WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


แถลงการณ์กรณีคาราวานออฟโรดปล่อยเป็ดก่าคืนสู่ธรรมชาติที่ หน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได

จาก eco-boy
203.144.214.65
ศุกร์ที่ , 24/8/2544
เวลา : 00:58

อ่านแล้ว = 609 ครั้ง


       ขอรบกวนหน่อยนะ..แต่ไม่ได้ก่อกวน จริงๆ ไม่ได้โม้
.......................................................................................แถลงการณ์
กรณี คาราวานออฟโรด ปล่อยเป็ดก่าคืนสู่ธรรมชาติ
ที่หน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได


สืบเนื่องจากที่ กรมป่าไม้ได้ออกหนังสือ ที่ กษ.0712/16853 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2544 เรื่อง โครงการปล่อยเป็ดก่าคืนสู่ธรรมชาติ ไปยังบริษัทเอกชน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว โดยกรมป่าไม้อ้างว่า เพื่ออนุรักษ์พันธุ์เป็ดก่าไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ และเป็นการเพิ่มจำนวนประชากรเป็ดก่า ในธรรมชาติให้มีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาตินั้น


ทั้งนี้ ได้มีบริษัทเอกชนตอบรับการเข้าร่วมโดยจัดกิจกรรม ที่ใช้ชื่อว่า "โครงการปล่อยเป็ดก่าคืนสู่ธรรมชาติ…ที่ห้วยขาแข้ง" โดยจัดเป็นคาราวานรถออฟโรด จำนวน 20 คัน แต่ละคันจะนำผู้โดยสารไปด้วยไม่เกิน 4 คน ระหว่างวันที่ 25 - 26 สิงหาคม 2544 และวันที่ 13 - 14 ตุลาคม 2544 เข้าสู่หน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ใจกลางป่า ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยบริษัทได้ขึ้นคำโปรยหัวเพื่อการประชาสัมพันธ์ว่า


" อาจจะกล่าวได้ว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณผืนป่าชั้นในของห้วยขาแข้ง ยากนักที่ประชาชนส่วนใหญ่จะได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัส กับความเป็นธรรมชาติและผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่สมบูรณ์ อีกทั้งสัตว์ป่าที่หายากนานาชนิด อาทิ เสือ กระทิง วัวแดง ช้าง ควายป่า นกยูง และนกชนิดต่าง ๆ"

ข้อความประชาสัมพันธ์เช่นนี้ เป็นการเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก


มูลนิธิสืบนาคะเสถียร กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมพยุหะ จ.นครสวรรค์ ชมรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม จ.อุทัยธานี และกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ จ.กาญจนบุรี จึงขอเรียกร้องให้กรมป่าไม้และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรม คาราวาน "โครงการปล่อยเป็ดก่าคืนสู่ธรรมชาติ" ได้ทบทวนการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพราะการนำคน พร้อมยานพาหนะจำนวนมาก เข้าไปในพื้นที่อนุรักษ์ที่มีความเปราะบาง เช่นหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได อาจส่งผลกระทบต่อแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า หากได้รับการรบกวนจากกิจกรรมที่ไม่จำเป็นของมนุษย์โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาหากินของสัตว์บางชนิด แม้ว่าจะเป็นเพียงเสียงเครื่องยนต์ การพูดคุยกันก็ตาม

เนื่องจากพื้นที่เขาบันไดถือเป็นพื้นที่ใจกลางป่าห้วยขาแข้ง และมีความสำคัญที่สุด
นอกจากนี้ทางมูลนิธิ ฯ และองค์กรเครือข่ายเกรงว่า การจัดกิจกรรมลักษณะนี้ อาจจะเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับกลุ่มองค์กรอื่นในการเข้าไปใช้พื้นที่อนุรักษ์ จัดกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยไม่จำเป็น


เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กรมป่าไม้ซึ่งมีหน้าที่ดูแล คุ้มครองและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ จะหันกลับมาทบทวนการดำเนินกิจกรรมแต่ละโครงการของกรมป่าไม้ ให้เกิดความสอดคล้องกับพื้นที่และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อทรัพยากรธรรมชาติอีก


23 สิงหาคม 2544

โดย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ฯ
กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมพยุหะ จ.นครสวรรค์
ชมรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อมอุทัยธานี จ.อุทัยธานี
กลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ จ.กาญจนบุรี






คำตอบที่ 1
       ผมก็ว่าน่ะว่ามีดีมีเสียทั้ง 2 ด้าน การจัดคาราวานโดยองค์กรเอกชน ส่วนใหญ่จะออกมาในแนวเอิกเลิ่ก ประกาศจำกัดจำนวนรถไม่เกิน 20 คัน ผมไม่แน่ใจแต่คาดว่าคงจะมีรถผู้จัด รถติดตาม รถผู้สื่อข่าว อะไรทำนองนี้อีก 10 คัน รวมอย่างน้อย 30 คัน ผมก็ว่ามันคงจะเยอะไปหน่อยสำหรับป่าดิบๆ การควบคุมทำได้ลำบาก
แต่ข้อดีอีกด้านเรื่องการปล่อยเป็ดก่า ที่คาดว่าลดลงเหลือจำนวนน้อยลงมาก การจัดคาราวานจะได้ประโยชน์ตรงหารายได้มาสนับสนุนได้ง่าย เกิดจิตสำนึกรัก เป็ดก่า เพราะเข้าไปปล่อยด้วยตัวเอง
สรุปด้วยกับกรมป่าไม้ที่กำลังเร่งหาทางแก้ปํญหาการสูญพันธ์ของเป็ดก่า และสำคัญว่าการจัดครั้งนี้เค้าได้มีการตรียมการและศึกษาผลกระทบต่อสัตว์ป่าหรือไม่ ผมไว้ใจกรมป่าไม้พอสมควรน่ะ เพราะเค้าไม่ได้ดูหรือเป็นห่วงแค่ 1 วัน แต่เค้าต้องดูป่าไม้ที่เรารักตั้ง 365 วันต่อปี 24 ชม. ต่อวัน

จาก ไพลิน ไพลิน 203.151.139.78 ศุกร์, 24/8/2544 เวลา : 08:50   


คำตอบที่ 2
       ผมว่าเราน่าจะเชิญตัวแทนจากกรมป่าไม้และบริษัทเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วยดีกว่านะ...เราจะได้เข้าใจทั้งสองฝ่ายไง

จาก ปลัด ดำ 203.170.143.242 ศุกร์, 24/8/2544 เวลา : 09:29   


คำตอบที่ 3
       หน้ายกย่องจริงๆเลย ไอ้พวกบอกว่าอนุรักษ์เนี่ย อนุรักษ์แ.....ง ไปหมด

จาก คนไทย 202.80.228.71 ศุกร์, 24/8/2544 เวลา : 10:22   


คำตอบที่ 4
       นานๆครั้งจัดทีก็ไม่เป็นไรหรอก ป่ามันยังมีเวลาพื้นตัวทัน กลัวอย่างเดียวว่า จะติดใจกับเงินค่าจัดที่ได้มาง่ายๆ ต่อไปคงมีคาราวานปล่อยงูเขียว ปล่อยกระต่าย คืนสู่ธรรมชาติบ้างน่ะสิครับ

จาก SUPER-M 203.144.170.66 ศุกร์, 24/8/2544 เวลา : 16:05   


คำตอบที่ 5
       ผมคิดว่าทางกรมป่าไม้ คงจะคิดบวกลบคูณหารอย่างดีแล้วล่ะครับ
ว่าน่าจะเป็นผลดีมากกว่า...เพราะกรมป่าไม้ก็รักป่าและธรรมชาติ
ไม่น้อยไปกว่านักอนุรักษ์นิยมทั้งหลายหรอกครับ...ตอนนี้ก็ได้แต่รอ
ฟังเหตุและผลของทางกรมป่าไม้อยู่...เพราะฉะนั้นตอนนี้อย่าเพิ่งไปวิเคราะห์
วิจารณ์อะไรไปกันเลยครับ...รออีกสักนิดจะดีกว่า...แต่เอ...เขาจะเดินทางพรุ่งนี้
แล้วไม่ใช่หรอ...เอ้าใครรู้เรื่องจริง ๆ (เน้นครับว่า...จริง ๆ ) ช่วยอธิบาย
ให้ฟังหน่อยเหอะ...

จาก MOP MOP 203.149.41.74 ศุกร์, 24/8/2544 เวลา : 21:12   


คำตอบที่ 6
       ดูข่าวเมื่อคืน ชาวบ้านมาปิดถนน ไม่ให้เข้าไปครับ กลุ่มที่ไปต้องนั่งรถของป่าไม้เข้าไปแทน

จาก เข้ม 203.148.176.195 จันทร์, 27/8/2544 เวลา : 08:33   


คำตอบที่ 7
       ผมว่าภาพพจน์ของชาวออฟโรด ค่อนข้างจะติดลบ เนื่องจากการออกทริปแต่ละครั้ง มักจะมีจำนวนรถมาก และภาพต่างๆที่ออกมาสู่สายตาก็จะเป็นการทำลายเส้นทางเสียส่วนใหญ่ เพราะเส้นทางลำบาก ผมว่าบางทีเราต้องนั่งมองดูกระจกที่สะท้อนเงาตัวพวกเราบ้างนะครับ ผมก็ชาวออฟโรดเหมือนกัน แต่ผมสังเกตว่า ห้าร้อนหน้าหนาวไม่ชอบไปชอบไปหน้าฝนเพราะทางมันเละดี ยิ่งเละยิ่งมัน เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น ไอเสียฟุ้งกระจายไปทั่ว เราเคยมามองจุดนี้กันบ้างหรือปล่าวครับ

จาก นายต่อ pkanketr 203.127.36.3 จันทร์, 27/8/2544 เวลา : 10:09   


คำตอบที่ 8
       บางจุดก็ไม่สมควรครับ เช่น เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง นี้ไม่ควรเข้าในปริมาณ เยอะ ๆ แบบนี้ครับ
ผมเห็นด้วยครับ ... ไม่ควร

จาก คนเที่ยว offroad เหมือนกัน 203.146.173.146 อังคาร, 28/8/2544 เวลา : 22:30   


คำตอบที่ 9
       อืมมมม ที่เที่ยวแบบออฟโรดนี่ในเมืองไทยยังมีอีกเยอะครับ เว้นเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าไว้ก็ดีน่ะครับ

จาก super-m super-m 203.150.14.99 อังคาร, 28/8/2544 เวลา : 23:57   


คำตอบที่ 10
       ผ่านไปแล้วครับสำหรับโครงการนี้ ผลก็คือ มีรถทั้งหมดประมาณ 50-60 คัน มีคนเข้าไปประมาณ 200 คน ชาวบ้าน อ.ต่างๆ รอบๆห้วยขาแข้ง ได้ประท้วงโดยไม่ให้ขบวนออฟโรดเข้าป่าห้วยขาแข้ง พร้อมทั้งแจกจ่ายเอกสารชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อธรรมชาติของโครงการที่เกิดขึ้น ทางผู้จัดงานนี้เลยให้นำรถป่าไม้ มารับคนที่มากับคาราวานเข้าไปในห้วยขาแข้งอีกทีหนึ่ง ซึ่งหากมองความจริง ไม่ได้ผลกระทบต่อธรรมชาติ ไม่ต่างจากเอาออฟโรดเข้าไปเท่าไร เพราะต้องใช้รถ 6 ล้อ ของกรมป่าไม้ ถึง 20 กว่าคัน

ประเด็นที่น่าสนใจคือ
1. การปล่อยเป็ดก่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ควรอยู่ในความรอบคอบ ครั้งนี้เป็นเพียงกิจกกรมบังหน้า เพราะในความเป็นจริงแล้วการปล่อยเป็ดก่าเพียง 30 กว่าตัว จำเป็นต้องยกขบวนไปด้วยหรือ ทั้งที่ทราบดีว่าบริเวณเขาบันได เป็นพื้นที่ที่มีความเปาะบางทางธรรมชาติอย่างมาก

2. โครงการนี้ขาดความรอบคอบในการปล่อยเป็ดก่า จากการรายงานของสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ไม่พบเป็ดก่าในห้วยขาแข้ง และจาการศึกษาพบว่าเป็ดก่าชอบอาศัยอยู่ในป่าดงดิบ มากกว่าป่าเบญจพรรณ เป็ดก่าดังกล่าวจากเท่าที่ผมทราบทราบมาว่า ได้นำพันธุ์มาจากอังกฤษ ซึ่งฝ่ายจัดงานบอกว่าเป็นเป็ดก่าพันธุ์เดียวกับที่พบในประเทศไทย แต่ความเป็นจริงเราต้องศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด ตรวจสอบถึงขั้นระดับ DNA เพราะว่าการนำสัตว์ต่างถิ่นเข้ามาปล่อย หากเกิดการผสมพันธุ์ กับพันธุ์ประจำถิ่น อาจทำให้สายพันธุ์ดังเดิมสูญพันธุ์ไปได้

3. ความเป็นห่วงอีกเรื่องก็คือ เป็ดก่าเหล่านั้นเป็นเป็ดเลี้ยง และได้สูญเสียสัญชาติญาณของความเป็นสัตว์ป่าไปบางส่วน ซึ่งจะไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้ ในป่าธรรมชาติได้ จากการสอบถามผู้มีความรู้ท่านหนึ่งให้ความเห็นว่า ในคืนแรกที่มีการปล่อยเป็ดก่า จะมีเป็ดก่าครึ่งหนึ่งต้องตายไป เพราะการล่าของสัตว์ผู้ล่าชนิดต่างๆ
และเป็ดเหล่านี้เป็นเป็ดเลี้ยง หากมีการติดเชื้อโรค นำเชื้อโรคไปแพร่กระจายภายในป่า จะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะสัตว์ป่าที่อยู่ในป่าจริงๆ จะมีความอ่อนแอต่อเชื้อโรคที่เข้าไปจากภายนอกค่อนข้างสูง ถึงแม้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบจะยืนยันว่าได้ฉีดวัคซีนให้แล้วก็ตาม ควรมีการตรวจเชคอย่างละเอียด

คาดว่าจะมีโครงการลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน ซึ่งจะมีการยื่นเรื่องให้มีการทบทวนโครงการอีกครั้ง

มีรายละเดียดจะนำมาชี้แจงต่อไปครับ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.seub.or.th/

จาก eco-boy 209.198.253.11 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 01:41   


คำตอบที่ 11
       โอ้โฮ..เก่งจริงๆครับคุณอีโก้บอย

จาก แห้ว 203.148.176.195 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 08:12   


คำตอบที่ 12
       โอ้โฮ!!! จำนวนรถ 50-60 คัน.....จะเข้าไปเที่ยวหรือไปปล่อยเป็ดก่าครับนี่!!! ใครเค้าจะยอมให้เข้าไปล่ะครับ......สมควรแล้วครับที่โดนประท้วง

จาก Dang_Terr. Dang_Terrano 203.151.39.10 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 08:46   


คำตอบที่ 13
       จำนวนรถเยอะมากจริงๆ ครับ...

จาก WAR WAR 210.4.129.32 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 09:32   


คำตอบที่ 14
       I never know that PED-KA have the the local habitat in Huay-Kha-Khang also as eco-boy comment.
I ever saw PED-KA at Pu-Kiew (Chai ya buhm) and Umphang which both are the rain forest .
This project have many thing behind the scene.

จาก adventure999 adventure999 203.150.14.99 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 10:59   


คำตอบที่ 15
       เขตรักษาพันธ์สัตวุ์ป่าทุกๆแห่งไม่น่าปล่อยให้กิจกรรมเหล่านี้เกิดขึ้น ใครอยากเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน่าจะเดินป่าเข้าไปมากกว่า

จาก NONAME p1r2s3e2 202.28.179.1 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 11:46   


คำตอบที่ 16
       There were only TWO 6-wheelers from Forestry Dept. to carry stuff.
FIFTEEN 4-wheelers to carry people from the caravan. Not a speed RALLY.
Other cars were for the Forestry officials mainly to take care of Forestry Chief and Deputy Prime Ministry.
Only 1 banner along the road. Some adults at the roadblock. Many young children carrying the cloth banners.
Nothing special at Baan Rai.
Enough said.

จาก Been There 203.144.251.66 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 14:40   


คำตอบที่ 17
       Sorry, Deputy Prime MinistER.

จาก Been There 203.144.251.66 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 14:44   


คำตอบที่ 18
       ...ช่างเขาเถอะ...เราเที่ยวในที่ๆ เค๊ามีให้เที่ยวโดยไม่เดือดร้อนใครก็พอครับ อย่างที่เค๊าไม่ให้ผ่านอย่าง ไทรทอง น่ะก็ไม่ต้องไป ฝากคนที่ชอบก่อ MOP ประท้วง ไปดูเรื่องไทรทองหน่อยครับ / จะได้ทำตัวเป็นประโยชน์บ้าง

จาก นายโท sumethh 203.149.7.51 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 20:15   


คำตอบที่ 19
       เห็นที่ eco-boy ได้แต่รักษาป่าแค่ปาก เห็นเขียนมาตั้งนานแต่ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องนั่งเทียนด่า off road

จาก sak vps1992 202.133.140.189 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 21:32   


คำตอบที่ 20
       ที่ผมอ่านๆกระทู้ของคุณ eco-boy มา ก็ไม่เห็นว่าเค้าจะเขียนด่าพวกเราชาวออฟโรดเลยนี่ครับ น่าจะเรียกว่า comment มากกว่าน่ะครับ ซึ่งก็น่าจะมองในแง่ดีว่า เค้าเป็นกระจกส่องให้พวกเราเห็นว่า กลุ่มของพวกเรานั้นเป็นยังงัยในสายตาผู้อื่น พวกเราจะได้ทำตัวให้อยู่ในกรอบ ในกฏเกณฑ์ของสังคมได้โดยสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นน้อยที่สุด (พวกเราคงหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดจากพวกเราไปสู่คนอื่นคงไม่ได้น่ะครับ เช่นตัวผมเองเวลาจอดรถจ่อท้ายรถเก๋ง ผมยังรู้สึกละอายใจนิดๆเลยครับ ที่ไฟหน้ารถผมไปแยงตาเค้า) รวมทั้งการท่องเที่ยวแบบออฟโรดนี่ ก็น่าจะเที่ยวแบบสนุก มากกว่าเที่ยวแบบสะใจหรือต้องการเอาชนะผู้อื่นด้วยการ พยายามผ่านเส้นทางที่ยากขึ้นๆ โดยไม่สนใจว่าพื้นที่แห่งนั้นควรที่จะรักษาไว้เพื่อให้ ธรรมชาติที่เราชอบบอกว่าหวงแหนกันนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
อ้อ ผมไม่ใช่พวกของใครน่ะครับ แล้วก็ไม่รู้จกใครในนี้เป็นการส่วนตัวเลย ก็แค่อยากเขียนครับ

จาก SUPER-M super-m 203.150.14.99 พุธ, 29/8/2544 เวลา : 22:36   


คำตอบที่ 21
       ...คนที่เค๊าจัด ก็จัดไป ชมรมหรือมูลนิธิ อะไรก็แล้วแต่ ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ หรือสังคมมองว่า ไม่ดีก็คือไม่ดี จะต่อต้านก็ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวเจอประชาทันธ์
...แต่ที่เราเที่ยวเราทำกันในชมรม ไม่ได้เป็นสิ่งผิดหรือรบกวน อย่างที่คุณ eco-boy นำเข้ามา Post ในที่นี้ ...เพราะที่เราไปกัน ส่วนใหญ่มันคือสถานที่ท่องเที่ยว ที่เค๊าจัดไว้ เพียงแต่ เส้นทางมันไม่ดี มันก็เลยเรียก ออฟโรด เท่านั้น
...อันนั้นมันเรื่องของเขา แต่การที่คุณ eco-boy มา Post ไว้มันเหมือนมีจุดประสงค์เป็นอย่างอื่น ไม่ได้ตั้งใจให้เรารักป่ามากขึ้นนะครับ เพราะตามข่าวและเหตุผลแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนก็คิดว่าเค๊าอาจทำเกินไปนั้นแหล่ะ...ฮ่าๆๆ สรุปพากันนิยมไพร แล้วกัน จะไม่เข้าป่า <หัวเราะกันบ้างเถอะ เดี๋ยวชราแล้วตายไว ไม่มีใครรักษาป่าของ....>
...

จาก นายโท sumethh 203.149.7.51 พฤหัสบดี, 30/8/2544 เวลา : 16:56   


คำตอบที่ 22
       ขอชี้แจงนิดหนึ่งครับ
ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะ
1. เว๊ปบอร์ดแห่งนี้ ผมเชื่อว่าเป็นศูนย์รวมของคนที่ชอบออฟโรด แวะเวียนมาพูดคุยกันไม่ขาด ดังนั้น ถ้าคิดว่าจะประชาสัมพันธ์ เรื่องการจัดแรลลี่ออฟโรดเข้าห้วยขาแข้ง ก็ต้องที่นี่ละครับ ถึงง่ายที่สุด อย่างน้อย ผมเชื่อว่ายังมีออฟโรดที่ดีๆ อีกเยอะครับ ที่จะพอให้ความเห็นได้ และอย่างน้อยผมเชื่อว่าเค้าเชื่อคุณมากกว่าผม เพราะผมไม่ได้ขับออฟโรด แถบยังมาเถียงกับพวกคุณอีก

2. ผมขอยืนยันเจตนารมณ์ ให้ชาวออฟโรดทุกท่านได้ทราบอีกครั้งครับว่า ผมไม่ใช่นักอนุรักษ์หัวชนฝา ในทัศนคติของผม ธรรมชาติเป็นสิ่งที่เราสามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องรู้จักใช้ ใช้อย่างประหยัด คุ้มค่า และยั่งยืน มันก็เหมือนกับเงินทองละครับ ถ้าเราไม่ประหยัด ไม่รู้จักอดออม สักวันมันก็ต้องมีวันหมด ธรรมชาติก็เหมือนกัน (เดี๋ยวก็ว่าผมเหาอีก..ไม่ว่ากัน)

3. ผมทราบดีว่าโพสกระทู้แบบประท้วงอย่างนี้ ผมมีแต่เสียครับ ยังไงก็โดนด่ายังวันยังค่ำ เหมือนอย่างที่ผมโดน ผมอาจจะใช้คำผิดไปหน่อยที่บอกว่าประท้วง ความจริงน่าจะใช้คำว่า แสดงความคิดเห็น น่าจะดูดีกว่า....ก็เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อธรรมชาติ ที่เกิดจากออฟโรดทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ คนที่มีจรรณยาบรรณนักขับออฟโรดอยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ชื่นชมด้วยซ้ำไป แต่บางคนที่ยังขาดผมก็หวังว่าอยากให้เขาได้หวนคิดถึงธรรมชาติบ้างสักนิดก็ยังดี ผมเคยเสนอให้เขียนกฏเกณฑ์ และ ลองมานั่งทบทวนดูว่า ออฟโรดทำให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติอย่างไร เราจะได้ลดผลกระทบนั้นให้น้อยลง ผมไม่หวังถึงขนาดไม่ให้มีผลกระทบต่อธรรมชาติเลยหรอกครับ เพราะยังไงผมก็เข้าใจ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ...

4. บางคนว่าผมดีแต่เหา อาจจะใช่ครับ เพราะในสถานะอย่างผมตอนนี้ ผมชี้แจงผมพูดให้คนอื่นเข้าใจ ได้ง่ายกว่าที่ผมจะลงไปทำอะไร ที่มันมากกว่าเหา...ถ้าหากผมมีโอกาส มีอำนาจ มีกำลังทรัพย์เหมือนบางคน ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า ผมทำมากกว่านี้แน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่การเหา อย่างที่ไทรทอง..ผมอยากให้คุณบางคนมาเป็นผมจัง ผมก็อยากรู้ว่า จะทำอะไรได้มากกว่าที่ผมทำอยู่ปัจจุบันนี่หรือเปล่า...

ขอบคุณ

จาก eco-boy 202.44.135.38 พฤหัสบดี, 30/8/2544 เวลา : 18:00   


คำตอบที่ 23
       คุณ eco-boy ครับ เรื่องของเรื่อง มันอยู่ตรงที่ว่า คุณแสดงตัว ว่าคุณเป็นใคร ทำงานที่ใด บ้านอยู่ที่ไหน สิ่งนี้มันคือสิ่งสำคัญที่สุดในเวปนี้ครับ

ผมชื่นชมคุณในเรื่องของข้อมูลที่นำมาให้นะครับ ข้อมูลพวกนี้ผมยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง และก็ค่อนข้างไม่เห็นด้วยเหมือนกัน

แต่ผมว่าคุณ eco-boy น่าจะมาแสดงตัวให้เรารู้จักกันมากว่านี้นะ จะได้รู้จักนิสัยใจคอกันมากกว่านี้ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมว่าสร้างมิตร ดีกว่าสร้างศัตรูนะ ถ้ายังไงมีเวลาโทรมาคุยกันก่อนก็ได้ เบอร์ผม 01-6138484

จาก นพ nop 203.149.43.189 พฤหัสบดี, 30/8/2544 เวลา : 21:38   


คำตอบที่ 24
       คนละอุดมการณ์ คุณ eco boy ทำหน้าที่ของคุณไปเถอะ...
ไม่ต้องเอาในนี้มาเทียบกับตัวคุณหรอก คนในนี้ทำไม่ได้แน่...
เพราะเท่าที่ผมคบกับเพื่อนๆในนี้มาระยะหนึ่งพออ่านนิสัยดูได้...
และที่แน่นอนเราไม่ชอบไป แส่ ระราน หาเรื่องกับคนทั่วไป...

ที่คุณมาในนี้ลักษณะแบบนี้ มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก...
มีแต่สร้างความยุยงและท้าทายต่อต้านกันเปล่าๆ...
คุณเอาเวลาของคุณไปดูแลครอบครัวและลูกเมียจะดีกว่า...

ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ ผิดที่และผิดเวลาแล้วละครับ...

ถึงเวปมาสเตอร์...
หากกระทู้ไหนเห็นว่าเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ลบทิ้งเถอะครับ...
เช่นกระทู้นี้กลิ่นเริ่มไม่ดีอีกแล้ว ใครจะว่าใจแคปก็ช่างเถอะ...
เดี๋ยวบ้านจะเหม็นเน่าสกปรกเลอะเทอะไม่น่าเข้าไม่น่าดู...

จาก WAR WAR 203.146.12.53 พฤหัสบดี, 30/8/2544 เวลา : 22:20   


คำตอบที่ 25
       ผมตอบกระทู้นี้ด้วยความเป็นกลางนะครับ ตัวผมเป็นส่วนหนึ่งในบูรพาออฟโรด แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมที่คุณ eco-boy โพสท์ขึ้นมา ออฟโรดมีหลายกลุ่มครับ ก็พอ ๆ กับที่นักอนุรักษ์บางคนที่บังหน้าเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ผมไม่ได้ว่าใคร ทุกคนเป็นสีเทาครับ ข้อมูลต่าง ๆ ข้อคิดเห็นเสนอแนะ ต่าง พวกเรามาแสดงความคิดเห็นแบบ สุภาพชนเถอะครับ เห็นด้วยกับคุณนพ ว่าสร้างมิตร ดีกว่าศตรู ผมยินดีที่มีนักอนุรักษ์ทีมีเหตุผลอยู่ในเวปนี้เพราะผมคิดว่า วันหนึ่งเราคงได้ออกทรืปไปช่วยกันทำงานเพื่อสังคมได้สักวันหนึ่ง แล้ววันนั้นเราจะเข้าในกันและกันได้มากกว่านี้

จาก นาย บี 01-8628356 (โทรไม่ค่อยติดนะ อิ อิ) 203.146.173.146 พฤหัสบดี, 30/8/2544 เวลา : 22:24   


คำตอบที่ 26
       เรียน คุณ eco-boy ครับ ผมว่าในสถานะเช่นนี้น่ะครับบางทีการใช้ความเคร่งครัดที่ตน แต่ผ่อนปรนกับคนอื่นจะดีกว่าครับ ผมเห็นคุณสู้พิมพ์ข้อความและทนการเหน็บแหนมต่างๆมาเยอะแล้ว คงยากที่จะทำความเข้าใจและทวนกับกระแสเหล่านี้ได้ผมเองยอมรับและหลีกไม่ได้กับการใช้ทรัพยากรป่าไม้ทั้งทางตรงและทางออ้ม แต่ผมพยายามใช้ทรัพยากรเหล่านั้นอย่างรู้คุณค่า และรู้จักหักห้ามใจ บางที่คุณอาจจะสมหวังได้ก็ต่อเมือ ป่าที่เหลืออันน้อยนิดเหล่านี้โดนเจาะโดนไชจนเหลือแต่กากชาน หมดสภาพการเป็นป่า ก็ได้น่ะครับ คุณเชื่อผมเหอะ ถอยออกมา และทำตัวเองให้เหมาะสมให้ถูกใจเราดีกว่า

จาก ลิเก..รักษ์..ป่า 203.107.138.14 พฤหัสบดี, 30/8/2544 เวลา : 22:46   


คำตอบที่ 27
       สวัสดีครับ ผมเป็นคนนึงที่ได้มีโอกาสร่วมขบวนคาราวานไปในครั้งนี้ด้วย แต่ไปในฐานะสื่อมวลชน ผมยืนยันว่าผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการจัดงานครั้งนี้ทั้งนั้น รวมทั้งปกติแล้วก็จัดได้ว่าเป็นนักอนุรักษ์คนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติมากเวลาเดินทางท่องเที่ยว แต่หลังจากกลับมาแล้วได้เห็นข่าวสารต่าง ๆ ซึี่งออกมาขัดแย้งกับสิ่งที่ผมได้ไปพบไปเห็นมาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องมาระบายในที่นี้ครับ

อันดับแรก รูปแบบการเดินทางเป็นแบบคาราวาน ซึ่งเป็นการเดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่แรลลี่อย่างในข่าว เพราะไม่ได้มีการแข่งขัน การจับเวลาอะไรทั้งสิ้น จำนวนรถที่ในข่าวบอกว่ามีถึง 60 คันนั้น จริง ๆ แล้วผมว่ารวมทั้งหมดน่าจะมีประมาณไม่เกิน 40 คันเท่านั้น แล้วรถ 6 ล้อที่เข้าไปก็มีแค่ 2 คันเท่านั้นซึ่งเป็นรถขนสัมภาระนะครับ แล้วจำนวนคนก็ไม่ถึง 300 คนอย่างในข่าวบางเล่ม

2. ในหนังสือพิมพ์กล่าวว่าผู้ประท้วงปิดถนนโต้เถียงกับกลุ่มคาราวานจนกลุ่มคาราวานต้องเดินทางย้อนกลับไปเปลี่ยนรถ ข้อเท็จจริงคือทันทีที่อธิบดีกรมป่าไม้ทราบว่ามีม๊อบ ก็จัดการเปลี่ยนรถทันที ไม่ได้มีการโต้เถึยงอะไรกันรุนแรงนักอย่างที่เป็นข่าว

3. นอกจากเรื่องรถจำนวนมากที่ผมเห็นด้วยว่าน่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบ้างแล้ว กลุ่มคาราวานส่วนใหญ่ ปฏิบัติตัวดีมาก ไม่ส่งเสีียง ไม่ทิ้งขยะ ในคืนแรกหลังเสร็จพิธีการประมาณ 3 ทุ่ม ทุกคนก็เข้าเต้นท์นอนกันอย่างสงบ มีที่ยังไม่นอนก็มานั่งคุยกันเงียบ ๆ เป็นกลุ่ม ๆ

4. แกนนำของกลุ่มผู้ประท้วง นอกจากจะเป็นกลุ่มองค์กรอนุรักษ์ทั้งหลายแล้ว ก็ยังมีผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ในเครือที่ตีข่าวนี้อย่างหนัก ซึ่งใส่หมวก 2 ใบ เป็นทั้งผู้ต่อต้านและผู้สื่อข่าวเองด้วย (ในกรณีนี้ผมว่าถ้าเป็นคนปกติไม่ว่าใครถ้าทำ 2 อย่างนี้พร้อมกันก็ต้องมีอคติ และขาดความเป็นกลางไปบ้างในการเสนอข่าวแน่นอน)

5. ในเรื่องที่คุณ eco-boy สงสัยผมก็ได้สัมภาษณ์อธิบดีปลอดประสบ และผอ.ส่วนอนุรักษ์ ของกรมป่าไม้มาด้วย คือ

5.1 เป็ดเป็นพันธุ์แท้ของไทยหรือไม่ ได้ความว่าเป็ดก่าจัดเป็นนกน้ำชนิดหนึ่งซึ่งไม่ใช่เป็ดตรง ๆ และมีเพียงสปีชี่เดียว หรือมีเพียงชนิดเดียวในโลก ไม่ต้องกลัวว่าจะผิดตัว

5.2 ในเรื่องของการปรับตัว ได้ความว่าสัตว์ปีกเป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้ง่ายในเรื่องที่อยู่อาศัย และการหาอาหารโดยในช่วงแรกเจ้าหน้าที่จะช่วยดูแล ให้อาหารบ้าง

5.3 ในเรื่องของเชื้อโรค มีการยืนยันว่าตรวจสุขภาพมาเป็นอย่างดีแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยจะนำเป็ดก่ามาปล่อยครั้งหนึ่งแล้ว แต่ถูกคัดค้านในกรณีนี้จึงมีการนำไปตรวจสุขภาพและกักบริเวณจนแน่ใจว่าปลอดโรคจริง ๆ จึงนำมาปล่อย

5.4 ในเรื่องของการปล่อยผิดที่ผิดทาง กรมป่าไม้ยืนยันว่าเคยมีการสำรวจพบเป็ดป่าในบริเวณนี้แน่นอนครับ

สิ่งที่ผมนำมาเสนอทั้งหมดผมขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่ผมได้พบเห็นและพูดคุยสัมภาษณ์มาเอง ทุกประการ ในเชิงวิชาการจะจริงเท็จอย่างไรผมไม่อาจทราบได้เนื่องจากผมไม่ใช้นักวิชาการ เช่นเรื่องของDNA หรือเรื่องของการตรวจโรค แต่ในเมื่อนักวิชาการยืนยันก็น่าจะเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

ความคิดเห็นส่วนตัว

การเดินทางในครั้งนี้ผมยอมรับว่าคงจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่บ้าง แต่ถ้าจะให้มองว่าเป็นความเสียหายอย่างมหาศาลหรือไม่ ผมคิดว่าคงจะไม่ เนื่องจากระยะเวลาที่เข้าไปเพียงแค่ 2 วันต่อ 1 ทริปเท่านั้น ลองคิดดูนะครับ ปกติเส้นทางดังกล่าวก็มีรถของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็คือรถโฟร์วีลวิ่งกันเป็นประจำอยู่แล้ว แม้จำนวนจะไม่มากเท่าครั้งนี้ก็ตาม สัตว์อาจจะตกใจหนีไปบ้าง แต่หลังจากเวลา 2 วันผ่านไปธรรมชาติก็จะฟื้นฟูตัวเอง ธรรมชาติของสัตว์ป่าจะหากินเป็นวงรอบอยู่แล้ว ยังไงก็จะต้องวนกลับมาที่เดิม ถ้าตอนนั้นไม่มีคาราวานไปวิ่งซ้ำก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร (ถ้าใครจะเถียงกรุณาแยกประเด็นนะครับ ว่าผมพูดถึงกรณ๊นี้ำกรณีเดียว ซึ่งเป็นระยะเวลาแค่ 2 วัน ไม่ใช่ในกรณีที่เปิดให้รถวิ่งเสรีแล้วจะบอกว่าสัตว์อยู่ได้ ซึ่งถ้าเปิดฟรีอย่างนั้นจริงผมจะไปร่วมประท้วงด้วย)

กรณีการหาทุน ผมว่าพวกเราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าระบบราชการไทยเป็นอย่างไร ดังนั้นการหาทุนมาเสริมให้โครงการวิจัยเพื่อการอนุรักษ์ก็น่าจะดีว่าที่จะอยู่เฉย ๆ รอเวลาให้สิ่งที่เคยมีสูญเสียไป

ในทริปนี้ซึ่งผู้เดินทางเป็นนักเรียนของโรงเรียนสอนการขับรถออฟโรดแห่งหนึ่ง ผมคิดว่าค่อนข้างจะมีความคิดความอ่าน และมีวินัยพอสมควร ดูได้จากการปฏิบัติตัวตลอดระยะเวลาการเดินทาง และจากการพูดคุย อาจจะมีบ้างที่ไปโต้เถียงกับเด็กที่มาประท้วงอย่างข้าง ๆ คู ๆ แต่ก็มีน้อยมาก ส่วนในทริปต่อ ๆ ไปอีก 3 ครั้งซึ่งจัดโดยหนังสือรถอีกค่ายหนึ่งผมไม่แน่ใจว่าจะควบคุมได้อย่างนี้หรือไม่เพราะเท่าที่ทราบเป็นการประกาศรับจากบุคคลภายนอกเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องดูกันต่อไป

ในเรื่องการประท้วงผมเห็นด้วย ในด้านความรักและหวงแหนธรรมชาติ แต่นอกจากการคัดค้านแล้วน่าจะแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ด้วยไม่ใช่คัดค้านเพียงอย่างเดียวอย่างที่เป็นอยู่บ่อยครั้งในสังคมไทย ในการสัมภาษณ์อธิบดีปลอดประสบ มีอยู่คำหนึ่งที่คุณปลอดประสบได้พูดขึ้นมาและผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งก็คือ "คัดค้านกันในเชิงวิชาการไม่เป็นไร ผมยินดีรับฟังเสมอ แต่คัดค้านแล้วก็ควรจะบอกวิธีแก้ไขมาให้ด้วย ถ้าไม่มีทางออกที่มีเหตุผลมากกว่าวิธีการที่ผมคิดมาให้ ผมก็ต้องดำเนินการตามแนวทางที่คิดว่าถูกต้องที่สุด" ประเทศไทยตอนนี้กำลังมีสภาพเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะครับ ค้าน แต่ไม่คิด !!!

ส่วนในเรื่องของการปล่อยเป็ดซึ่งจะรอดหรือไม่นั้น ก็คงจะต้องดูกันต่อไป ซึ่งในกรณีนี้เป็นหน้าที่ของเหล่านักวิชาการของกรมป่าไม้ แต่จากที่ดูคาดว่าน่าจะรอด ถ้าในช่วงแรกได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์บ้างทั้งในแง่การป้องกันศัตรู และการหาอาหาร สำหรับผม 30 ตัวเหลือรอดแค่ 10 ตัวผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งหากเหลือรอดจริงจำนวนก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเอง ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีจำนวนมากเกินไปนั้นผมว่าคงยาก ถ้าหากเป็ดก่าเคยอยู่ในบริเวณดังกล่าวจริง ธรรมชาติก็คงจะควบคุมจำนวนของมันได้เองเหมือนที่เคยทำมาก่อน

จาก sp 202.133.135.23 อาทิตย์, 2/9/2544 เวลา : 01:56   


คำตอบที่ 28
       ขอบคุณคุณ SP ครับ ผมกำลังตามข่าวนี้เหมือนกัน เพราะช่วงหลังมานี้ มีข่าวกลับเข้ามาว่า มีหนังสือบางฉบับโหมข่าวเพื่อทำยอดขาย ซึ่งผมไม่รู้จริงเท็จเป็นอย่างไร แต่อย่างที่อบอกกตั้งแต่ต้นว่า พวกเราทุกคนมีความเป็นห่วงในเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น

สำหรับผมแล้ว ผมเห็นด้วยถ้าหากสามารถปล่อยเป็ดก่าได้สำเร็จ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องมีการปฏิบัติอย่างรอบคอบ ในเรื่องต่างๆ ที่ผมได้เสนอแนวความคิดไปข้างต้น เพราะหากไม่ได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว อาจเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาภายหลังได้ แต่เมื่อตัวคุณ SP ซึ่งทำหน้าที่สื่อมวลชนได้ยืนยันว่าประเด็นที่ผมเป็นห่วงได้รับการแก้ไขแล้วนั้น ผมก็สบายใจขึ้นระดับหนึ่งครับ

สำหรับอีกประเด็นในเรื่องการจัดออฟโรด ผมไม่เห็นด้วยเลยครับ เพราะว่าบริเวณนั้นมีความเปาะบางมากจริงๆ หากไม่จำเป็นก้ไม่สมควรที่จะเตะต้อง แต่เรื่องนี้มีเรื่องของรายได้ที่จำเป็นต้องนำไปใช้ในการวิจัยเป็ดก่า รวมถึงการตั้งมูลนิธิเป็ดก่า ครั้งต่อไป ผมขอเสนอว่า หากมีการจัดคาราวนรูปแบบนี้อีก ควรเลือก สถานที่ที่เหมาะสมมากกว่านี้ จะดีที่สุด คงต้องติดตามกันต่อไป หากคุณ SP มีข้อมูลที่น่าสนใจ กรุณาส่งให้ผมด้วยครับที่อีเมลล์ Sc.bi@chaiyo.com ขอบคุณครับ


จาก eco-boy 202.44.135.34 อาทิตย์, 2/9/2544 เวลา : 20:03   


คำตอบที่ 29
       Thank you Khun sp for your non-bias observation. This is good journalism. Get to the source and report the facts. Seperate facts from personal comments.
Especially, what Khun Plod said. You really were there !
Thanks again.

จาก Been There 203.144.251.66 จันทร์, 3/9/2544 เวลา : 11:05   


คำตอบที่ 30
       เห็นมั๊ย...สรุป eco-boy ไม่รู้จริงแล้วมั่วนิ่มชัด ๆ งานเขาจัดแบบเป็นคาราวาน
ไม่ใช่จัดเป็นแบบแรลลี่ (ซึ่งลักษณะการขับขี่มันผิดกันลิบลับเลย) และจำนวน
รถที่เข้าไปก็ไม่ตรงกับจำนวนที่โม้กันออกมาว่า 60 คัน
คุณ eco-boy ก็ไม่ได้ประท้วงกับพวกนักอนุรักษ์ทั้งหลายด้วย สรุปว่าต่อไปนี้
ถ้าเรื่องไหนไม่รู้จริง ๆ ผมว่าคุณไม่ควรมาวิเคราะห์วิจารณ์อะไรต่อไปเลย
แล้วเรื่องจัดครั้งต่อไปของหนังสืออีกค่ายนั้นไม่ต้องห่วง ยกเลิกไปแล้ว
หาวิธีให้เงินกรมป่าไม้เลี้ยงเป็ดวิธีอื่นดีกว่า

จาก MOP MOP 203.149.35.142 จันทร์, 3/9/2544 เวลา : 21:15   

กระทู้ข้อมูลเก่า สำหรับอ่านได้อย่างเดียว

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>>
1  2  


Program Date :6/1/2557


      




Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอังคาร,25 กุมภาพันธ์ 2568 (Online 5117 คน)