คำตอบที่ 2
อยากรู้เหมือนกัน...ไม่มีคนตอบเลย..แต่ขอตอบแบบคนรู้งูๆปลาๆครับ
รถยนต์โดยทั่วไปจะมีส่วนที่ทำให้รถเคลื่อนไหวได้ที่รับการส่งกำลังมาจากเครื่องยนต์..เกียร์.เรียกว่าเพลาขับ(ไม่พูดถึงเกียร์นะครับคือถ้าขับสี่ก็ต้องมีเกียร์สำหรับขับสี่อีกทีนึง)โดยใช้ระบบฟันเฟืองเป็นตัวหมุนเชื่อมต่อๆ กัน ....อย่างรถเก๋งจะมีทั้งขับเคลื่อนล้อหน้า(ปีกนกรับแรงกระแทก),ล้อหลัง หรือบางคันก็มีขับสี่ล้อเช่นกัน..(เช่น ซูบารุอิมเพลสซ่า,ออดี้s6)แต่ส่วนใหญ่เก๋งจะเป็นขับสองล้อหน้าโดยใช้เพลาขับ หรือจะมีบ้างที่ขับสองด้านหลังเช่นรถที่วางเครื่องตระกูลเจ 1เจ 2เจ...ทีนี้ก็มาเข้ารถกะบะ ส่วนใหญ่จะขับ2ล้อ โดยมีเพลาขับอยู่ด้านหลังซึ่งจะอยู่ในเสื้อเพลาอีกทีนึงเพื่อรับแรงกระแทก(ชาวบ้านจะเรียกรวมๆกันว่าคาน)โดยคานจะตั้งอยู่บนแหนบ(หรือล่าง)อีกทีนึงเพื่อไว้รับน้ำหนักการบรรทุก แต่มีการพัฒนาให้กระบะขับสี่ล้อได้..โดยสร้างให้มีเพลาขับหน้าด้วยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลาที่ไม่อยู่ในคานแข็งเหมือนข้างหลัง..ซึ่งชาวบ้าน(อย่างผม)จะเรียกว่าเพลาขับปีกนก ..ต่อมาก็มีการพัฒนาเอาแหนบอย่างด้านหลังและคานแข็งอย่างด้านหลังไปใส่ข้างหน้าชาวบ้านจะเรียกว่ารถ 2 เพลา คานแข็ง ขับสี่ล้อ(เช่น โตโยต้าตตระกูล LN อย่างตัวดังๆ ในเมืองไทยคือ LN106 ป่าไม้เขาสั่งทำไว้เข้าป่า แต่ชาวบ้านอย่างเราก็อยากใช้บ้าง มีความต้องการมากราคาก็เลยสูง)..มีการพัฒนารถเอนกประสงค์ ตามความต้องการของมนุษย์ที่จะไปได้ทุกที่ เช่น MPV แต่อยากให้นั่งสบาย ก็มีการพัฒนาให้เป็นรถแบบแวนโดยใช้ระบบช่วงล่างที่เอาแหนบออกทั้งหน้าและหลัง แล้วใช้สปริงขดตัวใหญ่ๆ ใส่แทน แล้วใส่โช๊คอัพดีๆ เพื่อมันทำให้ยืดหยุ่นและบิดตัวได้ แต่บางทีเพื่อให้ทนทานรถMPV บางรุ่นก็จะเป็นขับหน้าสปริง ขับหลังแหนบนะ ดังนั้น พอจะสรุปได้ว่ารถ4Wออกจากโรงงานมีดังนี้
1.ขับสี่ล้อโดยใช้เพลาขับหน้า(ปีกนก) ขับหลังคานแข็ง(แหนบ)
2.ขับสี่ล้อโดยใช้ขับหน้าคานแข็ง(แหนบ) ขับหลังคานแข็ง(แหนบ)
3.ขับสี่ล้อโดยใช้ขับหน้าคานแข็ง(สปริง) ขับหลังคานแข็ง(แหนบ)
4.ขับสี่ล้อโดยใช้ขับหน้าคานแข็ง(สปริง) ขับหลังคานแข็ง(สปริง)
...แต่ความอยากชาวบ้านอย่างเราเห็นรถโรงงาน ขับสองล้อก็อยากเป็นขับสี่บ้าง....ก็ต้องไปเพิ่มออปชั่นคือต้องมีเกียร์ขับสี่(บางทีก็เปลี่ยนเครื่องมาพร้อมกับเกียร์เลย) ใส่เพลาขับหน้าแบบคานแข็ง(ไม่ค่อยเห็นมีการขับสี่หน้าแบบไปหาเพลาขับ(ปีกนก)มานะ..คือมันทำยาก..และแชสซีส์ระบบต่างๆ ไม่เหมือนกันกับโรงงานถ้าเอาตัวขับสี่โรงงานมาใส่ขับสอง(แปลง))ซึ่งบางคนก็ใช้วิธีขับหน้าคานแข็งวางบนแหนบ จะทำเต้าหูแหนบแบบเชื่อมแชสซีส์ หรือจะเจาะแชสซีส์เพื่อให้แข็งแรงก็ต้องแล้วแต่ช่างจะทำ ของแต่ละสำนัก(แต่เสียรถนะ)...หรือจะใช้สปริงขดแล้วหาโช๊คดีๆ รับน้ำหนักก็แล้วแต่ทุน
สรุปถ้าอยากจะใช้ขับสองล้อไปแปลงเป็นขับสี่ล้อก็
1.แปลงใส่เพลาคานแข็ง(แหนบ)เพิ่มที่ขับหน้า
2.แปลงใส่เพลาคานแข็ง(สปริง)เพิ่มที่ขับหน้า
ทั้งนี้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับงบประมาณ เครื่อง เกียร์ แหนบ สปริง โช๊ค เพลาเริ่มตั้งแต่จบๆ แบบอดอยากก็หลักหมื่น(อีแต๋น)..อย่างเศรษฐีก็เป็นล้าน(อยากรู้ละเอียดต้องศึกษาเพิ่มเติมครับ)
...มาถึงเรื่องความสูงรถ...ผู้ผลิตรถเห็นว่ามีคนอยากได้รถสูง ๆ ก็ผลิตรถขับสองแต่ช่วงล่างสูง...เช่น อีซูซุ รุ่นไฮแลนด์เดอร์ฯลฯ(ขับสองหลัง,ปีกนกหน้า)ก็มีชาวบ้านอย่างเรามีความอยากไม่มีที่สิ้นสุด รถขับสองโรงงาน หรือขับสี่โรงงาน(ปีกนก)อยากสูงๆ บ้าง ก็เลยมีคนผลิตชุดยกเพื่อให้ล้อหน้าสูง(โดยไม่ต้องวางคาน) และปรับปรุงหลังให้สูงเท่ากัน เช่น ชุดยกของSun,BTV ชุดนึงประมาณ2-5 หมื่นแล้วแต่รุ่น..ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยเช่น เปลี่ยนโช๊ค โตงเตง
...และก็เรื่องสำคัญที่จะทำให้รถสูง หรือไม่สูงก็คือ ยางครับ รถโรงงานส่วนใหญ่จะให้มาที่วงล้อ 14,15,16,17 ความสูงยางไม่มากนัก(ประมาณ27-30) แต่ชาวบ้านอย่างเราต้องการสูงๆ ก็ไปหายางมาใส่ซึ่งส่วนใหญ่จะเทียบเป็นนิ้วครับ(เช่น ยาง 31,32,33,34,35,36,37,38.....50 นิ้ว(ล้อโต)) ซึ่งหากจะใส่ยางโตๆ ไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ทั้งระบบเลี้ยว ระบบเบรคฯลฯ ต้องศึกษาเพิ่มเติมเอาครับ...ตอบแบบงูๆ ปลาๆ นะครับ..หากผิดพลาดประการใดแก้ไข เพิ่มเติมได้ครับ(ทั้งนี้รถ4w ยังมีแบบแต่งไว้แข่งขันอีกครับ..ไม่พูดถึงพวกล้อโต เลี้ยวได้สี่ล้อฯลฯนะครับ เกินกำลัง)
ข้อดีข้อเสียรถวางคาน
1.รถปีกนกเวลาเจอถนนหลุม ป่า เขา ออกมาเจ็บตัวหรือเสียในป่าเพราะลูกปืน ลูกหมาก หลุดเสีย...ส่วนคานแข็งทนทานมีลูกหมากอยู่น้อยมาก
2.รถวางคานซ่อมง่าย แต่ถ้าวางให้จบและไปได้ทุกที่ก็แพงมากๆ(เขาถึงหาซื้อรถวางคานจากโรงงานมาเลย ถูกๆ ก็ซูซุกิคาริบเบี้ยน สูงขึ้นมาก็โตโยต้า ตระกูลLN ดังๆ ก็LN106)
ทั้งนี้ทั้งนั้น...การปรับปรุงรถ เช่น ความสูง สองเพลา ล้อโต ต้องให้วิศวกรรับรองและแจ้งเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องกับขนส่งนะครับ..(ยกเว้นอีแต๋นวิ่งในไร่ในสวนร้อยวันพันปีไม่ออกไปไหน)
แก้ไขเมื่อ : 4/11/2554 10:19:29
แก้ไขเมื่อ : 4/11/2554 10:21:22
แก้ไขเมื่อ : 4/11/2554 10:29:23
แก้ไขเมื่อ : 4/11/2554 10:32:54
แก้ไขเมื่อ : 4/11/2554 10:36:58