จาก คุณชายชาเขียว
อังคารที่ , 11/1/2548
เวลา : 22:12
อ่าน = 1987
61.19.148.195
|
เมื่อปีไหม่ กังหันลมทั้งหมดรวม 5 คัน 17 ชีวิต ไปเที่ยวลาวมา ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2547 - 2 มกราคม 2548 ที่จริงผมจะรอรูปลงก่อนแล้วค่อยเล่า การณ์กลับกลายเป็นว่าเกิดอุบัติเหตุรูปภาพที่เสือเหลืองถ่ายไว้หายหมดเลย ส่วนที่ผมก็ไม่มีเครื่องสแกน เอาเป็นว่าผมจะเล่าเป็นตัวหนังสือก่อน ส่วนรูปภาพประกอบค่อยดูตามหลัง ตอนที่รวบรวมได้ก็แล้วกัน
กลุ่มจากกรุงเทพฯ ประกอบด้วย รถเสือเหลือง รถลายพราง รถ ต.ปลาตากลม รถเต่าบิน(แขกรับเชิญ) นัดกันที่ปั๊ม 21.00 น. คืนวันที่ 27 ธันวาคมและออกเดินทางมาถีงผมที่ อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น เช้า 2.30 น.โดยประมาณ และไปทานไข่กระทะกันที่ ร้านอุดรโอชา อ.เมือง อุดรธานี ตอน 5.00 น. (รู้สึกจะเปิดอยู่ร้านเดียว) ทุกคนพยายามให้เต็มถังมากที่สุด เบิ้ลกันหลายคน เพราะไม่รู้ว่ามื้อต่อไปจะได้ทานอะไร ที่ไหน จากนั้นก็เติมน้ำมันรถให้เต็มถังเช่นกัน แล้วรีบบึ่งไปเข้าคิวที่หน้าด่าน ที่สะพานมิตรภาพ หนองคาย
28 ธันวาคม 2547 (วันแรกในลาว)
เรานัดเจอกับผู้พันโอที่หน้าด่านนี่เอง เสียใจด้วยที่รถ ต.ปลาตากลมไม่ได้เข้าไปด้วย ก็เลยต้องไปฝาก วันละ 80 บาท ส่วนหนุ่ม ๆ ที่มากับรถรวมทั้งเจ้าของรถ ก็แยกย้ายกันไปประจำรถคันอื่น ๆ กันไป เอกสารที่เตรียมยื่นขาออกที่ด่านไทย ก็คือ พาสปอร์ตของแต่ละคน ใบเข้า/ออกของไทย ใบอนุญาตนำรถออกนอกประเทศ (สำหรับคนที่นำรถไปด้วย) เสียค่าข้ามสะพานสำหรับรถคันละ 30 บาท จากนั้นไปที่ด่านขาเข้าของลาว ยื่นพาสปอร์ต ใบเข้า/ออกของลาว ใบอนุญาตนำรถออกนอกประเทศ (สำหรับคนที่นำรถไปด้วย) เสียค่าเข้าเมืองพาสปอร์ตละ 50 บาท ค่านำรถเข้าประเทศคันละ 250 บาท/7 วัน (ข้อแนะนำ : ไม่ควรยื่นเป็นกลุ่ม จะเกิดความล่าช้า และต.ม.ลาวจะดูว่าเป็นการท่องเที่ยวกับทัวร์ จะให้ไปติดต่อกับบริษัททัวร์ของลาว ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก) เพื่อความรวดเร็วเราเลยให้พิเศษเจ้าหน้าที่กันไปเล็กน้อย (เลย ต.ม.ไปอยู่ตึกแถวขวามือ) คันละ 250 บาท จะได้สติ๊กเกอร์ให้ติดที่รถเลย เอาล่ะการเดินทางในลาวก็จะเริ่มแล้ว อย่าลืมนะครับขับชิดขวา ห้ามแซงชวา ต้องคอยบอกกันอยู่เสมอ อ้อ!ระวังมอเตอร์ไซค์ด้วยนะครับ เยอะมาก แล้วเขาก็ใหญ่ซะด้วยสิ ไม่หลบกันเลย เพราะที่นี่มอเตอร์ไซค์ศักดิ์ศรีเท่ากับรถยนต์นะครับ จากด่านมาที่ในเมืองเวียงจันทน์ก็ประมาณ 20 กว่ากิโล ตามกำหนดการเราจะดิ่งตรงไปนอนที่หลวงพระบางเลย ประมาณ 360 กิโล ตามทางหลวงหมายเลข 13 (เสียค่าด่าน 2 ด่าน ด่านละ 2,000 กีบ) แต่การกลับไม่เป็นอย่างนั้นรถผู้พันโอ (ไกด์กิติมศักดิ์ของเรา) เสีย ทำงานหนักไปซะขนปีกนกหัก เราเลยต้องไปซ่อมที่วังเวียง แล้วเลยนอนที่เรือนพักชื่อ ดอกคูณ ที่นั่นเอง (คืนละ 350 บาท) เราก็เลยแยกกันทำงาน ใครเป็นช่างใหญ่ก็ช่วยดูช่วยซ่อมรถผู้พันไป ใครถนัดทำอาหารก็ไปจัดการ งานนี้ได้พี่ศักดิ์ พี่หล่นและภรรยา และสมาชิกของคุณโมทย์เป็นผู้เตรียมอุปกรณ์และจัดการให้ ส่วนคนอื่นที่ไม่ถนัดก็คอยล้างจานไปแล้วกัน เมนูวันนี้ คือ แกงมัสมั่น(กป.) ปลากระป๋อง กุนเชียงทอ และที่ขาดไม่ได้ก็ไข่เจียว และยำไข่เยี่ยวม้าสำหรับวงเหล้า คืนนี้ไม่ไมใครต่อเลย เพลียจากการเดินทาง เลยยังไปไม่ถึงลาวกันนะครับคืนนี้
29 ธันวาคม 2547
เช้านี้เราทานข้าวต้มร้อน ๆ รับอากาศที่หนาวจัด และยังหุงข้าวไปอีกหม้อสำหรับตอนกลางวัน อิ่มหนำสำราญกันแล้วผู้พันก็พาเราไปทัวร์วังเวียงกันเล็กน้อยที่วังเวียงรีสอร์ท เสียค่าเข้าชมคนละ 1,000 กีบ รถคันละ 3,000 กีบ ที่นี่มาชมถ้ำน้ำไหล ที่วังเวียงเป็นศูนย์กลางเหมือนกัน นักท่องเที่ยวมักจะใช้เป็นที่พักระหว่างทาง ในกรณีที่ไม่อยากเดินทางไกลระหว่าง เวียงจันทน์-หลวงพระบาง และยังเป็นทางแยกไปที่เขื่อนน้ำงึมอีกด้วย เราออกจากเวียงวังประมาณ 5 โมงเช้า ถัดจากวังเวียงไปประมาณ 30 กิโล ถึงบ้านกาสี ซึ่งเป็นจุดพักรถ มีอาหารขาย และ ห้องน้ำให้เข้า (นอกจากนั้นก็อาศัยป่าและข้างทางกันไป) ซึ่งต่อจากนี้ไปเส้นทางจะเป็นบนเขาตลอดจนถึงหลวงพระบางเลย ไม่สามารถทำความเร็วได้ เราไปแวะปิคนิคอาหารเที่ยงกันบนยอดเขากันเลย จากบ้านกาสีไปประมาณ 40 กิโล ก็ถึงบ้านพูถูน (ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า) ซึ่งเป็นทางแยกไปหลวงพระบาง และ เชียงขวาง แต่วันนี้เราขอดิ่งตรงไปยังหลวงพระบางกันก่อน ถึงหลวงพระบางประมาณ 4 โมงเย็น แวะเติมน้ำมันกันก่อน ซึ่งเป็นการเติมครั้งแรกในลาว จากที่เราเติมกันเต็มจากอุดรฯ ฟังตัวเลขกันซะสะดุ้งเลยล่อเข้าไปตั้ง สามแสนกว่ากีบแน่ะ ค่อยยังชั่วคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,200 กว่าบาท (ตกลิตรละ 20.82 บาท)ที่ในเมืองเขาจะคิดอัตราแลกเปลี่ยนให้ที่ 100 บาท = 26,000 กีบ แต่นอกเมือง จะคิดให้ที่ 1 บาท = 25,000 กีบ เราก็จ่ายกันเป็นแบงก์ร้อย และรับทอนเป็นแบงก์กีบกันไป จากนั้นเราก็รีบขึ้นไปดูวิวหลวงพระบางและพระอาทิตย์ตกกันที่พระธาตุภูษี ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก และวิวของหลวงพระบางที่ดีที่สุดเลยเชียวแหละ เพราะรอบพระธาตุมีทางเดินได้รอบ ๆ ซึ่งสามารถดูวิวของหลวงพระบางได้ทุกด้านเลยทีเดียว ลงมาจากพระธาตุก็เจอถนนคนเดินพอดี ซี่งมีการปิดถนนขายของพื้นเมืองกันตั้งแต่ ห้าโมงเย็นจนถึงห้าทุ่ม ช้อปกันให้สนุกไปเลย แต่อย่าลืมต่อรองราคากันด้วย สามารถต่อได้ถึง 40% เลยทีเดียว คืนนี้เราไปนอนพักกันที่เรือนพักวงปันยา (คืนละ 250 -350 บาท) มีทั้งหมด 10 ห้อง (ควรจะจองล่วงหน้า) คืนนี้เรายังไม่ได้สำรวจอะไรกันมากนัก ต้องกลับไปทำอาหารกันต่อ (แต่ละคนขนเสบียงกันไปมาก เลยต้องช่วยกันกินให้รถเบาขึ้นมาหน่อย) หลังอาหารเย็น ทางเราได้ส่งแนวหน้าไปสำรวจเทคในลาว ซึ่งอยู่ตรงข้ามที่พักนี่เอง ส่วนจะถึงลาวกันหรือไม่คงต้องไปถามกันเอาเอง ส่วนผมเองไม่ได้ไปเพราะมีคนไปคุมด้วย ขอพักกันก่อน แล้วดูสิว่าใครจะตื่นไปใส่บาตรกับผม
ขอรายงานแค่นี้ก่อน โปรดติดตามต่อไปด้วย
|