คำตอบที่ 1
       เขาวัดกันยังไงครับที่ว่าบูสมาตอนกี่รอบ วิธีวัดทำอย่างไรที่เกียร์ไหนครับสงสัย ผมลองทำหลายแบบเข็มวัดบูสเดี่ยวก็ตีขึ้นตอนพันกว่ารอบ ลองอีกแบบที่อีกเกียร์ก็เริ่มตีขึ้นที่2พันกว่ารอบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ตามความเห็นของผมน่าจะวัดตอนเกีย 4 ครับก็คงจะเหมือนตอนขึ้นไดโนอ่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       เป้นคำถามที่ดีมากเลยพี่...ผมรอคำตอบด้วย...ว่าที่พี่ๆ น้องๆ ซัดดกันนะ 20psi 30psi นะ วัดกันต้อนไหนเกียร์ไหน รอบที่เท่าไร
เป็นความรู้เลยด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ที่ว่าบูสกันเท่าไหล่นั้น รู้ครับว่าวัดแบบไหน แต่ที่พูดกันว่า บูสมาเร็ว มาช้า บูสเริ่มมา หรือบูสมาที่รอบเท่านั้นรอบเท่านี้ใช้วิธีวัดอย่างไร ที่เกียร์ไหน แต่ระท่านวัดแบบเดียวกันหรือไม่ ถ้าใช้วิธีวัดเหมือนกัน ก็สามารถวัดเทียบได้ว่าเทอร์โบอะไรมาไวที่สุดตามที่เจ้าของกระทู้ต้องการ
ที่ว่าบูสที่20 หรือ 30PSIคือเร่งเครื่องจนเข็มวัดบูสตีขึ้นไปจนหยุดนิ่งเพราะsetเวสเกตไว้เท่านั้นแรงดันส่วนที่เกินเวสเกตจะระบายทิ้งทำให้แรงดันบูสคงที่ เกียร์ไหนก็ทำได้
ที่ว่าบูสมาหมายถึงเหยีบคันเร่งไปแล้วเข็มวัดบูสเริ่มขยับขึ้นแล้วก็มาดูที่วัดรอบใช่หรือปล่าวข้อนี้ผมไม่รู้เลยครัย ใครรู้แนะนำกันหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ใช่ครับ บูสต์มาช้า มาเร็ว ดูจากการที่เราเริ่มกดคันเร่งลงไปแล้ว เช่น เริ่มติดบูสต์ที่รอบ 1200 rpm เป็นต้น ย้ำนะครับ เริ่มติดบูสต์

ส่วนบูสต์มาเต็มเท่าไร ว่ากันอีกเรื่อง

แต่ TURBO ส่วนมาก ติดบูสต์เร็วอยู่แล้ว ยิ่งลูกเล็กๆ TD04 Z18 กดปุ๊บ มาปั๊บ แล้วมาเยอะด้วยน่ะสิ
ส่วนลูกใหญ่ๆ อย่าง HOLSET ต้องทำปั๊มเพิ่ม มันก็จะติดบูสต์เร็วจนน่าทึ่ง ทำนองนี้

ส่วนคำถามที่จั่วหัวไว้ ตอบคือให้มันมาตั้งแต่เริ่มกด 1000 รอบ ยังได้เลยครับ ขึ้นอยุ่กับว่าใส่ TURBO อะไร และองค์ประกอบอื่นๆ รวมไปถึงจุดประสงค์การใช้งานครับ ยิ่ง TURBO แปรผันทั้งหลาย ติดไว บูสต์เต็มเร็วมาก

 แก้ไขเมื่อ : 2/9/2556 23:14:26

 แก้ไขเมื่อ : 2/9/2556 23:17:39

ถั่วตว้มคาบ จาก : real(real) 16/9/2556 13:02:34 [49.49.220.210]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       วัดกันที่เกียร์4ครับ กดจาก1500-2000รอบแล้วแต่ว่าโบเล็ก
โบใหญ่ ถ้ารถเราไว ก็เริ่มกดตั้งแต่รอบต่ำๆไปเลย กดมิดคันเร่งนะคับ
เกียร์ 1-2-3 ส่วนมากบูสท์จะขึ้นน้อยกว่าปกติ เพราะโหลดเครื่องยังไม่เต็มที่

ประมาณนี้เลยพี่ เกยีร์ต่ำไม่ค่อยขึ้น จาก : sola(sola) 3/9/2556 14:22:21 [182.52.155.4]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       เท่าที่ผมเคยใช้มาหลายลูก(ส่วนมากลูกเล็ก) ผมว่าไม่มีใครเกินTF035ครับ
รุ่น TD04 9B/12T โข่งหลังเบอร์4 ยังรอรอบนิดๆเลยครับ
ทั้งนี้มันจะปั่นใด้เร็ว มันขึ้นอยู่กับเเรงดันไอเสีย ซึ่งสัมพันธ์กับโหลด
ส่วนตัวคิดว่า การวัดที่เกียร์4หรือ5 น่าจะดีกว่า เพราะเครื่องยนต์
รับโหลดเต็มที่ เเละเเรงดันที่ใด้ ถือว่าเป็นเเรงดันที่พร้อมใช้งาน

อีกอย่างครับ การที่ดูว่ามาที่รอบเท่าไหร ..เป็นผม ผมดูไม่ค่อยทันครับมันเร็วมาก
ดังนั้น ผมจึงดูที่เกียร5 ที่ความเร็วคงที่ ลอยลำ..ดูว่ามันมีอยู่เท่าไหร..
ถ้าเเบบนี้ผมว่าถ้าโบใหญ่คงไม่ติดบูสท์หรอกครับ ต้องไล่ขึ้นมาใหม่

ผมเคยใช้ hittachi ht18-2s กับเครื่อง3100 กดปุ๊บมาปั๊บขับสนุกมากครับboost 20 psi จาก : narin san(narin san) 4/9/2556 22:25:33 [125.27.5.152]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ผมว่ามันก็มี หลาย factor นะ หรือเปล่า บูสมาเร็วมาช้า
เครื่อง cc 2500,2800,3000,3100
เกียร์ เฟืองท้าย อัตราทด
ขนาดโบ และโข่งหลัง
ล้อและยาง
และปั้ม หัวฉีด
Boost gage แต่ละยี่ห้อ คุณภาพ และความแม่นยำที่อ่านได้
etc
******==>หรือว่ามันไม่มีผลเลยครับ

อย่างของผม เครื่อง2500, โบ7M โข่ง#6 ,ยาง31" ,เฟืองท้าย4.1 ขับเกียร์4 เข็มบูสท์เริ่มกระดิกที่ 1600-1700rpm ครับ มันมีผลกันหรือเปล่า มาช้าหรือเร็วก็ไม่รู้ครับขับมานานแล้วอ่ะ แต่หลังจากนั้น ลอยตัวเเล้วเบาเลย


 แก้ไขเมื่อ : 5/9/2556 11:00:08

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ผมว่ามีผลหมดทุกอย่างที่กล่าวมาเลยล่ะครับ ผมเห็นด้วย แต่ส่วนมาก DIESEL ติดไว อยู่แล้วครับ ขอให้น้ำมันพอ มันก็มาแล้ว

ตอนผมใส่ลูกใหญ่ช่วงแรกๆ ปั๊ม 10mm ติดไม่ไวเท่าไร ถ้าจะเรียก boost ให่มาเยอะๆ ก็ต้องเค้นคันเร่งเยอะ (ขับไม่สนุก)
พอเปลี่ยนเป็นปั๊ม 12mm คราวนี้ติดไวกว่าเดิม และถ้าจะเรียก boost ให่มาเยอะๆ ไม่ต้องเค้นคันเร่งเลยครับ แค่แตะๆ เกจวัดก็ฟาดตามใจชอบเลยล่ะครับ

ผมรู้สึกว่า pump กับโข่งหลัง จะมีผลมากที่สุด โดยเฉาพะ pump ส่วน factor ตัวอื่นผมว่ามันไม่เท่าไร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       พี่Sola ครับ แล้วอย่างtfrใส่เทอร์โบมีอินเตอร์แล้วนี่บูสเท่าไหร่ถึงจะทนดีครับ ใช้งานทั่วไป เดินทางยาวๆต่างจังหวัดน่ะครับ ของผมบูส15ปอนด์เยอะไปไหมครับ (เปลี่ยนลูกแหวนไปใช้ของดีแมคซ์แล้ว) ของผมเริ่มติดบูสที่1600รอบครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       คำตอบที่ 10
พี่Sola ครับ แล้วอย่างtfrใส่เทอร์โบมีอินเตอร์แล้วนี่บูสเท่าไหร่ถึงจะทนดีครับ ใช้งานทั่วไป เดินทางยาวๆต่างจังหวัดน่ะครับ ของผมบูส15ปอนด์เยอะไปไหมครับ (เปลี่ยนลูกแหวนไปใช้ของดีแมคซ์แล้ว) ของผมเริ่มติดบูสที่1600รอบครับ

===================================================
ตอบพี่ Sopon
ถ้าเอาวิ่งใช้งาน 15psi (1bar)พอเเล้ว ครับ ลูกแหวนปลอกเป็นของดีเเมกเครื่องเทอร์ก็จริงมันก็ทนเฉพาะตรงนี้
ชิ้นส่วนอื่นๆ (เฟือง,ชาร์ป,เพลาข้อเหวี่ยง,ลูกกระทุ้ง,ก้านตะเกียบ,แคมลูกเบี้ยว,วาวล์กระเดื่องต่างๆ,เกียร์)ที่เป็นของเดิม เครือ่ง NA ตั้งแต่แรกมันไม่ทนด้วยนะครับ ทนแรงอัดแรงกระฉากไม่ไหวครับ ผมพังซ่อมเลือดสาดมาหลายรอบเเล้วครับ....มันทนสู้เครื่องรุ่นใหม่ๆ ไม่ได้หรอกครับ โบใส่วิ่งใช้งาน 14-15psi ก็พอเเล้วครับ......

ปล. เครื่องฝาทองเดิมๆ ..ทนครับ แต่มาเจอน้องโบเมื่อไรถ้าเท้าหนักลากยาวบูสเยอะ..พังคาเท้าแน่นอนครับ.....สว่นที่ทนๆ ก็มี แต่ต้องทำไส้ในหลายอย่าง..เพราะ รอบมันจัดคร๊าบ

 แก้ไขเมื่อ : 6/9/2556 20:04:46

 แก้ไขเมื่อ : 6/9/2556 20:26:45

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ขอบคุณพี่solaมากๆเลยครับ พี่เป็นไอดอลของผมคนหนึ่งเลยละครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       เอ้า..เอามาให้ดู..เผื่อจะเบาๆ เท้าลงบ้าง...เหตุการที่จะกล่าวมัน ต่างกรรมต่างวาระนะ ไม่ได้พังครั้งเดียวกันจะบอกให้

ชาร์ปละลาย,
เพลาข้อเหวี่ยงหัก(อาการนี้หนักสุด..เมียด่ามากสุดเพราะราคามันเเพงเกินบรรยาย),
เฟืองหน้าเครื่องแตก,กระเดื่องวาวล์หัก+ก้านตะเกียบกระทุ้งคด+ลูกกระทุ้งแตก,
ยังไม่รวมน้ำดันปาดฝาไปอีก3ครั้ง,
เปลี่ยนไส้ลูก+แหวน+ปลอกไป 3 ชุด,
โบ 7M ผมพังคา teen ไป2ลูกและโบ RB25ใบเหล็กอีก 1ลูก
ทุกอย่าง.....เรื่องจริงไม่ได้โม้.....55555

ถ้าอยากแรงต้องเครื่องรุ่นใหม่ๆ ครับ



สุดท้ายกลับสู่สามัญชน....ขับชิวๆกินลมพาคนที่บ้านเที่ยวดอยที่เขาดีกว่าครับ
นอนหลับฝันดีครับ

 แก้ไขเมื่อ : 6/9/2556 20:50:02

พี่คอมแอร์พี่หมุนหลบทั้งลูกหรือหมุนฝาด้านท่ออย่างเดียว จาก : lexbenz(lexbenz) 17/9/2556 23:46:13 [223.205.39.125]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       น่ากลัวจัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       ชาร์ปละลาย,
เพลาข้อเหวี่ยงหัก(อาการนี้หนักสุด..เมียด่ามากสุดเพราะราคามันเเพงเกินบรรยาย),
เฟืองหน้าเครื่องแตก,กระเดื่องวาวล์หัก+ก้านตะเกียบกระทุ้งคด+ลูกกระทุ้งแตก,
ยังไม่รวมน้ำดันปาดฝาไปอีก3ครั้ง,
เปลี่ยนไส้ลูก+แหวน+ปลอกไป 3 ชุด,
โบ 7M ผมพังคา teen ไป2ลูกและโบ RB25ใบเหล็กอีก 1ลูก
ทุกอย่าง.....เรื่องจริงไม่ได้โม้.....55555

ถ้าอยากแรงต้องเครื่องรุ่นใหม่ๆ ครับ




คือไม่ได้อยากแรงหรอกครับพี่ อายุเลยวัยรุ่นมานานแล้วครับ แหะๆ แค่อยากแซงได้แบบไม่ต้องมีลุ้นแค่นั้นเองครับ ทุกวันนี้ผมก็พอใจแล้วละครับ
ผมชอบเครื่อง4ja1ตัวนี้เพราะมันซ่อมง่าย พอดูแลเองได้ อะไหล่ราคาถูก

ทีแรกผมไม่กล้าใส่เทอร์โบ กลัวเครื่องพัง มากล้าใส่เพราะอ่านที่พี่solaตอบกระทู้ลุงนิดใจดี เห็นพี่บอกว่าพวกอะไหล่ข้างในมันไม่เหมือนเครื่องเทอร์โบ ถ้าเปลี่ยนมันถึงจะทน ตอนนั้นผมไม่รู้จะปรึกษาใคร ไม่ได้เป็นสมาชิกเวปนี้ด้วย อาศัยตามในเวปล้วนๆเลยครับ ให้ช่างแยกชิ้นส่วนเครื่องออก เก็บไว้แต่เสื้อ ข้อเหวียง ก้านสูบ ฝาสูบ(เฉพาะตัวฝา) ไดชาร์จ ไดสตาร์ท ชิ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดเอาของดีแมคซ์ตัว2.5ดีไอยัดลงไปแทน ยกเว้นฝาครอบวาล์วแบบมีท่อน้ำมันเครื่องไหลกลับก้นแคร้ง ชุดก้านวัดน้ำมันเครื่องกับชุดเทอร์โบที่เป็นของดีแมคซ์3.0 เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ ขยายท่อเข้าออก เอาปั๊มไปเทสใส่ฝา เปลี่ยนหัวฉีดจาก4รูเป็น5รู พอเครื่องเสร็จก็ยกฟลายวีล10นิ้วกับชุดคลัทช์ของคอมมอนเรลมาใส่ เอาเกียร์คอมใส่ แล้วก็ติดอินเตอร์เข้าไป จากแค่กะจะฟิตเครื่องที่เริ่มหลวมธรรมดาก็เลยบานไปพอสมควร แต่ก็ชอบนะครับ ขับดี แซงไม่ต้องลุ้น แค่นี้ผมพอใจแล้วครับ ปกติผมขับรถค่อนข้างช้าครับ ทั่วไป80 เดินทางไกล90-100

แต่ก็ยังอดกังวลเรื่องบูสไม่ได้ครับ เพราะไม่มีประสบการณ์เรื่องเทอร์โบเลย

เด็กๆแถวบ้านมันยังถามผมเลยว่าขับรถอืดอาดเกะกะถนนอย่างผมจะไปใส่เทอร์โบทำไม ผมจะตอบมันว่าอยากใส่ตามลุงนิดใจดีเฉยๆ มันก็คงจะไม่รู้จักลุงนิดใจดี ผมเลยนิ่งๆไม่ตอบอะไรมันดีกว่า แต่เห็นรายการพี่solaวันนี้แล้วชักกลัวขึ้นมาอีกบ้างแล้วหน่อยๆ



เดิมผมยกปั๊มกับหัวฉีดดีแมคซ์มาใส่ ไปเข้าร้านปั๊ม ทำออกมาซดน้ำมันยังกะเททิ้ง ท้อใจถอดเทอร์โบออก พอถอดออกก็วิ่งไม่ดีอีก ช่างบอกว่าเครื่องผมมันกลายเป็นเครื่องเทอร์โบไปแล้ว ถ้าถอดเทอร์โบออกมันจะวิ่งลำบากเพราะกำลังอัดมันต่ำ เลยต้องเอากลับมาใส่อีก พอดีได้รู้จักกับพี่สมาชิกในนี้แหละครับ2ท่านมาช่วยดูให้ เอาปั๊มมังกรกับหัวฉีดมังกรกลับมา เปลี่ยนร้านปั๊มเทสใหม่ เทสปั๊มเดิมใส่ฝา ใส่รถแล้วปรับตามกระทู้อ.วอน รถก็กลับมาวิ่งดี ประหยัดน้ำมันเหมือนเดิมครับ ขับไกลๆพาเมียเที่ยวทะเล วิ่ง100ได้15โลลิตรสบายๆครับ

ออกนอกเรื่องไปบ้างต้องขออภัยพี่เจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2556 7:58:02

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ขับ120ยาวไม่เกินนี้ บู๊สก้จะขึ้นสุดพอไม่กด มันก็จะลดลงไม่่ถึงที่เราตั้งไว้ ไม่แข่งกับใคร เอาไว้แซงไม่มีพัง พี่ชายใช้อยู่300000ก.ม ขายไป ตอนนี้500000ก.มแล้วยังสบายอยู่
อย่า ....ลืมกรองอากาศเป่าบ่อยๆเป่าทุกวันยิ่งดี สว่นน้ำมันเครื่องใช้เกรด15-40ก็พอ แต่ผมเปลี่ยนทุก4000ก.ม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       ขอบคุณครับพี่ ch007 แบบนี้สบายใจขึ้นเยอะเลยครับพี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       จากใจเลยนะพี่ ผมว่าพี่ๆในเวปนี้เก่งกว่าช่างหลายๆคนที่ผมเจอมาเยอะเลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       55555 ถ้าขับใช้งานจริง ไม่ต้องกลัวครับ อย่างที่พี่ๆ ข้างบนบอก 120 ตามกฏหมาย ดีที่สุดเเล้วครับ
อย่าไปซัดกับรุ่นใหม่ๆ ก็พอ..สู้ไม่ไหวจริงๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ครับพี่ Sola ถ้าอยากซัดกะรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวไปถอยฮายาบุสะมาสู้กะมันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       ถ้า ฝาทองเรา เอาเกียรื dmax ทดเฟืองท้ายต่ำๆ 3.7,3.5 เอาไว้ลดรอบจัดๆ....ก็ยิงยาวๆ ได้สะบายครับ...ถนอมเครื่องเราด้วยครับ
สู้ได้ครับกับรุ่นใหม่ๆ เดิมๆ ...ร้านปั้มดังๆ.เขาว่างัน

แต่ผมงบหมดแล้วจบเท่านี้แหละ คนที่บ้านบ่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ถ้า ฝาทองเรา เอาเกียรื dmax ทดเฟืองท้ายต่ำๆ 3.7,3.5 เอาไว้ลดรอบจัดๆ....ก็ยิงยาวๆ ได้สะบายครับ...ถนอมเครื่องเราด้วยครับ
สู้ได้ครับกับรุ่นใหม่ๆ เดิมๆ ...ร้านปั้มดังๆ.เขาว่างัน

แต่ผมงบหมดแล้วจบเท่านี้แหละ คนที่บ้านบ่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ทีแรกพอใส่เกียร์คอมแล้วแรงมันเหลือก็จะลงเฟืองท้ายด้วยครับ เพราะเฟืองท้ายเดิมผมก็จะห้าแสนโลแล้ว แต่มาคิดว่าผมไม่ได้ขับเร็วอยู่แล้วและเผื่อไว้พาเมียไปเที่ยวเขาเที่ยวดอยก็กลัวว่ามันจะไต่ลำบาก ก็เลยใช้เฟืองท้าย4.1เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเอาของเดิมห้าแสนโลลง แล้วเอาของดราก้อนอาย2แสนโลใส่แทนครับ ของผมอาจจะโชคดีหน่อยที่คนที่บ้านไม่บ่นครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       เล่าสู่กันฟังหน่อยครับ รถใช้งาน
สมัยก่อน พี่ๆ ที่ผมรู้จัก มังกรทอง 4JA1 เทอร์โบเกือบเท่าชามก๋วยเตี๋ยว boost กันอยู่ 35-40 psi หรือประมาณ 2.4-2.7 Bar
มันก็ยังทนไหว แต่ห้ามแช่ ห้ามกระชากเด็ดขาด มันไม่ทนเหมือน swirl chamber ตัวแสบในยุคนั้นที่อัดได้มากกว่า

อย่าง 2L อัดกันอยู่ที่ 35 psi หรือ 2.4 Bar
ส่วน 4D56 ว่ากันที่ 40-50 psi หรือ 2.7-3.4 Bar กันเลยทีเดียว สำหรับรถใช้งาน (ถ้ารถสนามว่ากันที่ 60 psi หรือประมาณ 4 Bar)

ผมล่ะอึ้งเลย แล้ววันนี้ผมก็ได้ตามพี่ๆ พวกนั้นไปเรียบร้อยที่ 40 psi

ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด Boost โหดๆ นี้แช่ไม่ได้นะครับ ทำได้แบบ save save เครื่อง
คืออัด จาก 80-200 km/h พอลอยตัวแล้วก็ลดคันเร่งลงมา ถึงจะแช่ได้ 200++

ถ้าอัดต่อ 215 225 โดยไม่ลด boost รับรองพัง

 แก้ไขเมื่อ : 8/9/2556 13:01:07

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับพี่ 1st

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       รบกวนสอบถามพี่ๆเพื่อเป็นความรู้อีกนิดนะครับ คำว่าแช่นี่คือต้องประมาณไหนครับ สักกี่กิโลครับพี่ เห็นเขาพูดๆกันบ่อยมากแต่ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ตาม คุณ 1st เลยครับ
อย่ากระชาก อย่าแช่ ....มีพังครับ....เพราะผมพังมาแล้ว เครื่องเดิมๆ รอบมันสอง จัดจ้าน....กระจาย!!!

เมื่อก่อนมังกรทองวัยรุ่นนิยมาก เราทำลงสนามเเข็งดุและโหดมากๆ นิยมเลยแหละ....แต่ก็ต้องทำเยอะ มากเหมือนกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       สำหรับผมแล้ว

แช่ คือ รักษาคามเร็วสูงเอาไว้ หรือยิงยาวนั่นเอง

ไม่แช่ คือ กดแซงเฉยๆ เช่น แซงกระบะ commonrial ที่ 190 - 215 km/h เป็นเวลา 4 วินาที หลังจากนั้นก็ดรอบลงมา เป็นต้น

ตกลงว่าเก๋ง หรือกระบะเนี่ย วิ่งเก๋งอายเลยครับ..เยี่ยมเลย จาก : Sola(Sola) 10/9/2556 8:15:35 [182.52.152.222] ถ้าเรียงเกียร์+ลงเฟืองท้ายมา ก็ประมาณนี้ครับ คนเก่าๆ น่าจะเล่นกันสิบปีแล้วล่ะครับ จาก : Firstt(Firstt) 10/9/2556 23:18:03 [124.120.200.55] อันนี้ยกตัวอย่างเฉยๆ ครับ เพราะบางที 215 ก็ยังแซงไม่ขาด ถ้าจะแซงให้ขาดยังไปได้อีกเล็กน้อย จาก : Firstt(Firstt) 10/9/2556 23:23:50 [124.120.200.55] ยกนิ้วให้ช่างไทยเขาเลย... จาก : Sola(Sola) 11/9/2556 8:24:41 [182.52.152.182]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ขอบคุณมากครับพี่ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       ต้องการแรงบิดในรอบต่ำและแรงลากจูงประมาณ 2tonขับขึ้นเขา เครื่อง2800 4wd

แสดงความคิดเห็นย่อย