WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ฟอร์ด-มาสด้าปรับแผนลดผลิตเหลือ1.3แสนคัน

จาก Auto
IP:61.90.149.126

พฤหัสบดีที่ , 8/1/2552
เวลา : 21:44

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เอเอที" โรงงานผลิตรถยนต์ฟอร์ด-มาสด้าในไทย เผยแผนปี 2552 ต้องลดยอดการผลิตทรุดต่ำเท่าวิกฤติปี 2540 ที่ 1.3 แสนคัน ยืนยันยังเดินหน้าบีคาร์

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : แหล่งข่าวจาก บริษัท ออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือเอเอที ผู้ผลิตรถยนต์ฟอร์ดและมาสด้า ที่จังหวัดระยอง กล่าวว่า จากภาวะการตกต่ำของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 บริษัทพบว่าคำสั่งซื้อได้ลดลงอย่างมาก จากทิศทางดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลต่อกำลังการผลิตรถยนต์ฟอร์ดและมาสด้าในไทย ปี 2552 จะปรับลดเหลือ 1.3 แสนคัน หรือเทียบเท่ากับยอดผลิตในปี 2540 ซึ่งเป็นปีแรกของการก่อตั้งโรงงานในไทย และเป็นปีที่วิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้น


ส่วนยอดผลิตในปี 2551 ที่ผ่านมา โรงงานมีการผลิตรวม 1.74 แสนคัน ต่ำกว่าเป้าซึ่งวางไว้เดิม 1.82 แสนคัน แม้จะมีคำสั่งซื้อ ตลอด 11 เดือนที่ผ่านมาแต่ผลกระทบจากการปิดโรงงานและความขัดแย้งกับสหภาพแรงงานฟอร์ด-มาสด้า ที่เรียกร้องผลตอบแทนประจำปี ทำให้ในเดือนสุดท้ายไม่สามารถผลิตได้

แหล่งข่าวเผยว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ข้อยุติกับสหภาพ และโรงงานสามารถกลับมาผลิตเหมือนเดิม โรงงานต้องเร่งผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อ ที่ยกมาจากเดือน ธ.ค. ปีก่อนจำนวน 7,800 คัน ทำให้ต้องมีการจ่ายค่าล่วงเวลา (โอที) ซึ่งทำให้ดูว่ามีงานมาก แต่หลังจากนี้ คงจะปรับการผลิตให้เข้ากับสภาพการสั่งซื้อปกติ

นอกจากนี้ โรงงานอาจจะต้องเตรียมผลิตรถจากคำสั่งซื้อที่ได้รับส่วนหนึ่ง เพราะในเดือน ก.พ.อาจจะต้องปิดโรงงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อติดตั้งเครื่องจักร สำหรับแผนการผลิตรถยนต์บีคาร์ รุ่นมาสด้า 2 และฟอร์ด เฟียสต้า ซึ่งเลื่อนมาจากแผนเดิมในช่วงปลายปีก่อน

โยกพนักงานผลิตเก๋งแทนปิกอัพ

ทั้งนี้ แผนการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ของเอเอที มีกำหนดปิดโรงงานชั่วคราวเพื่อติดตั้งระบบสายพานการผลิต ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 11 ม.ค. นี้ แต่ในช่วงดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการปิดล้อมโรงงานของสหภาพแรงงานฟอร์ด-มาสด้า เป็นเหตุให้วิศวกรที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าโรงงานได้และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงต้องเดินทางกลับญี่ปุ่นไปก่อน

แหล่งข่าวระบุว่า ผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการบางค่าย อาจจะเลิกจ้างแต่สำหรับเอเอทีได้ปรับตัว โดยแผนการเดิมจะมีการจ้างงานในโรงงานแห่งใหม่ 2,000 ตำแหน่ง แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันที่คำสั่งซื้อรถลดลง จะใช้การโยกคนจากไลน์การผลิตรถปิกอัพ มาผลิตรถบีคาร์แทน หากไม่พออาจจะมีการจ้างงานเพิ่มเล็กน้อย ซึ่งแผนการนี้จะช่วยให้ไม่ต้องลดคนงาน ของในโรงงานเดิม

ยุติข้อพิพาทหลังเจรจาถึง11ครั้ง

ส่วนปัญหาข้อพิพาทเรื่องผลตอบแทน แหล่งข่าวเผยว่าการเจรจาล่าสุดเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างเอเอทีกับสหภาพ ซึ่งเป็นการเจรจาครั้งที่ 11 เพิ่งจะได้ข้อยุติในเวลา 22.30 น.ของคืนวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยนาย

สมศักดิ์ สุขยอด ประธานสหภาพแรงงานฟอร์ด-มาสด้า เปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างสหภาพและเอเอทีได้ข้อยุติแล้ว

โดยเอเอทีตกลงจ่ายผลตอบแทน ประกอบด้วย โบนัสประจำปี 2551 เป็นจำนวน 6 เท่าของเงินเดือน (เทียบเท่ากับปีก่อนหน้า) บวกเงินพิเศษอีก 15,000 บาท ลดลงจากยอดเดิม 17,500 บาท ปรับเงินเดือนขึ้น 6% บวกเงินพิเศษ 350 บาทในฐานเงินเดือน ปรับค่ากะ 195 บาท/คืน จากเดิม 190 บาท/คืน เบี้ยขยัน 580 บาท/เดือน

ส่วนค่าเช่าบ้าน 2,300 บาท/เดือน ยังคงอัตราเดิม และยังมีสวัสดิการอื่นๆ อาทิเช่น ให้สิทธิพนักงานเหมาจ้างค่าแรงหรือซับคอนแทรคท์อายุงาน 2 ปีสอบบรรจุเป็นพนักงานประจำ เบิกชุดยูนิฟอร์มได้ตลอด มีชุดคลุมท้อง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น สำหรับโบนัสมีการจ่ายมาแล้ว 1 เดือนพร้อมกับเงินเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาตามสัญญาจ้าง ส่วนที่เหลือจะจ่ายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้

ก่อนหน้านี้ ข้อเสนอของผลตอบแทนที่เอเอที คือ โบนัส 6 เท่าของเงินเดือน บวกเงินพิเศษ 14,000 บาท ปรับเงินเดือน 6% บวกอีก 350 บาท ในขณะที่สหภาพต้องการโบนัส 6.5 เท่าของเงินเดือน บวกเงินพิเศษ 25,000 บาท และขึ้นเงินเดือน 6.5% บวกอีก 450 บาท ซึ่งบริษัทไม่สามารถยอมรับได้และยืนตามข้อเสนอเดิม เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกาย่ำแย่

ประกอบกับตลาดรถยนต์โดยรวมเข้าสู่ภาวะชะลอตัว อีกทั้งผลตอบแทนที่เอเอทีที่เสนอให้ถือว่าสูงและยุติธรรม เมื่อเทียบกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย อย่างเช่นโตโยต้าที่จ่ายโบนัสใกล้เคียงกัน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในการเจรจาครั้งก่อน เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ปีก่อน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เป็นคนกลาง มีการนำข้อมูลผลประกอบการที่แท้จริงให้ทั้งสองฝ่ายดูและทำความตกลงกันนั้น ปรากฏว่า ผลประกอบการดีจริงมาตลอด 11 เดือนอย่างที่สหภาพเคยพูดไว้ มาตกลงในเดือน ธ.ค.เท่านั้น คือ ในปี 2551 คาดว่าจะผลิตรถได้ 1.87 แสนคัน คิดมีรายได้ 80,000 ล้านบาท

ในขณะที่ปี 2550 ผลิตได้ 1.57 แสนคัน มีรายได้ 71,000 ล้านบาท หรือผลิตรถเพิ่มขึ้น 30,000 คัน จากปีก่อนหน้า ซึ่งตัวแทนเอเอทียอมรับความจริงในส่วนนี้ แต่ก็ได้นำเหตุผลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะชะลอในปี 2552 มาเป็นข้ออ้างแทน

นายสมศักดิ์ ย้ำว่าปัญหาเรื่องแรงงานสัมพันธ์ครั้งนี้ การจ่ายเงินโบนัสเป็นประเด็นรอง แต่เอเอทีกลับชูเป็นข้อพิพาทหลัก ทั้งที่ความจริงข้อเสนอนั้นสหภาพรับได้และพอใจในสถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้

แกนนำสหภาพแรงงานฟอร์ด-มาสด้า มองว่า ปัญหาแรงงานสัมพันธ์ครั้งนี้ ซับซ้อนเกินกว่าการเรียกร้องต่อรองอัตราการจ่ายโบนัส ต้นเหตุเกิดจากการที่บริษัทต้องการยุติบทบาท สหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นสหภาพอุตสาหกรรมสไตล์อเมริกัน ที่แข็งแกร่งกว่าสหภาพสไตล์ญี่ปุ่น
http://www.bangkokbiznews.com/2009/01/08/news_326385.php



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       สิ่งที่คนทั่วไปมอง หรือแม้แต่นักข่าวปาก.................. หน้าโดนส้น...............อย่างนายสรยุทธ์ที่มักคุยโดยไม่ได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง คือสภาพแบบนี้ต้องช่วยกันไป ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง กรณี AAT ที่มีพนักงานประท้วงเรื่องข้อพิพาทระหวาง AAT และสหภาพแรงงาน
เหตุเกิดจากการที่บริษัทต้องการยุติบทบาท สหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นสหภาพอุตสาหกรรมสไตล์อเมริกัน ที่แข็งแกร่งกว่าสหภาพสไตล์ญี่ปุ่น



เนื่องจากโดยปกติคนอเมริกันเมื่อเป็นสหภาพนั้นเขาจะคำนึงถึงส่วนรวมและการเสียสละมากว่า
ซึ่งจะต่างจากบริษัทคนไทยและคนจีนค่อนข้างมาก
ที่เรามักเห็นสหภาพ......................



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 พฤหัสบดี, 8/1/2552 เวลา : 21:50  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9117

คำตอบที่ 2
       ในการเจรจาครั้งก่อน เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ปีก่อน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เป็นคนกลาง มีการนำข้อมูลผลประกอบการที่แท้จริงให้ทั้งสองฝ่ายดูและทำความตกลงกันนั้น ปรากฏว่า ผลประกอบการดีจริงมาตลอด 11 เดือนอย่างที่สหภาพเคยพูดไว้ มาตกลงในเดือน ธ.ค.เท่านั้น คือ ในปี 2551 คาดว่าจะผลิตรถได้ 1.87 แสนคัน คิดมีรายได้ 80,000 ล้านบาท

ในขณะที่ปี 2550 ผลิตได้ 1.57 แสนคัน มีรายได้ 71,000 ล้านบาท หรือผลิตรถเพิ่มขึ้น 30,000 คัน จากปีก่อนหน้า ซึ่งตัวแทนเอเอทียอมรับความจริงในส่วนนี้ แต่ก็ได้นำเหตุผลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะชะลอในปี 2552 มาเป็นข้ออ้างแทน





โดยที่จริงแล้วข้ออ้างคือบริษัทในอเมริกากำลังย่ำแย่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 พฤหัสบดี, 8/1/2552 เวลา : 21:52  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9118

คำตอบที่ 3
       ปิคอัพ Ford Mazda ที่ส่งขายในต่างประเทศนั้นจะเป็นปิคอัพเบนซินส่วนใหญ่

โดยรถปิคอัพ Ford ขนาด 1 ตันได้เข้าประจำการในสงครามอิรักในกองทัพสหรัฐเพื่อลดค่าใช้จ่ายในตัวรถ ฮัมวีที่มีค่าใช้จ่ายสูงและไม่คล่องตัวเท่ารถปิคอัพเบนซินขนาด 1 ตัน ซึ่งรถปิคอัพขนาด 1 ตัน เป็นปิคอัพที่ผลิตจากไทยและต่อเติมบางส่วนจาก อ.พนัสนิคมโดยอู่แห่งนึง




รถมาสด้า Bravo 4 ประตูสีขาวตัวที่ส่งไปขายออสเตรเลีย เครื่องเบนซิน 2600 ซีซีเกียร์อัตโนมัติคือรถปิคอัพเบนซินที่ผมได้ลองขับครั้งแรกในชีวิต จนติดอกติดใจปิคอัพเบนซินแบบนี้มาตลอด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 พฤหัสบดี, 8/1/2552 เวลา : 21:58  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9119

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,26 ธันวาคม 2567 (Online 9088 คน)