จาก pol IP:124.122.198.5
อังคารที่ , 10/8/2553
เวลา : 12:13
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ทริป พักผ่อนหน้าฝน คลิ้ตี้ล่าง แพชาวดง กับ ช่างมวล
วันที่ 6-7-8-9 สิงหาคม 2553
ทริปนี้เกิดจากการชักชวนของ น้าแก ขอนลอย33 ซึ่งเกิดอาการอยากเที่ยวและลองรถของตนเองหลังจากให้ ช่างมวล จัดการตัด ย่น ตัวรถ ของตนเองให้สั้นลง เพราะน้าแก่บอกว่าเมื่อปีก่อนเคยเขาไปแล้วรถมันยาวทำให้ตัวตัวเสียหาย เลยจะลองเข้าไปใหม่ โดยมีผู้ติดต่อประสานงานคือ น้าเจ๊ก ติดต่อกับเจ้าของแพว่าจะมีผู้เดินทางเขาไปครั้งนี้ รถ 9 คัน ทั้งหมด 27 คน เด็กอีกสอง มีสมาชิก ร่วมกลุมเดินทางในยี่ย้อรถที่แต่ต่างกันแต่ช่วงล่างที่เหมือนกันเป็นคานแข็งที่ ช่างมวล แห่งเมืองปทุม ในเจ้าของ สโลแกน ออฟโรดชานเมือง
1. แก่ขอนลอย อีซุซุ วางคาน สมาชิก เต่า
2. เอกขอนลอย ln106 สมาชิก เจ็ก พี่ อ้น แสน
3. ช่างมวล โตโยต้า วางคาน สมาชิกครอบพร้อม
4. คุณแหลม มิตซู แอลสองร้อย วางคาน สมาชิกพร้อมครอบครัว
5. คุณมาส โตโยต้าม้ากระโดด สมชิกพร้อมครอบครัว
6. คุณวุฒิ ฟอร์ด วางคาน พร้อมลูก และ เพื่อน
7. คุณหนึ่ง โตโยต้า วางคาน พร้อมเพื่อน
8. คุณ นัน โตโยต้า วางคาน พร้อมเพื่อน
9. คุณเล็ก มิตซู ปีกนก
เรารวมสมาชิกได้ตามข้างบนซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันเนื่องจากรถทุกคันทำที่อู่ช่างมวลก็เลยตกลงกันว่าจะพร้อมกันที่อู่ช่างมวล เวลาหนึ่งทุ่มของคืนวันที่ 6 สิงหาคม แล้วออกเดินทางแต่ก็ออกกันเลยนัดหมายไปหนึ่งชั่งโมงโดยพวกเราต่างเตรียมอาหาร และ เสบียงแค่พอทานกันในมื้อเช้า และ เที่ยง เทานั้นก็เอากันแบบง่ายไว้ก่อนนั้คืออาหารญีปุน ไข่ต้มและข้าวเหนียวอีกหนึ่งกระติก ภรรยาเจ้าของอู่ทำไปเป็นการขอบคุณลูกค้า แต่เห็นที่ขาดไม่ได้ของนักเดินทางสายออฟโรดที่เตรียมกันไม่ขาดทุกคันคือ ของเมา (ผมว่าถ้าไปตั้งด่านตรวจทางเขาป่าโนทุกคันชัวร์) เมือ่ร่วตัวกันครบ พี่แก่ ขอนลอยผู้ที่เคยเข้าไปเที่ยวมาหายครั้งแล้วสำหรับที่นี้ กำหนดว่าให้เดินทางยาวไปนอนในไร่ของพี่แก้วเลย จะได้ออกแล้วเดินทางเข้าเส้นทางออฟโรดประมาณ 17 กิโลเมตรกันตั้งแต่แปดมงจะได้ถึงกันไม่มืดจะได้เห็นบรรยากาศโดยรอบแพชาวดง และได้เล่นน้ำกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่
เราออกเดินทางออกจากปทุมเวลาสองทุ่ม เสียงยางที่กระทบกันถนนดังก้องเขามาในโสดประสาทของเรามันไพเราะยินก่วาเสียงเพลงมาก ทำให้ทุกคนตื่นตัวตลอดเวลาขับรถไม่เกิดอาการง่วงนอน เราใช้เส้นทาง บางเลน กำแพงแสน พนมทวน ออกแยกกางเสี้ยน ซึ่งมีระยะทางไกลกว่าไปทางบ้านโป่ง ประมาณ ยี่สิบกิโล ประมาณ สี่ทุมกว่าเรามาถึงน้ำตกไทรโยคน้อย ตลอดเส้นทางมีฝนโปรยปายเป็นช่วงห้เราชุ่มช่ำใจว่าเราได้ออกกำลังกันเต็มที่แน่ใน ทริปนี้ ทางสมาชิกร่วมเดินทางบางท่านหิวเลยแวะพักรถที่นี้ประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วก็เดินทางต่อ จุดหมายต่อไปของเราคือป็ม ปตท ทองผาภูมิ เราขับออกมาได้ไม่นานฝนก็ตกต้อนรับพวกเราอีกเป็ช่วงเกือบตลอดทางจนถึง ป็ม ปตท รถทุกคันเขารอเติมอัดกันเต็มถังและบางคันยังอัดใส่ถังสำรองกันอีก โดยผมสอบถามแล้วหมดน้ำมันกันไปประมาณหนึ่งพันบาท
เราออกจาก ทองผาภมิประมาณเที่ยงคืน เดินทางต่อไปเข้าทางแยกพุทโธ ผ่านบ้านเกริงกะเวีย บ้านหว้ยเสือ เส้นทางสบายขึ้นมากกว่าที่เคยมามากลาดยางแล้วเมื่อเทียบกบสิบปีที่แล้วในช่วงกน้าฝนผมใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่วันนี้จากแยกพุทโธใช้เวลาครึ่งชั่วโมง เราเดินทางมาถึ่งไร่พี่แก้วประมาณตีสอง เพื่อจะกางเนนอนเอาแรงไว้สู้รบกับส้นทางในวันพรุ่งนี้ สมาชิกเกือบทุกท่านกางเต็นนอน แต่ก็ยังมียามไม่ยอมนอนเฝ้าเราจนถึงตีห้า โดยมีเสียงคุยกันเหมือนเสียงเลงขับกล่อมพวกเราให้เราหลับไหล
ผมเองก็หลับมาตื่นอีกครั้งตีสีครึ่งจึงได้รู้ว่ามีคนนั่งเฝ้าพวกเราตลอดคืน (พรุ่งนี้จะไหวไม่เนี่ย)
ตามแผนที่เราวางไว้ว่าออกจากไร่พี่แก้วก่อนแปดโมงเช้าทุกคนตื่นกันตั้งแต่หกโมง (ยกเว้นพวกยามเพราะเพิ่งนอนหลังจากขันให้ไก่กิน) สมาชิกได้เห็นบรรยาการรอบไร่พี่แก้วแล้วบอกเป็นเสียงเดี่ยวกันว่าสวยมากนี่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างนะหนาวนี้จะมาเที่ยวกันใหม่เพราะที่นี้มีน้ำไหลผ่านตลอดปีพี่แก้วปลูกบ้านไว้ริมน้ำสี่หลังไว้ให้เช่าพักผ่อน ทุกคนหลังจากตื่นนอนก็เตรียมทานอาหารเช้าเก็บของเตรียมตัวอออกเดินทาง
เราเดินทางมาถึงทางเขาประมาณเก้าโมงเช้าโดยใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้าน จากจุดนี้ทุกคนก็ต่างลงมาบิดฟรีล็อคเพื่อเตรียมพร้อม ทางtrip leader ได้บอกว่าจากจุดนี้ไปใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงก็ถึงปลายเส้นทางแพชาวดง เส้นเครื่องรถเริ่มดังขึ้นเพื่อเรียกรอบเครื่องยนต์ออกมาทำงานกันอย่างเต็มที่ให้ผ่านบ่อโคลนแต่ละบ่อ เสียงวิทยุสิ่สารดังว่าเหมือนวิ่งบนฟองสบู่บังคับจะให้พวงมาลัยไปซ้ายขาวไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องลงไปอยู่ในร่องล้อเดิมลายเดิมเท่านั้น มันฝืนกันไม่ได้
เดินทางมาได้สักพักเราก็ถึงป้ายบอกท่างเข้าน้ำตำคลิ้ตี้ห้ากิโลเมตร leader ก็นำทางต่อวิ่งกันไปเรื่อยก็ปรากฏว่าหลงมาผิดทางมาประมาณสามกิโล ดีที่ไปเจอบ้านกระเหรี่ยงเสียก่อน เลยเสียแล้วไปอี หนึ่งชั่วมง กลับมาที่ป้ายห้ากิโลก็ทำให้เกิดอาการลังเล ทั้งผู้นำและเน เลยต้องเสียเวลาวิ่งไปดูทางก่อนอีกแล้วฏ็โชคดีที่มีเด็กกระเหรี่ยงเดินผ่านมาบวกกับความจำของคุณแก่ขอนลอยได้กลับมาเขาร่างบอกว่ามีทางเบี่ยงว้ายอยู่หลังจากเลยป้ายมา และเห็นขวดที่ตนเองเคยผูกไว้เมื่อทริปที่แล้ว เราจึงเดินทางกันต่อ ฝนที่ตกลงมาเมื่อคืนทำให้ทางลื่นมากต้องใช้ความระวังมากขึ้น แล้วเราก็หลงกันเป็นครั้งที่สองเนื่องจากมีแยกลายมากขึ้นดีที่ไปเจอกระเหรี่ยงอีกครั้งทำให้เราต้องเสียวลาไปอีกความเครียคเริ่มเข่มาเยือนผู้นำอีกครั้งเพราะกลัวว่าจะถึงกันมืด (รุ้อย่างนี้จ้างกระเหรี่ยงนำทางมาดีกว่า) หลังจากย้อนกลับมาจุดสามแยกตามกระเหรียงบอกความจำของ พี่แก่ขอนลอยเริ่มจำได้อีกว่ามีรอยที่ต้นไม้บอกไว้ให้เลี้ยวซ้าย มาถึงตรงนี้ผู้นำกับเนเริ่มจำได้แล้วเหมือนกัน ในช่วงนี้เราใช้เวลาอีสองชั่วโมงเส้นทางพอทำเวลาได้เป็นช่วงเพราะมีไผ่และไม้ล้มขางตลอดทางทำให้ต้องเปลี่ยนหาลายใหม่ตลอด เหมือนกับไม่มีใครเข้ามาเลยในปีนี้
เราเดินทางมาถึงต้นไม้ใหญ่ล้มประมาณบ่าย สองครึ่งจากจุดนี้ก็จะเหลือระยะทางอีก 4 กิโลเมตร เราเสียเวลาตรงนี้อีก หนึ่งชั่วโมงเพราะมีให้เล่นสองลาย และต้องวิ้นขึ้น เลยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเพื่อนทำเวลาออกขวาขึ้นข้างเขา ออกวซ้ายหลบต้นไม้ จุดนี้ พี่แก่ขอนลอยเป็น leader เพราะเมื่อทริปที่แล้วมีประสบการณ์ขึ้นโดยไม่ต้องวิ้น ที่เหลือลูกทีมอีสี่คันวิ้นทุกคัน ส่วนลายขวา พี่เอกขอนลอยนำทางขึ้นดูเหมือนอยากแต่รถที่ตามมาอีกสามคันผ่านมาได้แบบคนมีของ แต่หลังจากสอบถามดูรถจากอูช่างมวล ให้ลูค้าใส่ของหลังเป็น ดิฟล็อกทั้งหมด หน้าเป็นเต็ด ก็ผ่านได้สบาย จากจุดนี้เป็นช่วงขึ้นเขาก็ต้องมีกันอีกคนละหนึ่งวิ้น ยกเว้นพี่เอกกับพี่แก่เช่นเคย ( สงสัยสองคนนี้กินของเขาไปเยอะ หรือไม่ผมว่าน่าจะหมดไปเยอะ วิ้นของพี่ทั้งสองก็ติดมาไม่ยอมใช้หรือว่าพังไม่กลัวครับพี่ทั้งสอง ) จากจุดนี้ที่เหลือทางลงตลอดสองกิโล ทุกคนต่างดีใจถึงไม่มืดแน่นอน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาตัดไผ่อีก คันนำทั้งตัดทั้งดันจนรถมีรอยรอบคัน ลองสอบถามดูได้ความว่าไปกินรถไถ่มา (ไถ่เงินภรรยามา) เสียง ว บอกมาว่าคันนำถึงปลายทางแล้วทุกคนสบายใจแล้วมาถึงกันประมาณ ห้าโมง มาถึงเรือยังไม่มาเลย หิวกันแล้วต้องกินของเก่ากันก่อน แต่ว่าได้กินบรรยากาศรอบแพชาวดงก็หายหิวแล้ว คืนนี้มีมื้อคันมีดนตนีฟัง นอนสบายมีที่นอนและผ้าห่ม สบายเหมือนอยู่บ้านไม้ต้องมานั่งทำกลับข้าวเล่นน้ำกันสนุก บรรยากาศในแพเป็นอย่างไรลองขับรถเข้ามาดูนะครับ
เช้าของวันที่ 7 สิงหาคม เราตื่นกันแต่เช้าทางสมาชิกสรุปกันว่าขอไปล่องแพก่อนกลับมาแล้วไม่อยากเสียเที่ยว แต่เมื่อคืนฝนลงมาตั้งแต่ตีสองถึงเช้างานนี้มียาวแน่ขากลับอย่าให้มี่รถใครเป็นอะไรนะไม่อย่างนั้นออกกันเช้าแน่ ทุกคนลงความเห็นไม่ต้องรีบลางานกันไว้แล้ว เที่ยวให้สนุก หลังจากล่องแพมาเราเตรียมตัวและให้ทางแพเตรียมอาหารไว้ให้กินกันระหว่างทางด้วย สรุปทางคุณต้นเจ้าของแพคิดเราหัวละ 800 ร้อยบาท เด็กสองคนไม่คิด อาการครบทุกมื้อ
แล้วเราก็เริ่มออกเดินทางกลับโดย พี่แก่ขอนลอยเป็น ลีด พี่อ้นเป็นหัวหน้าชุด ค่อยดูแล มีพี่แสน พี่เต่า เป็นลูกมือค่อย บอกลาย เริ่มออกกันตอน สิบเอ็ดโมง ช่วงจัดขบวนหันหัวขึ้นก็ออกอาการลื่นปลิ้นไปมาแล้วเพราะมีหินบวกกับดินลื่นมาก เสียงเครื่องแต่ละคนเร่งรอบบวกกับการเลื่อกเกียร์ของรถแต่ละคันมาใช้ ทำให้ทุกคนต้องใช้ทักษะประสานกับของที่ใส่กันเขาไปนำมาใช้ให้พร้อมกันขึ้นมาได้สองร้อยเมตนก็ต้องมีว้นกันแล้งเพราะมาหินใหญ่ดักล็อกล้อเอาไว้ทำให้เร่งไม่ขึ้นแม้บางคันของครบก็อยากเพราะต้องถนอมเอาไว้ระยะทางอีกยาวไกล ไม่มีใครอยากกินข้าวลิง ดังนั้น winch ของแต่ละคันจึงถูกเรียกมาใช้ทันทีมีครบทุกยี่ย้อเช่นกันในทริปนี้ ในช่วงกำลังวิ้นกันอยู่หันไปอีที ช่างมวลเปิดลายใหม่ออกซ้ายให้ลูกค้าที่ตามมาออกซ้ายไปซะแล้ว ไปกันได้ตามสบายเลย คันที่วิ้นอยู่ถึงกับคิดไม่น่าตามลีดมาเลย หลังจากหลุดช่วงนี้มาก็เป็นทางขึ้นยาวประมาณ 50 เมตรเป็นหินปนดินเช่นกันต้องส่งกันขึ้นมา สุดท้านมิตซู ปีกนกงานเข้า ปั่นขึ้นมา เพลาขาด WINCH ก็มีปัญหาคุยกันว่ากลับไปของจีนต้องเปลี่ยนแล้ว พี่เอก ต้องหาทางกลับรถกลางเนินหันหัวมา winch (ทำให้พี่เอกต้องนึกถึงวิ้นหลังจะได้ไม่ต้องกลับรถ) สายสลึงบวกกับผ้าใบอีกสองเส้นถึงจะพอ วิ้นขึ้นมาได้ พี่เอก ก็ต้องกลับรถใหม่ขับขึ้นไปอีก ห้าสิบเมตรแล้วกลับหัวมา winch ใหม่งานก็เขาอีก โยกกลับไปกลับมา สายแรงดันสูงป็มน้ำมันพาวเวอร์แตก ได้ช่างมวลบอกอย่าดันทุรังให้ดับเครื่องเดี่ยวจะต้องเปลียนป็มพาวเวอร์ใหม่ ช่างมวลบอกว่าจะแก้ไขช่วงคราวให้ก่อนโดยตัดสายแรงดันต่ำออกแล้วต่อท่อยางไหลกลับไห้มีน้ำมันเลี้ยงป็ม แต่พาวอร์ใช้ไม่ได้แล้ว พี่เอกกล้ามขึ้นเลยหลังจากจบทริปนี้ แต่ไม่ต้องเสียเงินซื้อป็มใหม่ (มีช่างมาด้วยก็ดีอย่างนี้เอง)
ทางพี่อ้นเลยเปลี่ยนใจให้ พี่หนึ่งมาวิ้นรถพี่เล็กแทนเอาขึ้นมาแล้วมาซ่อมกันข้างบน ล็อกให้เพลาข้างหนึ่งหมุน ช่างมวลเปิดเพื่อเชื่อมดอกจอกให้ขัดกันไว้ด้านหนึ่ง ถึงตรวนี้พวกเราเก้าคันเดินทางมาได้เพียง 1 กิโลเมตร ดูเวลาก็ป้าเข้าไปบ่ายสองแล้ว เหลืออีกยาว เลยพักกินข้าวกันตรงนี้ก่อนเพื่อสู้กันต่อ เราออกเดินทางกันต่อก็ต้องใช้เวลา พี่นันต้องกลับมาลากเพื่อนคือพี่เล็กตลอดทาง แค่ลำพังรถคันเดยวก็ขึ้นยากแล้วเพราะเป็นทางขึ้นตลอด ในช่วงนีใช้เวลาอีกสามชั่วโมงโดยได้ทางพี่อ้นคอยดูแลตลอดทาง อีก 3 กิโลเมตรเรามาถึงต้นไม้ล้มก็เกือบห้าโมงเย็น พี่แก่ดูแล้วบอกเอาลายเหมือนขามา ก็ผ่านมาได้ทุกคัน หมดช่วงนี้ก็เดินทางกันมาทำความเร็วกันได้ไม่เกินสองกิโลเมตรต่อชั่วโมงเพราะต้องค่อยประคองรถพี่เล็กออกมา และช่วงกลางคืนด้วยผู้นำต้องค่อยดูลูกทีมที่ตามมากลัวมาผิดลาย รอบนี้ ว เป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องมีทุกคัน เพราะจะได้สื่อสารและช่วยกันได้ง่าย เราไม่ต้องกินข้าวเย็นเราหลุดมาถึงหน้าหมู่บ้านประมาณ เที่ยงคืน แล้วแล้วเราเดินทางต่อไปแวะเติมน้ำมันที่ป็ม ปตท ก็มีคนนอนพักก่อน และมีบางคันจับกลุ่มกันกลับบ้านเพราะมีงานในตอนเช้า
สรุปทริปนี้ใครมีของครบได้ใช้ครบครับ แล้วก็สบายครับเมื่อไปถึงปลายทาง แล้งฝนก็เป็นใจตกตลอด สอบถามว่าเป็นอย่างไรซ่อมกลางป่าได้ที่ ช่างมวล 0849122907
ผู้รายงานทริป
ขอนลอย 17
|