จะดีที่สุดครับ สำหรับคนใช้งานปกติ ไม่ได้ขับรถเร็วเหมือนอยู่ในสนามแข่ง
ถ้าเป็นผ้าเบรครุ่นปกติของ Bendix เหมาะสำหรับทางเรียบ แต่ไม่เหมาะสำหรับคนใช้งานขึ้นเขาลงเขา
ถ้าเป็นผ้าเบรค Bendix Metal king ตอนเย็นตัวเบรคไม่อยู่เหมาะกับคนชอบความเร็วสูง แต่ไม่เหมาะกับคนเอาไปขับขึ้นเขาลงเขา

ข้อสรุปสำหรับคนปกติจึงเป็นเบรคหน้าแท้จากศูนย์ดีที่สุด แต่ต้องซื้อข้างนอกน่ะครับ ซื้อในศูนย์ 2750 แพงเกินไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 266
       ข้อคิดเตือนสติ.. ..............สำหรับคนที่จะไปติดแก๊ส ผมเลยถือโอกาสพูดตรงนี้เหมือนที่พูดมาตลอด

อยากแนะนำว่า อุปกรณ์แก๊สนั้นจะใช้งานได้ประมาณ 120,000 - 150,000 km นิดหน่อย ( ยกเว้น ECU จะทนทานนานกว่า) ไม่ว่ายี่ห้อใดคุณก็ต้องซ่อมอยู่ดี Advanced OBD เพิ่งจะเข้ามาไม่นาน ยังไม่แน่ว่าระยะยาวจะเป็นอย่างไร ราคาก็แพง การไปพ่วงกับ ECU ของรถ ก็ยังไม่มีหลักประกันว่า จะมีปัญหาตามมาหรือไม่ในระยะยาว ที่สำคัญอู่ติดตั้งแก๊สมีเครื่องมือ Diagnostic ที่จะใช้วิเคราะห์ปัญหาด้วยหรือไม่ และมีความสามารถในการวิเคราะห์งานและซ่อมรถหรือไม่ ถ้ามีก็ไม่ใช่ฟันกันแพงแพง แต่หากเกิดข้อบกพร่องขึ้น Check Engine Light โชว์ขึ้นมา ก็จะไล่ให้ไปเข้าศูนย์ตรวจดูก่อน ว่าปัญหาเกิดจากอะไร สร้างความยุ่งยากให้กับลูกค้าอีก ศูนย์บริการโตโยต้าก็จะบอกว่าเป็นเพราะไปติดแก๊สมา โยนกลับไปให้อู่แก๊ส แล้วถ้าอู่ติดแก๊สนั้นไม่มีความรู้ในการซ่อมรถและเซอร์วิสลูกค้าไม่ดีปวดหัวตายครับ ที่สำคัญอู่หลายอู่ติดแก๊สราคาก็แพงและค่าเซอร์วิสก็แพง มันทำให้เราสิ้นเปลืองและปวดหัวโดยไม่จำเป็น เอาเป็นแบบธรรมดาทั่วไปน่ะดีกว่าครับ ไม่เปลืองสตางค์มากมายโดยใช่เหตุ และหาชุดหัวฉีดแก๊สที่ซ่อมแซมง่ายอะไหล่ถูก จูนง่ายเพียงพอแล้ว

หมายเหตุเฉพาะรถ 2.7 รุ่นปกติน่ะครับ รถวางเทอร์โบคงใช้สมการนี้ไม่ได้

การเลือกอู่ติดตั้ง ก็สำคัญ อู่ติดตั้งจะต้องราคาไม่แพง ค่าเซอร์วิสก็ต้องไม่แพง บริการดีพอควร และสามารถเซอร์วิสเราได้ ที่สำคัญต้องมีความรู้เรื่องงานซ่อมรถยนต์พอควร และซ่อมรถได้ในราคาไม่แพงด้วย เพราะรถทุกคันก็ต้องมีซ่อม ทุกคันต้องมีเซอร์วิสตามระยะทั้งนั้น อู่ต้องมีความรู้อยู่บ้าง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 267
       มีคำถามนึงน่าสนใจ ระหว่างการติด NGV กับ LPG การติด NGV มีข้อตัดสินใจง่าย ๆ อีกข้อนึงคือ




ถ้าติดแก๊ส NGV แพงเช่น 1 แสนบาท แต่เทียบกับติดแก๊ส LPG ข้างนอก 23000-26000 บาท ส่วนต่างมากโข 70,000 กว่าบาท แต่ส่วนต่างต่อกิโลเมตร ต่างกันเพียง 20 สตางค์ ในเวลานี้ไม่เกิน 50 สตางค์
คุณต้องขับรถคันนี้ไป 100,000 กิโลเมตร จึงได้ทุนคืนส่วนต่าง 20,000 บาท
เพราะฉะนั้นการคืนเงินส่วนต่างของ LPG กับ NGV คุณต้องขับ NGV ไปถึง 3 แสนกิโลเมตรจึงได้ทุนคืน ถ้าเทียบกัน
เพราะฉะนั้น NGV จึงไม่น่าใช้ถ้าคุณติดแพง หรือซื้อรถมาแพงจากโรงงานก็ตาม
มีบางคนผมเห็นเขาติดมาที่ราคา 48000-54000 บาท ตอนออกรถใหม่ ๆ ไม่รู้เค้าติดที่ไหน แบบนี้น่าจะคุ้มครับ แต่ถ้าต้องจ่ายค่าติดตั้งมากกว่านี้ผมก็ไม่แนะนำให้ใช้ NGV แต่อย่างใด


ถ้าคุณไม่ตกตัวเลขกัน มีเรื่องข้อเปรียบเทียบอีกอย่างนึง ที่คนทั่วไปไม่ไตร่ตรองดูให้ดี
สมมุติรถคันนึง 4wd กินน้ำมัน 13 km/l หรือรุ่นนึงก็ได้ที่อ๊อพชั่นมากกว่าอีกรุ่นนึง ตกโลล่ะ 2.30 บาท
รถอีกคันเป็น 2wd อ๊อพชั่นน้อยกว่า กินน้ำมัน 14 km/l ตกโลล่ะ 2.14 บาท
รถทั้ง 2 รุ่นค่าใช้จ่ายต่างกันเพียง 0.16 บาท คุณต้องวิ่งไปถึง 100,000 โล จึงจะประหยัดไปได้ 16,000 บาท เท่านั้น
ในขณะที่รถคุณวิ่งไป 1 แสนกว่าโล ขายในเวลา 7-10 ปี คุณยังไม่ได้ทุนคืนที่เสียไปในเรื่องที่คุณเลือกรถ 2wd ที่อ๊อพชั่นต่ำกว่ามาใช้งานเลย
เพราะกว่าจะประหยัดได้ต้องใช้ใช้งานไป 6 - 7 แสนกิโลเมตรโน่นแน่ะ
ในขณะที่เวลาขายรถก็โดนกดราคาไปอีกขั้นต่ำ 1 แสนบาท แล้วหาคนซื้อยากด้วย เพราะคนซื้อมือ 2 มักหาซื้อรุ่น TOP มากกว่ารุ่นที่ตัดอ๊อพชั่น
สมการนี้คุณนำไปเปรียบเทียบกับรถรุ่นอื่น ๆ ได้อีก เช่น TOYOTA เปรียบเทียบกับ ISUZU ที่รุ่นเดียวกัน ประหยัดต่างกันเล็กน้อย
มันไม่ควรมานั่งเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กูรูหลายท่านเค้าบอกคุณว่าเลือก 2wd ก็ได้ แต่เค้าบอกไว้ไม่หมด เพราะการคิดเรื่องเหล่านี้ไม่มีใครบอกเลยใช่ไหม
ถ้าไม่ตกเรื่องตัวเลข การเลือกรถจะไม่มานั่งกลุ้มใจกันแบบนี้ครับ จะพยายามเลือกในสิ่งที่ดีและคุ้มที่สุดสำหรับเรา
เหมือนที่คนเลือก 2.7 พยายามเรียกร้องอยากให้มีเกียร์ธรรมดา และจะเลือกเกียร์ธรรมดา เพื่อหวังประหยัดแต่ไม่ประหยัดจริงอย่างที่คิดเพราะตกตัวเลขกันเป็นแถว แถมไม่ทราบเรื่องเกียร์ธรรมดากับเกียร์ออโตอีกต่างหาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 268
       ความแปลกใจว่าทำไมผมจึงเอา Fortuner 2.7 Exclusive ไปลุยออฟโรด ไม่กลัวรถพังหรือ คนใน Fortunerclub ก็มักคิดกันแบบนี้เวลาเอาไปลุยกลัวรถพัง คำตอบมันมีดังนี้ครับ

ตอบ....... รถมันไม่ได้พัง ตอนผมเอารถไปอู่ช่างจันทุกคนร้องโอโหไปทำอะไรมา ไปลุยที่ไหนมาทำไมสภาพเป็นบแบบนี้
- รถมันไม่ได้เสียหายจาการลุยออฟโรด ..........ผมบอกว่าเปล่าที่หน้าเป็นแบบนี้เพราะขับรถไปชนท้ายปิคอัพ ISUZU รถพนักงานบริษัทเดียวกัน รีบจะเข้าบริษัทด้วยกันทั้งนั้น แต่กันชนหน้า Fortuner มันเป็นพลาสติกไปโดนเหล็กกันชนท้ายรถปิคอัพเลยยุบแบบนี้ กันชนหน้าแตก ไฟหน้าขวาแตก ฝากระโปรงบุบ ขาไฟตัดหมอกหัก ก็เลยเอาเข้าไปในป่าทุ่งใหญ่ทั้งแบบนั้นเลย กลับมาก็จึงมารอเอารถเข้าซ่อมด้านหน้าที่ชนกันมา
- ส่วนรถกลับมาก็เหนื่อยกับการล้างช่วงล่าง ใช้เวลาล้างช่วงล่าง 4 ครั้งจึงสะอาดหมดจดเหมือนเดิม ผมซื้อปั๊มน้ำมาล้างอัดฉีดเองราคา 2500 บาท มี ปสก. จากครั้งก่อนว่าเข้าคาร์แคร์ไม่สามารถล้างให้สะอาดได้ ต้องล้างเองหลาย ๆ ครั้ง
- ห้องเครื่องยนต์ ในฝากระโปรงอันนี้ไปจ้างศูนย์แมกไวร์ล้าง 300 บาท ที่เคยแนะนำพวกคุณไปนั่นแหละ ตอนนี้เขาย้ายคาร์แคร์ ไปที่ใหม่ ๆ ใกล้กันที่ใหญ่กว่าเดิมกว้างก็เดิม ผมล้างเองไม่ไหวห้องเครื่องต้องให้มืออาชีพล้าง เหมือนรถใหม่เลย
- สีรถ555 เคลือบสีตามธรรมเนียม แล้วหุ้มด้วยสติเกอร์สีขาวอีกชั้นเพื่อกันรอย กลับมาเอาน้ำฉีดล้างและลอกสติเกอร์ออก ประหยัดเวลาล้างรถไปเลย แค่ลอกออกเท่านั้นแต่เสียเวลาติดก่อนเดินทาง 4 วัน เลอะเทอะตอนวิ่งลุยโคลนแต่กลับออกมาล้างและเคลือบก็เหมือนใหม่แล้วครับ
- มีรอยบุบมานิดนึงที่ ประตูหน้าซ้ายไปโดนกระแทกกับรถเขามาตอนลากรถ ข้ามลำธารเพราะเบรคไม่อยู่แต่สีไม่เสียเพราะป้องกันไว้แล้ว ไปจัดการซ่อมกันคราวนี้ไปเลย
-ส่วนเบรคมีปัญหาท่อน้ำมันเบรค ท่อแป๊ปเบรคที่ล้อหน้าขวาแตก เกิดจากการลากรถอีกเช่นกัน เชือกลากไปพันล้อทำให้บีบท่อแตก จริง ๆน่ะซ่อมเสร็จแล้วตอนวิ่งออกมาถึงสังขละ แต่ผมอยากเปลี่ยนของเดิมโรงงานติดรถมากกว่า ก็เลยไปให้ซ่อมที่ศูนย์ อีกครั้งราคาท่อ 80 บาท ของแท้ศูนย์
- เรื่องเบรคกลับมาไปหาช่างจัน ถอดล้างเบรคใหม่หมด ด้วยน้ำผงซักฟอก หรือสบู่เหมือนใหม่เอี่ยมเลย ระบบเบรคไม่มีปัญหาแต่ผ้าเบรคหมดก็เปลี่ยนผ้าเบรคแท้ที่ซื้อเก็บไว้ใส่ไป เบรคเลยเหมือนรถใหม่นั่นแหละ รถไปลุยออฟโรดหนัก ๆ ลุยโคลนต้องมาล้างเบรคใหม่หมด ไม่งั้นเบรคพังดินเกาะเบรคจนเบรคเสียหาย ต้องรีบมาล้างทันทีปล่อยไว้ไม่ได้ ผมได้ความรู้มาจากคุณบาสแนะนำผ่านเก่ง j-cha
- บันไดข้างถอดออกตั้งแต่ก่อนเข้าไปในป่าแล้ว เพื่อไม่ให้เสียหาย กลับมาก็หิ้วใส่รถมาให้ช่างจันใส่ให้ด้วย
- เช็คช่วงล่างแล้วปกติไม่มีอะไรพังเสียหายนะครับ ตามปกติของรถ 4wd มันออกแบบมาเพื่อวิ่งออฟโรดทางทุรกันดารอยู่แล้ว ผมก็ถามช่างจันหลายจุดแล้วว่าต้องเปลี่ยนอะไรไหม เค้าก็บอกไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน เช็คแล้ว ปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรเสียหายเลย กลับมาก็วิ่งปกติ ไม่เห็นมีอะไร
- น้ำมันทรานเฟอร์ส หน้ากับน้ำมันเฟืองท้าย ผมซื้อมาเปลี่ยนคาดว่าน้ำอาจเข้าจากการลุยข้ามน้ำหลายสาย ปรากฎว่าน้ำไม่เข้าอีก แต่ซื้อมาแล้วเปลี่ยนก็เปลี่ยนไปเลย กรณีนี้ต่างจากรถลุยน้ำท่วมในกรุงเทพนะครับ เพราะส่วนใหญ่น้ำเข้าเฟืองหน้าและเฟืองท้ายหมด เพราะรถไม่ได้ออกแบบไว้ให้แช่น้ำในกรุงเทพ นะครับ รถมันออกแบบไว้วิ่งออฟโรดลุยน้ำได้แต่เอามาแช่น้ำในกรุงเทพไม่ได้
-ส่วนแผงรังผึ้งหม้อน้ำ กับแผงแอร์ร้อนด้านนอก ตามที่เคยแนะนำไป ให้ซื้อน้ำยาอาปาเช่มาล้าง ผมซื้อมา 4 ขวด 135 บาท ใช้ไป 2 ขวดเท่านั้นเอง สะอาดแล้ว
- ช่วงล่าง เดิม ๆ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าแต่งมากโอกาสเสียก็ยิ่งมาก ถ้าจะเอาทน...เดิม ๆ น่ะทนสุดแล้ว เวลาลุยรู้จักประมาณตนเองว่าศักยภาพเราอยู่แค่ไหน จะไปแค่เที่ยวเอาแค่สนุกหรือจะสนุกเอารถไปพัง มันมี 2 แบบให้เลือก ผมบอกแล้วว่าภาพมันดูน่ากลัวแต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด


ทั้งหมดนี้คือการดูแลรถจริง ๆ ครับดูเหมือนง่ายแต่ต้องใส่ใจพอสมควร ต้องเป็นคนรักรถพอสมควร และมีเวลาให้กับรถยนต์ของตนเอง จึงทำได้
เรื่องการลุยออฟโรดจึงไม่ได้มีปัญหาอะไร รถเลยไม่มีอาการอะไรแอบแฝงหลังจากใช้งานไม่ว่าแบบใด รถจะดีอยู่เสมอ พร้อมใช้งานตลอด
รถจึงไม่ได้เกี่ยวว่าลุยออฟโรดหรือไม่ หรือใช้งานหนักหรือไม่ มันอยู่ที่เจ้าของคนนั้นดูแลรักษารถเพียงใดต่างหาก
เพราะรถที่วิ่งในเมืองหลาย ๆ คัน ช่วงล่างพังก่อนผมซะอีก ผมพูดเสมอมา รถบางคันสีเดิมเอามาโฆษณากันตอนขายแต่สีพังหมดแล้ว สีเดิมก็จริงซื้อไปต้องทำใหม่หมดทั้งคันอยู่ดีแถมสีด้าน ไม่เปล่งประกายออกมาแล้วเพราะเจ้าของรถขาดการดูแลรักษา มันจะมีความหมายอะไร
สมการการดูแลรถ ง่าย ๆ แต่เจ้าของรถต้องรักและเอาใจใส่รถยนต์มากพอควรนะครับ ต้องมีเวลาให้รถยนต์ที่เรารัก ... รักและเอาใจใส่กันและกัน
ถ้าเจอคนที่ไม่ดูแลรถ เอาไปวิ่งในเมืองก็พังกันอยู่ดีแหละครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 269
       สมการเรื่องรถออกจะลึกขึ้นมาอีกหน่อย

- เรื่องรถเก๋ง ช่วงล่างมันนิ่มนวลเกาะถนนได้ดีกว่ารถแบบอื่น ๆ คุณสมบัติมันคือใช้งานทั่วไปในความโดดเด่นคือนิ่มนวลสำหรับรถส่วนบุคคล
แต่ต้องเข้าใจว่าข้อด้อยมันก็มี คือความทนทานของช่วงล่างและตัวถังรถยนต์มันไม่ได้ทนทานแบบรถออฟโรด เอาไปลุยน่ะไม่ได้อยู่แล้ว แค่เอาไปวิ่งถนนขรุขระบ่อย ๆ ช่วงล่างก็พังเสียหายหมด ไม่ต้องพูดถึบการใช้งานหนักแบบอื่นๆ เลย
อีกทั้งการบรรทุกก็เช่นกัน ช่างติดแก๊สบางร้านบอกว่าใส่ถังไปเถอะ ๆ ใหญ่ ๆ น้ำหนักมันแค่ คนนั่งคนเดียวเท่านั้นเอง
จริง ๆ แล้วรถเก๋งมันรับน้ำหนักได้ 4-5 คน แต่ต้องเข้าใจว่าชั่วคราว ไม่ได้รับน้ำหนักกันตลอดเวลา คือการเอาถังแก๊สใหญ่ ๆ ไปห้อยไว้ท้ายรถตลอดเวลา ช่วงล่างมันต้องพังเร็ว ขึ้นมาก รถมันรับน้ำหนักได้แต่คงรับตลอดเวลาไม่ได้ ล้าตัวหมด

- ช่วงล่างรถสปอร์ต แน่นอนว่ารถแบบนี้จะต้องเกาะถนนกว่าเก๋งแบบแรก และแข็งกระด้างกว่าแบบแรก รถแบบนี้เฉพาะกลุ่มมากขึ้น ไมได้เน้นการใช้งานในครอบครัวแบบเก๋งทั่วไป การเข้าโค้ง เกาะถนนจะดี ช่วงล่างใส่ยัดโค้งกันแรง ๆ ได้ไม่มีปัญหา ช่วงล่างไม่พังกันง่าย ๆ เพราะการยุบตัวน้อยกว่า
แต่เอาไปรูดทางขรุขระไม่ได้ กระโดดคอสะพานไม่ได้ พังแน่นอน เหมาะกับทางเรียบมากมากจึงจะดีถนนต้องดีด้วย รถแบบนี้ถ้าคิดติดแก๊สการติดแก๊สรถแบบนี้ต้องคำนึงแรงเหวี่ยงจุดศูนย์ถ่วงของรถด้วย ไม่ใช่สักแต่ยัดถังแก๊สอะไรลงไป

- รถแบบ Fortuner รถมันก็ทำออกแบบมาเพื่อเป็นรถ ขับเคลื่อน 4 ล้อเอาไว้ลุยทางทุรกันดารอยู่แล้ว ถึงแม้มันจะมี 7 ที่นั่ง แต่แนวคิดรถมันไม่ได้ทำออกมาเพื่อเป็นรถครอบครัว มันนั่งยังไงก็แข็งกระด้าง ทำช่วงล่างยังไงก็สู้รถนั่งไม่ได้ เพราะเขาเอาไว้ใช้งานหนักแบบทุรกันดารและทางเรียบผสมกัน การขับขี่ทางเรียบทำได้ไม่มีปัญหา ทุรกันดารออฟโรดก็ทำได้ ช่วงล่างขับขี่ออฟโรดได้ไม่พัง แต่ช่วงล่างจะเอายัดโค้งขับขี่แบบรถสปอร์ตไม่ได้ยังไงก็พังแม้จะวิ่งทางเรียบก็ตาม เพราะคุณลักษณะรถมันออกแบบมาต่างกัน เอาไปใช้แทนรถเก๋งสปอร์ตมันก็ถือว่าใช้ผิดประเภท ความทนทานของรถก็ต้องต่ำลง
รถออฟโรดลุยน้ำได้ แต่แช่น้ำท่วมในกรุงเทพอยุธยาไม่ได้ ข้อนี้ต้องเข้าใจรถอะไรแช่น้ำก็พังหมด
รถนั่ง ลุยน้ำไม่ได้ แต่ออฟโรดจะลุยได้แต่แช่ไม่ได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 270
       วันนี้คุยกับเพื่อนที่ทำงานทีเขามี Mitsu 2.7 Triton CNG เขาก็เห็นตรงกันกับผมม Vigo 2.7 CNG ที่ใครหลายคนเรียกร้องยากให้ tOYOTA ผลิตออกมาขายซักที พอเอาเข้าจริงราคาหงายท้องกันไปเลย ซึ่งผมแนะนำไปว่ามันไม่คุ้มหรอกที่จะซื้อหักลบส่วนต่างแล้วถือว่าจ่ายหนักเอาการ วันนี้มีเรื่องเหล่านี้มาฝาก ออกจะลึกซึ้งมากขึ้นอีก


1. Hilux 2.7 Cab AT ตอนออกมาตอนแรก ราคา 580,000 บาท คนติโน่นตินี่ ทำไมไม่ทำเกียร์ธรรมดาออกมา รถปิคอัพทำเกียร์ออโตออกมามันไม่ทนหรอก ออกมาทำไมรุ่น G เอาแค่รุ่น E ก็พอแระ
สุดท้าย TOYOTA ทำออกมาจริง รุ่น Cab 2.7 E เกียร์ธรรมดา เปิดราคาแพงกว่ารุ่น Hilux 2.7 G AT รุ่นเดิมอีก ตัดอ๊อพชั่นออกหมดเลย
แถมด้วย รุ่น CNG ราคาเปิดตัวออกมาแพงมาก กว่ารุ่น 4wd เมื่อก่อนนี้ซะอีก เป็นไงล่ะ .............ซึ้งไหมล่ะทีนี้
เพราะผมก็ย้ำแล้วว่าพอเป็น OEM PART ติดแก๊สจากโรงงานจะแพงมาก อย่ารอเลย แถมค่าอะไหล่ Altis CNG เป็นตัวอย่าง ลูกค้ารับได้ไหมติดแก๊สจากโรงงาน สุดท้ายหนีไปอู่นอกดัดแปลงกันหมด
ทุกอย่างมันมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น
รถทำรุ่นเดิม ราคาปรับขึ้นปีล่ะ 3% ลูกค้าพอรับได้ แต่จากการเข็นรุ่นใหม่ออกมาเลย ต่างอ๊อพชั่นไปเลย ราคารถจะต้องเพิ่มมากกว่า 10-15% บริษัทรถต้องขายรถให้ได้ตามจำนวนที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนของรุ่นในการสต๊อกอะไหล่ ของรุ่นนี้ ไม่งั้นเข็นรุ่นใหม่ออกมาไม่ได้
รถเกียร์ธรรมดาค่าซ่อมมาถึงเร็วกว่าเกียร์ออโต เชื้อเพลิงจ่ายพอกัน อ๊อพชั่นน้อยกว่า ไม่มีเบรค ABS รถ 160 แรงม้า แต่ไม่มีเบรค ABS เป็นอุปกรณ์มาตรฐานหยุดพละกำลังแรงม้าที่ถ่ายลงสู่ล้อ

2. Hilux 2.7 4 doors 4wd AT กรณีนี้แบบเดียวกับด้านบน ทำไมไม่ทำเกียร์ธรรมดาออกมา ทำไมไม่ทำ 2wd ออกมา เพราะกลัวค่าซ่อมกลัวเปลือง กลัวไม่ได้ใช้เพราะไม่กล้าเอาไปลุยที่ไหน
ผลคือ ได้ Hilux 2.7E 2wd เกียร์ธรรมดาออกมา ราคาแพงมากกว่ารุ่นเดิม การเอารถรุ่นใหม่ออกมาต้องแพงกว่าเดิมอีก 10-15% แต่ได้ทุกอย่างแย่กว่าเดิมทั้งนั้น กินเชื้อเพลิงเท่าเดิม อ๊อพชั่นน้อยกว่า จ่ายแพงกว่าเดิม

3. Fortuner 2.7 4wd แบบเดียวกับด้านบน ทำไมไม่ทำ 2wd ออกมา เพราะกลัวเปลือง กลัวค่าซ่อมไม่กล้าเอารถไปใช้งานที่ไหน
ผลออกมาได้รถ Fortuner 2.7 2wd แต่รถกินเชื้อเพลิงเท่าเดิม จ่ายเงินซื้อรถใหม่แพงขึ้น ได้อ๊อพชั่นพวกเครื่องเสียง ภายในเพิ่มขึ้นมาแค่นั้นนอกนั้นแย่กว่าหรือเหมือนเดิม
รถทำจำนวนน้อย เพราะขายแค่ในประเทสไทยกับประเทสอื่น ไม่กี่ประเทศ ต้องพยายามขายให้ได้ถึงจุดคุ้มทุน ที่ตั้งไว้ก่อน

แสดงความคิดเห็นย่อย