คำตอบที่ 16
นึกว่าจะมีผมเจออยู่คนเดียว ลิ่นถิ่นยอมรับว่าของเขาแรงจริง ๆ ครับ ผมเข้าไปเที่ยวบ่อยใช้เส้นทางผ่านที่ทำการสำรวจต้นน้ำ ผ่านฝายน้ำล้นตรงไปตลอดจะมีทางแยก 2 ทาง ทางซ้ายจะไปผาสวรรค์ล่าง(ผ่านเนินยาว) ถ้าไปทางขวาชาวบ้านแทบนั้นเรียกว่าทางไปบ้าน ตา-ยาย (มีตา-ยาย สองคนอยู่ที่นั้นตั้งแต่หนุ่มสาว ไปเคยเข้ามาในเมืองไม่เคยเห็นผักคะน้า,ผักกาดขาว,มาม่า) ใช้ชีวิตโดยอาศัยของป่า ปลูกข้าวไร่กับปลูกงา เป็นอาชีพ เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีมาแล้วครับ ผมกับเพื่อนรวม 4 คน เข้าไปพักที่นั้นโดยการนำทางของคนในหมู่บ้านลิ่นถิ่น (หนุ่มเปิ้ลแห่งบ้านลิ่นถิ่น) วันนั้นผมกับเพื่อน ๆ เข้าไปถึงไร่งาที่ตายายปลูกไว้ประมาณ 5 ทุ่มครับ โดยจอดรถกันกลางไร่งาที่เก็บเกี่ยวแล้ว เหลือแต่ตอซังต้นงา เรานอนในรถกัน 3 คน มีผมและเพื่อนมี2 คน ครับ ส่วนหนุ่มเจ้าถิ่นนั้นได้ชวนเพื่อนอีกคนเดินเข้าไปสำรวจป่ากัน วันนั้นผมนอนอยู่หลังกระบะรถ SR5 โดยใช้เปลสนามคลุมแทนผ้าใบ ส่วนเพื่อนอีก 2 คน นอนในห้องโดยสาร พอผมเริ่มเคลิ้มหลับ ก็มีเสียงคนลากไม้เดินวนอยู่รอบ ๆ รถที่ผมนอน (ต้นงานที่เกี่ยวแล้วจะแห้งตายคล้ายๆกับต้นเสือหมอบที่โดนตัดทิ้งเอาไว้) เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงคนเดินผ่านกิ่งไม้แห้ง ตอนนั้นผมนอนกอดปืนอยู่ เลยขึ้นลำรอเลยคิดว่าคงมีคนเข้ามาจะขโมยของ แต่พอผมเอื้อมมืไปเปิดไฟสปอรต์ไลท์ แล้วฉายไปทางที่มีเสียง กลับไม่เห็นอะไรเลย แล้วเสียงที่ได้ยินก็เงียบไป พบปิดไฟสักพักก็ได้ยินเสียงอย่างเดิมอีก เป็นแบบนี้จะเกือบสว่าง (รับรองไม่ใช้เสียงหนูนาที่วิ่งผ่านซังต้นงาแน่ๆ เพราะผมสำรวจตรวจดูตอนฉายไฟแล้วไม่เห็นตาสัตว์) ตอนใกล้สว่างประมาณตี 4 เพื่อนที่นอนอยู่ในรถก็ตื่นขึ้นมา (ฉี่) แล้วก็ในผมเข้าไปนอนในรถแทน พอเขาเริ่มนอนในกระบะท้ายแทนผม ก็เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันกับผม รับรองว่าหูไม่ได้แว่วแน่ ๆ พอพระอาทิตย์ขี้นและเพื่อนที่เดินทางไปสำรวจป่ากลับมาผมรีบชวนเพื่อน ๆ ขับรถออกจากที่นั้นทันทีเลย
ปัจจุบันทราบข่าวว่า ยายที่อยู่ที่นีท่านตายแล้ว สำหรับลิ่นถิ่นยังมีเรื่องแปลก ๆ อีกหลายหนที่เจอ คราวหน้าจะเล่าให้ฟังครับ และที่ลิ่นถิ่งยังมีสถานที่ที่ชาวบ้านชวนผมเดินทางไปสำรวจแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป ชาวบ้านบอกว่ามีวัดเก่าและหมู่บ้านล้างอยู่กลางป่า เป็นวัดโบราณ ถ้ารายการใดอยากไปทำสารคดีติดต่อได้ครับ