คำตอบที่ 1
       dipol อัตราการขยายจะน้อยกว่า ครับ
แต่ dipol จะได้เปรียบตรง Back loop
จะสังเกตุเห็นว่า Dipol จะไม่ไค่อยใด้รับความนิยมเท่า Polded dipol

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       อันนี้ ผมก้อ ไม่แจยะครับ
หากว่า คุยที่อัตราขยาย เป็นหลัก Folded Dipole กับ Dipole น่าจะมีอัตราขยายเท่ากัน คือ 0 dbd ( 3dbi ) หมายความว่า ยังไม่ได้เอาไปเกาะกับเสาหลัก ( Mass ) นะครับ พอเอาไปเกาะกับ Mass ก้อ จะได้ รูปแบบการแพร่กระจาย ที่ ดีขึ้นในด้านหน้า.... แต่ว่า Zo ก้อ จะเปลี่ยนไป ก้อ ต้องมา จัดสายเฟสช่วย เพื่อให้ได้ 50 Ohm
ที่นี้ แล้วแต่สูตร นะครับ ว่า จะวาง ตัวสายอากาศให้ห่าวจาก Mass เท่าไร ถึงจะมี อัตราขายสูงสุด รูปแบบการแพร่กระจายดีที่สุด ( มักพบว่า หากว่า ได้รูปแบบการแพร่กระจายที่สวยๆ มัก จะต้องเสียในเรื่อง Zo หมายความว่า จะต้องมาจัดสายเฟส ที่ แปลง Zo ที่ สูงๆ ของสายอากาศ กลับลงมาเป็น 50 Ohm ซึ่ง การทำเช่นนี้ จะมีอัตราการสูญเสียในสายมาก )

ทีนี้ ทำใมคนถึงชอบใช้ Folded Dipole ก้อ น่าจะมีเหตุผลอยู่ 2-3 ข้อคือ
Folded Dipole มี BW กว้างกว่า Dipole คือ มักจะใช้งานครอบคลุม ความถี่ ได้ถึง 10 Mb โดยที่ค่า VSWR ยังคงไม่สูงมาก ( ยังยอมรับได้ )
การ Matching ง่ายกว่า เนื่องจาก เราจะต้องจัดสายเฟส เพื่อแปลง Zo ของสายอากาศ กลับลงมาเป็น 50 Ohm ตัว Folded Dipole มี Zo=150 Ohm ซึ่งใกล้เคียง 50 Ohm มากกว่า Dipole ซึ่งมี Zo = 300 Ohm จึง ทำให้ Folded Dipole จัดสายเฟส เพื่อแปลง Zo ของสายอากาศ กลับลงมาเป็น 50 Ohm ได้ง่ายกว่า

อีกข้อ คือ ... ดู สวยกว่า ....

รอ เหตุผลจากท่านอื่นด้วยนะครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ไดโพลหากสร้างโดยใช้อิลิเมนต์ 2 ชิ้น ซีกบน-ล่าง ก็จะไม่เป็นดีซีกราวน์ และหากวางใกล้ mast เกินไป Zo จะต่ำมาก เพื่อให้ได้อัตราขยายด้านหน้าที่ดี แต่ถ้าจะรักษา Zo เอาไว้ก็จะเสียอัตราขยายลงไป เพราะ Zo ในขณะไม่มี Mast ประมาณ 73 โอห์ม แต่ folded ประมาณเกือบ 300 โอห์ม
แต่ถ้าหากสร้างแบบใช้อิลิเมนต์ท่อนเดียว และ Match แบบ gamma ก็จะสามารถจัดให้มีอัตราขยายที่ดีได้โดยยังคงมี Zo ที่ไม่ต่ำจนเกินไป แต่มีความยุ่งยากในการสร้าง gamma match มากกว่าการทำ folded dipole

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ขอขอบคุณในคำตอบของเพื่อนสมาชิกมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       x

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       จากที่กล่าวมานั้นที่ท่าน MB10 บอกว่า Dipole มีค่า 300 โอห์ม ผมเถียงใจขาดเลยครับ ไม่ใช่ครับ Dipole นั้นมีค่าประมาณ 70 โอห์มครับ เพราะผมเคยวัดค่ามันมาแล้ว โดยใช้สายนำสัญญาณ ยาว 1 แลมด้า วัดได้ อยู่ที่ 73 โอห์ม ครับ ที่ว่า 300 โอห์ม นะครับคือ Folded Dipole ที่ไม่มีแขนห่วงครับ คือดูว่าห่วงไม่มีอะไรเลยใช้ฉนวนมาแทนแขนห่วงโลหะจะวัดค่าได้ประมาณ 270 โอห์ม ครับ
ถ้ามีแขนห่วงช็อทด้านหลังห่วง คือปล่อยด้านหน้าห่วงลอยๆ จะวัดได้ประมาณ 200 โอห์ม ครับ
ถ้ามีแขนห่วงครบหมด คือทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบทั่วๆไปที่เห็นเขาใช้ๆกันอยู่ก็จะมีค่าประมาณ 100 - 120 โอห์ม ครับ
แล้วที่ว่า Zo นะครับหมายถึงคำแทนค่าของสายนำสัญญาณ
Zs แทนค่าอิมพิแดนซ์ปลายสาย หรือจุดรวมสาย
Zl ครับถึงจะใช้นำมาแทนค่า ของตัวสายอากาศ
แล้วรู้ไหมครับว่า Dipole 70 โอห์ม จะทำอย่างไรให้ปลายสายที่จะนำมาใช้มีค่าเหลือ 50 โอห์ม ง่ายนิดเดียวครับก็ใช้สายนำสัญญาณ 60 โอห์ม ความยาว 1/4 แลมด้ามาใส่ครับถึงจะได้ค่าของปลายสายเหลือ 50 โอห์ม ได้จากสูตร
ถอดรูท70X50 ครับ จะได้ชนิดของสายนำสัญญาณครับ
ถ้าอยากรู้ผมทราบข้อมูลพวกนี้อย่างไรให้ดูจากรูปภาพครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
      

แสดงความคิดเห็นย่อย