WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


................สองขาลุย......ล้อมวงคุย.......เรื่องเดินป่า................
xr-boy
จาก xr-boy
IP:110.49.226.218

อังคารที่ , 8/5/2555
เวลา : 14:03

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ด้วยหลงเข้ามาอ่าน มาดู ในห้องนี้ ( เดินป่า ) แล้วตกหลุม.....อย่างแรง! ด้วยมีใจรัก ในการ ท่องเที่ยว แบบผจญภัยฯ ไปในป่าฯ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกว่า เหมือนได้ พบ โอเอซีส หลังจาก ดุ่มเดินมาลำพังอยู่นาน จึงอยากเชิญชวน ให้ผู้ที่ชอบและสนใจ ในสิ่งเดียวกัน ได้มาพูดคุย แลกเปลี่ยน และ แบ่งปัน ประสพการณ์ หรือแม้แต่ อยากพูด อยากบอก แม้กระทั้ง อยากถามอะไร ในเรื่อง การเดินป่า แก่กัน.....เชิญทางนี้เลยครับ...... โดยส่วนตัว ต้องขอบคุณ ทางเวบวีคเอ็นฯมากครับ ที่เป็นสื่อกลาง ให้ได้รู้ จักผู้ที่ ชื่นชอบ ในสิ่งเดียวกัน ผ่านทางรูป ภาพ และตัวอักษร.........ก่อนที่จะได้มีโอกาส พูดคุย ทางโทรศัพย์ แล้วได้เจอ ตัวจริง เมื่อได้ออกทริป ด้วยกันในท้ายสุดครับ............






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  

คำตอบที่ 31
       แหะๆขอทำงานก่อนนะครับ เย็นๆค่อยว่าต่อ เจ้านายเหล่แล้ว เสียดายอยู่ไม่เป็นที่รูปถ่ายสมัยนั้นหายไปใหนก็ไม่รู้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.121.167.207 อังคาร, 15/5/2555 เวลา : 11:18  IP : 124.121.167.207   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2683

คำตอบที่ 32
       คิดเสียว่าเป็นเรื่องเล่าข้างกองไฟแล้วกันนะครับ

ที่นำมาเล่านี่ สำหรับผมถือว่าเป็นบทบันทึกบทหนึ่งของชีวิต ที่มีโอกาสไปใช้ชีวิตในดินแดนที่ น้อยคนนักจะได้สัมผัส จึงนำมาเล่าสู่กันฟังสำหรับคนรักกัน

ชอบกัน บอกกันตรงๆเลยว่าในวันนั้น ที่อายุอานามเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆ ไม่มีภาระหรือสิ่งใดเหนี่ยวรั้งจิตใจ ที่ไฝ่ฝันจะได้ไปในดินแดนแห่งใหม่ๆ รับรู้ประสบ

การณ์ที่ไม่เคยสัมผัส และความสงสัยใคร่รู้ว่า การทำไม้นั้นเขาทำกันอย่างไร จากมุมมองที่เรารับรู้แต่ว่าการตัดไม้ คือการทำลายป่าแต่ว่าอย่างไร นั้นคือ

เหตุผลอีกอย่างที่ทำให้ผมหวนคืนกลับสู่ชีวิตป่าอีกครั้งกับบทบาทชีวิตบทบาทใหม่

ความจริงตอนแรกๆ เขาก็ให้ผมอยุ่ที่ฝั่งไทยคือที่ระนองก่อน แต่คงด้วยนิสัยปากตรงกับใจ ไม่นานก็โดนย้ายเข้าป่าสาสมใจใครก็ไม่รู้

ยังจำได้เที่ยวแรกที่นั่งเรือของบริษัท ซึ่งเป็นเรือเหล็กลำค่อนข้างใหญ่พอสมควร เรือลำนี้มีหน้าที่ชักลากเรือบาจ ซึ่งก็คือโป๊ะเหล็กลำใหญ่นี่แหละ ที่ใช้

บรรทุกไม้ซุงออกจากหมอนไม้ในป่าเข้ามาฝั่งไทย เพื่อขายต่อให้ดับบริษัทไม้อัดไทยอีกที จากเกาะสอง ใช้เวลาราว 16 ชม ก็มาถึงปากแม่น้ำแยงงายี

ตรงปากแม่น้ำนี้จะมีหมู่บ้านชาวประมงชาวพม่าตั้งอยู่ เป็นหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ชื่อว่าบ้านแยงงายี ชื่อเดียวกับแม่น้ำนี่แหละ มีวัด มีค่ายทหาร

ตั้งอยู่ เราจะต้องจอดลอยลำรอให้ จนท.พม่ามาตรวจก่อน พอเลยเข้ามาหน่อยกลางๆแม่น้ำจะมีหมู่บ้านพม่าอีกหมุ่บ้านหนึ่ง มีขนาดเล็กกว่าหมู่บ้านแรก

ชื่อว่า โกดาว หรือ เกาะดาว หมู่บ้านนี้มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมถูกไข้ป่าเล่นงาน และยังไม่มีเรือกลับเมืองไทย ลูกน้องมันพาผมไปฝากไว้ที่วัดที่หมู่บ้านนี้ ( สง

สัยมันคงกะว่าไม่รอดแหงๆ ) ก็ได้หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดนี้ คอยดูแล หาหยูกยามาฉีดให้พอประทังเวลาจนเรือของบริษัทเข้า จึงได้มีโอกาสกลับมาเข้า

สถาบันนักเดินป่า หรือ โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนที่กรุงเทพ พักรักษาตัวอยู่เป็นเดือน( เพราะติดใจหมอกับพยาบาลน่ะ)

อีกหน่อย







ที่ปักหมุดไว้คือที่ตั้งปางไม้ของผมครับ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 16/5/2555 19:58:57 [124.122.192.52]
ทะเล แถบนั้น คงสวยมากใช่มั๊ยพี่
จาก : ช้างพลาย(ช้างพลาย) 17/5/2555 8:58:08 [203.156.183.145]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.192.52 พุธ, 16/5/2555 เวลา : 19:55  IP : 124.122.192.52   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2700

คำตอบที่ 33
       จากบ้านโกดาว หรือเกาะดาว ไปไม่ไกลก็จะถึงปางไม้ของผม ตั้งอยู่ตรงที่เขาเรียกว่า เตาเมาะเจ๊าะ แปลว่าเขาเห็ดตก เขาลูกนี้เป็นเขาเล็กๆ ซึ่งนอกจาก

จะเป็นปางพัก ท่าเรือ ก็จะมีหมอนไม้ของบริษัทที่บรรดาผู้รับเหมาหรือลูกช่วงทั้งหลายจะนำไม้ที่ตัดจากในป่า ใส่รถบรรทุกไม้ ที่มีอีกชื่อว่ารถจอหนัง

มาส่ง สำหรับผมเมื่อไปอยู่ที่นี่ ตอนแรกๆก็มีหน้าที่หลักคือการตรวจวัดรับไม้ ทำบัญชีไม้และทำการตีเลขเรียงประจำท่อน ซึ่งก็รวมทั้งต้องทำการควบคุม

คุณภาพของไม้ไปด้วยในตัว ต่อมาจึงได้ขยับมาทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการป่า ซึ่งก็เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จากโรงเรียนป่าไม้แพร่โดยตรง ซึ่งผมก็ได้พี่คน

นี้ช่วยสอนหลายสิ่งหลายอย่างให้ นับถือผูกพันกันจนทุกวันนี้ ( ขนาดครั้งหนึ่งทางเจ้าของบริษัทเคยเรียกผมไปคุยเพื่อให้รับหน้าที่นี้แทนผมยังไม่เอา)

ด้วยความที่มีความคิดและอุดมการณ์หลายอย่างตรงกัน ว่าถึงจะทำไม้ก็ต้องทำอบ่างถูกต้อง และไม่ทำลายป่ามากเกินไป อะไรควรเว้นก็เว้น ต้นใหน

ไม่ควรตัดก็อย่าไปตัด ควรเก็บไว้เป็นพ่อไม้แม่ไม้ก็ควรเก็บไว้ แต่แน่นอนแนวคิดแบบนี้พวกผมจึงไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจนักทำไม้มืออาชีพเท่าไรนัก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.192.52 พุธ, 16/5/2555 เวลา : 20:22  IP : 124.122.192.52   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2701

คำตอบที่ 34
       เลยจากปางไม้ที่ผมอยู่ก็จะเป็นป่าใหญ่ หมู่บ้านที่อยู่เลยจากนี้เข้าไปจะมีแต่พวกกระเหรี่ยง และชาวไทยที่ไม่ยอมอพยพไปตอนที่เราเสียดินแดนแถบนี้ให้อังกฤษ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย หมู่บ้านหลายแห่งยังคงเป็นชื่อไทย เช่นบ้านมโนรมย์ หลังเคี่ย ( เข้ ) หัวช้าง ทุ่งเห็ด เป็นต้น พวกพม่านั้นเท่าที่เห็นสมัยนั้น ดูเหมือนจะอาศัยอยู่แต่ตามชายทะเล คิดว่าน่าจะเป็นทางการพม่าได้ส่งเสริมให้อพยพเข้ามาภายหลังมากกว่า ( แบบเดียวกับที่เราให้คนอีสานอพยพไปอยู่ทางใต้ประมาณนั้น) แต่จะเป็นพม่า ไทย หรือ กระเหรี่ยง สมัยนั้นทุกพวกก็ยังคงมีวิถีชีวิตแบบโบราณ ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพึ่งพาธรรมชาติเกือบทั้งสิ้น เรียกว่าอยากกินข้าวก็ต้องทำนา อยากกินปลาก็ต้องไปหาในห้วย หรือทะเลเป็นต้น
พูดถึงเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงช้างเผือกกลางป่า สาวไทยในพม่าที่บ้านทุ่งเห็ดคนหนึ่ง เมื่อครั้งที่ไปสำรวจป่าและไปอาศัยนอนที่หมู่บ้านนี้อยู่เป็นเดือน ได้ไปช่วยเขาทำนา ปลูกข้าว นวดข้าวอยู่ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างหนึ่งทำให้ผมต้องออกจากพื้นที่นี้อย่างถาวรแล้ว ไม่แคล้วคงได้มีภรรยาเป็นสาวชาวนา บ้านป่าแน่นอน



ถ้าจะสวย
จาก : ช้างพลาย(ช้างพลาย) 17/5/2555 9:02:12 [203.156.183.145]
ครับสวย แบบไม่ต้องปรุงแต่งใดใด
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 18/5/2555 19:54:09 [115.67.160.54]
อืมช่วงนี้คงมีความสุขมากนะครับ อินเลิฟ
จาก : ปู่เฟืองจำปีคนเดิม(ปู่เฟืองจำปีคนเดิม) 24/1/2556 14:43:19 [110.168.122.114]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.192.52 พุธ, 16/5/2555 เวลา : 20:40  IP : 124.122.192.52   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2702

คำตอบที่ 35
       นั่งฟัง นอนฟังเพลินจริงๆ เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่ แล้วจิตนาการภาพตามไปด้วย สุดยอดครับพี่แนวไพร ผมหายหน้าไปหลายวัน ไปเล่นฟุตบอลมา วิ่งเสียแทบเดินไม่ได้ เรียกว่านั่งขี้ลำบาก เลยล่ะ เส้นยึดไปทั้งตัว นิ้วหัวแม่เท้าซ้ายที่เคยหัก มาเคลื่อนตอนรถเอ็นดูโร่ล้มที่เพชรบุรี กะวิ่งซ้ำให้รู้ว่า หมู่หรือจ่า กันไปเลย บวมมากกว่าเก่าอีก แต่ไม่เป็นไร ไกลหัวใจมาก ผมเคยบอกว่าผมอยู่กับความเจ็บปวดตลอดเวลา ตอนนี้ที่ปวดอยู่ ก็มี ข้อศอกซ้ายที่หัก นิ้วชี้ซ้ายที่หลุดไม่นาน หัวเข่าขวาที่บิดมา2ปีแล้ว กระดูกซี่โครงหน้าอกด้านขวาที่เดาะ มาใหม่สดๆหัวนิ้วโป้งเท้าที่เคยหัก แต่รับรองว่ายังไหวครับท่านๆเกจิทั้งหลาย ผมใจยังสู้เสมอ ข่าวคราวต่างๆที่คุยกันไว้ ผมกำลังหาข้อมูลและคนนำทางอยู่ ไม่ต้องห่วง ถ้าผมรับปาก ผมทุ่มเต็มที่ นะครับ





ถอนมตัวไว้นะครับ อย่าหักโหม
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 18/5/2555 19:55:48 [115.67.160.54]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 171.7.177.30 พุธ, 16/5/2555 เวลา : 22:42  IP : 171.7.177.30   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2703

คำตอบที่ 36
       อ่านของ พี่ แนวไพร กำลัง สนุก มาอ่านของพี่กุ๊ก แล้ว ใจแป๊ว นึกว่า จะไม่สารต่อ ทีมงาน นำทางให้ ซะแล้ว ฝากด้วยนะครับพี่กู๊ก ทุกคน รอความหวัง จากพี่ อยู่ สู้ๆครับ เข้าไปแล้ว เกิด ปวดขา เดินไม่ไหว เดี่ยว ผม ช่วยแบกพี่ออกมาเอง ไม่ต้องห่วง ไม่ทิ้งกันอยู่แล้วครับ ปล.หนักเท่าไหร่ละเนี๊ย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ช้างพลาย จาก ช้างพลาย KBL>>53 203.156.183.145 พฤหัสบดี, 17/5/2555 เวลา : 09:05  IP : 203.156.183.145   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2704

คำตอบที่ 37
       ..ได้กระเหรี่ยง เป็นภรรยาแล้วห้ามเลิกจริงอะป๋าว น้าแนวฯ..
...ถ้าช้างพลายแบกไม่ไหว..จะเอาสี่คนห้ามก็ได้นะน้ากุ๊ก.55555 ลอเล่ง.

 แก้ไขเมื่อ : 17/5/2555 14:27:51



ยังไงไม่ทราบนะครับ แต่่มีรุ่นน้องที่แม่ฮ่องสอนได้เมียกระเหรี่ยง มันไม่ได้ทิ้งเขาแต่เขาบอกทิ้งมันน่ะ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 19/5/2555 0:41:32 [115.67.160.54]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

MR.DUMS จาก จิ้งจอกขาว 119.46.92.195 พฤหัสบดี, 17/5/2555 เวลา : 14:27  IP : 119.46.92.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2713

คำตอบที่ 38
       ตามสโลแกน " พี่ไม่ทิ้งน้อง แต่น้องอย่าทิ้งพี่ "



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ช้างพลาย จาก ช้างพลาย KBL>>53 203.156.183.145 พฤหัสบดี, 17/5/2555 เวลา : 15:05  IP : 203.156.183.145   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2714

คำตอบที่ 39
       ยัง ยังไหวอยู่ครับ
เรื่องสานต่อ ผมโทรหารุ่นน้องทุกวัน จนภรรยาเขาถามแล้ว ว่าคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ แล้วไม่รับสายเขา มีเคืองกันเพราะผม
เรื่องเข้าไปไม่ต้องห่วง ต้องดัน....ทุรัง เข้าไปจนได้ พวกผมก็แปลกๆอยู่ด้วย ยิ่งห้าม ยิ่งอยากไป
เรื่องคนนำทาง กำลังจัดหาอยู่ คงไม่ยากเย็น
เรื่องความปลอดภัย สบายอยู่แล้ว
เรื่องที่น่าเป็นห่วง ผมเดินไม่ไหว และฝนตกชุกมาก น้องๆผมบอกว่า พี่ มันโครตทาก เลยนะ
เรื่องของเรื่อง ใจแบ้วไปเลย เมื่อบอกว่า โครตทาก ดันมาเข้าตอนหน้าฝนด้วย ท่านเกจิต่างๆ มียากันทางดีๆไหมครับ
อีกหลายๆเรื่อง เดี๋ยวค่อยคุยกันอีก เดี๋ยวหมดเรื่องคุย ครับ





กำลังสนใจและเฝ้าติดตามอยู่น่ะครับ
จาก : ds-boat(ds-boat) 18/5/2555 22:08:02 [118.173.196.147]
9=ตามที่คุยกันครับผม
จาก : ช้างพลาย(ช้างพลาย) 21/5/2555 8:35:50 [203.156.183.145]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 14.207.232.232 พฤหัสบดี, 17/5/2555 เวลา : 16:00  IP : 14.207.232.232   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2715

คำตอบที่ 40
       ขอตามมาแอบดูแอบอ่านเรื่องมันส์ๆด้วยนะครับ...น้ากุ๊ก..รักษาสุขภาพด้วยนะครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

qap จาก tt02 58.9.13.119 พฤหัสบดี, 17/5/2555 เวลา : 16:08  IP : 58.9.13.119   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2716

คำตอบที่ 41
       สนุกดีครับ กระทู้นี้ น่าสนใจและน่าติดตามครับ แต่ขอแก้ข่าว และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนิดหนึ่ง ที่ท่านช้างพลายยกย่องให้เป็น เกจิเดินป่าทางใต้น่ะครับ เพราะมิมีในสารบบพรานป่า คนเดินป่าทางใต้ที่รู้จักกระผมน่ะครับ เดียวจะไม่สบายใจเกจิ อาจารย์ ทั้งหลาย ๆเอาได้น่ะครับ หากยกย่องกันแบบง่าย ๆเกินใป ผมก็แค่คนแก่หัดเดินป่าน่ะครับ ถอนพิษสุราที่บั่นทอนร่างกายมายาวนาน แต่ก็มีความรักในธรรมชาติป่าดิบเป็นใจ เพียงอยากไปสัมผัส ศึกษา และหนีห่าง ๆการเมืองทีสับสน แบบคนรุ่นเก่าก่อนเพื่อนมิตรภาพความจริงใจ ที่พร้อมจะช่วยเหลือกันทุกเมื่อยามมีภัย ซึ่งหาได้ยากเต็มทีในสังคมเมืองน่ะครับ




ถ้าผมลงใต้ ผมก็ต้องติดต่อนายหัว นี้แหละ .... ^ ^
จาก : ช้างพลาย(ช้างพลาย) 21/5/2555 9:59:14 [203.156.183.145]
ถ่อมตัว จัง
จาก : kookyz(kookyz) 21/5/2555 11:41:28 [171.7.173.106]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ds-boat จาก DSA 118.173.196.147 ศุกร์, 18/5/2555 เวลา : 22:21  IP : 118.173.196.147   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2736

คำตอบที่ 42
       หายไปหลายวันเนื่องจากต้องรีบเขียนรายงานส่งเจ้านาย แถมไปสัมนาที่จันทบุรีอีก 2 วันครับ
ก็พยายามรีบสรุปครับกันประสบการณ์ชีวิตช่วงหนึ่งที่ได้ไปเหยียบยย่ำในดินแดนพม่าตอนใต้ ที่เคยเป็นดินแดนของไทยมาแต่เก่าก่อน มีหลักฐานที่นอกจากจะมีซากเมืองโบราณทิ้งร้างอยู่กลางป่า แล้วยังมีพี่น้องสายเลือดไทยอีกไม่น้อยที่ยังหลงเหลือสืบทอดอยู่ในถิ่นแถบนั้น
ในวันคืนที่ผมได้ไปใช้ชีวิตในแถบนั้นถือได้ว่า วิถีชีวิตและธรรมชาติในแถบนั้นยังคงอุดมสมบูรณ์ทั้งบนบกและในน้ำ ในทะเลเกาะก่งหาดทรายชายหาดยังคงสะอาดบริสุทธิ์ แทบไร้รอยเท้าผู้คนเหยียบย่ำ บางครั้งขณะล่องเรือไปผมยังโชคดีพบฝูงปลาโลมาขึ้นมาแหวกว่ายเคียงคู่ไปกับเรือของเรา บางครั้งก็พบหมู่เรือใบของพวกมอแกน หรือคนทะเลแล่นใบไปตามเกาะแก่งแถบนั้น บางเที่ยวแล่นเรือไปพลางลากเบ็ดไป ก็ได้ปลาอินทรีขึ้นมาหน้าตาเฉย แต่ก็หลายครั้งที่ต้องผจญคลื่นลม พายุกลางทะเล จนเจียนอยู่เจียนไป เบาะๆก็แค่รากเขียวรากเหลือง แถมครั้งหนึ่งยังถูกเรือทหารพม่าไล่ยิง ด้วยความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายพม่าก็พยายามจะหยุดเรือเราเพื่อตรวจค้น ฝ่ายเราก็ไม่รู้ มืดๆด้วยเห็นอยู่ๆก็มาวิ่งกวด คิดว่าเป็นเรือสลัด ( แต่ก้เหมือนนะ ) จึงพยายามหนี อย่างว่าเพื่อนไม่ได้ใช้เรือยนต์เรือเร็วเหมือนเรือตำรวจทหารปกติ แต่เล่นใช้เรือประมงธรรมดา ( คงจับเรือไทยไปทำนี่แหละ) พวกเห็นเราไม่หยุดก็ซัดลูกปืนใส่เราเป็นชุดดีที่ไม่โดนใคร เราจึงต้องหยุดลอยลำให้ตรวจ ส่วนผมก็ต้องรีบเอาลูกโม่ 38 ที่พกมาหย่อนไปซ่อนในลูกยางกราบเรือที่เต็มไปด้วยน้ำทะเลแทบไม่ทัน พอเรือเทียบเจรจาต้าอวยว่าใครเป็นใคร และตรวจค้นเรือเรา ( โดยไม่เจอปืนผมนะ ถ้าเจอเป้นเรื่องยาวแน่) เป็นที่เรียบร้อย พวกก็จัดการขอความร่วมมือเป็นเสบียงที่เราเตรียมใส่เรือมา ติดมือกลับไปส่วนหนึ่ง พอเหตุการณ์ปกติผมก็รีบเอาปืนที่แช่น้ำทะเลอยู่ขึ้นมาล้างน้ำจืด ถึงอย่างนั้นตอนเช้าสนิมยังขึ้นซะจนทำเอาใจเสีย ต้องรีบล้างทำความสะอาดขนานใหญ่
เหตุการณ์ทำนองนี้จะว่าไปถือเป็นเรื่องปกติ ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในดินแดนแถบนั้นจะพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ พอพวกเห็นเรือใครผ่านไปมาเรียกให้จอดถ้าไม่จอด ( แหมบางทีมัก็ไม่ได้ยินนี่นะ ) พวกก็จะเรียกด้วยปืนทันที พอเรียกได้แล้ว ถ้าในเรือมีอะไรก็เป็นอันต้องถูกตอน แต่ถ้าไม่มีอะไรก็อาจถูกลงมือลงไม้เป็นการสั่งสอน เคยได้ยินเรื่องเศร้ากับชาวบ้านบ้านหนึ่งที่ถูกทหารพม่าเข้าไปโขมยไก่ เจ้าของบ้านลงมาต่อว่าจึงถูกฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว บางตนอาจจคิดว่าผมพูดเกินเลยไป แต่ผมบอกได้เลยว่าสำหรับทหารพม่าการทารุณข่มเหงกลุ่มคนที่ไม่ใช่เผ่าพันธ์เดียวกับตัวเองนั้น ถือเป็นสิ่งธรรมดาสามัญสำหรับพวกเขา ที่บอกว่าถ้าพวกมรึงอยากอยู่ในแผ่นดินนี้ต่อไปก็ตองยอมสยบต่อพวกข้า ไม่อย่างนั้นเชิญไสหัวจะไปอยู่ที่ใหนก้ไป แผ่นดินที่เหลือพวกข้าจะได้ครอบครองแต่ผู้เดียว ซึ่งก็เพราะการกระทำที่เลวร้ายต่างๆเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้ชนกลุ่มน้อยต่างๆทนไม่ได้จึงลุกขึ้นมาต่อสู้ กลายเป็นกลุ่มต่อต้านต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.160.54 ศุกร์, 18/5/2555 เวลา : 22:23  IP : 115.67.160.54   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2737

คำตอบที่ 43
       ที่เล่ามาก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าในแผ่นดินพม่า โดยเฉพาะทางตอนใต้นั้น มีความอุดมสมบูรย์ทั้งทรัพยากรทางน้ำ ทางทะเล ที่ถ้าวันใดพม่าเปิดเสรีให้คนเข้าไปเที่ยวตามเกาะแก่งหรือทะเลแถบนี้ละก็ ที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่ดังๆของไทยคงจะชิดซ้ายไปเลย ความอุดมสมบูรณ์นี้ทำให้สมัยที่พวกผมไปตั้งปางไม้อยู่ที่นั่นมีอยู่มีกินอย่างสมบูรณ์ เพราะสามารถหาเอาได้ง่ายๆจากแม่น้ำแยงงายี หรือน้ำเค็มที่เค็มสมชื่อเพราะอยู่ใกล้ทะเล ทั้งโดยวิธีการวางอวน วางเบ็ด ก็มักได้ปูปลาทีละเป็นจำนวนมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยได้ปลากระเบน ที่ชั่งน้ำหนักได้ถึง 80กิโล แต่ที่ประทับใจผมก็เห็นจะเป็นปลากระพงขาวยักษ์ น้ำหนัก 20 กว่าโลที่ขนาดผมเป็นคนตัวสูงเวลาแบกหางยังลากพื้นเลย น่าเสียดายที่ช่วงนั้นผมไม่ได้สนใจการตกปลาเท่าไร โดยเฉพาะการตีเหยื่อปลอมอย่างทุกวันนี้ไม่งั้นคงสนุกกับการตกปลาแถวนั้นเพลินไปเลย แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่นึกสนุกก็จะหาจับแมลงต่างๆ ไปเกี่ยวเบ็ดล่อปลาเสือพ่นน้ำ ที่มีชุมจริงๆ ให้มันพ่นน้ำใส่ แล้วแกล้งหย่อนเหยื่อทำเหมือนประหนึ่งแมลงที่ถูกกระสุนน้ำของมันยิงตก เจ้าปลาเสือก็จะหลงกลกินเบ็ดอย่างง่ายดาย นับว่าเป็นที่ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบตกปลาด้วยเหบื่อฟลายอีกที่หนึ่ง
นอกจากปลา แล้วสัตว์น้ำอย่างอื่นก็มีอีกมาก ไม่ว่าจะกุ้ง หอย ปู ก็ล้วนชุกชุมและมีขนาดใหญ่จนน่าทึ่ง และเรียกได้ว่าถึงมีเงินก็อาจหาซื้อกินไม่ได้ นอกจากไปหากินเอาเองอย่างพวกเรา วิธีการหานอกจากจะด้วยวิธีการตก ดักอวน ดักลอบ ตามปกติแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ผมชอบมากก็คือในคืนที่เดือนมืดหรือเป็นข้างแรม ในช่วงที่น้ำตายหรือช่วงที่น้ำขึ้นน้อยลงน้อย กระแสน้ำจะลดความเชี่ยวกราก และมีความใสพอ ที่จะให้เราเอาเรือออกล่องไปใช้ไฟส่อง เมื่อพบ ปู ปลา หรือกุ้งก็ใช้สวิงหรือฉมวก หรือกระทั่งมีด ช้อน แทง หรือฟัน เอาได้ตามสบาย ซึ่งคืนหนึ่งๆก็ได้ไม่น้อยบางครั้งแทบเต็มลำเรือเลยด้วยซ้ำ
ส่วนบนบก ป่าเขาก็อุดมสมบูรณ์ทั้งพืชพรรณ ต้นไม้น้อยใหญ่ต่างๆมากมาย ว่ากันไปตั้งแต่ ยูง ยาง กระบาก ไข่เขียว ตะเคียนทอง ตะเคียนทราย จำปา เสียดช่อ ก้านตอง หรือก้านทอง ขนุนป่า พญาไม้หรือขุนไม้ เป็นต้น ขนาดก็ใหญ่โตมหึมา บางต้นวัดรอบได้เกินกว่า 4 เมตร เล่นเอาบรรดารถบรรทุก รถตัก วิ่งกันหัวทิ่มหัวตำ วิ่งวิ่งยกล้อไปตลอดทาง ด้วยน้ำหนักมหาศาลของมัน ( ผมละยอมรับนับถือน้ำใจความกล้าบ้าบิ่นคนพวกนี้จริงๆ) เวลาขนลงเรือต้องใช้รถเครนถึงสองคันยกหัวยกท้ายทีเดียว
ส่วนบรรดาสัตว์ป่าก็มีชุกชุม ตั้งแต่ลิงค่าง บ่างชะนี เก้ง กวาง กระทิง สมเสร็จ เสือ ไปกระทั่งช้าง ก็มีให้ได้พบเจออยู่เสมอๆ โดยไม่ต้องลำบากลำบนไปตามหาที่ใหน เพราะบางทีก็เจออยู่กลางทางหรือวิ่งตัดหน้ารถอยู่บ่อยๆ ผมเองยังเคยเจอเก้งหม้อ ลิงเสน และกระทิงวิ่งตัดหน้ารถอย่างละครั้ง อีกครั้งเจอเสือดำ ขณะเดินสำรวจป่าใกล้ๆปางไม้ของผู้รับเหมารายหนึ่งที่สนิทกัน โชคดีที่ระยะค่อนข้างห่างมันเองก็คงไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร ส่วนผมเองก้ไม่ได้ตั้งใจมาล่าสัตว์แต่ก็ถือลูกซองติดไม้ติดมือมากระบอกหนึ่งให้พออุ่นใจ
เอาแค่ตรงใกล้ๆปางพักริมแม่น้ำของผม ก็ได้ยินเสียงชะนีกู่ร้องอยู่เป็นประจำ ยามต้นไทรใกล้ๆปางสุกนกเงือกกรามช้างก็พากันมากินลูกไทรให้ได้ยลโฉม พร้อมฟังเสียงหวีดแหวกอากาศจากการบินของมันอยู่บ่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยนั่งนับดูฝูงนกเงือกที่บินผ่านปางไม้ของเราข้ามแม่น้ำไปยังอีกฟากหนึ่ง ได้จำนวนถึงกว่า 30ตัวทีเดียว



ดีครับพี่ตู่ อ่าน เนื้อหาสนุกเลยครับ
จาก : ds-boat(ds-boat) 18/5/2555 23:43:58 [118.173.196.147]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.160.54 ศุกร์, 18/5/2555 เวลา : 23:20  IP : 115.67.160.54   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2757

คำตอบที่ 44
       แต่ถึงจะมีสัตว์ปาชุกชุม และมีหลายชนิดจะมีชื่อชั้นว่าดุร้าย แต่ผมก็แทบจะไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีคนถูกสัตว์ป่าทำร้ายเลยตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตที่นั่น คงมีแต่ข่าวสัตว์ป่าเป็นฝ่ายถูกล่า ถูกกระทำเสียมากกว่า ซึ่งบางครั้งก็เป็นเหตุเป็นผล เพราะเป็นเรื่องของความจำเป็นที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อยังชีพ แต่บางครั้งก็เกิดจากความคึกคะนอง หรือเพื่อสนองสัญชาตญาณความดิบเถื่อนของตนเองมากกว่า ผมเองในชีวิตเคยเผชิญหน้ากับงูจงอางหรือที่ทางใต้เรียกว่าบองหลา ในระยะใกล้ๆมาหลายครั้งแต่ละตัวที่พบนั้นมีขนาดเท่าท่อนขาผู้ใหญ่ และยาวไม่ต่ำกว่า 4-5 เมตร แต่ก็ไม่เคยเห็นมันแสดงท่าทีคุกคามหรือดุร้ายอะไร แต่มันกลับเป็นฝ่ายเลี่ยงหลบผมไปเองเสียด้วยซ้ำ ( แต่เคยได้ยินน้องๆที่เป็นป่าไม้ที่ราชบุรีเคยโดนไล่อยู่หลายครั้ง ครั้งหนึ่งต้องขี่มอเตอร์ไซด์หนีจนรถล้ม ตัดสินใจทิ้งรถวิ่งหนี หันไปดูอีกทีเห็นมันพุ่งเข้าใส่มอเตอไซด์จึงต้องทิ้งรถไว้ไปตามเพื่อนมาช่วย ซึ่งกรณีนี้อาจเป็นไปได้ว่ามันอาจจะทำรังหรือมีไข่อยู่ในบริเวณนั้น) เรื่องงูจงอางนี่มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เห็นกับตาตัวเองที่ไร่ของพ่อผมที่เมืองกาญจน์นี่แหละ วันนั้นอากาศร้อนมากที่ไร่จะมีสระน้ำอยู่สองสระ ซึ่งหนึ่งในสองสระนี่เองที่ผมได้เห็นกับตาว่ามีเจ้ามัจจุราชลายลูกหวาย หรืองูจงอางคู่หนึ่งน่าจะเป็นคู่ตัวผู้ตัวเมีย ขนาดยาวน่าจะไม่ต่ำกว่าสามเมตรครึ่ง ไล่เลี่ยกันทั้งสองตัว พากันมาแหวกว่ายเล่นน้ำ ไล่กันไปมา ในลักษณะหยอกล้อ บางครั้งก็มีการชูคอส่ายไปส่ายมา ในลักษณะอาการคล้ายๆจะเต้นรำ ซึ่งผมเดาเอาว่ามัน่าจะกำลังเกี้ยวพาหรือกำลังจะผสมพันธ์กัน แอบดูอยู่พักหนึ่งผมจึงค่อยๆถอยออกมา ปล่อยให้มันมีความสุขของมันไปตามประสา ต่างคนต่างอยู่ อีกอย่างกลัวมันรู้ตัวว่ามาแอบดูเกิดโมโหไล่กัดเราขึ้นมา มีดไม้อะไรสักอย่างก็ไม่มีติดมือ
ส่วนอันตรายในป่าที่ผมพบมาขณะที่อยู่ในป่าพม่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอันตรายที่เกิดจากอุบัติเหตุในป่าจากการทำงาน เช่นถูกไม้ซุงทับ หรือดีดใส่ เนื่องจากมันล้มไปผิดทิศผิดทาง สายสลิงลากจูงขาดขณะกำลังลากหรือยกไม้ รถตกเขาอะไรประมาณนี้ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทั้งเจ็บและตายไปหลายราย ก็คือโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะไข้ป่าที่ คร่าชีวิตพวกเราไปเสียหลายคนในจำนวนนี้มีอยู่ 2-3 คนที่สนิทมักคุ้นกับผมดี เมื่อมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนๆหรือผู้ที่คุ้นเคยกันในสมัยนั้น ก็มักอดไม่ได้ที่จะรำลึกถึงเขาเหล่านี้ว่า คนดีๆไม่น่าเอาชีวิตไปทิ้งถึงต่างบ้านต่างเมืองอย่างนั้นเลย โดยเฉพาะคนหนึ่งนั้นรุ่นราวไล่เรี่ยกับผม แกเป็นน้องชายของผู้รับเหมารายหนึ่ง มาทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้จดการของทีมของเขา เป็นคนหนุ่มที่นิสัยดี มีน้ำใจ ใตรว่าอะไรแกจะเฉยไม่โกรธไม่เคือง ใจเย็นเหมือนน้ำใครๆก็ชอบใจนิสัยของแก ( ตรงข้ามกับผมใครเจอหน้าทีแรกก็มักหมั่นไส้ สงสัยคงเป็นเพราะหน้าตาผมดีเกินไปนั่นเอง) เวลาใครเจ็บไข้ได้ป่วย แกจะคอยดูแลรักษา หาข้าวหาปลา หยูกยามาให้กิน โดยเฉพาะคนที่เป็นไข้ป่าก็จะได้แกนี่แหละเป็นคนรักษา ฉีดหยูกฉีดยารอดตายมาก็หลายราย แต่พอถึงคราวตัวเเกเองเป็น กลับไม่มีใครช่วยแกได้เอาชีวิตไปทิ้งไว้เสียในป่าเมืองพม่าเสียทั้งๆที่อายุยังไม่ทันถึงสามสิบเสียด้วยซ้ำ
สำหรับผมเองนั้นได้เป็นไข้ป่าหรือมาเลเรียอยู่หลายครั้ง เรียกว่ามีเชื้อมาเลเรียอยู่กี่ชนิดก็โชคดีเป็นมันซะทุกชนิด แต่ยังดีทุกครั้งได้กลับมาถึงมือหมอได้ทันเวลาทุกครั้ง แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าทำให้ผมเฉียดตายนั้น จะว่าไปก็มีอยู่หลายครั้งแต่ที่เป็นครั้งสำคัญ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่อาจกลับเข้าไปในพื้นที่นี้อีกได้ หาได้เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บหรือสัตว์ร้ายชนิดใด แต่กลับเกิดจากน้ำมือสัตว์ที่เรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐหรือมนุษย์เองด้วยกัน ซึ่งไว้ผมจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปครับ



ขออยู่ในชมรมไข้มาลาเรีย ด้วยคนครับ ผมเคยเป็นมาลาเรียขึ้นสมองที่ บ่อไร่ ตราด เฉียดตายมาแล้ว ครับ
จาก : kookyz(kookyz) 21/5/2555 11:55:05 [171.7.173.106]
..ตัวนี้และที่ผมกลัว..
จาก : MR.DUMS(MR.DUMS) 22/5/2555 8:54:56 [119.46.92.195]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.160.54 เสาร์, 19/5/2555 เวลา : 00:38  IP : 115.67.160.54   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2760

คำตอบที่ 45
       เสียงเก้งร้องป๊อตฯ ผมไม่ได้ยินมันร้องมาเป็นสิบกว่าปีแล้วไม่รู้ไปใหนกันหมด
ผมอยู่แถวนเขาเขียวชลบุรีครับ ตั้งแต่หนุ่มก็เดินมาพอประมาณ แต่เด๋วนี้เดิน
ไม่ค่อยจะไหวแล้ว แต่พอมีเวลาก็ยังพอไปเดินเล่นอยู่แถวฯชายเขา ก็คนมัน
เคยไปเลิกไม่ได้หรอกครับขอบอก ถ้าใครหลงป่าแล้วถ้าว่างก้จะหาเวลาไปจน
ได้แหละ อาจจะไปหาหน่อไม้ ผักหวาน หรือดอกดิน ความจริงหาซื้อเอาก็ได้
แต่คนอยากเดินก็อย่าให้เสียเที่ยวหากับข้าวมากินที่บ้านซะเลย



เห็นด้วยกับพี่เลย คร๊าบ
จาก : ds-boat(ds-boat) 19/5/2555 13:16:50 [118.173.196.147]
ของป่า กินนิดเล็กน้อย ไม่เอามาขายเป็นธุรกิจ ก็กินเถอะครับ ^ ^
จาก : ช้างพลาย(ช้างพลาย) 21/5/2555 10:06:10 [203.156.183.145]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

rungchum จาก ลุงฉ่ำ 202.28.78.12 เสาร์, 19/5/2555 เวลา : 12:02  IP : 202.28.78.12   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2763

คำตอบที่ 46
       กำลังสนุกเลยครับพี่ อยากเห็น ปลากระพงตัวใหญ่ๆจัง



เสียดายจังเลยครับ รูปหายไปใหนหมดก็ไม่รู้ ไอ้กระพงตัวนี้ผมก็ถ่ายไว้
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 21/5/2555 23:53:18 [111.84.101.154]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ช้างพลาย จาก ช้างพลาย KBL>>53 203.156.183.145 จันทร์, 21/5/2555 เวลา : 10:07  IP : 203.156.183.145   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2818

คำตอบที่ 47
       เอ! ทำไมท่านพี่ xr-boy เงียบหายไปไหนนะ ไม่แว่วข่าวหลายๆเวปด้วย คิดถึงนะครับ





นั่นดิครับ เห็นรูปนี้แล้วไม่รู้เมื่อไรแมงหวี่ของผมมันจะโตซักทีก็ไม่รู้
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 21/5/2555 23:57:18 [111.84.101.154]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 171.7.173.106 จันทร์, 21/5/2555 เวลา : 11:57  IP : 171.7.173.106   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2824

คำตอบที่ 48
       การทำไเม้จะว่าไปถ้่าทำกันอย่างถูกหลักวิชา และมีจิตสำนึก และเปิดโอกาสให้ป่าฟื้นตัว หรือมีการปลูกทดแทนป่ามันไม่หมดหรอกครับ แต่นี่ส่วนใหญ่นอกจากตัดกันอย่างไม่บันยะบันยัง ยังตามมาด้วยการบุกรุกแผ้วถางจับจอง ทั้งจากชาวบ้านที่ยากจนจริงๆและจากนายทุนที่ไม่เคยมีคำว่าพออยู่ในหัวใจ ในที่สุดป่าเมืองไทยจึงวอดวายแทบไม่เหลือ กลายเป็นที่ทำกินและรีสอร์ทขึ้นมาแทนที่ ธรรมชาติบ้านเรามันจึงได้วิปริตผิดเพี้ยน ภัยพิบัติต่างๆที่ไม่เคยเกิดก็เริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หลายคนคงจำได้กับโศกนาฏกรรมที่ดินโคลนและซุงที่ถล่มใส่บ้านช่องที่ บ้านกะทูน พิปูนจนมีผู้เสียชีวิตและสูญหายหลายร้อยราย และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลในยุคนั้น ตัดสินใจปิดป่ายกเลิกการให้สัมปทานการทำไม้ทั่วประเทศ ทำให้บริษัททำไม้ต่างๆจำต้องดิ้นรนหาทางออกด้วยการเข้าไปทำไม้จากประเทศอื่นๆที่ยังจำเป็นต้องขายทรัพยากรของตน เพื่อแลกกับรายได้ที่ไม่แน่นักจะตกถึงมือประชากรของตัวเองสักเท่าใด แรกเริ่มก็เริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆคือ พม่า ลาว เขมรก่อน ต่อมาก็เริ่มไปประเทศที่ไกลออกไปอีก เช่น ปาปัวนิวกินี สุดท้ายไปกันจนถึงทวีปแอฟริกาก็ยังมี
ทั้งนี้ส่วนใหญ่ประเทศเหล่านี้มักเป็นประเทศที่ยากจน บางประเทศสงครามภายในเพิ่งสงบ บางประเทสก็ยังไม่สงบดี จึงจำเป็นต้องขายทรัพยากรของตนเพื่อแลกกับเงินตราเข้าประเทศ บวกกับผลประโยชน์แอบแฝงอื่นๆเช่น อาศัยการทำไม้บังหน้าเพื่อการทำลายที่อยู่อาศัยของฝ่ายตรงข้ามให้น้อยลง และอาศัยถนนหนทางที่ในการทำไม้เป็นเส้นทางขนกำลังเข้าไปสู้รบกัน ในการเข้าไปทำไม้ในประเทศต่างเหล่านี้ บริษัทที่ทำไม้จึงมักจะต้องเจอผจญกับบรรดานักรบจากกลุ่มกำลังต่างๆ อีกทั้งต้องจ่ายค่าคุ้มครองหรือจะเรียกว่าค่าภาษีให้กลุ่มต่างๆเหล่านี้ นอกไปจากที่ต้องเสียค่าสัมปทานที่ถูกต้องให้กับฝ่ายรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฏหมายแล้ว ซึ่งหากบริษัทใดไม่ยอมก็็ยากที่จะสามารถดำเนินงานของตนต่อไปได้ อย่างเบาะๆก็อาจแค่ยึด เผาทำลายทรัพย์สิน แต่หลายครั้งก็เลยเถิดกันถึงชีวิต แถมบางครั้งก็ไม่ใช่ชีวิตเดียวแต่เป็นการฆ่าล้างปางนับสิบชีวิตทีเดียว
สำหรับบริษัทที่ผมไปทำอยู่นั้น เป็นบริษัทหน้าใหม่ของวงการทำไม้เพิ่งจะได้สัมปทานในการตัดไม้เป็นครั้งแรกด้วยการยึดทรัพย์มาจากลูกหนี้รายหนึ่ง จึงไม่ค่อยรู้อะไรในการทำงานมากนัก เมื่อเข้าไปทำงานในพื้นที่ครั้งแรกจึงไม่ได้มีการเคลียน์ในเรื่องดังกล่าว ( หรืออาจจะรู้แต่ไม่อยากจ่ายก็ได้) ผลก็คือเข้าไปทำงานไม่นาน ตัวผู้จัดการป่าก็ถูกกองกำลังกะเหรี่ยงอิสระ KNU บุกมาจับพาไปขังไว้ที่ค่ายที่มีชื่อว่าถ้ำดิน ที่เป็นค่ายใหญ่ที่สุดของฝ่ายกระเหรี่ยงในพื้นที่แถบนั้น ค่ายนี้จะอยู่ติดพรมแดนไทยแถวๆอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งอยู่ห่างจากปางไม้ของเราประมาณ 150 กิโลโดยประมาณ หลังจากมีการเจรจาและจ่ายภาษีให้ฝ่ายกระเหรี่ยง และไถ่ตัวพี่เขาออกมาเรียบร้อย บริษัทของเราก็สามารถดำเนินงานทำไม้ของเราต่อมาได้อย่างค่อนข้างจะราบรื่น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้าไปทำงานในบริษัทนี้ แต่ก็ไม่นานเท่าไร



มีทางตัดเข้าป่าที่ไหน ป่าที่นั่น บรรลัยวอดวายแน่นอน ครับ
จาก : kookyz(kookyz) 23/5/2555 11:43:01 [27.130.84.245]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 111.84.101.154 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 00:43  IP : 111.84.101.154   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2834

คำตอบที่ 49
       ตอนที่ผมเข้าไปทำงานใหม่ๆ บริษัทยังไม่ได้ส่งผมเข้าป่าเลยแต่ให้ไปอยู่ที่โรงเลื่อยแห่งหนึ่งที่อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง โรงเลื่อยแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนสายเพชรเกษม ห่างจากตัวอำเภอกระบุรีประมาณ สิบกว่ากิโล ในอำเภอนี้มีโรงเลื่อยอยู่ทั้งหมดสิบกว่าโรงเห็นจะได้ สำหรับโรงเลื่อยที่ผมอยู่นั้นนอกจากด้านหน้าจะติดถนนใหญ่แล้ว ด้านข้างด้านหนึ่งจะติดกับคลองใหญ่คลองหนึ่งชื่อว่าคลองลำเลียง ซึ่งเป็นคลองสาขาของแม่น้ำกระบุรีที่เป็นเส้นแบ่งไทยกับพม่า ที่มีโครงการมาตั้งแต่สมัย ร.5 ว่าจะขุดต่อให้เป็นช่องทางเชื่อมระหว่างอ่าวไทยและทะเลอันดามันแต่ไม่เคยสำเร็จเสียที ทั้งในคลองลำเลียงและแม่น้ำกระบุรีนี้ เขาเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนมีจระเข้ชุกชุมมาก จนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หนังจระเข้เป็นที่นิยมและมีราคาแพงบรรดาจระเข้ทั้งหลายจึงกลายร่างไปเป็นกระเป๋ากันจนหมด แต่ถึงจระเข้จะสูญพันธุ์ไปหมด สัตว์น้ำอื่นๆอย่างเช่นปูและปลาก็ยังมีพอให้หากิน เวลาว่างผมจึงมักมานั่งตกปลาอยู่เสมอ ปลาที่ตกได้จะเป้นปลาที่อาศัยอยู่ได้ทั้งสองน้ำ เนื่องจากน้ำในคลองค่อนข้างจะเป็นน้ำกร่อย อย่างเช่นปลาดุก ปลาหม้อแตกหรือที่ทางภาคตะวันออกเรียกว่าปลาอีคุด เหยื่อที่ใช้ตกก็คือปูแสมที่มีอยู่มากมายแถบนี้
ส่วนด้านหลังโรงเลื่อยจะเป็นหมอนไม้ที่เกิดจากการถมที่ ขนาดสักร้อยไร่เห็นจะได้ เมื่อเรือยนต์ลากแพบรรทุกไม้ หรือแพไม้ซุงมาจากพม่าโดยล่องผ่านทะเลอันดามัน เข้ามาตามแม่น้ำกระบุรี และคลองลำเลียงจะนำมาขนขึ้นที่หมอนไม้แห่งนี้ รอให้จนท.ศุลกากรและป่าไม้มาตรวจและตีตรา จากนั้นทางบริษัทไม้อัดไทยก็จะมาทำการคัดเลือกไม้้ที่ต้องการส่งเข้าโรงงานที่บางนา โดยรถบรรทุกหัวลากหรือที่เรียกกันว่ารถสาลี่ ส่วนไม้ที่เหลือจากการคัดก็จะนำเข้าเลื่อยในโรงเลื่อยเพื่อเลื่อยเป็นไม้แปรรูปส่งขายต่อไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.87.32.209 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 11:07  IP : 115.87.32.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2836

คำตอบที่ 50
       ต่อมาด้วยนิสัยประเภทปากตรงกับใจ และไม่เคยกลัวที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ ทำให้ผมได้มีโอกาสย้ายเข้าไปทำงานในป่า ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความวิตกใดๆให้แก่ผมเนื่องจากเป็นของชอบอยู่แล้ว ทั้งตัวผู้จัดการป่าและผู้ช่วยที่เป็นอดีตป่าไม้จากป่าไม้แพร่ และกัปตันเรือรวมทั้งลูกเรือทั้งหลาย ผมก็ได้มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนม ถูกคอกันดีอยู่แล้ว
เมื่อเข้าไปในป่า หน้าที่แรกที่ผมได้รับมอบหมายให้ทำก็คือ การทำหน้าที่เสมียนไม้ หรือบางทีก็เรียกกันว่านายไม้ ทำหน้าที่ตรวจเช็คทำบัญชี ชนิดความยาวความโต รูปพรรณหรือตำหนิของไม้ซุงที่ส่งออกมาจากป่าโดยรถบรรทุกไม้ หรือรถจอหนัง จะนำมาทิ้งไว้ที่หมอนไม้ จากนั้นรถตักก็จะจัดการยกไม้ซุงเหล่านั้นวางเรียงเป็นรูปก้างปลาโดยตรงแกนกลางจะเป็นไม้ที่มักมีขนาดใหญ่ๆเรียงเป็นเส้นตรงต่อกัน จากนั้นจะนำไม้ซุงอื่นมาวางให้ปลายข้างหนึ่งวางอยู่บนไม้ซุงท่อนที่เป็นฐาน ส่วนอีกข้างหนึ่งวางกับดิน การวางก็จะวางสลับท่อนกันสองข้างของไม้ที่วางไว้เป็นฐาน หรือเป็นหมอน ซึ่งจะทำให้มองดูเหมือนเป็นก้างปลา เหตุผลที่ต้องทำการเรียงเช่นนี้ก็เพื่อความสะดวกในการทำงานต่างๆ เช่นการวัดการตรวจสอบการตีตราและเลขเรียงประจำท่อนต่างๆเป็นต้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.87.32.209 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 11:38  IP : 115.87.32.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2837

คำตอบที่ 51
       การทำงานในหมอนไม้อย่างที่บอก จะเริ่มตั้งแต่เมื่อไม้ถูกนำมาส่งและจัดเรียงเรียบร้อย คนงานที่มีหน้าที่ขวั้นเปลือกก็จะมาทำการขวั้นเปลือกไม้ตรงบริเวณตรงกลางของความยาวของซุงท่อนนั้น เพื่อเวลาวัดขนาดความโตหรือเส้นรอบวงจะได้ คำนวณเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อไม้จริงๆเท่านั้น เราจะเริ่มงานตั้งแต่เช้าประมาณ 7 โมงก่อนกินข้าวเช้า โดยจะมีผม เสมียนของฝ่ายผู้รับเหมา คนงานที่ทำหน้าที่วัดความยาวหัวท้ายสองคน คนงานที่ที่ทำหน้าที่วัดความโตหรือเส้นรอบวงหนึ่งคน และคนงานที่ทำหน้าที่ตีเลขเรียงอีกหนึ่งคน รวมเป็น 5 คน จะออกเดินไปที่หมอนจากนั้นผมกับเสมียนของฝ่ายผู้รับเหมาก็จะกระโดดขึ้นไปยืนบนท่อนซุง ขานชนิดของไม้ท่อนนั้น ฟังคนงานที่ทำหน้าที่วัดความยาวขานบอกความยาวที่วัดได้ ดูขนาดเส้นรอบวงที่คนงานอีกคนวัดได้ ต่างฝ่ายต่างลงบันทึกในสมุดของตัวเอง เสร็จจากท่อนหนึ่งก็กระโดดต่อไปทำซ้ำกับท่อนต่อไป หากมีตำหนิต่างๆเช่นไม้แตก เป็นโพรง ก็จะบันทึกหมายเหตุไว้ และต่อรองกันว่าไม้ท่อนนี้เราจะคิดปริมาตรกันที่เท่าใด ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นเรื่องสำคัญและเป้นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายของผมและฝ่ายของผู้รับเหมาไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไรนัก
พอสายๆแดดเริ่มแรงเราก็จะพัก และกลับมาทำงานอีกครั้งช่วงบ่าย เสร็จแล้วผมก็จะนำรายละเอียดมาลงบัญชีและคำนวณปริมาตรไม้ ชุดหนึ่งส่งให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่พม่า อีกชุดหนึ่งส่งให้ทางบริษัทเพื่อนำไปแจ้งให้กับฝ่ายป่าไม้และศุลกากร รวมทั้งจ่ายเงินค่าไม้ให้แก่ผู้รับเหมาหรือลูกช่วงต่อไป



เกจิ ด้านทำไม้อีกท่าน
จาก : kookyz(kookyz) 23/5/2555 11:44:55 [27.130.84.245]
หามิได้ ห่างไกลจากคำว่าเกจิมากนักครับท่านกุ๊ก
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 28/5/2555 12:34:22 [183.89.58.38]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.87.32.209 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 12:36  IP : 115.87.32.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2838

คำตอบที่ 52
       เราใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย และมีความสุขพอสมควรตามอัตภาพ เมื่อว่างบางครั้งก็พากันออกไปเที่ยวป่า หากินเหล้าตามแค้มป์ หรือปางไม้ของผู้รับเหมาที่ชอบพอกันบ้าง เที่ยวไปตามหมู่บ้านที่อยู่รอบๆที่มีทั้ง พม่า กระเหรี่ยงและคนไทยบ้าง หาปูหาปลาไปตามเรื่องบ้าง จะครึกครื้นเฮอากันเป้นพิเศษก็เมื่อยามเรือของบริษัทเข้ามาเทียบท่า ซึ่งนอกจากจะนำเสบียงของบริษัทมาส่งให้ ก็จะเป็นสิ่งของต่างๆที่เราฝากซื้อจากฝั่งไทย เช่นหนังสือต่างๆ จำได้ว่าสมัยนั้นพวกเราหลายคนจะติดหนังสือนิยายที่ชื่อบางกอกมาก เรียกได้ว่าจองคิวต่อกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยามเรือเข้าก็เป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้มีโอกาสได้กินอะไรเย็นๆ แทนที่จะกินน้ำอัดลมหรือเบียร์กระป่องแบบอุ่นๆเนื่องจากไม่มีตู้เย็นแช่ตามปกติ นอกจากนี้เวลาเรือเข้าผมก็มักจะย้ายที่นอนจากกระท่อมที่ปาง ลงไปนอนขลุกอยู่ในห้องอาหารของเรือ ที่ติดแอร์และมีหนังวิดีโอให้ดูตลอดทั้งคืน แต่สุขสุดยอดเหนืออื่นใดก็เห็นจะเป็นยามที่ได้มีโอกาสได้นั่งเรือลำนี้กลับเข้าเมืองไทย ยามที่ได้ลาพักนั่นแหละ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.87.32.209 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 12:50  IP : 115.87.32.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2839

คำตอบที่ 53
       แต่นอกเหนือจากความสุข ความสนุกที่ได้ใช้ชีวิตหัวหกก้นขวิดไปกันตามประสาแล้ว บางครั้งเราก็ได้พบกับเรื่องตื่นเต้นหวาดเสียว รวมทั้งความทุกขืยากไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ และอุบัติเหตุต่างๆ นอกจากนี้ก็สงครามภายในระหว่างทหารพม่าและชนกลุ่มน้อยอันมีกระเหรี่ยงอิสระ knu ที่ตอนนั้นยังไม่ได้แยกเป้นกระเหรี่ยงพุทธ กระเหรี่ยงคริสต์ อย่างเดี๋ยวนี้ เป็นกลุ่มหลัก เดี๋ยวๆพวกก็ไล่ยิงกันเสียงระงมไปทั้งป่าโดยเฉพาะยามหน้าแล้ง หลายครั้งหลายหนที่ปางพักของเราได้รับการเยี่ยมเยือนจากแขกไม่ได้รับเชิญเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งจากฝ่ายกระเหรี่ยง knu แท้ๆ หรือกลุ่มย่อยๆอื่นที่เป็นแนวร่วม แต่พวกนี้ส่วนใหญ่มาไวไปไว เมื่อได้สิ่งที่พวกเขาต้องการเช่นเสบียง แล้วก็จะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ยกเว้นครั้งหนึ่งที่เกิดความเข้าใจผิดบางอย่างเกิดขึ้น ทำเอาลูกน้องผมเกือบจะถูกยิงทิ้งอยู่เหมือนกัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.87.32.209 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 13:05  IP : 115.87.32.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2840

คำตอบที่ 54
       เรื่องของเรื่องก็คือวันนั้น ช่วงเย็นๆขณะที่เราเลิกงานตามปกติ แล้วเตรียมตัวพักผ่อนเพื่อจะได้ทำการโหลดไม้ลงแพบรรทุกในช่วงที่น้ำขึ้นในยามกลางคืน ลูกน้องคนหนึ่งก็มาขออนุญาติเอาเรือเล้กไปที่หมู่บ้านพม่า ที่อยู่ตรงปากแม่น้ำต่อกับทะเล เพื่อไปหาหมอที่ปางพักของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพม่า ( พวกนี้ไม่ยอมมาอยู่ร่วมกับพวกผมเนื่องจากกลัวจะต้องเจอกับชนกลุ่มน้อยต่างๆ) ซึ่งผมก็ได้อนุญาติให้ไป หมอนั่นซึ่งโดยปกติก็ค่อนข้างจะเป็นคนค่อนข้างจะซื่อๆและหัวช้าสักหน่อย กับเพื่อนอีกคนจึงพากันเดินลงไปที่ท่าเรือเพื่อเอาเรือเล็กออก จังหวะเดีนวกันนั้นก้ปรากฏมีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือ โผล่ออกมาจากป่า และเข้าควบคุมปางไม้ของเราไว้อย่างรวดเร็ว ตัวหัวหน้าเดินมาพบผมและแจ้งว่าพวกเขาเป็นกลุ่มนักรบมุสลิมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวร่วมกับฝ่าย KNU เช่นกัน และอยากจะรบกวนแบ่งเสบียงจากพวกเราเพื่อไปแบ่งกันกินเนื่องจากอดอยากหิวโหย เหลือเกินแล้ว คุยกันยังไม่ทันถึงใหน ก็พอดีเจ้าลูกน้องที่จะไปหาหมอก็ติดเครื่องเรือเสร็จ และบึ่งเรือออกจากท่าแบบที่เรียกว่าไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ รวมทั้งเสียงร้องห้ามจากพรรคพวกคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าในสายตาของบรรดานักรบทหารป่าเหล่านั้น ย่อมคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่าผู้ที่อยู่ในเรือลำดังกล่าวพยายามที่จะหนี และนำข่าวไปแจ้งทหารพม่าที่หมู่บ้านอย่างแน่นอน พวกเรารวมทั้งทหารป่าเหล่านั้นจึงพยายามตะโกนจนสุดเสียงเพื่อให้ คนงานรายนั้นหยุดเรือแต่ก็ไม่ได้ผล ไม่รอช้าทหารป่ารายหนึ่งจึงสาดกระสุนขึ้นฟ้าไปหนึ่งชุด แต่เรือก็ยังไม่หยุดคงเนื่องจากเสียงเครื่องเรือที่ดังสนั่นทำให้ไม่ได้ยินเสียงปืน เมื่อเห็นว่ายิงขึ้นฟ้าไม่เป็นผลชุดต่อไปจึงเล็งไปที่ตัวเรือทันที อีกหนึ่งชุดมองเห็นฝอยน้ำแตกกระจายขึ้นรอบๆเรืออย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปขวางเอาไว้ก็พอดีกับดูเหมือนกระสุนชุดดังกล่าวจะทำให้คนงานของผมรู้ตัวจึงได้หันหัวเรือกลับ พอเรือเทียบท่าพวกก็ไปลากขึ้นมาและทำท่าจะโดนยำด้วยพานท้ายปืนอยู่แล้ว ร้อนถึงผมต้องรีบเข้าไปห้ามและอธิบายความให้หัวหน้ากลุ่มที่พวกเราเรียกว่า กลุ่มกะลา ( เป็นภาษาพม่าหมายถึงพวกแขก) เรื่องจึงได้ยุติ แต่ไอ้เจ้าลูกน้องตัวดียังมีหน้ามาบ่นอุบอิบอยู่ ผมเลยยันมันไปหนึ่งทีพร้อมกับเจริญพรไปอีกอีกหนึ่งจบ ว่า ไม่ตาย-่า ก็บุญเท่าไหร่แล้วยังมีหน้ามาบ่นอีก รีบๆไปไกลๆเลย ถึงได้เงียบไปได้



ตอนนี้ knu ก้ยังเก็บค่าก๊อก อยู่ในเขตน่านน้ำพม่า นะครับ
จาก : kookyz(kookyz) 23/5/2555 11:47:40 [27.130.84.245]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.87.32.209 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 13:41  IP : 115.87.32.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2841

คำตอบที่ 55
       พักโฆษณาสักหน่อยก่อนครับ
เรื่องของอันตรายในป่าเนี่ย ยกเว้นเรื่องของสัตว์ร้ายต่างๆ โรคภัยไข้เจ็บ ก็ยังมีพืชพรรณบางอย่างรวมทั้งแมลงที่เป็นอันตรายและมีพิษอยู่หลายชนิด บางชนิดก็อันตรายมาก บางชนิดก็อันตรายน้อยหรือสร้างความรำคาญเฉยๆ เช่นต้นช้างร้อง ลักษณะคล้ายๆต้นตำแย ชื่อก็บอกขนาดช้างยังร้อง ใครไปโดนเข้าก็จะเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง ( ก็บอกแล้วช้างยังร้อง) ลูกช้างแหก เป็นต้นไม้ยืนต้นลูกมันจะคล้ายทุเรียนผลเล็กๆ หรือจะบอกว่าคล้ายลูกมะเฟืองผสมทุเรียนก็ได้ ไอ้นี่ก็เหมือนกันขนาดช้างยังแหก ( วิ่งหนี )คิดดูก็แล้วกันพิษจะร้านขนาดใหน แต่ลูกช้างแหกนี่ก็ยังดีถ้าเราไม่ไปยุ่งหรือแหกมันออกก้ไม่มีผลอะไร ต่อหลุม ถ้าตกไปในหลุมมันละก็ลำบากแน่ แต่ถ้าไม่หลับหูหลับตาเดินจริงๆก็สังเกตุไม่ยากเพราะตรงที่เป็นรังมันเนี่ย จะเรียบๆ มีเฉพาะใบไม้แห้งๆต่างจากที่อื่น ที่สำคัญมักจะมีพวกมันบินเข้าออกตลอดเวลา แตน ค่อนข้างระวังยากหน่อย บางชนิดมักทำรังอยู่อยู่ตามใบไม้ต้นไม้เตี้ยๆ จะเหนี่ยวจะจับอะไรก็ดูให้ดีสักหน่อย ผมเคยเผลอไปเหนี่ยวเอาไม้แห้งต้นหนึ่งที่พวกมันทำรังอยู่ พรึบเดียวโดนไปสิบกว่าตัวเต็มหน้า ดีที่หลับตาเสียทัน แต่คนที่ไม่แพ้สักชั่วโมงก้หาย แมงป่องก็เหมือนกันทางที่ดีไม่ควรนอนกับพื้น รองเท้าที่ถอดไว้เวลาจะใส่ควรเคาะดูให้ดีก่อนใส่ ผึ้งถ้าไม่ไปยุ่งกับมันส่วนใหญ่มันก็ไม่ยุ่งกับเรา แต่มีอยู่อย่างสองอย่างที่ถึงเราไม่ไปยุ่งกับมันแต่ดูเหมือนมันจะชอบยุ่งกับเราเสียจริง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.45.34 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 15:30  IP : 124.122.45.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2865

คำตอบที่ 56
       อันดับแรกดูเหมือนจะครองแชมป์ตลอดกาลหากไปถามสาวๆว่ากลัวเจออะไรมากที่สุดในป่า แต่ความจริงนอกจากความน่าขยะแขยงแล้ว ทากก็ถือเป้นสัตว์ที่ไม่มีพิษภัยเท่าไรนัก แต่ก็ต้องคอยทำความสะอาดแผลที่ทากกัด ( หรือเจาะ )ไม่งั้นอาจติดเชื้อลุกลามเป้นเรื่องใหญ่ได้เหมือนกัน สำหรับผมโดนตัวสองตัวก็เฉยๆ แต่โดนเยอะๆก้ไม่ไหวเหมือนกัน ยังจำได้มีอยู่ครั้งหนึ่งถกขากางเกงขึ้นมาดูเจอทาก 4-5 ตัวสุมหัวดูดเลือดจนตัวเป่ง จากจุดเดียวกันที่เคยโดยในวันก่อน เล่นเอาสยองจนต้องจับพวกมันมาสับๆด้วยมีดให้หายแค้นทีเดียว สำหรับวิธีป้องกันทากนั้นพอมีดังนี้
1. เลิกเข้าป่า อะ ล้อเล่งน่า วิธีที่นิยมกันมากที่สุดก้คือ ใช้ยาทาป้องกัน ก็มีตั้งแต่ยากันทากที่ขายกันอยู่ทั่วไป แบบบ้านๆประหยัดหน่อยก็เอายาเส้น(ยาสูบ)มาหมักกับน้ำแล้วก็เอามาทาขาหรือรองเท้าไว้ ก็ป้องกันได้ผลดีพอสมควรแต่ถ้าเปียกหรือลุยน้ำก็ต้องคอยทาหรือโชลมใหม่ เห็นสาวๆพม่าบางคนจะเอายาเส้นคลุกกับเกลือและน้ำพอหมาดๆ ห่อด้วยผ้าแล้วคาดรัดข้อเท้าเอาไว้ คงนึกภาพออกนะครับว่าสาวๆชาวป่าใส่รองเท้าแตะและผ้านุ่ง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทากมันไต่เข้าไปในร่มผ้าได้
2.พรานและคนหาของป่าแถวตราด จะใส่รองเท้าบูทยางเป็นหลัก แล้วใช้ผ้าหรือถุงเท้าตัดเป้นปลอกพันหรือรัดรองเท้าบูทเอาไว้ และที่ผ้าหรือปลอกถุงเท้านี้เขาจะเอาน้ำส้มที่เอาไว้ผสมกับน้ำยาง ( น้ำกรดนะแหละ) ราดหรือโชลมไว้ ได้ผลดีมากแม้จะต้องลุยน้ำหรือเปียกฝน
3.ใส่ถุงกันทาก เมื่อก่อนตอนยังไม่มีถุงกันทากผมใช้ถุงพลาสติกนี่แหละ เสียแต่มันอบเท้าไปหน่อย แต่ถุงกันทากเนี่ยถ้าต้องเข้าป่าบ่อยๆหรือทุกวันก็ไม่ค่อยสะดวกเนื่องจากซักไม่ทัน ผมเองก้ไม่ชอบใส่เนื่องจากรู้สึกว่ามันรุงรังไปหน่อย ถ้าใส่ผมก็จะใส่ถุงเท้าทับอีกที หรือไม่บางทีก็จะใช้ถุงเท้านินจาแบบที่คนงานจับกุ้งเขาใส่กันแล้วค่อยใส่ถุงเท้ายาวคลุมทับขากางเกงอีกทีหนึ่ง
แต่จะวิธีใหนก้ไม่สามารถกันได้ร้อยเปอเซ็นต์หรอกครับ ทากบางชนิดก็ชอบเกาะอยู่ตามใบไม้เตี้ยๆก็มีเหมือนกัน และถ้าเรากันที่ขาดีแล้วมันก็จะไต่ขึ้นสูง ถ้าไม่เอาเสื้อยัดในกางเกงก็มักโดนตรงเอวหรือตามลำตัว พอเอาเสื้อใส่กางเกงมันก้จะไต่ขึ้นมาแถวลำคอหรือใต้คางก็มี ก็เลือกเอาแล้วกันครับจะใช้วิธีใหน อิอิ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.45.34 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 16:11  IP : 124.122.45.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2876

คำตอบที่ 57
       สังเกตุคนนี้ใส่บูทเหลือง จะได้เห็นทากชัดๆเวลามันเกาะ และปลอกถุงเท้าตัดอาบด้วยน้ำกรด





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.45.34 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 16:16  IP : 124.122.45.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2880

คำตอบที่ 58
       ส่วนกลุ่มนี้เสียดายถุงเท้า ใช้เศษผ้ามาพันไว้แล้วอาบด้วยน้ำกรด เหมือนกัน พวกนี้ทั้งหมดตอนแรกผมก็แจกถุงกันทากให้ทุกคนแต่ขึ้นป่าทุกวันขี้เกียจซักเลยหันมาใช้วิธีนี้กันหมด





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.45.34 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 16:21  IP : 124.122.45.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2883

คำตอบที่ 59
       สำหรับผมไม่ชอบใส่รองเท้าบูทและไม่ได้ขึ้นป่าทุกวัน ส่วนใหญ่จะไม่ได้ป้องกันอะไรแต่ถ้าใส่ถุงกันทากก็จะใส่ถุงเท้าทับอีกที





น้ำตกจ๊อกกระดิ่ง ปิล๊อค ทองผาภูมิ กาญจน์
จาก : kookyz(kookyz) 23/5/2555 11:51:25 [27.130.84.245]
ใช่ครับ แหมสมกับเป็นเกจิป่าตะวันตกเลยนิเห็นแค่นี้ก็จำได้ อิอิ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 28/5/2555 12:38:10 [183.89.58.38]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 124.122.45.34 อังคาร, 22/5/2555 เวลา : 16:24  IP : 124.122.45.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2886

คำตอบที่ 60
       อ่านแล้วสนุกมากครับพี่แนวไพร ประสพการณ์ที่ไม่มีในหนังสือเรียน ขอบคุณที่มาถ่ายทอดให้ฟังและได้รู้กัน นะครับ





ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ท่นากุ๊กเองก็ประสบการณ์ไม่น้อยวันหลังเชิญนำมาเล่าสู่กันฟังบ้างสิครับ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 28/5/2555 12:40:07 [183.89.58.38]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 27.130.84.245 พุธ, 23/5/2555 เวลา : 11:56  IP : 27.130.84.245   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2893

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอาทิตย์,24 พฤศจิกายน 2567 (Online 2874 คน)