คำตอบที่ 8
พอเข้าใจแล้วว่าทำไม!!
แต่ก่อนเราใช้ยางแค่ 32"-33"ก็ขับรถเที่ยวกันได้สนุกสนาน แต่พอทางมันเริ่มจะยากก็เปลี่ยนเป็น35"มันก็ง่ายขึ้น ทีนี้พอยาง35"วิ่งกันบ่อยๆทางก็เริ่มลึกขึ้นอีก ทีนี้ก็เปลียนเป็น 37"ก้ไปได้ง่ายขึ้น แล้วต่อไปถ้า37"ไปลำบากเราก็เปลียนเป็น 38"และก็40"แล้ก็เปลี่บนให้มันใหญ่ๆขึ้นไปอีก เหนื่อย.... 
แล้วตอไปเราจะใหญ่กันไปถึงไหน? แล้วยางพวก235 ,32",33"จะมีประโยชน์อะไร? แล้วชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่จะเดินทางแบบไหน ทางออกก็คือถนนลาดยาง!!!!!!!
ปัญหาแบบนี้เกิดมานานจนพวกเราไม่ได้หันหลังไปดูสิ่งที่พวกเราได้ทำไว้ ไม่อยากให้คิดว่าไม่ใช้เรื่อง ถ้าใสยางๆก็ควรทีจะไปขับเล่นในสนามที่มีให้เล่นหรือที่ข้างบ้านตัวเอง
คลิตตี่ก็ลึก โป่งกระดังงาก็ลึก ผาล่างก็ลึก แล้วถ้าต่อไป ทุ่งใหญ่ก้ลึก เกาะสะเดิ่งก็ลึก คลองมะเดื่อก็ลึก ยางเล็กๆไม่ต้องไป พวกเราหน้าจะมีกฎมาช้วยกันดูแลจะดีกว่านะครับ ไม่ยากให้ทุกคนมาบอกว่าไม่ใช้เรื่อง (เรื่องของกู กูมีเงิน) ขอความนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไมมีเจตนาจะไปว่าใครนะครับ........ 
เอาถอะครับจะแบบไหนก็ตามก็ขอให้ดุแลสมบัติชาติกันบางครับ
มองไกล้ มองไกล แล้วน้องมองกันไดแค่นี้หรอครับ ยางเล็กๆที่ดีก็มี ที่โครตจะเลวก็มี ยางใหญ่ก็เหมือนกัน อยู่ที่คนไม่ใช่อยู่ที่ยาง อย่างนี้ก็โทษพวกรถตระกูล คานแข็งด้วยสิ เพราะใส่ยางใหญ่มากกว่าปีกนก........ ซึ่งไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยใช่มั้ยน้องจ๋า..... ส่วนเรื่องตัดไม้ทำลายป่า เค้าก็มีเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลอยู่ อย่างนี้ก็ถามด้วยสิครับว่า คิดยังงัยกับอธิบดี...ที่ปล่อยให้มีคนตัดไม้ทำลายป่า............คิดยังงัยกับคนสูบบุหรี่ ฯลฯ ทุกอย่างอยู่ที่คน นอกซะจากจะปกครองกันแบบ คอมมิวนิสครับ .......ชอบแบบไหนครับน้อง
ก็มีเงินใส่ยางใหญ่แต่ไม่กล้าไปลุย ถึงได้เข้าอุทยาน 
(ห้ามพูดถึงบุพการีคนอื่นอีกนะ..มันไม่ดี)
