พฤหัสบดี,28 พฤศจิกายน 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

เพื่อนไร้พรมหแดน
ตอน. ไต๋น้องพาไปลุยโฉมงาม

ตราด 22-24 ส.ค. 46

มาอ่านคนที่

ผู้ร่วมทริพ 1.ชนบท 2.ผู้พันเหนี่ยว 3.เฮียคิม 4.พี่ซิง ปลาทราย 5.เอ้ ยุดยา 6.นายกระเหรี่ยง JINO 7.หมู Moherac 8.พุท 9. เปิ้ล และ 10.พี่หมู อ่อนนุช

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.ไต๋น้องพาไปลุยโฉมงาม


กลุ่มนักตกปลากลุ่มหนึ่งที่ใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตในการคบหาสมาคมเป็นเพื่อนกัน ทางเวปไซร์ http://www.weekendhobby.com ก็ได้ฤกษ์ เบิกโรง ประเดิมเปิดทริปตกปลาทะเลกับไต๋น้อง ไต๋วัยเก๋าแห่งบ้านคลองน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด วันเวลาเดินทางถูกกำหนดอย่างรวดเร็ว มีเพื่อนนักตกปลาขอแจม ร่วมหอลงเรือในทริปนี้หลายคน ได้แก่ 1.พี่เหนี่ยว 2.พี่ซิง 3.พี่คิม 4.คุณเอ้ 5.พี่หมู อ่อนนุช 6.หมู ฮิเล็ก 7.ผม ชนบท 8.นายกระเหรี่ยงหลงดอย JINO 9.น้องพุท และ 10.เปิ้ล ในตอนแรกผมได้ติดต่อกับเกียงไกรของไต๋โก๊ะไว้ แต่ก่อนวันเดินทาง 1 วัน ไต๋โก๊ะก็โทรศัพท์แจ้งมาว่าไม่สามารถนำเรือลงจากคานได้ ขอให้ไต๋น้องออกแทน เรือไต๋น้องเป็นเรือลำใหม่พึ่งจะต่อเสร็จ ซึ่งผมก็ตอบตกลง ทริปนี้เราจึ่งได้ทดสอบเรือลำใหม่ของไต๋น้องไปในตัว
และแล้ววันที่พวกเราอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยก็มาถึง เพื่อนๆ มากันพร้อมหน้ายังจุดนัดพบนั้นคือ "ตึกคอม" ศรีราชา หรือ ห้างแหลมทองเก่า นั้นเอง เมื่อพลพรรคมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ขบวนการเดินทาง ก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากศรีราชามุ่งหน้าสู่บ้านน้ำเชี่ยวจังหวัดตราด เมื่อเวลาก่อนเที่ยงวัน เพียงแค่ 3 ชั่วโมงกว่าเราก็มาเดินฉุยฉาย กรีดกาย กันที่ตัวตลาดเมืองตราดกันแล้ว ผมแวะซื้อสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ที่ตลาดเมืองตราด ก่อนจะไปลงเรือของไต๋น้องที่คลองน้ำเชี่ยว ระยะทางจากตัวเมืองตราดไปบ้านคลองน้ำเชี่ยวก็เหลืออีกเพียง 26 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อคณะของเรามาถึงยังท่าเรืออรุณี เรือลำใหม่ของไต๋น้องได้จอดเทียบท่ารอคณะของเราอยู่ก่อนแล้ว ข้าวของสัมภาระที่ขนมาจากบ้านก็ถูกถ่ายเทลงในเรือจนหมดสิ้น คันเบ็ดคู่ชีพรอกตกปลาคู่กาย ถูกงัดออกมาจากกระเป๋า ก่อนนำมาประกบคู่ เป็นอาวุธที่จะใช้ออกศึกในทริปนี้
เรือไต๋น้องลำใหม่นี้สงสัยจะพึ่งต่อเสร็จใหม่ๆ ซิง ซิง ชื่อเรือก็ยังไม่ได้ตั้งเลยว่าจะให้ชื่ออะไร ดูจากสีที่ทาพื้นบางจุดยังแห้งไม่สนิท ผมเผลอไปนั่งทับจนสีส้มติดก้น ดูเหมือนลิงกังตูดแดง อย่างไงอย่างงั้น พื้นเรือก็ยังลื่น จะเดินจะเหินแต่ละย่างก้าว ถ้าไม่ระวัง ละก้อ มีสิทธิ์ ได้หงายหลังหัวขมำก้นจ้ำเบ้า แน่ๆ ก็เพราะสีมันยังใหม่ ยังคงมีความลื่นอยู่นะซิ ขอรับ แต่มองโดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นเรือที่มีสภาพความเป็นอยู่ดีมากครับ อยู่กันอย่างสบายไม่อึดอัด ไต๋น้องคนนี้ เมื่อก่อนก็ทำหน้าทีขับเรืออวนดำ มานานหลายปีก่อนจะเปลี่ยนอาชีพมาทำหน้าทีขับเรือตกปลาเมื่อประมาณ 2 ปีมานี้เอง และดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องมีการถามไถ่ไต๋เรือทุกครั้งว่าจะพาเราไปไดร์หมึกที่ไหน "ไต๋น้องครับ จะไปไดร์หมึกกันที่ไหนครับ" ไต๋น้องตอบว่า "เมื่อคืนไปไดร์หลังเกาะหวายมา คืนนี้ก็ว่าจะไปหลังเกาะหวายละครับ" ผมชักสนใจเพราะตั้งแต่ออกเรือตกปลาที่น้ำเชี่ยวมาตั้งหลาย 10 ครั้ง ไม่เคยไปไดร์หมึกหลังเกาะหวายเลยสักครั้งเดียว ผมจึงถามผลงานของเมื่อคืน "แล้วเมื่อคืนไต๋ได้หมึกเยอะมั๊ยละครับ" ไต๋น้องตอบมาว่า "หึ ไม่ได้เลยสักตัวเดียว หมึกไม่ค่อยจะมี เดียวนี้หาหมึกยาก" ผมสะดุ้งนึกคิดในใจว่าอ้าวเฮ้ย..เวงแล้วมั๊ยละไต๋เมื่อคืนยังไม่ได้แล้วคืนนี้จะพาตูไปทำไมอีกละฟ่ะ ก่อนจะถามย้อนไต๋ไปว่า "เมื่อคืนยังไม่ได้สักกะตัวแล้วคืนนี้มันจะได้มั๊ยละครับไต๋" ไต๋น้องได้แต่อมยิ้ม ก่อนตอบกลับมาว่า "หึหึ มันก็ต้องคอยดูกันต่อไปละครับ" เออ! ใช่เน๊อะของพรรค์นี้มันจะต้องเสี่ยงดวงกันดู อย่างที่ไต๋น้องพูดนั้นแหละ
เรามาถึงเกาะหวายก็มืดค่ำ เป็นเวลาเกือบจะ 2 ทุ่ม กิจกรรมไดร์หมึกก็เริ่มขึ้น คืนนี้ดูเหมือนหมึกจะไม่ค่อยชุมจริงๆ เราตกหมึกก็ไม่ค่อยจะได้ตัว เมื่อตกหมึกไม่ค่อยจะได้ตัว เหล่าบรรดาพลพรรค จึงหันมาเอาดีทางร่ำสุรากันโดยยึดเอาทำเลหัวเรือ เป็นยุทธภูมิ ล้อมวงซดเหล้า พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน หลายคนเริ่มที่จะคุ้นเคยกันแล้วนี่ ดื่มกินกันไปคุยกันไป เรื่องราวก็จะกล่าวถึงประสบการณ์ที่แต่ละคนประสบพบพานมา เพลอแป๊บเดียวเหล้าหมดไปแล้ว 2 ขวด นี่ขนาดไม่ใช่คอสุรานะนี่ คงเป็นเพราะบรรยากาศเป็นใจแถมได้สนทนากับเพื่อนที่รู้ใจคุยกันถูกคอ มันก็ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งการกินเหล้าได้เป็นอย่างดีจวบจนเวลาผ่านไป เข้าสู่เวลา ตี 2 ของเช้าวันใหม่ ผมลุกขึ้นผละจากวงสุราที่กำลังคุยกันอย่างสนุก ไปปลุกไต๋น้องให้ตื่นขึ้นมาเฉอวน ไต๋น้องก็ไม่อิดออด ลุกขึ้นมาใช้ฝ่ามือตบศรีษะตัวเองดัง ตั๊บ ตั๊บ เหมือนเรียกสติสะตัง ให้ตื่นจากห้วงแห่งการหลับใหล ก่อนจะลุกขึ้นไปปลุกเด็กเรือ ให้ลุกขึ้นมาช่วยกันกางพื้นอวน การเฉอวนครั้งแรก เราได้หมึกประมาณ 100 กว่าตัว จำนวนหมึกเพียงนี้มันไม่พอกับการตกปลา แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้เอาเสียเลย เมื่อการเฉครั้งแรกเราได้หมึกน้อย การเฉครั้งที่ 2 ก็เริ่มขึ้นด้วยเวลาที่ห่างกัน อีก 2 ชั่วโมง นั้นคือเวลา ตี 4 ซึ่งการเฉครั้งที่ 2 เราได้หมึกไม่ถึง 50 ตัวด้วยซ้ำ นี่ถือว่าเราโชคดีแล้วที่เราได้หมึกขนาดนี้ เด็กเรือเก็บแขนอวนเมื่อภารกิจ การเฉอวนสิ้นสุด สายสมอเรือถูกกว้านสาวขึ้นมายังบนเรือ ก่อนที่เสียงเครื่องยนต์จะดังกระหึ่มกึกก้องท้องน้ำยามเมื่อฟ้าเริ่มสาง วนน้ำขนาดใหญ่ถูกใบจักรหมุนตีเกิดเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ขับเคลื่อนดันให้เรือเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หัวเรือ ทำหน้าที่แหวกพื้นน้ำแตกออกจากกันเป็นทาง เรากำลังมุ่งหน้าไปที่ใด ไม่มีใครรู้นอกจากไต๋น้องที่ทำหน้าคุมพังงา ควบคุมเรือลำนี้อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น และก็เป็นเรื่องปกติทุกครั้งที่ลงเรือ การถามไถ่ หนทางชะตากรรมการเดินทางจากไต๋ ว่าเราจะไปแห่งหนตำบลใด จำเป็นที่จะต้องรู้ ไต๋เรือจะต้องรับรู้ความต้องการของแขกที่ว่าจ้างเหมาเรือมาตกปลาว่าแขกต้องการจะไปตกปลาอะไร พูดง่ายๆ ก็คือ เราต้องปรึกษากับไต๋เรือก่อนเสมอ เมื่อไต๋เรือรับรู้ความการหรือวัตถุประสงค์ของเราแล้ว ไต๋เรือก็จะบอกเราเองว่า สามารถปฏิบัติได้หรือไม่ ซึ่งมันมีส่วนประกอบหลายอย่างที่นำมารวบรวมและประเมินสถานการณ์ ว่าทำได้หรือไม่ได้ อย่างเช่นในวันนี้ คลื่นลมแรงมากเราไม่สามารถออกไปตกปลาเก๋าลูกหมู อย่างที่เราตั้งใจและคาดหวังไว้แต่แรกได้ แผนการจึงถูกเปลี่ยน ประเภทของปลาจึงถูกกำหนดตามสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนไปเมื่อ ฟ้าดินไม่เป็นใจ สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เราจึงจะต้องใช้เกาะบังเป็นกำแพงกันคลื่นลม หาตกปลาอังเกย ตามหมายกองหินข้างเกาะ ดูแล้วจะปลอดภัยและดีที่สุดในเวลานี้ "ไต๋น้อง สภาพอากาศคลื่นลมแรงแบบนี้หาหลบข้างเกาะตกปลาอังเกยดีกว่า รึไต๋ว่ายังไงดีครับ" ผมปรึกษาไต๋น้องขณะที่เรือกำลังแล่นไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง "ได้ครับ ผมมีหมายอังเกยอยู่ ช่วงต้นฤดูอย่างนี้น่าจะมีตัวให้ตก" ไต๋น้องรับคำพร้อมเบนหัวเรือ มุ่งหน้าไปท้ายเกาะรัง ทันที
เราใช้เวลาแล่นเรือไม่นาน เราก็มาถึงหมายกองหินท้ายเกาะรัง ไต๋น้องบังคับเรือเข้าจุดพิกัด ก่อนจะทิ้งสมอ พอสายสมอตึง พี่หมู อ่อนนุช กับเจ้ากระเหรี่ยง ก็ไม่พูดพลามทำเพลง คว้าคันเบ็ดก่อนจะช้อนเอาหมึกในห้องขังเหยื่อมาเกี่ยว แล้วเดินไปยึดทำเลหย่อนเบ็ดทางท้ายเรือ ส่วนพี่เหนี่ยว พี่คิมและพี่ซิงรวมทั้งเจ้าเอ้ ที่เดินทางมาจากอยุธยา ยังคงนั่งจับกลุ่มคุยกันไม่ยอมหยุด สงสัยจะยังติดลมมาจากเมื่อคืน จนผมเดินเข้าไปถามว่า "พี่ไม่ตกปลากันเหรอครับ พี่หมูเค้างัดอังเกยขึ้นมา 2 ตัวแล้วนะพี่" พอได้ยินว่าทางท้ายเรืองัดเอา อังเกยขึ้นเรือมาแล้วตั้ง 2 ตัว วงสนทนาก็แตกกระจาย "อ้าวถึงหมายแล้วเหรอ หว่ามัวแต่คุยเพลิน โดนพี่หมู นำหน้าไป 2 ตัวแล้ว" ทุกคนหันไปคว้าคันเบ็ดคู่กาย ก่อนนำมาเกี่ยวปลาหมึกแล้วมองหาเลือกทำเล เหมาะๆ แล้วบรรจงหย่อนก้นพร้อมกับลงสายเบ็ด แต่ปลาเจ้ากรรม ดูเหมือนมันจะไปกองกันอยู่ที่ท้ายเรือกันหมด บรรดาพวกที่อยู่ทางหัวเรือ จึงนั่งแก่ว บางคนก็เกิดอาการอ้าปากห้าว หวอด หวอด ผิดกับพวกที่อยู่ทางท้ายเรือราวฟ้ากับดิน ท้ายเรืออัดปลากันอย่างสนุกสนาน ปลาอังเกยถูกพี่หมู และเจ้ากระเหรี่ยงสอยขึ้นมานอนอ้าปากพะงาบๆ บนเรือเกือบ 10 ตัว แต่เราก็มีอันจะต้องย้ายหมาย เมื่อไต๋น้อง บอกพวกเราให้เก็บเบ็ด เพื่อจะย้ายหมายไปยังหินกอง 500 ไต๋น้องบอกว่า คลื่นลมเริ่มสงบน่าจะเสี่ยงออกไปตกปลาที่หินกอง 500 ดู ช่วงต้นฤดูตกปลาอย่างนี้ น่าจะมีปลาเยอะ ผมตอบตกลงโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก มองเห็นปลากองโตรออยู่ข้างหน้าร่ำไร แต่พอเรือหันหัวเรือแล่นตัดยอดคลื่นที่เริ่มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเราชักไม่แน่ใจในโชคชะตา เสียแล้ว "ไต๋น้องคลื่นมันเริ่มจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะข้างนอกมันจะไม่โตกว่านี้เรอ เข้าไปหินกอง20 กันก่อนดีกว่านะ" ผมตัดสินใจเปลี่ยนทิศทาง ให้ไต๋น้องเบนเข็มเปลี่ยนทิศทางเข้าหมายหินกอง 20 เพราะดูสภาพคลื่นหัวแตก และเดิ่งแต่ละลูกแล้ว บอกคำเดียวว่าเสียววูบไปถึงตาตุ่ม เลยละครับ แต่ไต๋น้องซิครับ หันมาถามผมว่า "ผมก็ว่าดีกลัวว่าพวกคุณจะไม่ไหว แต่ถ้าพวกคุณสู้ไหว ก็จะพาไปครับ" โอ้ยยย! พ่อคุณไต๋ ไต๋อ่ะสู้ไหวอยู่แล้วละครับ แต่ผมและสมาชิกคนอื่นมีหวังได้เมาเรืออวกแตกอวนแตน กันทั้งลำเรือเป็นแน่ ดูเดิ่งแต่ละลูกแล้ว ม่ะไหวอ่ะครับ ไต๋น้องจึงเบนหัวเรือเข้าสู่หมายกองหิน20 ก่อนที่จะมีใครบางคน เมาเรือกันสะก่อน ฮ่า!
ที่หมายหินกอง20 ไต๋น้องดูทิศทางกระแสลมกระแสน้ำ ไม่นาน ก็บึ่งเรือไปยังจุดที่จะทิ้งสมอ พอสายสมอตึง คราวนี้พี่เหนี่ยว พี่ซิง และพี่คิมไม่รอช้า ร้องขอหมึกก่อนใครเพื่อนเลย และที่หมายนี้ นายกระเหรี่ยงที่ยึดทำเลทางท้ายเรือ ก็เป็นคนเปิดหมายด้วยปลาโฉมงาม ไซร์ประมาณ 3 กิโล ขึ้นมาเป็นตัวแรกจากนั้นเหมือนพวกเราอยู่ท่ามกลางฝูงโฉมงาม เพื่อนเราเกือบจะทุกคนได้อัดปลากันอย่างสมใจอยาก ทั้งเจ้าเอ้ เจ้าหมู ฮิเล็ก พี่เหนี่ยว พี่หมูและพี่คิม แต่ละคนล้วนกำลังพันตู ต่อสู้กับฝูงปลาโฉมงาน กันอย่างสนุกสนาน ปลาโฉมงามที่ขึ้นมาแต่ละตัวมีระดับพิกัด ตั้งแต่ 4 กิโลกรัม ถึง 6 กิโลกรัมทั้งนั้น ยกเว้นตัวของพี่คิม ที่ตบเด็กโฉมงามคาบขวดนมขึ้นมาหนึ่งตัว ผมอดที่จะแซวพี่ไม่ได้ขอแซวสักทีเถอะนะ "พี่คิมคนอื่นเขาได้กันแต่ละตัวไซร์เกิน 3 กิโล ทั้งน้าน แต่ตัวของพี่คิมมันยังไม่หย่านมเล้ยนะพี่" ฮ่า! ผมโดนพี่คิมขว้างค้อนให้จังเบ้อเร่อ "แหม น้าโย เมื่อกี้อัดลูกมันมาก่อน ไงเดี๋ยวตัวต่อไปแม่มันจะตามที่หลังคอยดู ฮึ" พูดจบพี่คิมก็หย่อนสายลงไปใหม่ คลื่นก็ซัดเรือโครมๆ ดูพี่คิมตอนนี้เหมือนยื่นเล่นม้ากระโดกกระเดื่อง ตามจังหวะลูกคลื่นที่ถาดโถมซัดเรือเป็นระลอก "อ้าวพี่คิม ตะกั่วยังไม่ถึงพื้นอีกรึพี่" ผมเห็นพี่หย่อนสายนานผิดปกติจึงร้องถามออกไป "นั้นดิ ทำไม มันยังไม่ถึงพื้นก็ไม่รู้ น้าโย" ผมอดแปลกใจไม่ได้เมื่อสังเกตุเห็นสายเอ็นของพี่คิมมันวิ่งสวนคลื่นขึ้นมาทางหัวเรือ "เอ๊ะ ไม่ใช่ปลามันกินเบ็ดแล้วรึพี่ดูสายมันวิ่งไปทางหัวเรือแล้วนะพี่" และก็จริงดังคาด เมื่อพี่คิมหยุดส่งสายแล้วสับล๊อคเบรก ปลายคันก็แสดงอาการว่ามีอะไรบางอย่างดึงสายเอ็นพี่คิมวัดคันสวนไป 1 ป๊าบ ตอนนี้พวกเราทุกคนเริ่มจะเห็นความมหาซวยอยู่ตรงหน้ารำไร เมื่อสายเอ็นของพี่คิมวิ่งพาดสายเอ็นทุกสายตั้งแต่ท้ายเรือยันหัวเรือ คงไม่มีใครหลบพ้นชะตากรรม "ยำวุ่นเส้น" ที่พี่คิมกำลังจะปรุงแต่งให้เป็นแน่ สีหน้าของพี่คิมตอนนี้ แสดงอาการบงบอกถึงความหนักหน่วงของสิ่งที่ตัวเองกำลังออกแรงเย่อ ก็จะไม่ให้หนักได้ยังไงกันละครับก็พี่ท่านเล่นกวาดสายของเพื่อนตั้งแต่หัวเรือยันท้ายเรือ หอบเอาตะกั่วของบรรดาเพื่อนๆ รวมน้ำหนักปลา ก็เกือบจะ 10 กิโล เล่นเอาคนอัดเหงื่อท่วม แถมยังโดนเพื่อนๆ แซวไม่หยุดอีกตะหาก สม!
ส่วนพี่ซิง ของเราสงสัยจะไม่ถูกชะตากับ อีโฉม มันจึงเมินหน้าหนีไม่ยอมแตะเหยื่อแม้แต่จะชายตามอง "สงสัยหมึกของพี่ซิงจะแข็งแรงเกินไปปลามันเลยไม่กล้ากินละม้างพี่" เสียงแซวจากบรรดาเพื่อน ที่คอยแซวพี่ซิง ดังเป็นระยะทุกครั้งที่มีการอัดปลา มันก็น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยทั้งๆ ที่พี่ซิงนั่งอยู่ตรงกลาง แต่เพื่อนๆ ที่นั่งขนาบทั้งซ้ายและขวา ได้อัดปลากันถ้วนหน้า คลื่นก็ชักจะทวีความสูงขึ้น ปลาก็ยังกินเหยื่อไม่ยอมเลิกลา ส่วนเจ้ากระเหรี่ยง บัดนี้แอบไปซ่อนกายหลบไปนอนหัวมึนอยู่บนเก๋งเรือชั้นบน แต่แล้วจู่ๆ เสียงพี่คิมก็ร้องเอ๊ะอะ ขึ้นดังลั่น "เฮ้ย เอ็งอย่าอวกน่าโว้ย เดี๋ยวข้าอวกตาม" เจ้ากระเหรี่ยง นั้นเองที่โผล่หัวออกมาจากเก๋งเรือ มาโก่งคอทำท่าคล้ายจะขู่ใครบางคน แต่ดูเหมือนคำร้องขอ จากพี่คิมจะไร้ผล เมื่อเจ้ากะเหรี่ยง บัดนี้ดูสภาพเหมือนกระเหรี่ยงตกดอยก็มิปาน น้ำส้มที่พึ่งจะกินเข้าไปเมื่อครู่พุ่งพรวด เปรอะเปื้อนเรือไหลเป็นทางตั้งแต่ชั้นบนลงมายังชั้นล่าง พอพี่คิม ที่ยืนอยู่ใกล้เหตุการณ์เห็นเท่านั้น ก็เกิดอาการ เหมือนคนแพ้ท้อง มือทั้งสองข้างไปกุมที่หน้าท้องน้อย ก่อนจะสำลอก อวกตามเจ้ากระเหรี่ยง ตกดอยไปอีกคน ไต๋น้องเห็นอาการของสมาชิก ก็อดที่จะแซวไม่ได้ "แหมจะคันน้ำส้มก็ไม่บอก ดูเด่ะน้ำส้มไหลเป็นทางเลยนะ"
จวบจนได้เวลาอาหารมื้อเย็น ขืนจะกินกันในสภาพที่ เหมือนขี่ม้าดีดกะโหลกแบบนี้ มีหวังได้มีเฮ กลางวงข้าวเป็นแน่ ผมจึงบอกให้ไต๋น้องเข้าไปหลบคลื่น หาที่สงบ กินข้าวกันจะดีกว่า ไต๋น้องพาพวกเรามาหลบคลื่นอยู่หลังเกาะรังเลย เราต้องตัดใจจากฝูงโฉมงามทั้งๆ ที่มันยังเข้ามาราวีพวกเราไม่เลิก เมื่อเวลาเย็นตะวันพลบค่ำพอดี หลังอาหารมื้อเย็นผ่านไป น้องพุท และพี่ซิง ก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ หยิบคันชุดเล็กมาประกอบชุดสายหน้าตกปลาเล็กเล่น ไปพลาง แต่แล้วน้องพุทก็เจอผิดคิว เมื่อปลาไอ้จี๊ ไซร์ โลกว่า เข้ามางับเหยื่อเศษหมึกที่เกี่ยวไว้ เล่นเอาน้องพุทดีใจยิ้มจนตาปิด ตามด้วยพี่ซิง ที่ลากไอ้จี๊ไซร์เดียวกับตัวของน้องพุท ขึ้นมาอีก 1 ตัว ตามด้วยปลาตูหงัน หรือปลาไหลมีหู ที่หายาก และมีวงจรชีวิตที่น่าสนใจ เพราะมันจะขึ้นไปวางไข่ในต้นแม่น้ำจืด ในเขตประเทศพม่าและมาเติบโตในทะเล จวบจนพระอาทิตย์ ลับขอบฟ้า ก็ไม่มีปลาอะไรมาสร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเราอีก เมื่อความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นน้ำ ผมจึงให้ไต๋น้องพาไปเข้าหมายตกปลาสากตอนกลางคืน เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมาย เด็กเรือโยนสมอลงน้ำ เรือจอดเข้าที่เข้าทาง สายสมอตึง พวกเราก็เริ่มลงเบ็ดกันทันที ที่หมายนี้เราได้ปลาหมูสี ไซร์เกือบกิโล ตั้ง 2-3 ตัว ก่อนที่ฝนเจ้ากรรมจะเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น พวกเราเปียกปอนไปทั้งตัว หลายคนไม่อาจจะต้านทานความหนาวเย็น ก็หลบเข้าไปนอน ส่วนคนที่กำลังมันส์ในอารมณ์ ก็ยังทนหัวเปียกต่อสู้ความหนาวเหน็บ ตกปลาท้าสายฝนกันต่อไป จวบจนฟ้าสาง เราตั้งใจจะออกไปยังหมายหินกอง 20 อีกครั้งแต่เมื่อดูสภาพคลื่นลมเวลานี้ ขอจอดเรือรอคลื่นให้เบากว่านี้แล้วค่อยออกไปจะดีกว่าแต่รอเท่าไรคลื่นก็ไม่มีทีท่าจะเบาความบ้าระห่ำลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทวีความเกรี้ยวกราดเพิ่มขึ้น เรารอต่อไปไม่ไหว จึงหันมาสุมหัวปรึกษากันว่าจะออกไปสู้คลื่น หรือว่าจะไปเล่นน้ำ ที่เกาะหวายกันดี สรุปว่าหลายคนลงความเห็นตรงกันว่า ไปแวะเล่นน้ำทะเลกันดีกว่าปลาที่เราได้ก็มากพอแล้ว เราจึงมาแวะเล่นน้ำที่เกาะหวาย ดำน้ำดูปะการังที่ยังคงความสวยงามให้เราได้ดูบ้าง ไต๋น้องพาเรามาที่สะพานแห่งหนึ่ง ซึ่งไต๋น้องรู้จักกับเจ้าของที่นี้ดี เขาเป็นเพื่อนของไต๋น้องชื่อว่า พี่นิพนธ์ กระท่อมยายมา นั้นเอง พี่นิพนธ์ แกทำกระชังเลี้ยงปลาถึง 6 กระชังปลาที่เลี้ยงส่วนใหญ่ได้แก่ ปลาเก๋า ปลากุดสลาด แต่ละตัว มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 7 กิโลกรัมทั้งนั้น นอกจากนี้แล้วยังมีปลาชนิดอื่นๆ อีกมากมาย เรานำปลาเล็กที่เราตกได้มาเลี้ยงปลาในกระชังของพี่นิพนธ์ เราได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น นั้นคือพฤติกรรมการกินเหยื่อของปลาเก๋าลูกหมู มันจะพุงเข้ามาฮุบเหยื่ออย่างรวดเร็วจนเราดูไม่ทัน พี่นิพนธ์บอกเราว่า ราคาปลาเป็นกิโลละ 300 บาท ส่วนเจ้ากุดสลาด นั้นกิโลกรัมละ 700 บาท ก็ลองดีดลูกคิดคำนวนราคาดูกันเองนะครับ ว่าปลาตัวหนึ่ง จะขายได้ตัวละกี่พันบาท
จนได้เวลาเดินทางกลับเข้าฝั่ง เรากล่าวคำอำลาขอบคุณพี่นิพนธ์ และขอขอบคุณไต๋น้องและลูกเรือที่บริการและ ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี แล้วเราจะกลับมาใหม่เมื่อคลื่นลมสงบ เพื่อนๆ ชาวโลกกว้างท่านใดสนใจจะออกตกปลาทะเล ลองติดต่อเรือไต๋น้องดู แล้วท่านจะต้องชื่นชอบในอัธยาศัยและการบริการที่ดีเยี่ยม ไม่แพ้เรือลำอื่น ในย่านนี้เลย เรือใหม่ลำใหญ่กว่าเดิม รับนักตกปลา 10 คน ได้สบายลองโทรไปสอบถามไต๋น้องโดยตรงที่เบอร์ 01-9406076 หรือต้องการจะจองเรือโทรที่เบอร์นี้เลยครับ 039-531195
สำหรับแฟนโลกกว้าง ท่านใดที่สนใจจะออกทัวร์ไปตกปลาทะเลกับเรา ผมยังมีทริปว่างสำหรับคนคอเดียวกันที่ยังพอมีที่ว่างเหลืออยู่ อีกเพียง 3 ทริปเท่านั้นคือทริปวันที่ 30ม.ค. - 1 ก.พ. 47 ตี๋ใหญ่, 26-28 มี.ค. 47 ไต๋โก๊ะและ 23-25 เม.ย.47 ไต๋โก๊ะ รีบติดต่อและสำรองที่ได้ที่ 09-5188855 ครับ

[หน้าต่อไป] [กลับสู่เมนู]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster