WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ชาวบ้านโวย ออฟโรดทำป่าพัง

จาก ปกาเกอะญอ
IP:203.146.162.36

พฤหัสบดีที่ , 19/8/2547
เวลา : 16:25

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ชาวบ้านโวย ออฟโรดดอยอินทนนท์ทำป่าพัง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 สิงหาคม 2547 15:14 น.



“ชุมชนปกาเกอะญอ”เผยคาราวานออฟโรด ส่งผลให้ป่ากระทบกระเทือน นกหลายชนิดเริ่มหายไป(ภาพ:ททท.)

รายงานจากสกว.ระบุ “ชุมชนปกาเกอะญอ” เผยคาราวานออฟโรด และแก๊งค์มอเตอร์ไซค์รบกวนสถานที่ท่องเที่ยว ส่งผลให้ป่าได้รับผลกระทบกระเทือน นกหลายชนิดเริ่มหายไป หวั่นผลผลกระทบบานปลายหากไม่เร่งแก้ ระบุที่ผ่านมาถูกท่องเที่ยวโดยไม่รู้ตัว ชุมชนขอดูแลจัดการท่องเที่ยวด้วยตนเองพร้อมเตรียมเสนอโครงร่างงานวิจัยเพื่อจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นายสุรสิทธิ์ ดลใจไพรวัลย์ ตัวแทนกลุ่มเยาวชนบ้านผาหมอน ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และเริ่มมีการท่องเที่ยวเกิดขึ้น ชุมชนโดยรอบ รวมทั้งบ้านผาหมอนต่างก็ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากกลุ่มคาราวานรถออฟโรดของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ รวมถึงแก็งค์มอเตอไซค์ ที่มักจะขับผ่านเข้ามาในหมู่บ้านเป็นประจำ ส่งผลให้ป่าได้รับผลกระทบ นกหลายชนิดเริ่มหายไปจากชุมชน จนบางครั้งชาวบ้านต้องนำต้นไม้ไปขวางเพื่อไม่ให้รถนักท่องเที่ยวผ่าน
ซึ่งรูปแบบการจัดการท่องเที่ยวที่ผ่านมาชาวบ้านเองก็ไม่เคยเข้าไปมีส่วนจัดการเลยแม้แต่น้อย

“หมู่บ้านเราตั้งอยู่บนเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคาราวานออฟโรดของชาวต่างชาติ และจากการประชุมร่วมกับชาวบ้าน ส่วนใหญ่แล้วจะมีความเห็นตรงกันก็คือ ถึงเวลาแล้วที่ชุมชนต้องเตรียมความพร้อม และเข้าไปมีส่วนในการจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านผาหมอนด้วยตัวเอง”

นายสรุสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาได้มีการวิเคราะห์ และหารือร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่เครือข่ายการเรียนรู้และประสานงานวิจัยการท่องเที่ยวโดยชุมชนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานภาคเพื่อต้องแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ อันจะนำไปสู่การจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน

“กลุ่มชาวบ้านเองก็ได้มีการหารือกันว่าจะทำการท่องเที่ยวแบบไหนดี และเราก็ได้วิเคราะห์ถึงทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่มีอยู่ในบ้านผาหมอน สภาพปัญหาที่เป็นอยู่ของชุมชน ชาวบ้านเราได้เห็นสภาพว่าบ้านผาหมอนเป็น ชุมชนชาวปกาเกอะเญอ ที่ยังคงมีการดำรงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่ทั้งด้านความเชื่อ ประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆรวมทั้งยังเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ป่า แหล่งน้ำ น้ำตก และนกที่มีอยู่มากมาย หลายชนิด”

นายสรุสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ชุมชนยังมีเรื่องของการทอผ้า การย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติแบบดั้งเดิม ทำเครื่องจักสาน มีสมุนไพร เส้นทางศึกษาธรรมชาติในชุมชน การทำการเกษตร ที่คนภายนอกมักจะเข้ามาแวะเวียนเที่ยวชมอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีการจัดการท่องเที่ยวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

อนึ่งทางชุมชนยังได้มีการประชุมร่วมกันว่าต่อไปนี้ชาวบ้านจะต้องเป็นผู้จัดการเรื่องการท่องเที่ยวของชุมชน
และจะต้องเป็นการท่องแบบเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะต้องได้รู้เรื่องของวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ ข้อห้ามต่าง ๆ ตามแบบอย่างของวิถีชีวิตชาวปกาเกอะเญอ ถ้าจะชมธรรมชาติก็มาเดินศึกษาตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติของหมู่บ้าน มาเรียนรู้เรื่องภูมิปัญญาการใช้สมุนไพร การทอผ้าย้อมผ้า การเกษตรที่มีชาวบ้านเป็นคนอธิบายด้วย
ด้าน นางสาวสุภาวิณี ทรงพรวาณิชย์ เจ้าหน้าที่เครือข่ายการเรียนรู้และประสานงานวิจัยการท่องเที่ยวโดยชุมชน
จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานภาค กล่าวว่า ในพื้นที่บ้านผาหมอนนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่อยู่บนเส้นสู่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ผ่านมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปเป็นจำนวนมาก และหากชาวบ้านต้องการจะจัดการท่องเทียวโดยตนเองนั้น ต้องมีการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะความพร้อมของชาวบ้าน รูปแบบ และวิธีในการจัดการแหล่งท่องเที่ยว


“สำหรับการจัดการการท่องเที่ยว จำเป็นต้องใช้กระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมเข้าหนุนให้ชาวบ้านเกิดกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ก็เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอนาคต และต้องทำการศึกษารวบรวม และทบทวนองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับเรื่องของวีถีชีวิตของชุมชนบ้านผาหมอนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติ ดิน น้ำป่า สัตว์ป่า นก สมุนไพร วัฒนธรรมประเพณีต่างๆ เรื่องระบบการเกษตร ก่อนเป็นเบื้องต้น”

นางสาวสุภาวิณี กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการวิจัยท่องเที่ยวโดยชุมชนของบ้านผาหมอนนี้ จะใช้ชื่อโครงการว่า
“การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรมแบบยั่งยืนโดยชุมชนบ้านผาหมอนดอยอินทนน์” ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการปรับแก้โครงร่าง และงานวิจัยที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้ ชาวบ้านถือว่าอาจจะเป็นแนวทางให้ชุมชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของตัวชาวบ้านและชุมชนเอง ซึ่งจะมีส่วนทำให้กลับมามองเห็นความสำคัญหลาย ๆ ด้าน

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9470000039838



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  

คำตอบที่ 1
       รูปจากข่าว





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ปกาเกอะญอ 203.146.162.36 พฤหัสบดี, 19/8/2547 เวลา : 16:27  IP : 203.146.162.36   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18095

คำตอบที่ 2
       ผมว่าชาวบ้านคิดถูกครับ และทำดีแล้ว แต่นักข่าวฉบับนี้ทำเว่อร์ไป
ที่ ตั้งหัวข้อข่าวแบบนี้ เพราะรู้ว่า จะทำให้เรทติ้งสูง อันนี้ เป็นนโยบายหัวหน้าสำนักพิมพ์ ที่ต้องใช้ศิลป์ในการพาดหัวข่าว
พาดแบบนี้ หาคนเสียหายไม่ได้ เพราะพาดทั้งพวก

การข่าว เป็นความลวงโลก ครับ ดูให้ดีๆสิ ข่าวค่ายไหน พาดดีๆ เกรงใจคนอื่นบ้าง ใหญ่ๆ กันทั้งนั้น เวลาพาด พาดใหญ่หน้าหนึ่ง
ถ้าเกิดพาดไม่ระวัง ทำให้มีคนฟ้อง ก็จะไปเปิดมุมเล็กๆ หน้าในๆหลังๆ ขอโทษทีหลัง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ใหม่ 202.176.138.136 พฤหัสบดี, 19/8/2547 เวลา : 16:53  IP : 202.176.138.136   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18096

คำตอบที่ 3
       ขอเพิ่มเรื่องความคิดของชาวบ้านอีกหน่อย ชาวบ้านกุ่ลมนี้แสดงให้เห็นว่า หวงแหนถิ่น แต่ไอ้เรื่องนกเรื่องสัตว์เนี่ยะ ผมไม่เชื่อซักเท่าไหร่ เพราะเห็นจากกระทู้ใกล้ๆเนี่ยว่า มีคนที่ไหน ?? หายที่นั่น

ผมเอง เคยเป็น oganiser ในการจัดทริปมาไม่น้อย ส่วนใหญ่ ชาวบ้านจะยินดีกับการไปเยือนของเราเสมอ แต่ถ้าไปแล้วทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ก็จะมีข่าวแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ

เอ ... แต่ผมไม่เคยเห็นชาวบ้านจะเดือดร้อนเพราะคาราวานซักที เพราะคาราวานนี่แหละที่ไปช่วยรถชาวบ้านที่ติดหล่ม ช่วยขนของขึ้นรถไปส่งให้ในทางที่ผ่าน

ไปๆมาๆ ข่าวนี้มันทะแม่งๆแฮะ....

แล้วไอ้รู้นกนี่ มันนกอะไรครับ ใครช่วยดูหนังสือนกมาตอบหน่อย ถ้านกนี่มันหายไป ก็เรื่องปกติ เพราะมันเป็นนกอพยพใช่มะ ถ้าพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น นก หรือสัตว์ป่า ก็กลับมาเอง ดูอย่าง เขาแผงม้าสิ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ใหม่ 202.176.138.136 พฤหัสบดี, 19/8/2547 เวลา : 17:01  IP : 202.176.138.136   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18097

คำตอบที่ 4
       และท่านที่เข้ามาดูกระทู้ อย่าตอบต่อจากผมเลย จะโมโห และงงกับตัวเองอย่างผม ที่หลงมาโพสต์ตอบ
บัดxx จริงๆเลย..



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ใหม่ 202.176.138.136 พฤหัสบดี, 19/8/2547 เวลา : 17:03  IP : 202.176.138.136   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18098

คำตอบที่ 5
       อ่านไม่เข้าใจเลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก งงๆ 211.137.248.148 พฤหัสบดี, 19/8/2547 เวลา : 22:08  IP : 211.137.248.148   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18100

คำตอบที่ 6
       ปกากะญอ เป็นชื่อใหม่ของชาวเขาเผ่าอะไรนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก งงมานาน 211.137.248.148 พฤหัสบดี, 19/8/2547 เวลา : 22:09  IP : 211.137.248.148   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18101

คำตอบที่ 7
       ยังไม่เคยไปนะ หมู่บ้านที่ว่า แต่คงจะหาโอกาสไปสักครั้งหนึ่ง
เรื่องชาวบ้านจะเข้ามาจัดการระบบการท่องเที่ยว จะมาบริหารจัดการกันเอง ไม่ได้ขัดข้องอะไรหรอก แต่
1. อย่าให้มีนายทุนหรือนักวิชาเกินมาอยู่เบื้องหลังหาผลประโยชน์จากชาวบ้านก็แล้วกัน อย่าให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
2. ควรจะให้ความรู้อย่างถูกต้องแก่ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวจะดีกว่า

ขอยกตัวอย่าง
ตัวอย่างที่ 1 ดอยปุย หลายๆ ท่านเคยได้ยินชื่อ หลายๆ ท่านเคยได้สัมผัส เมื่อก่อนอาจจะเป็นหมู่บ้านชาวเขาเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก ท่านสามารถเดินทางไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเขาได้โดยง่าย เจ้าตัวเล็กเองก็คิดอย่างนั้น(เพราะไม่เคยไปมาก่อน) ประมาณต้นปีที่ผ่านมานี่เอง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นเหตุ ก็พาเจ้าแมงหวี่เข้าไป โอ้โห ให้ตายเถอะ หมู่บ้านม้งดอยปุย มีบ้านหลายร้อยหลังคาเรือน บ้านเป็นอิฐหลังคากระเบื้องกันหมดแล้ว เป็นห้องแถวชั้นเดียว อาชีพเหมือนกันหมดคือ ค้าขายสินค้าพื้นเมือง (เมืองไหนหละ?) ที่น่าตลกกว่านั้นคือ เจ้าตัวเล็กมีเพื่อนเป็นคนจีนที่ขายส่งสินค้า สินค้าของเขาส่วนมากจะมาจากประเทศจีน และเขาก็เป็นคนบอกเจ้าตัวเล็กเอง ว่าเขาต้องมาส่งสินค้าบนดอยปุยทุกสัปดาห์ ตอนแรกๆ เจ้าตัวเล็กก็ไม่เชื่อ แต่พอไปเห็นด้วยตาของตัวเองนะท่าน อึ้งไปเลย ยิ่งกว่ากาดหลวงอีก เท่านั้นยังไม่พอนะท่าน(ตัวเองยังไม่หายโง่) เราเองก็เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เห็นป้าย เข้าชมน้ำตก ก็ต้องจ่ายค่าเข้าชมอีก 7 บาท น้ำตกจำลองอะท่านตกลงมาจากหน้าผา สู่อ่างเก็บน้ำแห่งเดียวในหมู่บ้าน อึ้งครั้งที่ 2 ยังไม่พออีก เดินกลับมาจากน้ำตกเจอม้งคนหนึ่งชวนยิงหน้าไม้ 3 ลูก 20 บาท (อันนี้โง่เอง) ก็ยิงเล่นกะชาวบ้านเค้า ถ้าไม่คิดมากก็สนุกไปอีกแบบ หลังจากนั้นเดินต่อมาอีก เจอพิพิธภัณฑ์ชาวเขา และดอกฝิ่น อย่างหลังนี่น่าสนใจหน่อย เพราะยังไม่เคยเห็นของจริงๆ สักที ก็เสียค่าเข้าชม 10 บาท ยินดีจ่าย เพราะคิดว่าจะมีดอกฝิ่นให้ดูเป็นสวนๆ ที่ไหนได้ มีอยู่ 2 กอ นับดอกได้เลย อะนะงงตัวเอง ตกลง ฉั้นมาทำอะไรบนนี้นี่
มีภาพที่ถ่ายไว้ด้วยนะ ว่างๆ จะเอามาให้ชมกัน แบบว่าเอาเรื่องราวความโง่ของตัวเองมาเล่าสู่กันฟัง ที่หมู่บ้านนี้ยังมีเด็ดกว่านี้อีก ถึงตรงนี้อยากคุยกับพวกอนุรักษ์ป่าจัง อยากให้ท่านได้เห็นภาพทริปน้ำตกศรีสังวาลย์ อยากให้ท่านมาเห็นอย่างที่พวกเราเห็นจัง
มีต่อภาค 2



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

hs5tff จาก เจ้าตัวเล็ก 61.19.145.71 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 01:24  IP : 61.19.145.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18104

คำตอบที่ 8
       ตัวอย่างที่ 2 ดอยอ่างขาง บนดอยอ่างขางมีชาวเขาอยู่รวมกันหลายเผ่า ตรงนี้เจ้าตัวเล็กไปมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว (นานแล้วนะเนี่ย) ไปค้างคืนอยู่ในโรงเรียนบ้านขอบด้ง(ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปพักที่นั่นตั้งแต่แรก) ซี่งได้รับการจัดระบบการท่องเที่ยวอย่างดี ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นมัคคุเทศก์นำนักท่องเที่ยวเดินชมป่า มีกิจกรรมขี่ม้า เดินชมธรรมชาติและวิถีชาวบ้าน ให้นักเรียนเก็บฟืน (ไม่ได้ไปตัดต้นไม้ใหม่) ขายให้กับนักท่องเที่ยว ก็เกิดรายได้ขึ้น ป่าก็ไม่เสียเพราะไม่มีใครไปตัดไม้ ตอนที่เจ้าตัวเล็กไปครั้งนั้นอยู่ช่วงปีใหม่ปี 2000 ที่โรงเรียนโดยครูใหญ่เป็นแกนนำ ส่งเสริมให้นักเรียนและชาวบ้านกล้าแสดงออก มีการแสดงของชนเผ่า ทั้งร้องรำทำเพลง น่าประทับใจเลยทีเดียว บรรยากาศรอบกองไฟ เป็นกันเอง รู้สึกว่านักท่องเที่ยวในวันนั้นประมาณ 25-30 คน ตอนเช้ามี ตะวันยังไม่ขึ้นเลยมีน้องๆ นักเรียนมาปลุกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าตรู่ แต่เจ้าตัวเล็กไม่ตื่นหรอก เป็นคนขี้เซา เพื่อนๆ ที่ไปดูตะวันบอกว่าสวยมากๆ ก็นับว่าดีไม่น้อย สายๆ หน่อยชาวบ้านที่เป็นพวกผู้ใหญ่ก็นำสินค้าการเกษตร (ที่โครงการหลวงส่งเสริมให้ปลูก) ไปนั่งขายกันอยู่ที่หน้าโครงการหลวง พวกเด็กๆ ก็มีของมาขายเหมือนกันเป็นกำไลถัก (ไม่แน่ใจว่าถักเองหรือแม่ถักให้ลูกขาย) น่ารักเลยทีเดียว ตอนแรก มาคนเดียวก็น่ารักอยู่หรอก สักพักเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ สัก 20 คนได้มั๊ง ขายสินค้าเหมือนกันเปี๊ยบ แต่ราคาไม่เท่ากัน บังเอิญว่าเราก็ช่วยซื้อกับน้องที่เค้ามาก่อนซะแล้ว พอน้องๆ คนที่มาทีหลังก็ขอให้เราช่วยซื้ออีก ไม่ไหวแล้วท่าน คนหนึ่งยื่นเดี๋ยวอีกคนยื่นให้อีก รุมกันอย่างกะแมงวันตอมอึ วิ่งหนีดีกว่าอยู่ไม่ได้แล้ว ออกรถด่วน!!!!
อ่อ!!! เกือบลืม หากท่านซื้อสินค้าบนดอยอ่างขางโปรดพิจารณาให้ดี เพราะเจ้าตัวเล็กจะบอกว่าเพื่อนคนที่เป็นคนจีน ที่ว่าในตัวอย่างที่ 1 เค้าก็ส่งสินค้าให้บนดอยอ่างขางเหมือนกัน แล้วเขาก็ส่งสินค้าที่กาดหลวงด้วย ถ้าท่านอยู่เชียงใหม่ก็ ซื้อที่กาดหลวงดีกว่าเน่อ บ่ต้องขับรถขึ้นดอบให้เสียเวลาหรอก
มีต่อภาค 3



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

hs5tff จาก เจ้าตัวเล็ก 61.19.145.71 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 01:53  IP : 61.19.145.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18105

คำตอบที่ 9
       ตัวอย่างที่ 3 หมู่บ้านลีซอ นาเลา เชียงดาว อันนี้ไปตอนช่วงเข้าพรรษาปีที่แล้ว ไปปลูกป่าที่เชิงดอยเชียงดาวกัน ทริปนี้ไปกับพวกนักเดินป่าน่องเหล็ก และก็ไปกับพี่ม้าแกลบ (ที่รู้จักกับพี่ม้าแกลบก็ทริปนี้หละ) อันนี้ประทับใจมากๆ เพราะไปพักกับชาวบ้านซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าลีซอ ที่หมู่บ้านทำเป็น Home Stay สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ สภาพจะเป็นธรรมชาติมากๆ ชาวบ้านยังใช้วิถีการดำรงชีวิตแบบเดิมอยู่เลย ที่หมู่บ้านไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำปะปา ชาวบ้านจะใช้น้ำจากบ่อน้ำซับ ซึ่งมีอยู่ 2 บ่อ สำหรับดื่มกิน 1 บ่อและสำหรับอาบและซักล้างอีก 1 บ่อ จะอาบน้ำก็ต้องเดินลงเขาระยะทางเป็นกิโล (จริงๆ นะ) ตอนเดินลงไม่เท่าไหร่ แต่ตอนเดินขึ้นสิ ไม่ไหวไม่ไหว (ไม่เป็นไรไม่อาบน้ำวันเดียวไม่เป็นไรหรอก) เจ้าตัวเล็กเองก็เลยตัดสินใจ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ขึ้นดอยไม่มีน้ำ ก็ไม่อาบน้ำ ว่าไปนั่น แต่อากาศดีมากๆ เห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวด้วย ตอนทานอาหารเย็น มีชาวบ้านที่อยู่บ้านห่างออกไปเล่นดนตรีด้วยเครื่องดนตรีประจำเผ่า สายลมพาเสียงบรรเลงเพลงกล่อมได้บรรยากาศกว่าไปทานอาหารในภัตตาคารไหนๆ (ไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจจะเล่นดนตรีกล่มเราหรือเปล่าแต่มันได้ยินนี่หน่าถือว่าเราได้กำไรหูก็แล้วกัน) ชาวบ้านที่นี่เป็นมิตรดี หลายๆ ท่านอาจเคยไปมาแล้ว จะเห็นได้ว่าชาวบ้านยังคงวิถีชีวิตแบบเดิม ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวเห็น ตรงนี้อยากให้ดำรงคุณค่าของวิถีชาวบ้านไว้ อย่างน้อยๆ เพื่อลูกหลานของพวกเขาเอง เพื่อนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะซึมซับถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นของเขา
ต่อภาค 4 นะ จะสรุปแล้ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

hs5tff จาก เจ้าตัวเล็ก 61.19.145.71 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 02:15  IP : 61.19.145.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18106

คำตอบที่ 10
       สรุปซะที ท่านที่อ่านตามตั้งแต่ตอนแรกเหนื่อยไหมท่าน
ที่ยกตัวอย่างให้เห็นทั้ง 3 หมู่บ้าน 3 ตัวอย่างนั้น เพื่ออยากเสนอความคิดเห็นว่า เราทั้งหลายเป็นักท่องเที่ยวที่พยายามแสวงหาธรรมชาติ ที่เป็นธรรมชาติ หากการท่องเที่ยวของพวกเราสร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านเราคงต้องหาวิธีแก้ไขปรับปรุงตัวเอง หากแต่การท่องเที่ยวของพวกเราก่อให้เกิดผลดีขึ้นกับชาวบ้านเราก็ดีใจยิ่ง และยินดีให้ความร่วมมือกับชาวบ้านในการท่องเที่ยว ที่สำคัญคือระบบการจัดการของชาวบ้านเองนั่นแหละที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางว่าจะให้ไปทางไหน ขึ้นเขาหรือลงเหว จากตัวอย่างก็จะเห็นแล้วว่า
การที่ไม่มีการวางแผน ทำงานไม่เป็นระบบ ไม่มีการควบคุม เป็นอย่างไร
การเจริญเติบโตแบบไร้เป้าหมาย ไร้ทิศทาง ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ผู้นำเข้าใจสภาพความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวบ้าน
ระบบเป็นสิ่งสำคัญ ต้องให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างระบบและต้องให้ชาวบ้านเป็นกลไกในระบบ
ต้องให้ชาวบ้าน โดยเฉพาะเด็กๆ มีความรู้ที่ถูกต้อง เช่นตอนขายของไม่ใช่จะมาดึงเสื้อให้ซื้อ หรือล้อมหน้าล้อมหลัง
อะไรอีก...........มากมาย คิดไม่ออก สมองหยุดคิดชั่วคราว เหลือไว้ให้คนอื่นคิดบ้าง
........ แล้วท่านหละ คิดอย่างไร ?? ..............



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

hs5tff จาก เจ้าตัวเล็ก 61.19.145.71 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 02:34  IP : 61.19.145.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18107

คำตอบที่ 11
       oh



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก haha 211.141.68.78 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 09:37  IP : 211.141.68.78   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18109

คำตอบที่ 12
       วันหลังเข้ามาเขียน(พิมพ์)ให้อ่านอีกนะครับ...เจ้าตัวเล็ก
ทั้งเนื้อหา...
สำนวน...
การจัดวาง...
...ใช้ได้เลย...อ่านแล้วเพลินดี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แหลม จาก ไม่แหลม ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 12:23  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18110

คำตอบที่ 13
       ดีครับ ว่ากันเข้าไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ลุงทำเอง 221.8.15.42 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 12:56  IP : 221.8.15.42   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18111

คำตอบที่ 14
       เจ้าของกะทู้
เรื่องที่ดีๆ หามาลงซิ
เรื่องด่ากันแบบนี้ ชอบนักใช่มั๊ย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก กะหร่าง 203.170.153.8 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 19:10  IP : 203.170.153.8   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18113

คำตอบที่ 15
       โดยหลักการทำงานของสื่อมวลชนโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์นั้นมีการพัฒนามานานมากและมีความเป็นสถาบันซึ่งในความสถาบันผมจะเล่าให้ฟังถึงกระพี้หนึ่งของคำนี้ซึ่งไม่ได้มาเพราะซื้อหา แต่มาจากกรอบจรรยาบรรณของนักหนังสือพิมพ์ การนำข่าวนำเสนอในหน้าหนังสือพิมพ์ไม่ได้คลอดออกมาจากนักข่าวแล้วสู่สายตาผู้รับสารเลยเหมือนที่ท่านทั้งหลายแสดงทัศนะกันอย่างเสรีบนเว็บบอร์ด ขบวนผลิตหนังสือพิมพ์มีสายการทำงานซึ่งโดยเฉพาะในกองบรรณาธิการนั้นยังมีหัวหน้าข่าวและบรรณาธิการซึ่งตกผลึกทางความคิดกันแล้วเป็นส่วนใหญ่ พวกนี้มานั่งเป็นคนกำหนดกรอบ(ซึ่งได้มาจากจรรยาบรรณของนักหนังสือพิมพ์) และนำความคิดที่กลั่นกรองแล้วนั้นคลอดออกสู่สายตาอย่างที่พวกท่านเห็น ที่ว่าอย่างคร่าวๆ นี้ ก็ตั้งใจให้เชื่อว่า ข้อมูลสื่อมวลชนเชื่อถือและพึ่งพาได้และบทความของนสพ.ผู้จัดการที่นำมาเป็นประเด็นนั้นก็สะท้อนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและทำหน้าที่ของหมาเฝ้าบ้านที่ดี คนที่เสียผลประโยชน์เท่านั้นที่มักมองสื่อมวลชนไม่ดี อย่างไรก็ตามแต่ ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ฟ้องศาลได้ครับ พรบ.ที่เป็นกรอบคุมสื่อสิ่งพิมพ์อยู่นั้นกำหนดโทษการพิมพ์เอาเรื่องยกเมฆเรื่องไม่จริงมาเขียนแล้วไปหมิ่นประมาทคนโน้นคนนี้โดยไม่มีหลักฐานจนเกิดความเสียหาย ศาลสั่งให้นสพ.จ่ายค่าเสียหายได้ อยู่ในหลักล้านบาทด้วย ใช้ศาลเป็นที่พึ่ง รวมตัวกันก็ได้แล้วไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในศาล จะได้ทราบว่า ต้นเรื่องของข่าวนี้นั้น "ยกเมฆ" มาหรือไม่ ผมก็อยากทราบ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมาเฝ้าบ้าน 202.47.247.130 ศุกร์, 20/8/2547 เวลา : 23:35  IP : 202.47.247.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18115

คำตอบที่ 16
       นอนไม่หลับ วันนี้เข้ามาดูกระทู้นี้หลายรอบมาก เพราะหวังไว้ในใจลึกๆ ว่าคงจะมีใครเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพื่อการพัฒนาในเชิงสร้างสรรค์ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง
ไม่อยากให้พวกเรามาทะเลาะกันในกระทู้นี้หรอกนะ เจ้าของกระทู้ท่านคงมีเจตนาดีที่นำข่าวมาบอก (คิดในแง่ดีไว้ก่อน) ข่าวก็ต้องมีที่มาที่ไปมีข้อเท็จจริงอยู่แล้ว อย่าคิดมากกันเลย
เรามาช่วยกันออกความเห็นดีกว่าว่า ชอบเที่ยวอย่างพวกเราจะเที่ยวอย่างไรให้มีความสุข ไม่ได้รับคำด่าหรือสาบแช่งตามมาภายหลัง ชาวบ้านอยู่ก็มีความสุขไม่ได้รับความเดือดร้อนจากการเที่ยวของพวกเรา เขาก็คน เราก็คน อยู่ร่วมโลกบูดๆ เบี้ยวๆ ใบนี้ร่วมกัน มีศักดิ์มีศรีความเป็นคนเท่าเทียมกัน
มีใครอ่านความคิดเห็นของเจ้าตัวเล็กตั้งแต่ต้นจนจบแล้วบ้าง .. ท่านเข้าใจว่าอย่างไร? มีหลายๆ ท่านคงยังงงงง เอาอยางนี้ เจ้าตัวเล็กจะสรุปให้อีกที่
ก็คือว่า ที่ยกตัวอย่างทั้ง 3 หมู่บ้านนั้น แสดงให้เห็นถึงการเป็นหมู่บ้านที่พัฒนาในการท่องเที่ยว มีทั้งที่พัฒนาแล้วดี และพัฒนาแบบหลุดโลกจนไม่เหลืออะไรเลย อย่างนี้นะ คือว่า...
ตัวอย่างที่ 1 หมู่บ้านม้งดอยปุย แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและเจริญอย่างไร้เป้าหมาย ได้ทิศทาง ไม่มีระบบการจัดการ ขาดการวางแผน ขาดการควบคุม จนกระทั่งขณะนี้ไม่มีอะไรที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของชุมชนเหลืออยู่เลย (ดูง่ายๆ บ้าน เป็นอิฐเป็นปูนหมดแล้ว)
ตัวอย่างที่ 2 หมู่บ้านขอบด้ง ดอยอ่างขาง แสดงให้เห็นถึงผู้นำที่วางแผน และควบคุมระบบการท่องเที่ยวโดยให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม (ดูง่ายๆ จากการให้นักเรียนเป็นไกด์นำเที่ยว) เพียงแค่ส่งเสริมความรู้และระเบียบวินัยให้กับนักเรียนอีกสักหน่อย ก็จะดีมากๆ หากครูใหญ่ที่เป็นแกนนำชุมชนในขณะนี้ มีทีมงานช่วนในการควบคุมและส่งเสริมการทำงาน ก็คงจะดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก
ตัวอย่างที่ 3 หมู่บ้านลีซอนาเลา เชียงดาว ลืมบอกไปว่า Home Stay ที่ว่า ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจาก อบต. แสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมจากภาครัฐแล้วให้ชุมชนให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประจำเผ่า (สังเกตได้จากเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีประจำเผ่า เขาไม่ได้เล่นให้เราฟังสักหน่อย แต่นั่นเป็นวิถีของเขาต่างหาก)
.............. แล้วท่านหละ คิดอย่างไร?? ...................

ได้บ่นเท่านี้ก็นอนหลับฝันดีแล้วหละ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

hs5tff จาก เจ้าตัวเล็ก 61.19.145.78 เสาร์, 21/8/2547 เวลา : 00:24  IP : 61.19.145.78   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18116

คำตอบที่ 17
       คต.6 ปกากะญอ ไม่ใช่เผ่าของชาวเขาครับ เป็นกะเหรี่ยงปกากะญอ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของการหวงป่าบริเวณที่เค้าอาศัยอยู่ ที่รู้จักกันมากก็คือ ปกากะญอที่บ้านวัดจันทร์ ที่คัดค้านการตัดป่าสนวัดจันทร์ของ ออป. ที่คาราบาวไปแต่งเพลงชื่อเพลง ปกากะญอ ครับ และอย่าเพิ่งแอนตี้เกี่ยวกับคาราบาวอีกนะครับ ถ้าสงสัย ว่างๆให้ลองไปที่บ้านวัดจันทร์ อ.แม่แจ่ม ไปพักที่วัดจันทร์(อย่าไปพักที่ ออป.นะครับ เพราะท่านจะไม่ได้สัมผัสชีวิตชาวบ้าน) ซัก 2 คืน พูดคุยกับเจ้าอาวาสที่นั่น ผมจำชื่อไม่ได้ ท่านยังเป็นคนหนุ่มและเป็นคนบ้านจันทร์โดยกำเนิด มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าสนวัดจันทร์มากมายให้เราเข้าใจมากขึ้นทั้งแง่การเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 183 202.129.14.196 เสาร์, 21/8/2547 เวลา : 06:13  IP : 202.129.14.196   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18117

คำตอบที่ 18
       .ออกข่าวแบบนี้เหมือนคุ้นๆ นะครับ... NGO จ้างมาเคลื่อนไหวอีกละมั้ง..เอาชาวบ้านเป็นกันชน..ทำเรื่องค้านคนอื่นทุกเรื่องจนเป็นข่าวแล้วไปเบิกเงินจากต่างประเทศ..ลองนึกดูนะครับถ้าชาวบ้านปกาเกอะญอ จัดการการท่องเที่ยวของตนเอง(โดยคนอื่นควบคุมกำหนดทิศทาง)โดยการเก็บตังส์นักท่องเที่ยวหรือกีดกันด้วยวิถีต่างๆ ลองนึกกลับข้างกันดูบ้าง ที่ชาวชุมชนปกาเกอะญอออกไปท่องเที่ยวชุมชนอื่นบ้างละครับ..ที่นี่คือแผ่นดินไทยนะครับ..นอกจากกฏหมายของไทยที่เราเคารพและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้วจะต้องปฏิบัติกับกฏอะไรอีก...... แต่มองอีกมุมมองหนึ่งนะครับ ..รถออฟโรดที่เดินทางเข้าหมู่บ้านทางดอยเละๆ ถ้าเป็นไปได้พยายามอย่าติดโซ่เด็ดขาดครับ..เพราะทางมันจะเละมากขึ้น..ชาวบ้านจะเดือดร้อน..ใช้วิ้นซ์ดีกว่าครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ปุยหมอก จาก ปุยหมอก 203.172.55.1 เสาร์, 21/8/2547 เวลา : 11:46  IP : 203.172.55.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18121

คำตอบที่ 19
       สุดยอดครับท่านเจ้าตัวเล็ก อ่านแล้วรู้สึกดีครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

หนุ่ย จาก จำปาตีนโต 203.155.215.30 เสาร์, 21/8/2547 เวลา : 19:04  IP : 203.155.215.30   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18124

คำตอบที่ 20
       1. "ถ่ายรูปด้วย ตังด้วย" เคยได้ยินประโยคนี้จากพวกเด็กๆม้งไหมครับ ตั้งแต่นั้นมาผมผมไม่เคยย่างกรายไปเหยียบบ้านแม้วดอยปุยอีกเลย (เซ็ง) รายละเอียดเหมือนเจ้าตัวเล็ก ว่านั่นแหละครับ

2. นั่งกินน้ำชา นอนค้างคืนที่บ้านลีซอ(ชื่อหมู่บ้านอะไร จำไม่ได้แล้ว-ตอนที่ไปยังไม่มีชื่อหมู่บ้าน เพิ่งมาตั้งหลังๆ นี่เอง) เลยบ้านนาเลาไปหน่อย ไปต้องเสียสักบาทให้ก็ไม่ยอมเอา ประทับใจมาก (อ้อ แล้วที่นี่ มีถ้ำ และน้ำตกสวยมาก ใครอยากไป โทรครับ 019928860)
ผมก็อยากไปอีก ตอนโน้นที่ไป เดินเท้าจากเชียงดาวครับ 17 กิโลเอง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก นกครับ 203.156.47.29 จันทร์, 23/8/2547 เวลา : 17:57  IP : 203.156.47.29   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18144

คำตอบที่ 21
       จะอย่างไรก็แล้วแต่ อยากให้ทุกฝ่าย ช่วยกันระมัดระวัง อย่าให้เกิดความเสียหาย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ลุงกำนัน จาก ลุงกำนัน 202.57.183.158 จันทร์, 23/8/2547 เวลา : 21:23  IP : 202.57.183.158   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18145

คำตอบที่ 22
       http://travel.sanook.com/adventurer/anuruk_07834.php



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก White Tiger 202.57.156.241 อังคาร, 24/8/2547 เวลา : 17:11  IP : 202.57.156.241   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18149

คำตอบที่ 23
       ถึงคำตอบที่ 18 และทุกคน ใช่ครับ ที่นี้ประเทศไทย แต่พี่ไม่ได้อยู่ฟรีนะขอบอก ภาษี ค่าทางด่วน ค่าซ่อมรถราคาแพงของพี่ จอดรถเพื่อเสวยน้ำเมาที่อาร์ซีเอ ฯลฯ เป็นรายจ่ายที่พี่เสียแต่เบ่งและคำรามใส่เพื่อขอฟรีไม่ได้ ใช่ ประเทศไทยเป็นของพี่ แต่ประเทศไทยตรงที่ชาวบ้านเค้าอยู่นั้นเป็นบ้านของเค้านะพี่ และสถานที่ท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเป็นสินค้าของชาวบ้านเค้า พี่ชอบสินค้าพี่ก็ต้องจ่าย เป็นเรื่องอุปสงค์-อุปทาน ธรรมดาพื้นๆ พี่เข้าไปอุจจาระไว้ก็เป็นค่าผลิตแล้วพี่ ต้องให้เค้าบ้าง ถนนสาธารณะ ใช่ แต่มันเป็นทางเข้าบ้านเค้า ลองใครทำถนนหน้าบ้านพี่อย่างนี้ หรือแค่จอดรถขวางทางเข้าออก พี่ๆ คงเห่าใส่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าเก็บเงินไว้เลี้ยงรถเอาไปทำลายถนนเค้าอย่างเดียว ต้องจ่ายค่าเสียหายด้วย พี่ๆ ท่องเที่ยวกัน จะจ่ายแต่ค่าน้ำมันกับน้ำเมาหรือครับ

ปล. 1 ถึงทุกคน -- อยากเที่ยวป่า กว่า 9 เดือนก็หาที่ถนนมันดีๆ เดินทางเข้าไปเที่ยวซิ ทำไมไปหน้าฝน พระยังเข้าพรรษาหน้าฝน พี่จะทำบาปทำกรรมถึงไหน ธรรมชาติที่พี่ชอบนั้นต้องฟื้นตัวเอาก็หน้าฝนเนี้ยละ มีเงินซื้อรถแล้ว เอาเงินไปสร้างเสริมสติและปัญญาและสามัญสำนึกที่ดีด้วย

ปล.2 -- ที่ต้องว่าแรงๆ เพราะรักพี่ๆ ทุกคน อยากให้เป็นบัวพ้นน้ำ และไม่ได้บอกให้พวกพี่ๆ ต้องทำดีให้กับตัวเองและสังคมนะ แค่ไม่ต้องทำชั่วก็พอแล้วครับ

ปล.3 -- ผมก็ขับคูณสี่คันเล็กเหมือนกันครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน

ปล.4 -- ทำไมชอบด่าเอ็นจีโอกันนัก บังเอิญเอ็นจีโอบางแห่งนายจ้างมันเป็นฝรั่งเท่านั้นเอง เหมือนโตโยต้าที่มีนายเป็นญี่ปุ่น ขอบอกตรงๆ พวกเอ็นจีโอมันรับเงินเดือนเพื่อมากินกับอุดมการณ์ครับ ไม่ใช่มือปืนรับจ้างมายิงคนดี พวกเอ็นจีโอคอยแต่ด่าคนชั่วที่พยายามชกฉวยทุกโอกาสให้กับตัวเองและพวกพ้องได้อิ่มหมีพีมันอยู่บนกองทุกข์ของชาวบ้านและสิ่งแวดล้อมโดยอาศัยว่ากำลังเงินมากกว่าเท่านั้นครับ ระบบทุนนิยมมันทำให้คนมีเงินมากกว่าเสียงดัง อย่าให้เป็นเช่นนั้นครับ มีคนดีๆ คอยคัดค้านดึงบังเหียนไว้ให้ได้คิดบ้าง อย่าไปว่าเค้าและต้องหันมามองตัวเองให้มากหน่อยในแง่มุมที่เราดันมองข้ามหรือมองเป็นอย่างอื่นไป

ด้วยความนับถือ,
จาก หมาเฝ้าบ้าน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมาเฝ้าบ้าน 202.47.247.130 พุธ, 25/8/2547 เวลา : 17:12  IP : 202.47.247.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18152

คำตอบที่ 24
       มื่อวานไปสัมมนา หัวข้อ “ Roadmap to Smart SMEs” ซึ่งดูจากหัวข้อแล้วก็ไม่เกี่ยวกับ Offroad เลยสักนิดเดียว แต่เมื่อกลับมาอ่านในเอกสารเจอหัวข้อที่น่าสนใจ จึงนำมาฝากทุกท่าน
อ้างอิงถึง หนังสือสัมมนาวิชาการ Roadmap to Smart SMEs ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม หน้า 25 ยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถของภาคเหนือตอนบน จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เรื่องราวที่น่าจะเกี่ยวกับกระทู้อยู่ที่หน้า 29 ยุทธศาสตร์ที่ 2 นำคุณค่าด้านศิลปวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นให้เข้มแข็งเพื่อใช้เป็นฐานของการพัฒนาการท่องเที่ยวและหัตถอุตสาหกรรม
2.1 เร่งฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นให้เข้มแข็งใช้เป็นฐานของการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยดำเนินการดังนี้
ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2546-2547)
“””” เร่งฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้เข้มแข็งเพื่อใช้เป็นหลักฐานของการพัฒนาท่องเที่ยว และเป็นจุดดึงดูดด้านการท่องเที่ยวของภาคเหนือ
“””” สนับสนุนการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ไม่ทำลายความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม

หากคิดตาม 2 หัวข้อที่เป็นระยะเร่งด่วนจะต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2547 นี้ โดยส่วนตัวเจ้าตัวเล็กคิดว่า การพัฒนาการท่องเที่ยวจำเป็นต้องมีอยู่แล้วตามแผนยุทธศาสตร์ฯ กล่าวไว้ ทั้งนี้หมู่บ้านดังกล่าวน่าจะมีความเหมาะสมที่จะได้รับการพัฒนาการท่องเที่ยวเพระมีนักท่องเที่ยวผ่านเข้าออกอยู่เป็นประจำ แล้วส่วนชาวบ้านเองก็ดำรงรักษาวิถีท้องถิ่นไว้อย่างเหนียวแน่น สามารถเป็นจุดดึงดูดด้านการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เป็นไปตามหัวข้อเร่งฟื้นฟูวัฒนธรรมฯ เลยทีเดียว
ตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ตรงหัวข้อสนับสนุนการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการพื้นฐานฯ อันนี้กระมังที่ทำให้เกิดการพัฒนาสิ่งก่อสร้างตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ บางอย่างก็พัฒนาแล้วดี เช่นห้องน้ำห้องส้วม รวมทั้งการรักษาความสะอาดในเขตอุทยาน สะอาดสะอ้านดี แต่บางอย่างก็เกินความจำเป็น เช่น ร้านค้าสวัสดิการที่ไม่มีแม้กระทั่งคนไปขายสินค้า ปล่อยให้เป็นที่อยู่อาศัยของแมงมุม ตุ๊กแก ……. และสัตว์อื่นๆ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

นี่ก็อีกความเห็น… ที่มาจากความคิดส่วนตัว…
แล้วท่านหละ คิดอย่างไรกันบ้าง ???



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

hs5tff จาก เจ้าตัวเล็ก 61.19.145.71 พฤหัสบดี, 26/8/2547 เวลา : 09:26  IP : 61.19.145.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18155

คำตอบที่ 25
       ตอบกันอยู่ได้กระท้ล่อเป้า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก คนรู้ทัน 210.4.134.104 พฤหัสบดี, 26/8/2547 เวลา : 15:19  IP : 210.4.134.104   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18162

คำตอบที่ 26
       ฝ่ายตาสีหัวคอนถามว่า..ปกาเกอะญอ.นั้นคืออะไร.ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอมทันใจ..ปกาเกอะญอ..นั้นไซ้.คือกระเหรี่ยงธรรมดา..กระเหรี่ยงธรรมดา..กระเหรี่ยงธรรมดา


กฏป่าชุมชนชาวปกาเกอะญอ7ข้อ
1.ห้ามนำไม้ออกจากป่าชุมชน
2.ห้ามล่าสัตว์เพื่อการค้าขาย
3.ห้ามทำลายป่าต้นน้ำ
4.ห้ามล่าสัตว์ในเขตชุมชน ภายในรัศมี 1 กม.
5.ห้ามเบื่อปลา
6.ห้ามบุคคลภายนอกล่าสัตว์ และตัดไม้ในชุมชน
7.ห้ามใช้เครื่องจับนก เช่น กาวจับนก เป็นต้น




ก็ไมรู้เหมือนกันว่าชาวกระเหรี่ยง(ปกาเกอะญอ)ยังรักษากฏทั้ง7ข้อนี้อยู่หรือไม่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ม้าแกลบ จาก 005 202.5.88.151 พฤหัสบดี, 26/8/2547 เวลา : 22:44  IP : 202.5.88.151   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18172

คำตอบที่ 27
       ห้ามบุคคลภายนอกล่าสัตว์จะเก็บไว้ให้ตัวเองล่าใช่ไหม เค้าก็ยังล่ากันกินอยู่ดีหล่ะครับ สัตว์ป่าอะไรต่ออะไรเลยหมดวัฎจักรของมัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ดราฟ 61.90.47.186 พุธ, 12/1/2548 เวลา : 18:03  IP : 61.90.47.186   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20113

คำตอบที่ 28
       โครตเกลียดไอ้พวกที่ชอบตั้งกระทู้แบบนี้จังเลย กระแดะ...ไอ้เหี้ย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 98988 203.149.29.94 พุธ, 12/1/2548 เวลา : 18:35  IP : 203.149.29.94   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20114

คำตอบที่ 29
       อ้าแสดงว่าคุณกำลังทำผิดอยู่ใช่ไหมครับคุณคห.ที่28



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ดราฟ 61.90.47.186 พุธ, 12/1/2548 เวลา : 18:38  IP : 61.90.47.186   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20115

คำตอบที่ 30
       ไม่มีอะไรครับ.....
ผมลืมกระทู้นี้ไปตั้งนานแล้ว....ไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรเล๊ยยยยย................แต่พอดีคุณ98988 แกไปเจอแล้วขุดขึ้นมา โดยไม่ได้แหกตาอ่าน....ก็เลยขำๆ.....
มันเป็นบทความใน http://www.manager.co.th
เลยเอาแบ่งปันกันอ่านว่า ใครเขาคิดกับใครอย่างไร
หลายท่านก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ บางท่านก็เคยอ่านมาก่อนแล้ว......
ส่วนคนที่ชอบด่านี่ มันน่าเอายางมัดเหยียบปากจริงๆ....






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ลุงชม 203.146.162.36 พฤหัสบดี, 13/1/2548 เวลา : 15:45  IP : 203.146.162.36   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20126

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันเสาร์,23 พฤศจิกายน 2567 (Online 5847 คน)