คำตอบที่ 126
การ แก้ปัญหาครัชลื่น บ้างครั้งนิยมเปลี่ยนเป็นครัชแต่ง ที่บรรดาสำนักแต่งต่างๆ ได้ทำออกมาขายให้กับนักซิ่ง ที่แต่งเครื่องยนต์ให้รุนแรงขึ้น หรือการขับขี่ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งแต่ละสำนักจะมีการออกแบบมามากมายหลายแบบแต่ที่นิ ยมในปัจจุบันจะมีลักษณะตามจำนวนผ้าครัชดังนี้
1 . Single plate ชุดครัชแบบนี้เป็นลักษณะคล้ายกับของโรงงาน โดยมีผ้าครัชแผ่นเดียว และหวีครัชประกอบติดกับฟลายวิลเดิมของโรงงานได้เลย แบบนี้ทางสำนักแต่งจะทำการโมดิฟลาย
หวีครัชให้มีแรงกดเพิ่มมากขึ้น ผ้าครัชจะเปลี่ยนเป็นแบบทองแดง ที่มีลักษณะเป็นก้อนๆ เช่น 3 ก้อน หรือ 5 ก้อนต่อด้าน ส่วนมากจะมีการกำหนดขนาดแรงกดของหวีครัชมาเช่น 800 ก.ก. หรือ 900 ก.ก รับแรงม้าได้ไม่เกิน 300 350 แรงม้า
2. Twin plate แบบนี้เป็นแบบที่นิยมกันมากขึ้น มีการออกแบบได้อย่างชาญฉลาดมาก ด้วยการออกแบบให้มีผ้าครัชถึง 2 แผ่น และจานกดครัชถึง 2 ตัว ทำให้ครัชแบบนี้สามารถลดอาการลื่นของครัชได้มากขึ้น แต่ด้วยความที่ชุดครัชมีอุปกรณ์ที่มากขึ้น ทำให้น้ำหนักเพิ่มมาก ครัชแบบนี้จึงต้องออกแบบฟลายวิลเสียใหม่ ให้มีน้ำหนักเบาขึ้นเพื่อมาชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ฟลายวิลจึงเป็นแบบลดน้ำหนัก นิยมใช้ วัสดุโคโมลี่ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงมาก ราคาจึงแพงกว่าแบบธรรมดาอยู่หลายเท่าตัว
3. Tripple plate เป็นแบบที่พัฒนามาจาก twin plate โดยการเพิ่มชุดกดครัชให้มากขึ้นไปอีก 1 ชุดจึงทำให้มี ผ้าครัชและจานกดถึง 3 แผ่น แต่ในการจะกดชุดครัชให้อยู่นั้น ต้องเพิ่มแรงกดให้กับหวีครัชให้มากขึ้นขนาด 900 1,100 ก.ก. แบบนี้จะสามารถรับแรงม้าได้ตั้งแต่ 400 800 แรงม้าได้อย่างสบายๆ
4. Four plate มีลักษณะเดียวกับ twin plate และ tripple plate แต่จะมีผ้าครัช และจานกดครัชถึง 4 แผ่น หวีครัชมีแรงกดตั้งแต่ 1,200 ก.ก. ขึ้นไป สามารถรับแรงม้าได้มากกว่า 1,000 1,300 แรงม้า แบบนี้เนื่องจากมีแรงกดมาก ชุดแรงดันไฮโดรลิคกดครัชมักใช้แบบ direct clutch คือเป็นแบบไม่มีก้ามปูกดครัช แต่จะใช้ชุดแรงดันไฮโดรลิคติดตั้งไว้ในเสื้อเกียรเลย เพราะการใช้ก้ามปูอาจทำให้หักได้ และลดแรงเหยียบของผู้ขับ แบบนี้จะช่วยผ่อนแรงในการเหยียบครัชได้มาก
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม