คำตอบที่ 1 It s free country, be what you want to be, do what you want to do , as long as you don t step on anyone foot. Khunyai glaibann
คำตอบที่ 2 ผมว่าแล้วแต่มุมมองนะครับ ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย แล้วแต่ว่าเราจะเห็นข้อดีในด้านใด ผมเองเคยอยู่มา สามชมรม เพราะอยากมีเพื่อน แต่บางครั้งเราก็มีเพื่อนที่แย่ๆ ผมก็เลยแยกมาอยู่คนเดี่ยว แต่เวลามีกิจกรรมเพื่อนเขาจะเรียกเราว่าอย่างไร ผมก็เลยใช้ชื่อว่า udon mtb มีสมาชิกอยู่ 4 คนคือพ่อ แม่ และลูกสองคน ไม่รับสมาชิก กลับมีเพื่อนมากขึ้นกว่าเก่า เที่ยวได้อย่างมีความสุขมากขึ้น เพราะเราคาดหวังสิ่งต่างๆจากเพื่อนน้อยลง เพื่อนกลับมีความหมายมากขึ้น ขึ้นอยู่กับท่านแล้วละว่าจะเลือกทางไหน ขอให้ท่านเลือกถูกทางนะครับ
คำตอบที่ 3 ผมก็ไม่ได้สังกัดชมรมเหมือนกัน ชอบอิสระในแนว ...พันธมิตรออฟโรด.... ไปทุกทีมีแต่เพื่อน ผมเที่ยวเน้นสร้างสิ่งดี ๆ ให้สังคมครับ
คำตอบที่ 4 agree with khun udon , better have no friend or having 100 bad friends regard
คำตอบที่ 5 ความคิดของผมคือ เมื่อเราเข้ากลุ่มไปแล้วเพื่อน ๆ ในกลุ่มต้องการทำกิจกรรมขึ้นมาถ้าเราไม่ช่วยเขาก็จะต่อว่าเราอีก เราไม่มีกลุ่มหรือชมรมใด ๆ เมื่อเราอยากช่วยกลุ่มหรือชมรมเราก็เข้าไปช่วยได้ และกลุ่มหรือชมรมนั้นน่าจะขอบคุณท่านมาก ๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่กลุ่มหรือชมรมที่ท่านเข้าไปช่วย หรือทางที่ดีท่านตั้งกลุ่มของท่านมาเองเลย แบบท่าน 4x4udon mtb หรือว่าจะเข้าทั้งหมดทุกชมรมในประเทศไทยเลยก็ได้แบบป้าแจม 100 ชมรม (ตอนนี้น่าจะเกินแล้วครับ ^_^! ) หรือ ไม่ต้องเข้าสักชมรมแต่ไปในไปด้วยก็ได้ เพราะเพื่อน ๆ ออฟโรดเขาคงไม่แล้งน้ำใจที่จะเอาเราไปเที่ยวด้วย แต่ถ้าชมรมที่ท่านอยู่ใกล้ ๆ ไม่ยอมพาไปด้วยก็หากลุ่มอื่น ๆ ต่อไป แต่คิดว่าคงไม่มีชมรมใหนทำแบบนี้ครับ ขอให้สนุกในการขับขี่รถออฟโรดนะครับ ผ่านมาทางภาคเหนือตอนบนแวะมาทักทายผมและเพื่อ ๆ สมาชิกทางภาคเหนือได้ ครับ เว็บไซต์ http://www.jeepclubcm94.com
คำตอบที่ 6 จะมีกลุ่มสังกัด หรือ ไม่มี ไม่สำคัญ สำคัญคือ มิตรไมตรี ที่หยิบยื่นให้กัน ถ้าไม่มีเพื่อนร่วมทางเข้าป่า ก็จะขาดผู้คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็เลยต้องไปกับเพื่อนๆ จังหวัดนี้บ้าง จังหวัดโน้นบ้าง แล้วแต่จะมีทริปนัดกัน ก็สนุกสนานดีครับ ดีกว่าไปเที่ยวคันเดียว
คำตอบที่ 7 ชื่อหรือชมรม ก้อแค่การอุปโลกขึ้นมาครับ จริงๆอยู่ที่มิตรไมตรีเหมือนพี่เกียแดงกล่าวไว้ ผมเองมีเพื่อนทุกชมรมครับ และมีไปทั่ว เพียบเลยล่ะ แต่บางทีผมว่าการร่ำสุรากะคนไหนแล้วบรรยากาศดี ถูกคอ คุยกันยันดึกทั้งคืน มันสุดยอดครับ สำหรับผมแล้วเที่ยวหลายคันหลายคนดีกว่าไปนั่งสัปงกอยู่คนเดียวครับ
คำตอบที่ 8 อ้อลืมไป ผมอยู่ปราจีนบุรีครับ ถ้าอยู่ใกล้ๆกัน ว่างๆก้อมาเที่ยวด้วยกันครับ
คำตอบที่ 9 ผมขอเป็นสมาชิกทุกชมรม และขอเป็นเพื่อนร่วมทางกับทุกท่านที่รักป่าเขาลำเนาไพร เหมือนกันครับ
คำตอบที่ 10 อ่านแล้วรู้สึกว่าดีนะครับผมเองก็ไม่รู้จะอยู่ชมรมไหนเหมือนกันแอบๆไปงั้นแหละแต่ก็ไปได้กับทุกชมรม อยู่ที่ความเป็นตัวตนของแต่ละคนที่เข้ากันได้ดีหรือไม่ ทุกคนย่อมไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ...เลือกยอมรับ ในสื่งที่ใช่และมีมิตรไมตรีกับทุกคน อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนๆที่คล้ายๆกัน
คำตอบที่ 11 เรื่อง ถ้วยกาแฟ ที่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แห่งหนึ่งของสยามประเทศ บรรดาศิษย์เก่าที่จบจากสถาบันนี้ แยกย้ายกันไปประกอบอาชีพมีชื่อเสียงในวงสังคมตามวงการต่างๆ มากมาย มีทั้งที่ประสบความสำเรจ เป็นอย่างดี และที่กระท่อนกระแท่นยังดิ้นรนอยู่ในหน้าที่การงานก็เยอะ เนื่องในวาระที่อาจารย์พ่อซึ่งเป็นที่เคารพของศิษย์เก่าทุกคน เกษียณอายุ บรรดาศิษย์เก่าจึงถือ เป็นโอกาสดีที่จะกลับไปเยี่ยมสถาบัน เพื่อเลี้ยงสังสรรค์และรำลึกถึงอาจารย์พ่อ หลังจากกินเลี้ยงกันมาได้พักใหญ่ วงสนทนาก็เริ่มเปลี่ยน ไปเป็นการบ่นพร่ำเกี่ยวกับความเครียด ในการทำงานและปัญหาชีวิต แต่ละคน มีปัญหาแตกต่างกันออกไปมากบ้างน้อยบ้าง อาจารย์พ่อฟัง ปัญหาของลูกศิษย์ทุกคนอย่างตั้งใจ รับฟังโดยไม่มีคำวิจารณ์ หรือนำเสนอความเห็นของอาจารย์เลยแม้แต่น้อย เมื่อฟังปัญหาของลูกศิษย์จบทุกคน อาจารย์พ่อเสนอเลี้ยงกาแฟกลุ่มลูกศิษย์เก่า ท่านเดินเข้าไปในครัว และออกมาพร้อมกับกาแฟเหยือกโตและถ้วยกาแฟ แบบต่างๆ บ้างเป็นถ้วยกระเบื้องบ้าง เป็นถ้วยพลาสติก และบ้างทำด้วยแก้ว มีถ้วยกาแฟหลายใบที่เป็นแบบพื้นๆ ธรรมดา บางใบ สวยวิจิตรสูงค่า " อาจารย์ ชงกาแฟใส่เหยือกมาให้แล้ว พวกเธอจัดการรินใส่แก้วดื่มกันเองนะ" บรรดาลูกศิษย์ มองถ้วยกาแฟหลากหลาย ด้วยความสนใจ แล้วพากันเลือกถ้วยกาแฟพร้อมๆ กับรินกาแฟออกมา จากเหยือกใส่ถ้วยต่างกันออกไปเอามือไว้ เมื่อลูกศิษย์ทุกคนต่างมีถ้วยกาแฟในมือกันทุกคน แล้วอาจารย์พ่อ กล่าวว่า " ลองดูถ้วยกาแฟในมือของพวกเธอ กับถ้วยกาแฟที่เหลืออยู่ในถาดซึ่งไม่มีคนเลือกสิ " " สังเกตุกันรึเปล่า.... ถ้วยสวย ๆ แพง ๆ ถูกเลือกไปหมด เหลือไว้แต่ถ้วยแบบธรรมดาราคาถูก " " เป็นเรื่องปกติ...ที่พวกเรามักจะเลือก สิ่งที่ดีที่สุดโดยลืมคิดถึงความต้องการที่แท้จริงของเราและ นี่คือที่มาของความเครียดและปัญหาทั้งหลายในชีวิต" " ความจริงวันนี้สิ่งที่พวกเราต้องการแท้จริงคือกาแฟ ไม่ใช่ถ้วยกาแฟ แต่จิตสำนึกกลับ นำพาเรา ไปเลือกที่ถ้วย มิหนำซ้ำยังคอยชำเลืองมองถ้วยของคนอื่นๆ อีกด้วย หากชีวิตคือกาแฟ หน้าที่การงาน ตำแหน่งต่างๆ ในสังคม ก็คือ ถ้วยกาแฟ มันเป็นเพียงเครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยหยิบจับหรือประคองชีวิตของเรา มันไม่ได้ทำให้เนื้อหาจริงๆ ของชีวิต เปลี่ยนไป บางครั้ง....การมัวเพ่งที่ถ้วยใส่กาแฟ มันก็จะทำให้เราลืมใส่ใจกับรสชาติของตัวกาแฟ " " ถ้ารู้จักชีวิตที่แท้จริง....ของหรือตำแหน่งหน้าที่ มันก็แค่ส่วนเคลือบ ไม่ใช่เนื้อหาหรือแก่นแท้ ที่สำคัญของชีวิต ...............THE SIX............
คำตอบที่ 12 สุดยอด....อ่านมากี่ทีกี่ที ก้อสุดยอดครับ
คำตอบที่ 13 ท่านว่าทุกสรรพสิ่ง เปน เรื่องสมมุติ ทำในสิ่งทีเราชอบแล้วไม่เดือดร้อนใคร ทำไปเถอะ (ชีวีนี้สั้นนะอ้าย)
คำตอบที่ 14 ขอสนับสนุนข้อความของคุณ Blue reng nong ด้วย Presentation ที่ผมมักใช้ในการ Motivate เพื่อสร้างกำลังใจให้คนอื่นและตัวเอง แครอท ไข่ เม็ดกาแฟ ตั้งหม้อต้มน้ำทั้งหมด 3 ใบ จากนั้นใส่แครอทลงในหม้อใบแรก ใส่ไข่ไก่ในหม้อใบที่สอง ใส่เม็ดกาแฟที่บดละเอียดแล้วในหม้อใบที่สาม ปล่อยให้ต้มทั้งหมด 15 นาที จากนั้นนำสิ่งที่ได้จากการต้มออกมา แครอทซึ่งก่อนต้มมีเนื้อแข็ง กลับนิ่มลง ไข่ซึ่งก่อนต้มมีเนื้อในที่อ่อนเหลว บัดนี้เนื้อในกลับแข็งส่วนผงกาแฟได้สลายไปแล้วแต่น้ำที่ใช้ต้มกลับมีสี และกลิ่นหอมของกาแฟ เปรียบได้กับชีวิตของคนเรา ซึ่งไม่ได้ง่ายเสมอไปและไม่ได้ราบรื่นอยู่เสมอบางครั้งชีวิตก็มีอุปสรรคอาจมีบางอย่างที่ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง อาจมีใครที่เขาไม่ปฏิบัติกับเราอย่างที่เราอยากให้เขาทำ เราอาจจะทำงานหนักแต่ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการ และเมื่อพบกับอุปสรรค เราจะเป็นอย่างไร ลองคิดกลับไปที่เรื่องหม้อต้มน้ำ น้ำเดือดเปรียบเสมือนอุปสรรคในชีวิตของคนเรา เราอาจจะเป็นเหมือนแครอท ที่ก่อนจะพบกับอุปสรรค มีความเข้มแข็งและยืนหยัด แต่หลังจากพบกับอุปสรรคแล้ว กลับอ่อนแอปวกเปียก รู้สึกเหนื่อยล้าสิ้นหวังและล้มเลิกความตั้งใจ หมดสิ้นความพยายามที่จะต่อสู้ต่อไป จงอย่าเป็นเหมือนแครอท เราอาจเป็นเหมือนไข่ ที่เริ่มต้นด้วยจิตใจที่อ่อนโยนและอ่อนไหวแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นคนที่แข็งกร้าน ไร้ความรู้สึก เกลียดชังผู้อื่นไม่ชอบตัวเอง กลายเป็นคนที่ไร้หัวใจไร้ความรู้สึกที่อ่อนโยนมีแต่ความขมขื่น จงอย่าเป็นเหมือนไข่ เราอาจจะเป็นเหมือนเม็ดกาแฟน้ำเดือดไม่ได้เปลี่ยนผงกาแฟ แต่ผงกาแฟกลับ ทำให้น้ำเปลี่ยนไป น้ำเปลี่ยนไปเพราะผงกาแฟทั้งสีกลิ่นและรสชาติน้ำยิ่งร้อน กาแฟก็ยิ่งมีรสชาติดีขึ้น เราอาจเลือกเป็นเม็ดกาแฟรู้จักที่จะใช้ประโยชน์จากอุปสรรคที่เราประสบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆสร้างสมความรู้ ทักษะและความสามารถใหม่ๆ มีประสบการณ์มากขึ้นทำให้สิ่งแวดล้อมรอบข้างดีขึ้น การที่เราจะประสบความสำเร็จได้ เราต้องพยายามอย่างไม่ลดละต้องเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่เราทำไม่ย่อท้อมีความอดทนและพากเพียรพยายาม จงระลึกไว้เสมอว่าปัญหาและอุปสรรคทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เก่งขึ้นและแกร่งกล้าขึ้น ในยามที่เราพบอุปสรรค เราเลือกที่จะเป็นอะไร เราอยากเป็นแครอท ไข่ หรือเม็ดกาแฟ จงเป็นดั่งเม็ดกาแฟ
คำตอบที่ 15 อ่านกระทู้หลายๆท่านแล้วรู้สึกว่าความเป็นชาวออฟโรดไม่ได้ห่ามๆอย่างที่ใครบางคนคิด แต่เราประกอบด้วยความสุนทรียทางความคิดอยู่มากมายครับ...ดีครับชื่นชมจริงๆ
คำตอบที่ 16 ...อาจไม่จำเป็น ...ถ้าต้องการความอิสระในส่วนตัว ...แค่การเข้าไปเพื่อท่องเที่ยว ...แต่ความผูกพันมักเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ...4x4 คือรูปแบบการท่องเที่ยวที่ต้องการมิตรภาพชั้นสูง ...ไม่ใช่เข้าขบวนรถเฉยๆตามๆกันไปแยกย้ายกันกลับ ...แต่มันมีความสัมพันธ์ระหว่างเส้นทางที่เกินจะเข้าใจได้ ...จนกว่าจะได้เข้าไปสัมผัสกันจริงๆ ...กับความไม่ธรรมดา อุปสรรคของเส้นทางในผืนป่า ...จะประทับใจ หรือไม่ประทับใจ ...จุดนั้นคือคำตอบภายในใจเมื่อกลับออกมา ...ชื่อกลุ่มก็แค่นามเรียกขานกันในสังคม 4x4 ...กลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญของสังคม 4x4 ...ความสำคัญมันอยู่ตรงเมื่อท่องเที่ยวแล้วมีความสุขกลับออกมาเล่าขาน ...มีความประทับใจกับความสัมพันธ์ในกลุ่มที่เกินคาดหมาย ...บางทีมันอาจกลายเป็นความกลมกลืน ...ที่อาจเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่มโดยธรรมชาติของมันเอง ...ทั้งนี้คงขึ้นกับจุดยืนแห่งความพอใจของเราคือคำตอบสุดท้าย ...เพราะชมรม หรือกลุ่มก็แค่นามสมมุติ ...ของกลุ่มนักขับ 4x4ที่มักมีความคิดคล้ายๆกันรวมตัวกัน ...เพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบตามความต้องการที่เหมือนๆกันเฉพาะกลุ่ม เท่านั้นเอง ...ส่วนแบบไหนเหมาะสมกับตัวเรา ...คงจะเป็นคำตอบที่สัมผัสได้ด้วยตัวเอง ...ส่วน freestyleoffroad ความหมายชัดเจนตามชื่อที่ตั้ง ...อิสระตามแต่ใจ ใครจะมา ใครจะไปไม่ผูกพัน ...ไม่มีประธาน ไม่มีกรรมการ มีแต่เพื่อนร่วมชะตากรรม ...เมื่อพร้อมที่จะไปท่องเที่ยวด้วยกันตามโอกาสเท่านั้นเอง ...เพราะเส้นทาง 4x4 ถ้าจะให้อุ่นใจ ปลอดภัยในการเที่ยว ...จำเป็นต้องมีเพื่อนที่เข้าใจเพื่อน ร่วมทางกันไป ...ซึ่งในความเห็นส่วนตัวน่าจะ 3 คันขึ้นไปกำลังดี ...ไม่เหงา ไม่โดดเดี่ยว จนเกินไป
คำตอบที่ 17 การมีเพื่อนในชมรมมันก็ดีที่เราคุ้นเคยกัน จะช่วยอะไรมันก็เต็มที่กว่ากัน หากเราไม่มีเพื่อนนี่สิมันแปลก ผมคิดเสมอว่า "จะคอยให้การช่วยเหลือเพื่อนดีกว่าคอยให้เพื่อนช่วยเหลือ"ครับ
คำตอบที่ 18 คต.11
คำตอบที่ 19
คำตอบที่ 20 มะต้องสนใจเรื่องต่าง ๆ หรอกครับ สนใจแต่ว่าท่านชอบออฟโรดแล้วก็เล่นเข้าไป เที่ยวเข้าไป แต่ที่สำคัญไปกับเพื่อน ๆ ที่เข้าใจเรา และเราเข้าใจเขา ตั้งวงคุยอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางธรรมชาติ และผองเพื่อนออฟโรด ก็พอแล้วครับ
คำตอบที่ 21 อ่านความเห็นของน้าพีแล้วเห็นภาพเลยครับ
คำตอบที่ 22 สุดยอดเลยค่ะ..น้าพี
คำตอบที่ 23 เที่ยวป่าทุกวันนี้ไม่ได้เกี่ยงเรื่องสถานที่ ที่ใหนก็ได้ที่มีเพื่อนที่รู้ใจไปด้วย
คำตอบที่ 24 ความรู้สึกของการมี เพื่อนกับความรู้สึกของ การโดดเดี่ยว เมื่อต้องเดินทางในทางป่า เพียงคันเดียว มันต่างกันลิบลับ เดินทางคันเดียว แม้จะไปหลายคน ก็ไม่อุ่นใจเท่ามีเพื่อนไปด้วยอีกคันนึง หรือยิ่งมาก ยิ่งอุ่นใจ เวลาตกระกำลำบากในป่าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่า ใครที่เราคบหาได้สนิทใจ ซึ่งทำให้รู้ว่า มิตรยามยาก เป็นไง ความจริงเราไปเที่ยวคันเดียว หรือคนเดียว ก็ย่อมทำได้ แต่บอกตรงๆว่า รู้สึกเหงา และ กลัว ไปเจอใครก็ไม่รู้จักมาก่อน ถามทางชาวบ้าน ก็กลัวจะถูกหลอกให้หลง นอนกอดอาวุธตลอดคืน แต่ถ้ามีเพื่อนไปด้วย ถึงจะสังสรรค์กันดึกดื่นแค่ไหน ก็นอนหลับได้อย่างสบายใจ ไม่กลัวอันตราย แม้จะเป็นป่าที่มีสัตว์ร้าย เมื่อเข้าชมรมฯ ก็ทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ได้แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องรถ เที่ยว และเรื่องอื่นๆ ผมขอมีเพื่อนไว้ไม่เหงาครับ
คำตอบที่ 25 อันเพื่อนดี มีหนึ่ง ถึงจะน้อย ที่กว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา เกลือเพียงหนึ่ง เม็ดน้อย ด้อยราคา ยังดีกว่า น้ำเค็ม เต็มทะเล สนับสนุนการมีเพื่อนครับ
คำตอบที่ 26 จะอยู่กลุ่มไหน ชมรมไหน หรือไม่มีกลุ่ม ไม่มีชมรม ไม่สำคัญหรอกครับ......."ขอให้เดินทางไปกับเพื่อนที่รู้ใจกัน เท่านั้นก็พอแล้ว"...... สังคมออฟโรดนี่บางทีเหมือนกับเป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน.... ถึงแม้นจะไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย แต่เมื่อเห็นเพื่อนที่ขับรถไสตล์เดียวกันได้รับความเดือดร้อน ต่างก็ยินดียื่นมือเข้าช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่.....เพียงเพราะว่า ลึก ๆ ในใจต่างก็ชอบอะไร ๆ ที่คล้ายกันนั่นเอง....หลายท่าน หลายชมรม ต่างก็เคยได้รับการต้อนรับ หรือการช่วยเหลือจากเพื่อนออฟโรดทั่วประเทศเป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าเขาเหล่านั้นมี "หัวใจออฟโรด" นั่นเอง ชอบความคิดเห็นของพี่เกียแดง กับนายจำปาฯ ครับตรงใจดี สนับสนุนทุกความคิดเห็นครับ
คำตอบที่ 27 แล้วจะให้ป้มอยู่ชมรมไหนล่ะ
คำตอบที่ 28 ป้มขออยู่นำแหน่
คำตอบที่ 29 ข้อยอยู่ด้วยคน
คำตอบที่ 30 ให้โอกาสพ่อหญ่ายด้วย
คำตอบที่ 31 มีชมรมก็ดี...ไม่มีชมรมก็อยู่ได้...มีเพื่อนอยู่ทุกชมรมเลยครับ ไปทำกิจกรรมดีๆได้ไปเที่ยวในที่ไม่เคยไปหา ประสบการณ์ชีวิตและ ความสุขที่หาซื้อไม่ได้ในเซเว่น