คำตอบที่ 1
1. คอรองเท้า (PADDED SCREE COLLAR / COLLAR)
เป็นส่วนสันขอบรองเท้าด้านใน ที่ประกอบด้วยฟองน้ำประกบกาวกับผ้ายืดคล้าย ๆ ผ้าขนหนู ขนสั้น ซึ่งถูกแปรงจนขนขึ้นฟูเล็กน้อย ลักษณะผ้าจะทอไม่แน่น ใช้ชื่อเรียกทั่วไปว่า Visa Pile ความยาวของขนนั้นจะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับประเภทของรองเท้าและดีไซน์ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นรองเท้าสำหรับเดินป่าแล้วจะเป็นขนสั้นมากกว่า เพื่อสะดวกในการดูแลรักษาและความนุ่มนวลในการสวมใส่ อีกทั้งลดการเสียดสีตรงช่วงขอบของปีกรองเท้ากับบริเวณข้อเท้าตรงส่วนที่เป็น เอ็นร้อยหวาย
2. ที่กันกระแทกเอ็นร้อยหวาย (ACHILLES NOTCH)
ACHILLES คือ เอ็นร้อยหวาย ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเท้าจึงต้องมีฟองน้ำเพิ่มใส่เข้าไปในจุดนี้ ซึ่งอยู่ตรงกึ่งกลางของด้านหลังของรองเท้าทีเป็นจุดสัมผัสกับเอ็นร้อยหวาย เพื่อคอยรับแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นจากการเดิน ปีนเขา หรือ อุบัติเหตุจากการหกล้ม
3. ผนังรองเท้า (WATERPROOF / BREATHABLE LINER)
เป็นส่วนที่อยู่ด้านในของรองเท้าจะใช้วัสดุที่กันน้ำและสามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความอับชื้นและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
4. ลิ้นรองเท้า (SOFT TONGUE GUSSET)
รองเท้าก็มีลิ้นเหมือนกัน ซึ่งส่วนนี้ประกอบไปด้วยหนังเทียมประกบ กับฟองน้ำ (Form หรือ Sponge ) มีลักษณะเป็นแซนวิชโดยมีหนังเทียมประกบทั้งด้านนอกและด้านใน แล้วเย็บตะเข็บทั้งสองข้างเข้ากับด้านบนของรองเท้า ซึ่งจะมีชื่อเรียกว่า Gusset (Gusset แปลตามตัวคือ เหล็กรูปสามเหลี่ยมที่ใช้ต่อมุมผนัง) ตัวลิ้นของรองเท้านั้นจะอยู่บริเวณใต้เชือกผูกรองเท้า รองเท้าบางประเภทจะเห็นว่า ลิ้นของรองเท้าจะไม่เย็บติดกับด้านบนของรองเท้า เช่น รองเท้ากีฬาประเภทต่างๆ แต่สำหรับรองเท้าเดินป่านั้น ส่วนใหญ่จะเย็บลิ้นเป็นแบบ Gusset เพื่อความสะดวกในการสวมใส่และกระชับยิ่งขึ้นหลังจากร้อยเชือกแล้ว อีกทั้งยังช่วยรักษาตำแหน่งของลิ้นให้อยู่คงที่ไม่บิดเบี้ยวเวลาเคลื่อนใหว
5. รอยต่อลิ้นรองเท้า (SYNTHETIC LINING)
คือส่วนที่เย็บติดกับลิ้นของรองเท้า ( Tongue ) ทั้งด้านนอกและด้านในจะใช้วัสดุที่เรียกว่า Synthetic หรือ หนังเทียมนั่นเอง เพื่อความคงทนในการใช้งานและลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากราคาจะถูกกว่าหนังแท้ มีลักษณะทั้งเป็นแบบด้าน (Dull Finished) และ แบบมัน ( Shining Finished) แล้วแต่ดีไซน์ของรองเท้า
6. แผ่นรองรองเท้า (STIFFENER / PLASTIC HEEL CUP)
เป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้รองเท้ามีรูปร่างสวย ชิ้นส่วนนี้จะมีรูปลักษณะโค้งแคบคล้ายๆตัว V ทรงกว้างเพื่อรองรับรูปทรงของส้นเท้า และให้เกิดความกระชับกับส้นเท้า ทำให้ส้นเท้าคงที่ ไม่บิดเวลาก้าวเท้า หรือเกิดอุบัติเหตุเท้าพลิก วัสดุนี้จะมี 2 ประเภทประเภทแรกเป็น Tr Counter ทำจาก Thermoplastic แล้วขึ้นรูปสำเร็จรูปจากโรงงาน อีกประเภทหนึ่งเป็น แผ่นเคมี (Chemical Sheet) ซึ่งต้องนำมาตัด (Cutting) แล้วจึงค่อยนำไปผ่านความร้อนอัดเป็นรูปส้นเท้า ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ Tr Counter มากกว่า
7. กันชน (TOE RAND / BUMBER หรือ TOE CAP / TOE GUARD)
เป็นชิ้นส่วนที่เรียกได้ว่า กันชน เพราะจะคอยรับแรงกระแทกเมื่อเกิดอาการเสือซุ่ม เดินเตะหิน หรือ เตะขอนไม้ โดยไม่ได้ตั้งใจ จะเป็นแผ่นยางที่อัดให้โค้งมนเข้ารูปกับส่วนหัวของรองเท้า บางรุ่นอาจเป็นแผ่นยางชิ้นเดียวกันกับพื้นยางของรองเท้า บางรุ่นอาจแยกชิ้นส่วนกัน ส่วนใหญ่จะพบในรองเท้าเดินป่า และ รองเท้า สไตล์ลำลอง แต่จะไม่พบในรองเท้าประเภทวิ่ง และ รองเท้าทำงาน ปัจจุบันผู้ผลิตพยายามจะฉีกแนวโดยเปลี่ยนวัสดุจากยางมาเป็น PVC แทน ทำให้ กันชน มีความแข็งขึ้นและป้องกันแรงกระแทกให้กับนิ้วเท้าได้เป็นอย่างดี
8. ห่วงเผูกเชือกบริเวณข้อเท้า (ANKLE HOOK)
ตำแหน่งของที่ผูกเชือกรองเท้า จะอยู่บริเวณข้อเท้า เป็นตัวช่วยในการดึงเชือกร้อยรองเท้าให้แน่นขึ้นเพื่อความกระชับในการสวมใส่
9. ห่วงผูกเชือกบริเวณปลายข้อเท้า (LACING HOOK)
จะเป็นห่วงผูกเชือกรองเท้าที่อยู่ตรงจุดสุดท้ายในการร้อยเชือก ซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นที่ให้เกี่ยวกับเชือกรองเท้า เพื่อที่จะสะดวกในการถอดเชือกรองเท้าบริเวณด้านบน และเป็นตัวช่วยในการดึงเชือกรองเท้าให้แน่นขึ้น
10. พื้นรองเท้าด้านใน (INSOLE / INLAY SOLE / MOLDED FOOTBED)
เป็นพื้นรองเท้าด้านใน ทำจากฟองน้ำที่ผ่านการขึ้นรูปเป็นรูปเท้าแล้วประกบด้วย Visa Pile (ฟองน้ำประกบกาวกับผ้ายืดคล้ายๆผ้าขนหนู ขนสั้น) เพื่อความนุ่มเท้าขณะสวมใส่ บางรุ่น อาจเป็นแบบ สำเร็จรูปและสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้
11. ชั้นกลางพื้นรองเท้า (MIDSOLE)
เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ตรงด้านในของพื้นรองเท้าชั้นนอก ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุมีลักษณะนุ่มเหมือนฟองน้ำแต่มีความหนาแน่นมากกว่า จึงทำให้มีความแข็งแรงพร้อมที่จะรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกของผู้สวมใส่ขณะ ก้าวเท้า ปกติแล้วเราจะไม่เห็นชิ้นส่วนนี้ถึงแม้ว่าจะถอด แผ่นรองรองเท้า (Insole) ออกมาก็ตาม เนื่องจากว่าจะมี PAPER BOARD เย็บติดกับหน้าผ้า ( ส่วนบนของรองเท้า) อีกชั้นหนึ่งเพื่อความคงทนในการใช้งาน
12. พื้นรองเท้า (CEMENTED WELT / OUTSOLE)
พื้นรองเท้าส่วนจะเป็นส่วนนอกสุดอยู่บริเวณใต้รองเท้า วัสดุส่วนใหญ่จะทำจากยางมีลวดลาย หรือที่เรียกว่า ดอกยาง เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเกาะพื้นขณะเดิน ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ชื้นแฉะหรือหินกรวดตามสันเขา
13. ส้นรองเท้า (TAPPERED LUG)
พื้นตรงส้นเท้าด้านนอก ส่วนใหญ่จะทำจากยาง บางรุ่นจะใช้ไม้อัดแน่น คล้ายๆไม้ก๊อก หรือ ไม้ ทำชิ้นส่วนนี้เพื่อความคงทนในการใช้งาน
ทั้งหมดนี้ก็คือส่วนประกอบพื้นฐานของรองเท้า หวังว่าเพื่อนๆคงได้รู้จักรองเท้ามากขึ้นและสนุกสนานกับการเดินป่าไปกับ รองเท้าคู่ใจอย่างมีความสุข
เมื่อถามว่าอุปกรณ์เดินป่าชิ้นใดสำคัญที่สุด หลายคนอาจจะนึกถึงเป้เดินป่าดีๆ สักใบ บางคนอาจจะนึกถึงเสื้อผ้าที่เหมาะสม เข็มทิศ หรือแผนที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่อุปกรณ์ที่ดีที่สุดพวกนี้ก็คงจะไม่ช่วยให้คุณเดินป่าได้อย่างมีความสุข นัก หากเท้าของคุณทรมานกับอาการรองเท้ากัด หรือข้อเท้าพลิก ซึ่งเกิดจากการใช้รองเท้าไม่เหมาะสม บางครั้งอาจจะทำให้เดินต่อไม่ได้เอาเลยด้วยซ้ำ รองเท้าเดินป่าจึงเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ ที่สุดสำหรับการเดินป่า
มีผู้ผลิตรองเท้าที่ใช้สำหรับการเดินป่าออกมามากมายหลายชนิด ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามประเภทของการใช้งาน รองเท้าที่ใช้สำหรับการเดินป่าระยะสั้น หรือการเดินเที่ยวไปตามเส้นทางที่ได้มีการจัดเตรียมไว้ให้โดยไม่ต้องมีการ เข้าไปพักแรมในป่า (Day Hiker) ก็ย่อมจะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างจากรองเท้าเดินป่าที่ใส่สำหรับการ เดินแบกเป้หนักเข้าไปในเขตป่าดงดิบหรือพื้นที่ทุรกันดารอย่างแน่นอน โดยทั่วๆ ไปแล้ว เราสามารถแบ่งประเภทของรองเท้าเดินป่าออกได้เป็น 6 ประเภท คือ
Mountaineering Boots
Backpacking
Off Trail
On Trail
Trail Runners
Sandals
ซึ่งการที่เราจะเลือกชนิดของรองเท้าที่จะใช้ได้นั้น แรกสุดเราก็จำเป็นที่จะต้องเข้าใจก่อนว่าจะใช้สำหรับการเดินทางในลักษณะใด
Mountaineering Boots
รองเท้าประเภทนี้เหมาะสำหรับนักเดินป่าที่ชอบปีนยอดเขาสูง ยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม หรือบริเวณที่อากาศหนาวจัดจนแม่น้ำเป็นน้ำแข็ง (เราคงไม่มีโอกาสได้ใช้รองเท้าประเภทนี้ในเมืองไทยแน่นอน) รองเท้าชนิดนี้จะมีลักษณะค่อนข้างแข็ง สมัยก่อนจะทำจากหนัง และใช้หนังเย็บริมขอบรองเท้า และสำหรับประเภทที่เดินบนหิมะยังมีหนามทำจากเหล็กเอาไว้ยึดกับพื้นผิวอีก ด้วย รองเท้าจะสูงเหนือข้อเท้าและจะมีพื้นรองเท้าที่หนาเป็นพิเศษ ปัจจุบัน ผู้ผลิตรุ่นใหม่ (Koflach, Asolo, Etc.) ได้หันมาใช้พลาสติกหุ้มแทน แต่ถึงแม้ว่ารองเท้ารุ่นใหม่จะสามารถใช้ได้ดีบนหิมะหรือน้ำแข็งที่สูงชัน แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกสบายกับผู้ใส่เลย เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ผลิตชาวยุโรปเช่น La Sportiva ได้หันกลับมาใช้หนังสำหรับการผลิตรองเท้าอีกครั้ง และได้มีการคิดค้นวัสดุชนิดใหม่ที่เรียกว่า Vibers ขึ้นมาแทน โดยรองเท้ารุ่นใหม่นี้จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 5 ปอนด์ ส่วนราคาของรองเท้าแบบนี้จะมีราคาสูงมาก