คำตอบที่ 1
       ความเห็นผมนะครับผมว่า บูตเกจ ก็คือ ทางโรงงานเค้าตั้งบูตเทร์โบเป็นค่ามารฐานอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีมาให้ดูว่ารถบูตสูงสุดได้เท่าไหร่ อีกอย่างถ้ามี ก็จะเพิ่มต้นทุนในการผลิตอีกเพราะว่า จะต้องเอาของดีๆมาใช้
เพราะถ้าบริษัทผู้ผลิตคงจะไม่เอาของจีนแดงๆ อย่างที่พวกเราใช้ เอามาใส่ในรถของตัวเองเป็นอย่างแน่แท้ จะเอาวัดบูทมาติดตั้งก็ต้องหาจุดที่ติดตั้งอีก ถ้าจะรวมไปในเรือนไมล์ก็เต็มแล้ว(ขนาดรถบางรุ่นเดี๋ยวนี้ยังไม่มี water temp บางรุ่นก็ไม่มีวัดรอบมาให้ เลย ไม่รู้จะประหยัดอะไรนักหนา ) จะวางบน คอนโซลหน้าก็เกะกะ อีกอย่าง บาง คนที่ใช้รถเป็นอย่างเดียว เค้าคงจะไม่อยากรู้หรอกว่ารถเค้าบูตสูงสุดได้เท่าไหร่
ส่วน เทอร์โบ ทามเมอร์ ก็น่าจะเช่นกันครับ มันจะเพิ่มต้นทุนในการผลิต ให้สูงขึ้น เพราะเทอร์โบ สแตนดาร์ด อายุการใช้งานมันเกินแสนโล แล้วถ้าไม่ได้ไปปรับแต่ง ให้มันทำงานมากขึ้นกว่าปกติ มันก็จะอยู่ได้นาน
เพราะ ตัวเทอร์โบ เองมันทำมาจาก เหล็กหล่อ อย่างดีครับ(FCD 45-50) ทนความร้อนได้สูงอุณภูมิที่จะหลอมเหล็กพวกนี้ได้ ก็ต้องพันกว่าขึ้นไป ทนกว่าโบจีนแดงมากมาย ถ้าขับใช้งานปกติ มันก็จะอยู่อีกนาน ไม่จำเป็น ต้อง วอมดาวเครื่องเลย อีกอย่าง ถ้าผู้ผลิต คิดจะติดตั้งอุกรณ์ทั้ง 2 ตัวนี้ ราคามันจะเพิ่มอีกเป็นหมื่น แน่ จาก ราคา รถปกติ
อันนี้แค่ ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
รอท่านอื่นด้วยคนล่ะกันครับ

คำตอบที่ 2
      

 แก้ไขเมื่อ : 23/4/2554 17:23:12

คำตอบที่ 3
       ผมก็ว่าอย่างงั้นง่ะพี่หน่อง ไอ้เนวิเกเตอร์ จีพีเอ็ส (สงสัย กลับคนขับหลงทาง)
ดันมีเข้ามา ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรถเลย ประโยชน์ยังสู้ไม่ได้ ถ้าเทียบกับ เทอร์โบ ทามเมอร์ กับ วัดบูต