พฤหัสบดี,21 พฤศจิกายน 2567 |
เรื่องเล่าคนตกปลา 250 ไมล์กับนายชนบทแล่นเรือโต้คลื่น ปลากระบึกที่สีชัง คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง บางเสร่ยังมีลุ้น ดอดไปฟันไอ้โฉม วันนี้ที่รอคอย มันแปลกดีนะ สายันรัญจวน ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ น้ำใจ โฉมเอยโฉมงาม แข่งขันตกปลาสัญจร#1 ปลายฝนต้นหนาว แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6 ลูกหมูจอมซ่าส์ โต้ลมหนาว เก่งกับเฮง เมษาฮาวาย เมื่อผมไปงานแข่งฯ ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ หูดำที่เกาะค้างคาว ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง มหาเฮง นักเลงโตสากดำ ฟ้าหลังฝน หลังมรสุมสงบ ตามล่าปลาจัมโบ้ บันทึกแห่งความทรงจำ คุณพริ้งลองของ อัดปลาโต้เดิ้ง เพื่อนรักต่างแดน เก๋าหน้าหวาน ไต๋ยอช์ตพาเพลิน สานสัมพันธ์คนตกปลา#1 หรรษาตะวันแดง บางเสร่รำลึก#4 ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก แดงจ๋าแดงจ่า ลีลาสละ ลูกหมูย่ำสวาท ผู้กล้าแห่งวารี ไต๋ระยอดนักสู้ สายสัมพันธ์คนตกปลา#2 มือใหม่หัดเหวี่ยง ผู้พันอินทรี สัตว์ประหลาด ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี จิตสังหาร ลากมาอุ้ม ปริศนาที่เร้นลับ ดอนตะวันแดง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3 ปลายักษ์ในตำนาน ราพาร่าพรางตัว สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4 อินทรีหลังโขด ท่องไปกับตะวันแดง รวมดาวกระจุย บุกรังสีทอง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4 อยากอัดไอ้หลาม ปลอบขวัญที่กำพวน วาฮูนักวิ่งน้ำลึก วังสีทอง กุเลาเกมส์พันธ์ดุ รางวัลชีวิต สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5 ธิดาย่ำสวาท กุเลาเกมส์คนวัยมันส์ เมษาพาเพลิน |
เพื่อนไร้พรมหแดน ผู้ร่วมทริพ 1.ชนบท 2.พี่เหนี่ยว 3.เฮียคิม 4.พี่ซิง ปลาทราย 5.หมู Moherac 6.ตี๋ 7.ตุ่น 8.การุณ 9.แต๋ง 10.พี่หมู อ่อนนุช 11.สาม 12.คุณโฟว์ "บนถนนหนทางซูเปอร์ไฮเวย์ หนุ่มพเนจรท่องไปกลางฝัน" บทเพลงเพื่อชีวิตดังกระหึ่มก้องรถ ระหว่างที่เราเดินทางมุ่งสู่แหลบงอบ หัวใจที่พองโต หวาดฝันถึงปลาอินทรีกองโต มันเป็นห้วงแห่งความเคลิ้มคล้อยปล่อย กระแสจิตตามเสียงเพลง หนุ่มพเนจร ที่กำลังเปิดกระหึ่ม ระหว่างนั่งรถเดินทางไปตามหา ฝัน ไต๋ดำ ไต๋รุ่นลายครามผู้สะสมประสบการณ์ ตกปลาอินทรี ผู้เคยร่วมชีวิตสายน้ำผู้ล่ากับไต๋อ้วน ไต๋ที่โด่งดัง ผู้ที่ฝากความทรงจำให้กับนักตกปลาอินทรีหลายคนไว้มากมายในอดีต ไต๋ดำแห่งบ้านแหลมงอบ หนุ่มพเนจรทั้ง 12 ชีวิต กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่ฝัน ยังหมู่บ้านแหลมงอบ จังหวัดตราด เราแวะตลาดสดเมืองตราด เพื่อจัดเตรียม เสบียงกรัง และที่ขาดเสียไม่ได้ ทุกครั้งที่ออกไปตกปลาที่แหลมงอบ ก็คือเหล้าแม่โขง 2 ขวดและพวกเครื่องดื่ม ชูกำลัง อีก 4 แพ็ค จากเรื่องราวที่เคยได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ของเรือตกปลาที่แหลมงอบ ทำให้ ผมพอทราบว่า "เราต้องเตรียมสิ่งของพวกนี้ เพื่อนำไปแลกเหยื่อ กับเรืออวนล้อม" ดูเหมือนการแลกเหยื่อ จะเป็นธรรมเนียมของเรือตกปลาบ้านแหลมงอบไปเสียแล้ว เรือตกปลาที่แหลมงอบจะถนัดใน เรื่องของการ ตกปลาลอย ที่ขึ้นชื่อลือชาทำชื่อเสียงให้กับไต๋เรือในย่านนี้ก็จะเป็น "ตกปลาอินทรี" เป็นหลัก ปลาเหยื่อที่นิยมใช้ส่วนมากจะเป็นปลาทู ปลาสีกุน เป็นหลัก จึงเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักตกปลาอินทรี ว่าเรือตกปลาย่านแหลมงอบ จะไม่นิยมหาเหยื่อ จะรอเวลาที่เรืออวนล้อม ทำการกู้อวน แล้วจะนำ เรือเข้าเทียบเพื่อขอแลกเหยื่อ หรือที่เรียกกันติดปากในหมู่นักตกปลาว่า "ไปเกาะเรืออวน" แต่บางครั้ง ไต๋เรือบางคนก็จะออกหาเหยื่อ โดยวิธีใช้เบ็ด ซาบิกิ โสก เอาตามแหล่งหมายเฉพาะตัวของไต๋แต่ละคน บ่ายสามโมงของวันที่ 19 ก.ย. 46 หนุ่มพเนจร ทั้ง 12 ชีวิต พร้อมด้วยพาหนะคู่กาย มาปรากฏตัวที่บ้านแหลมงอบ ไต๋ดำพาพวกเราไปเปิดไฟตกปลาหมึกที่ข้างเกาะกูด เพราะนึกเห็นใจ ที่พวกเรามากันเยอะ กลัวว่าจะเหงา ไม่มี อะไรทำ ในช่วงระหว่างที่รอเรืออวนล้อมปลาไต๋ดำ จึงพาเราไปเปิดไฟตกปลาหมึกแก้เหงา ว่างั้นเถอะ จุดที่ไต๋ดำพา พวกเรามาจอดตกปลาหมึกจะอยู่บริเวณหลังเกาะกูด คานไฟ ทั้ง 3 อัน ก็ถูกกางออก หลอดไฟบนคานไฟ ทั้ง 3 คาน เปล่งแสงสว่างไสว มหกรรมแข่งขันตกหมึกลงขันตัวละ 5 บาท ก็เริ่มขึ้น ไม่นาน ผู้พันโฟว์ ก็ดึงหมึกกล้วย ตัวโต ขึ้นมาเป็นคนแรกตามติดมาด้วยเจ้าหมู รู้สึกว่าจุดที่เรามาจอดเปิดไฟไดร์หมึก จะมีหมึกไม่ค่อยชุมเท่าไร นานๆ เราจะตกหมึกได้ สักตัว เวลาผ่านล่วงเลยไปนานนับหลายชั่วโมง เราตกหมึกได้ 4-5 ตัวเอง พอดึกหน่อย ก็มี หมึกศอก ขึ้นมาเล่นผิวน้ำห่างจากเรือไม่กี่เมตร พอผมเห็นหมึกลอยผิวน้ำเท่านั้นแหละ ความบ้าก็กำเริบ แหกกฏกติกา การโสกหมึกมาเป็น "จิกหมึก" แทน "เมื่อมันตกไม่ได้ ก็เล่นจิกมันขึ้นจากน้ำ เสียเลย" ว่าแล้วผมก็ดีด คันเบ็ดส่งโยทะกาออกไป เป้าหมายก็คือหมึกศอก ที่ขึ้น มาเล่นผิวน้ำ อุแหม่! แม่นเหมือนกับจับวาง เหยื่อโยทะกา ตกลงบนตัวปลาหมึกศอกเคราะห์ร้ายตัวนั้น พอเหยื่อโยทะกาตกน้ำปุ๊บผมก็วัดคันปั๊บ หนามแหลมของโยทะกา แทงทะลุผิวหมึกตัวนั้น อย่างเหมาะเม็ง แล้วผมก็ดึงปลาหมึกศอกขึ้นมาว่ายน้ำเล่นในห้องขังเหยื่อได้อีก 1 ตัว ส่วน เจ้ามุก ลูกชายไต๋ดำที่ยืนโสกปลาทู อยู่ข้างๆ ผม ก็แสดงโชว์ฝีมือดึงปลาทูขึ้นมาขังในห้องเหยื่อ ตั้งเกือบ 20 ตัว คืนนั้นเกือบทั้งคืน เราตกหมึก ได้ไม่ถึง 10 ตัว คนที่ดู Hot ที่สุดคงจะไม่มีใครเกิน เจ้าหมู ที่ดึงเอาปลาหมึกศอก ขึ้นมาได้ถึง 2 ตัว ส่วนผู้พันโฟว์ ฝีมือก็ใช่ย่อย ดึงเอาหมึกกล้วย ขึ้นมาว่ายน้ำ ให้เราได้ดูเล่นตั้ง 4 - 5 ตัว ส่วนตัวผมนั้นใช้วิธี "ตีจิก" ขึ้นจากน้ำอย่างเดียว และก็ทำได้ถึง 3 ตัว มันก็ดีกว่าอยู่เปล่าๆ อย่างที่ไต๋ดำว่าไว้ เช้าวันใหม่ วันที่ไร้เสียงไก่ขัน ให้ได้ยิน ปลาทูเป็นเป็นแหวกว่ายเต็มห้องขังเหยื่อเกือบจะ 60 ตัว มันมากพอ สำหรับเกมส์สายลอยตกปลาอินทรี ไต๋ดำคนขยันพาพวกเรามาถึงหมายซากเรือปูน เกือบจะ 8 โมงเช้า บัดนี้ที่หมาย ซากเรือปูนเหมือนกับมีงานวัด เรือนักล่าปลาอินทรีจอดเรียงรายอยู่บริเวณนั้นถึง 3 ลำ ไต๋ดำพยายามเล็งร่องน้ำ ตามวิชาที่ได้ศึกษาถ่ายทอดมาจากไต๋อ้วน สุดยอดไต๋แห่งแหลมงอบผู้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะนำเรือเข้าจอดเหนือ เรือทั้ง 3 ลำ เสียงสมอหล่นน้ำดังตูม วินาทีต่อจากนี้ไปจะเป็นเวลาแห่งโชคชะตา เมื่อสายสมอตึงได้ที่ ปลาทูเป็น เป็น ถูกช้อนขึ้นมาจากห้องขังเหยื่อ แล้วบรรจงเกี่ยวเข้ากับ เบ็ดตัวเล็กขนาด เบอร์ 10 ผูกด้วยลวดเป็นเบอร์ 10 หรือ เบอร์ 12 ผูกเบ็ดเรียงกันเป็นแถว 3 ตัวบ้าง 4 ตัวบ้าง เบ็ดแต่ละตัวจะห่างกันประมาณ 1.5 เซนติเมตร วัดจาก ความยาวของ ลวดผูกนะครับ ปลาทูที่ปราดเปรียว วิ่งปรูดไปข้างหน้าทันทีที่เราโยนมันลงน้ำ โดยแบกตะขอเบ็ดกับทุ่นโฟม ติดหลังไปด้วย การปล่อยสายลอยตกปลาอินทรี จะต้องค่อยๆ ปล่อยไปทีละเส้น รอให้เส้นหนึ่งออกไปไกลเสียก่อนแล้วจึงปล่อยเส้นต่อไป ปลามันจะได้ไม่วิ่งพาสายไปพันกันครับ ไต๋ดำ และเจ้ามุก ช่วยกันปล่อยสายลอยจนครบทั้ง 4 คัน จากนี้ไปก็เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอย บรรดาเพื่อนๆ บางคนก็หยิบคันชุดเล็กมานั่งสอยปลาเล็กปลาน้อยเล่นแก้เหงา พี่ซิง ของเราเงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะเปรยออกมาว่า "แย่เลยวันนี้ฟ้าไม่เป็นใจเสียแล้ว ท้องฟ้าปิด อากาศมืดครึม น้ำก็ไม่เดิน ปลาอินทรีคงจะหาตัวยากสะแล้ว" มันเป็นวันแห่งความอึมคึม อย่างที่พี่ซิงว่าไว้จริงๆ และแล้วเวลาที่พวกเรารอค่อยก็มาถึง
เมื่อสายเอ็น 10 ปอนด์จากรอก Shimano CT400 ที่พี่คิม ถือไว้ แสดงอาการผิดปกติ
สายเอ็นที่หย่อนกลับเริ่มตึงขึ้น และพุงออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงกรีดร้อง
จากคลิกเสียง ส่งสัญญาณเสียง ดังแก๊รกกกก ลั่น ในขณะที่พี่คิม ยังไม่ทันระวังตัว
แต่ด้วยสัญชาติญาณ ของนักตกปลา พี่คิมจึงวัดคันสวนไปทันที แต่แล้วความหวังที่อุตส่าห์รอคอย
มาหลายนาที ก็มีอันต้องพังทลาย สายที่ตึง ๆ ก็เบาหวิว "ขาดไปทั้งยวงเลยครับ
น้าโย" พี่คิมเกิดอาการหัวเสียก่อนจะกรอสายเอ็นที่ว่างเปล่า กลับคืนเข้าสู่รอก
ด้วยอาการ มือสั่นระริก แต่ใบหน้าแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง "หลุดไปได้ยังไงวะ"
เสียงสบถ บ่นพึมพำ ดังออกมาจากผู้ผิดหวัง "ก็พี่อย่าวัดคันด้วยท่าตกกะใจ
ดิ พี่ต้องวัดด้วยท่าที่ตั้งใจปลามันถึงจะติดเบ็ด ฮ่า!" ก็ผมเห็นพี่คิมแก
ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก จึงอดแซวไปไม่ได้ แต่แล้ว เสียงเอ๊ะอะ ทางท้ายเรือก็ดังขึ้น
"วัดเลยพ่อ ทุ่นจมแล้ว" เสียงคันแหวก อากาศ ดังขวับ สายเอ็นเขม็งตึง
ไต๋ดำวัดคันเพื่อย้ำคมเบ็ดอีกครั้งก่อนจะส่งคันให้กับนายตุ่นรับหน้าที่ไปอัดต่อ
ในที่สุดอินทรีตัวแรก ก็ถูกตะขอ เกี่ยวขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ และมันก็เป็นอินทรี
เพียงตัวเดียวที่เราได้ในทริปนี้ คราวนี้เหมือนฟ้าเป็นใจ เมื่อคันเบ็ดของพี่ซิง
โค้งคำนับพื้นน้ำ ก่อนที่สัญญาณเสียงจะดังตามมา พี่คิม ที่ยื่นอยู่ใกล้คันมากที่สุดเอื้อมมือไปคว้าคัน
ดึงออกจากกระบอก ก่อนจะวัดไป 1 ฉับ พอปลากระสาคมเบ็ด มันก็วิ่งกระฉูดพาสายเอ็นออกจากรอกไปอย่างรวดเร็ว
พี่คิมกระหยิมยิ้มย่อง จนลืมคิดไปว่าบัดนี้เจ้าของคันได้มายืนแยกเคี้ยว อยู่ข้างกายแล้ว
"คันผ๊ม ครับ คันผม" เสียงของพี่ซิงนั้นเอง พี่คิม แหงะหน้ามาเห็นเจ้าของคัน
ก็ได้แต่ยิ้มแหย แหย ก่อนที่ยื่นคันส่งให้พี่ซิงผู้เป็นเจ้าของคัน อย่าง
ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไรนัก พี่ซิงรีบรับเอาคันมาอัดต่อด้วยใจที่กระหยิ่มยิ้มย่อง
"หวานคอแร้งตูละ อินทรีเอย อินทรี รอมานานแล้ว" นาน ๆ จะได้อัด
สักที ก็ต้องเล่นอย่างถะนุถนอมกันหน่อยละ เบรกถูกปรับให้อยู่ในระดับที่อ่อน
แต่ก็พอหนืด หนืดแค่ปลาสามารถดึงออกไปได้ ปลา พาสายออกไปทางหัวเรือ เล่นเอาพี่ซิง
ผู้ที่ผ่านเกมส์ แห่งนักล่ามานานนับ 20 ปี ต้อง พาร่างที่อวบอั้น ไต่ตามกาบเรือ
เดินไปอัดปลาที่หัวเรือ แต่ พอปลาเข้ามาใกล้เรือ พอได้เห็นเงาลางๆ เท่านั้น
โอ้ ! แม่เจ้า "ไหง อินทรีมันถึงปากยาวจังวะ" เท่านั้นแหละครับเสียงเฮ
ก็ดังลั่นเรือ "ก๊ากกกก นึกว่าจะเป็นอินทรี ที่แท้ก็เป็นกระโทงเล้ง
แถมปากแหว่งอีกตะหาก" พี่ซิงพอเห็นปลาอินทรีกลายมาเป็นเป็นกระโทงเล้ง
ก็บ่นกระปอดกระแปด "รู้งี่ผมไม่รับคันมาอัดเสียก็ดี ธ่อ นึกว่าจะได้อัดอินทรี
ดันกลายมาเป็นกระโทงเล้งไปเสียฉิบ เสียลมหมดเลย" หลังจากที่พี่ซิงได้กระทงเล้งขึ้นมาได้ไม่นาน ทุ่นโฟม ของพี่คิม ที่ลอยเหยื่อปลาทู ก็ออกอาการผิดปกติ เดี๋ยววิ่ง เดี๋ยวจม ผลุบผลุบ โผล่โผล่ ตั้งหลายครั้ง ไต๋ดำที่ยื่นเตรียมพร้อมอยู่แล้วคว้าคันขึ้นมาถือไว้ ในมือ เตรียมพร้อม ที่วัดคัน รอจังหวะทุ่นโฟมแตกออกจากกันเมื่อไหร่ ตูจะวัดให้หงายเงิ้บเชียวเมิ้ง แต่รอแล้วรอเล่า รอจนเจ้ามุก อดรนทนไม่ไหวเลยตะโกนบอกพ่อให้วัดคันได้แล้ว ไต๋ดำไม่รอช้าจัดการกรอสายให้ตึงแล้ววัดคันทันที "ตูม ตูม ตูม!!!!" มันเป็นเสียงของปลากระโทงร่มที่โดนคมเบ็ดเจาะปากกระโดดขึ้นผิวน้ำ สายเอ็น Triple Fish ขนาด 10 ปอนด์ จากรอก Shimano CT400 วิ่งออกจากรอกอย่างรวดเร็ว พี่คิม รับหน้าที่เป็นมืออัด สายเอ็นเพียง 10 ปอนด์ กับปลากระโทงร่ม พิกัดเกิน 10 กิโล มันเป็นเกมส์ ที่ค่อนข้างจะสร้างแรงกดดันและเร้าใจ เกมส์แห่งศักดิ์ศรี ระหว่างคนกับปลากระโทงร่ม ตัวนั้นเริ่มขึ้นแล้ว เสียงคนเชียร์ ก็เชียร์กันดังไม่หยุดพวกที่คอยเอาใจช่วยก็จะคอยทำหน้าที่ให้กำลังใจ ส่วนอีก พวกหนึ่ง จะทำหน้าที่คล้ายกับตัวอิจฉาในละคร จะคอยแช่งให้หลุดแช่งให้ขาดอยู่รำไป ในที่สุดเกมส์ก็จบลง ชัยชนะตกเป็นฝ่ายของพี่คิม แต่ผู้แพ้ก็ไม่สมควรถูกซ้ำเติม ด้วยการนำมาห้อยต่องเตง แล้วถ่ายรูปมิใช่หรือ เรานำปลาขึ้นมาปลดเบ็ดออก ก่อนที่นายตุ่นจะบรรจง ใช้มือจับ งวง มันหย่อนลงน้ำให้น้ำไหลผ่านช่องเหงือก จนแน่ใจว่ามันฟื้นและแข็งแรงดีแล้ว นายตุ่นก็ปล่อย ให้มันว่ายน้ำดำดิ่ง กลับคืนสู่ ท้องทะเลอีกครั้ง ความรู้สึกของนายตุ่นตอนนี้ เต็มเปรี่ยมไปด้วยความสุข ความสุขที่ได้ปล่อยปลาตัวนี้ด้วยมือของตัวเอง "เกมส์ตกปลาใช่ว่าจะต้องตัดสินด้วยการจบชีวิตของผู้แพ้เสมอไปไม่" คราวนี้ก็เป็นทีของผู้พันคนเหล็กของเราบ้างแล้วเมื่อรอก Shimano Charter 2000 LD ที่บรรจุสายเอ็น Triple Fish 10 ปอนด์ เช่นกันร้องลั่นส่งเสียงเรียกเจ้าของไม่ยอมหยุด ไต๋ดำที่ยืน อยู่ใกล้ที่สุดคว้าคันขึ้นมาวัด ไป 2 ฉับ เท่านั้น แหละปลามันก็กระโดดโชว์ตัวให้คู่ต่อสู้มันได้เห็นเรือนร่างอันน่าเกรงขามของมัน " ตูมมมม! ตูมมมม!" "ไอ้กระโทงแทงใหญ่" ไต๋ดำร้องอุทานออกมาด้วยอารมณ์ ตกใจ ก่อนจะตะโกนเรียกหาเจ้าของคัน พี่เหนี่ยวรีบปรี่ เข้าไปรับคันมาอัด ยามนี้ไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นคันใคร ขอประลองพละกำลังกับกระโทงแทงตัวนี้ดูสักตั้ง และนี่ก็เป็น อีกเกมส์หนึ่งที่เร้าใจ เมื่อเราประเมินคู่ต่อสู้ กระโทงแทงตัวนั้นที่กะด้วยสายตาต้องมี 20 กิโล ขึ้นกับสายเอ็นเพียง 10 ปอนด์ มันเทียบกันไม่ติดเลยจริงๆ เกมส์คนเย่อปลา ปลาเย่อคน ที่เผ็ดร้อนเริ่มต้นขึ้นแล้ว ปลากระโทงแทง มัน กระโดด ตัวลอยขึ้นเหนือน้ำ เพื่อจะปลดปล่อยสิ่งที่พันธนาการ ที่ติดปากมันอยู่ มันพุงตรงดิ่ง ออกไปทางข้างหน้า อย่างรวดเร็ว พี่เหนี่ยวทำได้ดีที่สุดก็แค่จับคันเบ็ดไว้ให้มั่นเท่านั้นเอง สถานการณ์แบบนี้จะต้องยืดเยื้อนาน เป็น ชั่วโมงเป็นแน่ และก็จริงดังที่คาดไว้ ปลามันพี่เหนี่ยวไต่รอบเรือเป็นลิงถึง 3 รอบ ระหว่างที่พี่เหนี่ยวกำลังอัดปลา อยู่นั้น คันเบ็ดของนายตุ่น ก็โค้งคำนับพื้นน้ำตามติดด้วยเสียงรอกร้องลั่นยาว นายตุ่นรีบเข้าไปคว้าคัน ขึ้นมาอัด ทันที มันเป็นปลาโฉมงานไซร์ กำลังกินเลยละครับ จากนั้นก็เป็นทีของนายหมู และของพี่คิม มันเป็นโฉมงาม ไซร์พอๆ กันกับตัวแรก ปิดท้ายด้วยคันของนายตุ่นที่งัดเอาโฉมงามขึ้นมาอีกตัว เสียงตะโกนแซวพี่เหนี่ยว ยังดังอยู่เป็นระยะ ตอนแรก พวกเรา ก็เชียร์ฝ่ายคนอัดปลาดีอยู่หรอกแต่พอเวลาผ่านเลยไปเนินนานเข้า บรรดากองเชียร์ทั้งหลายก็หันไปเชียร์ปลาแทน ฮ่า! "พี่เหนี่ยวคร๊าบบบ หัวเรืออัดปลาโฉมงามขึ้นมา 4 ตัว แล้วนะคร๊าบบบ ปลาของพี่ยังไม่เห็นแม้แต่หัวเลยนะครับพี่ ฮ่า!" พี่เหนี่ยวหันมา ขว้างค้อน ใส่ผม เสียโครมเบ่อเร่อ ก่อนที่กระโทงแทงตัวนั้นจะโดดสะบัดงวง แล้วสายเอ็นก็ขาดไปชัยชนะเป็นของมัน มันจึงได้รับอิสรภาพเป็นสิ่งตอบแทน สำหรับพวกเราแล้ว เพียงแค่นี้ก็มีความสุขแล้วละครับ เพราะเราไม่ต้องการจะนำมันขึ้นมาบนเรือ ขอเพียงแค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว เราย้ายหมาย มาที่หิน500 ร้อย ก็ไม่ได้ปลาอินทรีสักตัว จนตะวันบ่ายคล้อย อากาศก็ไม่เป็นใจ ผมจึงต้อง เปลี่ยน แผนใหม่ ไปตกปลาตามแนวกองหินดูจะสนุกกว่า เจ้ามุกรับหน้าที่เป็นไต๋ ขับเรือมุ่งหน้าสู่ หมายกองหินที่อยู่ใกล้ๆ เกาะกูดทันที พอมาถึงหมายเราเหลือไปเห็นฝูงปลาโอที่ขึ้นไล่งับลูกปลาอยู่เป็นฝูง ผมรีบปล่อยเหยื่อปลอม สำหรับ ลากปลาโอ ชื่อว่า "Bird" หรือ ปลาบิน ที่ได้รับการอนุเคราะห์มาจาก พี่หมู แห่งร้านโอเชี่ยนสปอร์ต ลงน้ำทันที พอเรือ วิ่งลากเหยื่อ Bird ผ่านฝูงปลาโอ คัน Fenwick IGFA ก็โค้งลงด้วยแรงดึงจากฝูงปลาโอนั้น เสียงรอก Shimano Tiagra 30 W ดังลั่น แต่แล้วเจ้ามุกมันก็หยุดเรือแล้วตีวงเลี้ยวโค้งเสียดื้อ ๆ สายเอ็นที่เคยตึงบัดนี้กลับปลิวไสว ปลาสายที่ เคยหนักหน่วงกลับเบาหวิวปลาโอมันหลุดไปแล้วมันจากไปพร้อมกับพาฝูงของมันเตลิดเปิดเปิงไปด้วย "อดกินซาซิมิปลาโอเลยเรา ไอ้มุก นะไอ้มุก ไม่รู้มันจะวนเรือหาหำอะไรฟ่ะ" แต่ถึงปลาจะหลุดไป มันก็ทำให้ ผมได้ข้อสรุปจากการทดสอบ "เหยื่อปลาบิน" ของพี่หมู โอเชี่ยน ว่าสามารถใช้กับปลาโอ ในย่านทะเลตราด ได้ผล เป็น อย่างดี เพื่อนๆ เวลาไปตกปลาที่ตราด ก็อย่าลืมหาซื้อติดตัวไปด้วยนะครับรับรองว่าถ้าเจอฝูงปลาโอละก้อ ไม่มีพลาดแน่ครับ พอเจ้ามุกมาถึงตำแหน่งหินกองใต้น้ำ จอดเรือแน่นิ่งก่อนจะบอกให้เด็กเรืออีกคนทิ้งสมอพอสายสมอตึง พวก เราก็ทยอยกันหย่อนสายหน้าดิน เวลาผ่านเดินไปได้ไม่นานปลายคันของเจ้าหมูก็แสดงอาการ กระตุก กระตุก ทันใดนั้นปลายคันก็โค้งวูบลงพร้อมกับสัญญาณเสียงจากรอก Shimano TR 100 G ที่บรรจุสาย 15 ปอนด์ ก็แผดเสียง ดังลั่น เจ้าหมูไม่รอช้ารีบเข้าไปคว้าคันขึ้นมาวัดทันที ผมสังเกตเห็นสายเอ็นมันมุดเข้าใต้ท้อง ปลามันพาสายรอดผ่าน ใต้ท้องเรือ สถานการณ์อย่างนี้ถ้าเจ้าหมูยังคงยืนอัดปลาอยู่ที่เดิม มีหวังสายเอ็นต้องบาดเข้ากับท้องเรือ เป็นแน่ ผมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบบอกให้เจ้าหมูรีบ กดปลายคันลงจุ่มน้ำ พร้อมผ่อนเบรกให้เบาไว้ แล้วให้รีบเดินไปท้ายเรือทันที ก่อนที่สายเอ็นมันจะไปบาดกับท้องเรือจนขาด แต่ตอนนี้เจ้าหมูคงจะหูอื้อ ตาลายไม่ได้ยินเสียงใครแล้วละ ปากก็ร้อง หา เข็มขัดสู้ปลามิได้หยุด "ขอเข็มขัดหน่อยครับ ขอเข็มขัดหน่อย" พี่หมู อ่อนนุช ที่ยืนเชียร์อยู่ใกล้ จึงว๊ากเข้าให้ "จะมาใส่เข็มขัดอะไรกันตอนนี้วะ รีบๆ เดินไปเลย เร็วเลยอย่าช้า" ความโกลาหล วุ่นวายกำลังจะไปเยือนเพื่อนๆ ที่ปล่อยสายอยู่ทางท้ายเรือแล้ว เพื่อนเราทุกคนรู้งานกันดี ต่างยกคัน เคลียร์สายหลบให้เจ้าหมู กันยกใหญ่ "ถ้าจะเป็นไอ้ช่อน ใหญ่" เกมส์ทายชนิดปลาเกิดขึ้น จากไต๋ดำผู้ช่ำชอง แต่ที่แน่ๆ ดูจากลีลา การสู้เบ็ด ปลาตัวนี้ คง ต้องมีขนาดใหญ่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว ขณะที่เจ้าหมูกำลังอัดปลาตัวใหญ่อยู่นั้น คันเบ็ดในมือ พี่เหนี่ยวก็โดนกระชาก จากปลาใต้น้ำ พี่เหนี่ยว บรรจงงัดบรรจงอัด ปลาตัวนี้อย่างช้าๆ แต่ก็ไม่วาย ที่พี่เหนี่ยวของเราต้องเดินไต่เรือเป็นลิงอีกรอบ แต่แล้วในที่สุด พี่เหนี่ยวก็สามารถ ดึงมันเข้ามาในระยะคมตะขอได้สำเร็จ มันเป็นปลาแชกำ ขนาดกำลังกินเชียวละครับ และอีกไม่นาน ก็มาถึงคิว เจ้าตี๋ บ้าง เมื่อปลาแชกำ ไซร์เกิน 5 กิโล ที่ผิดคิว มากินเหยื่อจากคัน ที่ใส่สาย 12 ปอนด์ เกมส์แห่งความมันส์ ความท้าทายเริ่มขึ้นอีกรอบแล้ว ถึงแม้เอ็นจะรับแรงดึงได้เพียง 12 ปอนด์ แต่ตี๋ก็ไม่ได้ไต่เรือเป็นลิง เหมือนพี่เหนี่ยวเลย เน๊อะ ฮ่า ! ทางด้านเจ้าหมู ก็ยังเล่นชักคะเย่อกับตัวปริศนายักษ์ใหญ่ใต้น้ำอยู่ เกมส์ของหมู ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ บ้างครั้งเจ้าหมู ก็เปิดตำรารับแทบไม่ทัน เวลาผ่านไปเนินนาน ในที่สุดเราก็มองเห็นเงา ขนาดมหึมา ส่องประกายแวววาว เมื่อต้องแสงจากดวงอาทิตย์ "โอ้โห!!! สากใหญ่" เสียงอุทานเกือบจะพร้อมๆ กันของบรรดานักตกปลามุง เมื่อได้เห็นขนาดอันใหญ่โตของปลาสากที่เจ้าหมู อัดขึ้นมาได้ ไต๋ดำสับตะขอ เกี่ยว เข้า กลางลำตัวของมันทันทีที่หมู ลากมันเข้ามาในระยะ คมตะขอ ก่อนต้องช่วยกันยกมันขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ รอยยิ้ม แปดเปื้อนบนใบหน้า ปะปนกับน้ำเหงื่อของความเหน็ดเหนื่อย สีหน้าเจ้าหมูตอนนี้ เบ่งบานเป็นกระด้ง ก็มิปาน "เย้ สำเร็จแล้วโว้ย เหนื่อยแทบขาดใจเลยพี่" เสียงเจ้าหมูร้องออกมาด้วยความดีใจ พวกเราต่างเข้ามา แสดงความ ยินดีและชื่นชมในผลงานของเจ้าหมู ปลาสากดำตัวนี้ เจ้าหมูนำกลับมาชั่งที่บ้านมันมีน้ำหนักถึง 18 กิโลกรัม มิน่าละมันถึงได้สู้เบ็ดอย่างถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ ปลาสากดำ จัดว่าเป็นนักเลงโตประจำถิ่น มันจะเข้าโจมตีเหยื่ออย่างรวดเร็วและรุนแรง นักตกปลาหลายคน คงจะเคย เจอกับ เหตุการณ์ ว่าปลาที่ท่านอัดอยู่ เหลือขึ้นมาเพียงแค่ส่วนหัว ก็จากฝีมือของมันละ "สากดำ" ดังนั้น มันจึงเหมือน "นักเลงโต" ที่คอยเก็บส่วย จากนักตกปลาก็คงไม่ผิด แม้ครั้งนี้เราจะได้ปลากันไม่มาก แต่พวกเราก็ไม่ได้ หยี่ระ อะไรกับความ ไม่แน่นอน ของท้องทะเล ความสุขของหนุ่มพเนจร อย่างพวกเรา ขอเพียงเท่านี้ก็สุขใจแล้ว ท้ายสุดก่อนอำลากันในฉบับนี้ ผมใคร่ขอฝาก "ไต๋ดำ" ไต๋ผู้เก๋าประสบการณ์แห่งบ้านแหลมงอบไว้ กับท่านด้วย เมื่อใดที่ท่านอยากออกตกปลาอินทรี โทรกริ้ง ไปที่เบอร์ 01-8614735 ติดต่อคุณปุ๊ หรือคุณวุฒิชัย แล้วท่านจะสนุกทั้งปลาสายลอย และปลาหน้าดิน แล้วพบกันใหม่ ครับ [หน้าต่อไป] [กลับสู่เมนู] |
Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved. Contact Webmaster |