จาก ฝ่ายข่าว@WeekendHobby.Com IP:58.11.37.1
ศุกร์ที่ , 22/8/2557
เวลา : 13:45
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ทริป ผาสวรรค์ ทริปล้างตา
" ผาสวรรค์ " ไปกันอีกแล้วเหรอ.! บางท่านอาจคิดกันเช่นนี้..... การเดินทางสู่น้ำตกผาสวรรค์ในครั้งนี้ เกิดจากความ ตั้งใจของ " โกกุย " ที่ครั้งหนึ่งบอกกับตัวเองว่า เราจะไปผาสวรรค์ให้ได้ค่อยดูสิ จึงทำให้เกิดการเดินทาง ครั้งนี้ขึ้น เริ่มจากการนัดแนะ เตรียมการ และ หาข้อมูลผ่านเวปบอร์ดของ WeekendHobby.com เหมือนเช่นเคย จึงได้สรุป การเดินทางครั้งนี้ในวันที่ 7-8 ก.ค.44 ที่ผ่านมา จำนวนรถสมาชิกที่เข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ 10 คันพอดิบพอดี ตามจำนวนที่เราจำกัดรถ ในครั้งแรกของการเดินทาง เริ่มกันจากสมาชิกหน้าถาวรคือ โกกุย(ผู้นำขบวน), ขนมิ้ง/4wheels , ขมแมว4x4 , ฉลามขาว(ว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่อเป็น ขนของ แทนแล้ว), ธเนศ(บ่อวิน) , ณรงค์(2door) , พี่ทศ , คุณPong ละสมาชิก ที่เข้ามาใหม่เอี่ยมอ่องอีก 2 ท่าน คือ พี่สมศักดิ์(Stadaแดง) และ พี่ศรีศักดิ์ ที่มาด้วยใจจริงๆ มุ่งหน้ามาจากสุราษฏร์ธานี พร้อมกับมอเตอร์ไซด์วิบากระดับแข่งขันอีก 2 คัน
เช้าวันเสาร์ที่ 7 ก.ค.44 พวกเรานัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนทางหลวงหมายเลข 323 กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ สมาชิกทุกคนมากันครบ ตั้งแต่เก้าโมงเช้า พวกเราร่วม กันรับประทานอาหารมื้อแรกพร้อมกัน พร้อมนัดหมายเส้นทาง กันอีกครั้ง เสร็จภาระกิจแรกพวกเราก็เดินทางมุ่งหน้าสู่" ผาสวรรค์บน " พวกเราเตรียมสเบียง/น้ำแข็ง/น้ำมัน กันอีกครั้งในเส้นทาง บริเวณกิโลเมตรที่ 100 หมู่บ้านลิ่นถิ่น เพื่อความพร้อมในการเดินทางและ สำหรับค่ำคืนนี้ !!!... ปัญหาเกิดกับรถคันแรกแล้วครับ เมื่อรถธเนศ(บ่อวิน) มีปัญหากับสายพานแอร์ จึงต้องปักหัวเข้าไปซ่อมแซม เวลาผ่านไปไม่นานพวกเราก็เดินทางกันต่อ ล่วงเลยมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 110 ขบวนของเราเปิดไฟสัญญานเลี้ยวขวา เข้าหมู่บ้านสหกรณ์นิคม จากปากทางประมาณ 15 กิโลเมตรสุดถนนลาดยาง ต่อด้วยถนนลูกรังอัดแน่น อีกไม่กี่กิโล เราก็จะเจอแยกตัว Y ที่จะบอกเราว่า เลี้ยวขวาอีก 13 กิโลเมตร ไปน้ำตกผาสวรรค์นั่นคือ น้ำตกผาสวรรค์ล่าง ที่ใครๆก็รู้จักกันดี... แต่ขบวนของเราตกลงเลี้ยวไปทางซ้ายกันก่อน เพื่อเข้าสู่น้ำตกผาสวรรค์บน หรือที่ชาวบ้าน เรียกขานกันว่า" น้ำตกบ่อน้อย " จากทางแยกตัว Y ไปไม่กี่กิโล จะพบหมู่บ้านสะพานลาว ชุมชนของชาวบ้านแถบนั้น คุณศรีศักดิ์ตกลงจะ ฝากรถไว้กับร้านค้าของหมู่บ้านเพื่อควบเจ้ามอเตอร์ไซน์คันเก่ง พร้อมคู่หู บุกตะลุย หมายพิชิตน้ำตก และเส้นทางที่ท้าทายเบื้องหน้าเรา ขบวนเคลื่อนตัว ลัดเลาะผ่านเหมืองโม่หิน เข้าสู่เส้นทางลัด ที่จะทะลุไปสู้น้ำตก ห้วยแม่ขมิ้นได้ พวกเราเลี้ยวขวาอีกครั้งออกจากเส้นทางเพื่อเข้าสู่น้ำตกผาสวรรค์บน .... เส้นทางเริ่มเปลี่ยนเป็นป่ารก กิ่งไม้สองฟากฝั่งทางโน้มเอนลงมาบางส่วน ทำให้ขบวนของเรา ต้องชลอความเร็วเป็นระยะๆ เริ่มลึกเข้าไปทุกที!! ม้ากระโดดของณรงค์ 2Door ก็ออกอาการควันขาวกลบตูดซะแล้ว ไม่ทราบสาเหตุมาจากเจ้าเทอร์โบ ตัวใหม่เอี่ยม ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไปก่อนอกทริปรึเปล่า? ที่ทำเหตุ.! ส่งผลทำให้ลูกสูบทั้ง 4 ไม่สามัคคีกัน( อู้งานไป 1 สูบ) เหลือที่มีเรี่ยวแรงแข็งขันอยู่เพียง 3 สูบเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวน้ำตกเบื้องหน้าได้ จำต้องถอยออกมาเพื่อความปลอดภัย คุณทศ รับอาสาออกมาเป็นเพื่อน เพื่อไปรอที่ผาสวรรค์ล่างอีกประมาณ 20 ก.ม จากจุดเกิดเหตุ ทำให้เราเหลือรถ ที่จะพิชิตน้ำตกอยู่ 7 คันกับมอเตอร์ไซด์อีก 2 คัน
การเดินทางมุ่งหน้าต่อ โดยโกกุยเป็นคันนำเช่นเคย จนเรามาพบร่องโคลนแรกที่มีมีสถาพไม่ถึงกับโหดร้ายนัก จากการวัดความลึก ของร่องโคลนโดยเนว์ฯของคันนำหน้าแล้ว ขนาดล้อ 31 นิ้วน่าจะผ่านไปได้ไม่ยากเย็นนัก ว่าแล้ว โกกุยก็ผ่านข้ามไปก่อนอย่างสบาย ตามมาด้วยธเนศ(บ่อวิน) ที่ต้องออกกำลังดิ้นอยู่พักนึงถึงจะไปได้ (ก็เตี้ยกว่าเค้านี่ครับ) ตามมาด้วยคุณ Pong ที่เพิ่งยกสูง ใส่ยางดอก MUD เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ผ่านฉลุย ขนมิ้ง/4wheels ยิ่งสบายใหญ่ ตามมาด้วยขนแมว ส่งมาเต็มแรง แต่ไง๋ไปหยุดซะกลางทางล่ะ.!พวงมาลัยถูกส่ายไปมา ก็ยังไม่มีวี่แววจะเคลื่อนต่อไปได้ " เฮ้ย.! ติดว่ะ " เสียงผ่านมาทางวิทยุรับส่งออกมา เอ๊า..! ติดก็ไปช่วยกันสิ รถคันที่ไปได้ถอยหลังกลับ มาหมายลากเพื่อน ที่แขวนโตงเตง อยู่กลางบ่อโคลน เชือกลากใหม่เอี่ยม ถูกงันออกมา ใช้อย่างไม่รังเรจากกล่องกู้ภัยประจำรถ ไม่มีการเสียดาย ความใหม่ป้ายแดง อีกต่อไปขอให้พาเพื่อนขึ้นมาได้ก่อน สายลากถูกทอดไป ในบ่อโคลน เพื่อลากรถที่ติดให้ขึ้นมา แล้วเดินทางต่อ ทุกคันทยอยผ่านจุดนี้มาได้ ก็ต้องมาเจออุปสรรค์ที่.2 ทางเบี่ยงขวาผ่านซุ้มไผ่ขนาดพอดีตัวรถ ที่ลาดเอียงและลื่นไถลของผิวดินน้ำชับ โกกุยผ่านไปได้เพราะได้ยาง Mud และช่วงตัวที่สั้นกว่าคนอื่น นอกนั้นไม่มีใครผ่านไปได้ ต้องออกกำลัง กันอีกพักใหญ่ๆ... เวลาล่วงเลยมาเกือบ 5 โมงเย็น พวกเรายังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง บวกกับการไปสำรวจของรถคันหน้า ก็รายงาน สถานะการณ์ว่า ไม่น่าจะไปต่อได้เพราะมีอีกหลายอุปสรรค์ที่น่าจะหนักหนา สากรรณ์ ร่องโคลนที่.2 ถูกวัดโดยนายหนอน ความสูงถึงน่องด้านบน มันกลายเป็นร่องของรถขนาดยาง 34-35 นิ้วไปแล้ว พวกเราคงจะไปกันไม่ได้แน่ จึงถอนตัวกลับ แต่เรายังมีมอเตอร์ไซด์ตรวจการณ์อยู่ พี่ศรีศักดิ์รับอาสาขับสำรวจเส้นทาง ไปให้ถึงตัวน้ำตกให้จงได้... "โชคดีนะพี่" เสียงอวยพรส่งท้าย ก่อนที่พี่ และ คู่หู จะควบมอเตอร์ไซด์วิบากทั้ง 2 คัน บึ่งหายไปเบื้องหน้าพวกเรา เส้นทางขาออกพวกเราก็ต้องฟัดกันอยู่พักใหญ่ ราวๆ ชั่วโมงกับอุปสรรค์ที่เรา ผ่านมาตอนขาเข้าจนออกมาถึงหมู่บ้านสะพานลาวที่เราฝากรถไว้ ได้น้ำจากร้านค้าของหมู่บ้านล้างเนื้อล้างตัว สั๊กพักนึงก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์วิ่งเข้ามาหาเราคันหนึ่ง บื้น..ๆๆๆ
" อ้าว...พี่ศรีศักดิ์ รถหายไปไหนคันนึงล่ะครับ " เสียงตะโกนถามจากพวกเรา พี่ศรีศักดิ์ลงมาจากมอเตอร์ไซด์ ด้วยเนื้อตัวที่มอมแมมไปด้วยโคลนเกือบทั้งตัว
" รถผมสตาร์ทไม่ติด " เสียงตอบกลับมา
" อ้าว..แล้วพี่เป็นไรไปป่าว? เอารถไปไว้ไหนล่ะครับ " พวกเราถามด้วยความเป็นห่วงทั้งคน ทั้งรถ
" ผมไม่เป็นอะไร รถผมเอาซุกไว้ในป่า นี่ว่าจะออกมาเอาหัวเทียนไปเปลี่ยน " พวกเราค่อยโล่งอก และ สบายใจไปเปราะที่ไม่เป็นอะไรมากมาย
" เดี๋ยวพวกคุณเดินทางไปที่พักกันก่อนเลย ผมซ่อมรถเสร็จจะตามไป " พี่ศรีศักดิ์เอ่ยปากให้พวกเรา เดินทางล่วงหน้าไปก่อน
พวกเราเคลื่อนขบวนหวังเข้าที่พักก่อนจะค่ำ เพราะเส้นทางเพียง 14-15 กิโล หนทางไม่เป็นไปอย่าที่คิด เมื่อสายฝน โปรยปรายลงมา พอสร้างความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าดินที่พวกเราเหยียบย่ำไป ผาสวรรค์ล่างวันนี้ไม่เหมือนกับที่นายหนอน บอกมาซะแล้ว เส้นทาง 13 กิโลเมตร พวกเราต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถอย่างมากล้อที่สัมผัสกับพื้นถนน ไม่เป็นไปตาม การสั่งการของพวงมาลัยอีกต่อไปแล้ว มันลื่นไถลไป ตามความลาดเอียงต่างๆของผืนดิน มีเพียงใจ และ การควบคุมรอบเครื่องยนต์ ให้สัมพันธ์กันเท่านั้น เราจึงต้องเริ่มมีการแบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่มอีกครั้ง เพื่อให้พาหนะที่มีสัมทนะสูง ได้ควบคุมดูแลรถลูกทีมอย่างทั่วถึง ชุดแรกเดินทางก่อน 4 คันนำโดยโกกุยเช่นเคยชุดที่.2 ขมชนมิ้ง/4wheels เป็นผู้นำขบวน การต่อสู้กับอุปสรรคตามธรรมชาติเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งผ่านได้อย่างสบายๆ และ ที่ต้องมีการลากดึงกันตลอดการเดินทาง พวกเราก็ร่วมแรงแข็งขัน ให้ผ่านมันมาได้ทุกที ผาสวรรค์ล่างครั้งนี้ เราเดินทางกัน 4 ชั่วโมงกับหนทางเพียง 13 กิโลเมตร พวกเรามาถึงใน สถาพที่เหนื่อยอ่อน ในเวลาประมาณ 4 ทุ่มพวกเราแยกย้ายกันกางเต้นท์ และ ทำภาระกิจส่วนตัว เพียงไม่นานอาหารการกินก็พร้อมพรั่ง " เอาเร็วว.. .พวกเรากินข้าว " เสียงแว่วมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในอาการหิวโซ ต้องผงกหัวขึ้นมา สายตามองไปที่ต้นกำเนิดเสียง ซี่โครงหมูย่างรสเลิศ , ไก่ทอดสูตรแม่บ้านบ่อวิน และ อื่นๆ หายไปในพริบตา หลังจากนั้นก็สลับด้วยเสียง กระเซ้าเย้าแย่ ซึ่งกันและกัน ในเส้นทางที่พวกเราเดินทางผ่านมา เสียงเพลงจากกีต้าร์โฟร์คขับกล่อมพวกเรา สลับการสนทนาเป็นลำดับ มุขตลกจากโกกุยยังมีให้เรา ได้ขำกลิ้งกัน อยู่เช่นเดิมทุกทริปการเดินทาง เวลาช่างผ่านไปเร็วซะเหลือเกิน ตีหนึ่งกว่าแล้ว พวกเราแยกย้าย กันเข้านอนเถอะ นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เราได้ยินในค่ำคืนนี้...........zzzz
8 ก.ค.44
ป่า..ก็คือ..ป่า ความสดใสในยามเช้าที่บริสุทธิ์ ไร้สิ่งเจือปนใดๆ เฉกเช่นเมืองหลวง สร้างความกระปรี้กระเปร่า ให้พวกเรายิ่งนัก ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเมื่อวานหายไป ขยะที่หลงเหลือจากความมืดเมื่อคืน ถูกกำจัดลงในถุงที่ตระเตรียมไปอย่างดี ทุกคนช่วยกันคนละไม้ คนละมือ สถาพป่าก็กลับมาเป็นอย่างเช่นเดิม
ควันไฟ..และ ไอน้ำร้อน ผลุดขึ้น นั้นเป็นสัญญานว่าอาหารเช้าเราใกล้เสร็จแล้ว กาแฟที่หอมกรุ่น กับขนมปังทาเนย หรือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถูกเลือกเอาตามความชอบ เราใช้เวลาสาระวนเก็บเกี่ยว ความสวยงามของธรรมชาติ อยู่จนสายมากแล้ว ก็เก็บของเดินทาง กลับออกสู่สถาพความเป็นจริง ในชีวิต การเดินทางกลับ ก็ไม่ยิ่งหย่อน ไปกว่าขาที่เราเข้ามาเลย แต่ทุกคนยังร่วมแรงร่วมใจที่จะฟันฝ่ามันออกไป ด้วยสถาพทั้งคน และ รถที่สมบูรณ์ทุกประการ ครั้งนี้ไม่เท่าไร่ เพราะเราสามารถมองสภาพ เส้นทางได้ชัดเจน ไม่เหมือนในช่วงเวลากลางคืน จึงใช้เวลาไม่นานอย่างขาเข้าไป " ขณะนี้ผมถึงปากทางเข้าแล้ว " น้ำเสียงผ่านวิทยุรับส่งจากรถคันนำหน้า ทำให้พวกที่เหลือรู้ว่า อีกไม่ไกลนัก เราจะถึงทางออกถนนแล้ว รถคันสุดท้ายแล่นตามออกมา ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด การเดินทาง ครั้งนี้ไม่มี การสูญเสียกันเท่าไรนัก นอกจากร่องรอย การลากจูง และ การรับแรงกระแทกนิดหน่อยของตัวรถ พวกเราตามกันออกมาเป็นขบวนเช่นเคย จุดสุดท้ายที่นัดพบกันอีกครั้งคือ ร้านอาหาร" ชนบท" ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล บนเส้นทาง323 รถทั้ง 10 คันจอดพร้อม(กับมอเตอร์ไซน์วิบากอีก 2 คัน) ทุกคนกลับมาออกมาด้วยอาการครบ 32 อาหารถูกลำเรียงออก มาตามลำดับ ทำไมเงียบกันจัง..!!! ทุกคนไม่ฟังเสียงใครแล้ว ปลาทอด/ แกงเผ็ด และ อื่นๆถูกลำเลียงเข้าสู่กระเพาะ เวลาผ่านไปไม่นาน อิ่มหน่ำสำราญ มีเสียงเอ่ยขึ้นมาว่า " ขอเชิญพวกเราทำบุญร่วมกันนะครับ ผมมีเทียนพรรษา และ เครื่องสังขทานอยู่ในรถ " เสียงจากคุณ Pong ผู้ใจบุญกล่าวชักชวนพวกเราทั้งหมด ทุกคนต่าง งง.! แต่ก็OK (มีเทียนพรรษามาเที่ยวป่าด้วยหรือนี่?)" งันเดี๋ยวเราออกไป เจอวัดแรกแล้ว ก็เข้าไปถวายเทียนกันเลยนะครับ " ทุกคนตกลง แล้วเริ่มออกเดินทาง นำธูป/เทียนพรรษา และ เครื่องสังขทาน ถวายแด่เจ้าอาวาศวัด ลิ่นถิ่นพัฒนา จนเสร็จสิ้นพิธี พวกเราก็กล่าวอำลากัน และ แยกย้ายกันฟรีรันกลับภูนิลำเนา แต่วิทยุสื่อสารยังถูกใช้งาน พูดคุยกันตลอดเส้นทาง ตามระยะทางบนถนนดำ รถเกือบทุกคันจะมีปัญหาเรื่องความร้อน ที่ระบาย ไม่ทันเนื่องจากโคลนที่เกาะแน่อยู่ที่หม้อน้ำ ทำให้การระบาย ความร้อนไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลทำให้รถคุณธเนศ(บ่อวิน) ฮีตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ปฏิบัติการกู้ภัย เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง โกกุยจอดรถด้านหลังขว้าวปืนฉีกน้ำของลูกชาย ที่ไม่วายติดมือมาจากบ้าน สูบน้ำอัดเข้ากับหม้อน้ำ หมายไกล่เกลี่ย โคลนตรมที่เกอะกังออก เป็นผล..ครับ.! ความร้อนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราสามารถวิ่งต่อไปได้ แล้วกลับถึงบ้านโดยสวัสดิ์ภาพ กันทุกคน ทริปนี้มีหลายรสชาติ สร้างความสนุกสนาน และ ฝึกทักษะการควบคุม รถยนต์ของตนเองได้เป็นอย่างดี ทุกๆคนที่ร่วมเดินทาง ให้ความช่วยเหลือ และ เป็นกันเองมาก ทำให้การผ่านพ้นอุปสรรค์ต่างๆเป็นไปได้ง่ายดาย นั่นเกินจากความสามัคคี และ น้ำใจอันดีงานต่อเพื่อน และ หมู่คณะ การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆเพื่อน....................
|