คำตอบที่ 3
ขนาดของรูท่อไอเสียจะส่งผลต่อการคายไอเสียออกจากห้องเผาใหม้
ไอเสียถูกคายออกเร็วไป ( ค่า Flow ไอเสียสูงเกินไป) จะส่งผลให้ไอดีที่กำลังประจุเข้าไปใหม่ไหลตามออกไปด้วย เลยทำให้ปริมาณของไอดีลดลงซึ่งจะส่งผลให้การจุดระเบิดลดความรุนแรง > กำลังเครื่องก็จะลดลงกว่าที่ควรจะเป็น
ไอเสียถูกคายออกช้าไป ( ค่า Flowไอเสียต่ำเกินไป ) จะส่งผลให้ไอดีที่กำลังประจุเข้าไปใหม่ถูกต้านเอาไว้ก็จะไหลเข้าได้ไม่หมด ทำให้ปริมาณของไอดีลดลงเช่นกัน ซึ่งก็ส่งผลให้การจุดระเบิดลดความรุนแรง > กำลังเครื่องลดลงจากที่ควรจะเป็นเช่นกัน
แล้วรูท่อขนาดใหนจะระบายไอเสียได้พอดี ( ค่า Flow เหมาะสม ) ...หลายคนยังเข้าใจผิดว่ารูท่อไอเสียต้องใหญ่อย่างเดียวจึงจะระบายไอเสียได้ดีสุด หรือให้ค่าFlow ที่สูงกว่า เรื่องนี้ ทดสอบด้วยการเปิดน้ำประปาที่บ้านเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน สมมุติว่าใช้ท่อยางขนาด 1 นิ้วแล้วเปิดก๊อกจนสุด สมมุติว่าน้ำสามารถพุ่งได้ไกล 3 เมตร ต่อไปเราเปลี่ยนมาใช้ท่อยางขนาดใหญ่ขึ้นสมมุติว่าขนาด 2 นิ้วแล้วเปิดก๊อกจนสุดแบบเดียวกัน ก็จะพบว่าคราวนี้น้ำจะพุ่งได้น้อยกว่า 3 เมตร
ในรถยนต์ก็เหมือนกัน......วิศกรเครื่องยนต์พบว่า ค่าแรงม้าและแรงบิดจะสัมพันธ์กับค่าการ Flow ของไอเสียตามรอบของเครื่องยนต์เช่นกัน แต่การออกแบบท่อไอเสียและระบบไอเสียเครื่องยนต์โดยปกตินั้นจะทำโดยการหาค่าการ Flow ของไอเสียที่เหมาะสมกับมวลของไอเสียที่รอบเครื่องยนต์แต่ละย่านความเร็วแล้วหาค่าเฉลี่ยของแรงม้าและแรงบิดที่ได้ออกมา แล้วจึงเลือกเอาค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดด้วยการทดสอบบน Dyno มาใช้
ไม่ว่าเป็นเครื่องยนต์แบบ Turbo หรือไม่ก็ตาม เมื่อเพิ่มขนาดท่อให้ใหญ่เกินค่าหนึ่ง (ด้วยการเพิ่มขนาดท่อหรือตัดท่อให้สั้นลง) การ Flow ของไอเสียก็ลดลงเช่นกัน (ปลายหายบางคนเรียกปลายห้อย) การการคายไอเสียไม่ออกจะส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่โข่งหลังของTurbo ทำให้โข่งหลังแตกหรือร้าวได้
จริงๆ แล้วรูท่อไอเสียที่มีขนาดเหมาะสมที่สุดก็คือรูท่อไอเสียที่ให้ค่า Flow ของไอเสียคงที่ๆ สุดทั้งช่วงรอบสูงและรอบต่ำ
แต่อย่างว่าละครับใสท่อไอเสียปกติเหล่านั้น ทุกอย่างมีได้ก็มีเสีย รูท่อไอเสียรูเล็กๆ ก็จะดีในช่วงรอบต่ำแต่ก็มาเสียในช่วงรอบสูงๆ ถ้าทำรูท่อใหญ่ๆ ก็มาเสียที่ช่วงรอบต้นๆ (รถที่ใช้รูท่อใหญ่ๆ เช่นรถแข่งเวลาขับคลานๆ ในเมืองพบว่าน่ารำคาญมากอืดในช่วงรอบต่ำๆ ต้องได้รอบจึงจะวิ่ง)
การที่จะทำให้ท่อไอเสียปกติตอบสนองทุกย่านความเร็วรอบให้คงที่จึงเป็นไปไม่ได้เลยในหม้อพักต่างๆ แม้จะเป็นหม้อพักแต่ง
แต่ถ้าเราสามารถออกแบบให้รูท่อไอเสียสามารถเปลี่ยนขนาดรูท่อไอเสียได้หละ.................นั่นคือมันจะสามารถตอบโจทย์ได้ดีและตรงจุดทีเดียว ได้ทั้งต้น ได้ทั้งกลาง และได้ทั้งปลาย
บัดนี้จึงมีท่อไอเสียที่มีลิ้นอยู่ภายในที่ทำหน้าที่ปรับขนาดรูท่อไอเสียให้สัมพันธ์กับรอบของเครื่องยนต์พอดี (เรียกท่อไอเสียนี้ว่า Variable Capacity Exhaust หรือ VCE ผลงานการผลิตของคนไทย)
ซึ่งท่อไอเสียที่มีลิ้นนี้จะมีตัวควบคุมลิ้น (ติดตั้งอยู่ภายนอกท่อไอเสียไม่มีชิ้นส่วนเชื่อมต่อกับภายในตัดปัญหาไอเสียเล็ดลอดออกมาได้) ทำหน้าที่บังคับไม่ให้ลิ้นสั่นกระพือในรอบเดินเบาป้องกันไม่ให้เกิดเสียงรบกวนแล้วยังทำหน้าที่ให้ลิ้นเปิดออกตามรอบของเครื่องยนต์อย่างเหมาะสมที่สุด ภายในชื่อว่า ท่อไอเสีย VCE (ยื่นจดสิทธิบัตรแล้วในเรื่องท่อไอเสียที่มีลิ้นใช้แรงดันไอเสียทำให้ลิ้นเปิดออกและยื่นจดสิทธิบัตรในส่วนของตัวควบคุมเพราะเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ใช้ตัวควบคุมภายนอก เพราะของต่างประเทศจะใช้สลิง, ใช้สปริง, หรือ ควบคุมด้วยกล่อง ECU)
เมื่อติดตั้งท่อไอเสีย VCE เข้าไปเพียงแต่เพิ่มเข้าไปกับระบบของท่อไอเสียที่ใช้งานอยู่ในขณะนี้เท่านั้น (คล้ายติดหม้อพักเพิ่มใบเล็กๆ) ก็ทำให้ได้แรงบิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบเครื่องต่ำๆ จึงทำให้ออกตัวดีขึ้น รอบกลางพุ่งขึ้นอีกและรอบสูงลากเกียร์ได้มีกำลังมากกว่าเดิม
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ลิ้นในท่อไอเสีย VCE มันจะปรับขนาดรูท่อไอเสียให้พอดีกับรอบเครื่องตลอดเวลา ทำให้ไอเสียไหลออกสัมพันธ์กับรอบของเครื่องมากที่สุดเกิดแรงบิดสูงสุดที่ทุกๆ รอบของเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไป
ท่อไอเสีย VCE ออกแบบมาสำหรับแต่ละซีซี เช่นเครื่อง 2500CC ก็ต้องเป็นอันของเครื่อง 2500CC ของตัว 3000CC ก็ต้องใช้ของมันไปใช้ของซีซีอื่นก็จะไม่ได้ผลเต็มที่ตามที่ออกแบบมา (ขณะนี้มีสำหรับทุกซีซีเครื่องยนต์)
..ช่วงออกตัวจะดีขึ้นกว่าปัจจุบันไม่ว่าระบบท่อไอเสียเดิมๆ หรือทำอะไรมา..ช่วงรอบกลางพุ่งขึ้นอีก...เวลายกคันเร่งรอบจะไม่ตกเร็วอย่างเก่า (รอบเครื่องและความเร็วจะตกช้ากว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด) กดไปใหม่กำลังจะมาเร็วกว่าเดิมชัดเจนและจะทำได้ดีกับทุกๆ ช่วงความเร็ว (ไม่เหมือนหม้อพักต่างๆ ที่จะดีได้ก็เฉพาะบางช่วงความเร็วและมีบางช่วงที่ไม่ค่อยดี) ...สามารถลากเกียร์อย่างมีกำลังมากกว่าเดิม ...วิ่งทางลาดทางชันหรือทางเรียบบ้างมีเนินสูงๆ ต่ำๆ กำลังจะมาสม่ำเสมอกันมากขึ้น++ด้วยแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง++
จะให้ฟิลลิ่งในการขับขี่ที่ดีขึ้นดีกว่าเดิมจึงให้ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น (รถวิ่งปรูดปร๊าดมากขึ้นทันเท้าทันใจ แต่กดคันเร่งน้อยกว่าเดิม)
ระยะทางวิ่งเท่ากันแต่ไปถึงความเร็วที่สูงกว่าและอาจจะพบว่าตอนนี้ทำความเร็วสูงสุดได้เพิ่มขึ้น (ระยะทางวิ่งเท่าเดิมแต่เมื่อก่อนกดได้แค่นั้นไปต่อไม่ได้แล้วทั้งๆ ที่น่าจะไปได้อีกเพราะไม่มีทางจะให้วิ่ง) หรือช่วงขึ้นเนินจะไปได้ที่ความเร็วสูงกว่าเดิม
สนใจติดต่อ 0851423903 (คุณพร)