สวัสดีปีใหม่ครับ เพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่าน ปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆท่าน มีความสุขมากๆนะครับ
เริ่มต้นปี WeekendHobby.com ก็มีทริปท่องเที่ยวกึ่งออฟโรดน่าสนใจ
มาฝากอีกเช่นกัน ทริปนี้ต้องขอขอบคุณ Adventure999
ที่กรุณาวางแผนการเดินทาง พร้อมทั้งนำทางไปด้วยในตัว โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด
4 คืนกับ 5 วัน มาติดตามกันดีกว่าครับว่า เราไปที่ไหนมาบ้าง และมีอุปสรรค์อะไรกับทริปของเราบ้าง
วันแรกของการเดินทาง
(จุดหมาย ยอดดอยขุนตาล)
===============================================
ออกจากกทม.
เช้าวันที่ 29 ธค. 43
กว่าจะออกกันได้
ก็เกือบสิบโมงเข้าไปแล้ว
นัดพบกันที่ยอดดอยขุนตาลที่
จ.ลำปาง
โดยมีเพื่อนสมาชิกซึ่งใช้รถเก๋ง
เดินทางล่วงหน้าไปก่อน 1 คัน
เพื่อเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม
คอยเราอยู่ที่จุดกางเต้นท์ยอดดอยขุนตาล
การเดินทางขึ้นเหนือช่วงปีใหม่
ก็ติดขัดพอควร
เราจึงเปลี่ยนเส้นทางจากถนนสายเอเชีย
ตัดเข้าสู่ อ่างทาง ชัยนาท
อุทัยธานี แล้วมาทะลุเข้า
นครสวรรค์อีกครั้ง
ซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควร
เพราะมีการหลงทางเกิดขึ้น
เนื่องจากคนนำทาง
ก็ไม่เคยมาเส้นทางนี้เหมือนกัน
จากนครสวรรค์
เข้าถนนสายเอเชียอีกครั้ง
ผ่าน กำแพงเพชร ตาก
และมาสิ้นสุดที่ลำปาง
แต่เวลาก็ล่วงเลยมาจนมืดสนิท
ก่อนที่เราจะขึ้นดอยขุนตาลกัน
หลังจากซื้อเสบียงกันเล็กน้อยที่ตัวเมืองลำปาง
เราก็ใช้เส้นทาง ลำปาง - ลำพูน
ซึ่งถนนสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เดินทางขึ้นสู่ยอดดอยขุนตาล
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
และโชคร้ายสำหรับเรา
ช่วงก่อนถึงดอยขุนตาล
กำลังไหลลงเขานั้น
รถนายหนอนก็โดนอะไรบางอย่างเข้าที่กระจกอย่างจัง
ทั้งๆที่ไม่ได้ตามรถใหญ่เลย
กว่าจะรู้ว่ากระจกแตก
เราก็เข้ามาจนเกือบถึงดอยขุนตาลกันแล้ว
คาดว่าเพื่อนสมาชิกอาจจะเคยได้ยินข่าว
พวกยิงกระจกแถวๆ
ดอยขุนตาลกันมาบ้าง
เพราะรอยแตกเหมือนโดนลูกปืนลมไม่มีผิด
โชคดีที่รถ Jeep เป็นกระจก Laminate
เลยไม่แตกทันทีทันใด
แต่ค่อยๆร้าวไปเรื่อยๆ
เราก็สามารถเดินทางต่อได้
โดยไม่ต้องเปลี่ยนกระจกแต่อย่างใด
จากปากทางเข้าไปที่ทำการดอยขุนตาล
ระยะทางประมาณ 18 กม.
เล่นเอาเราเริ่มหลงทาง
เพราะเส้นทางเป็นภูเขา
และโค้งสลับไปมา
กว่าจะถึงที่ทำการดอยขุนตาล
ก็เป็นเวลาสามทุ่มพอดี
กางเต้น กินข้าว อาบน้ำ (น้ำเย็นเจี๊ยบเลย)
ก็นั่งคุยกันสักพัก
ก่อนแยกย้ายกันเข้านอน (ใครมาพักที่นี่
มีห้องน้ำให้อาบสบายมากครับ)
วันที่สอง
(จุดหมาย ดอยม่อนอังเกต)
===============================================
เช้าวันเสาร์ที่
30 ธค. 43
เราตื่นขึ้นมาพบกับความหนาวพอสมควร
แต่อุณหภูมิไม่ต่ำมากนัก
เพราะระดับความสูงที่เราอยู่นั้น
แค่ 700 เมตรเท่านั้น
หลังจากหาอาหารรองท้องกันเสร็จแล้ว
เราจึงเริ่มออกเดินทางต่อ
จุดหมายคือยอดดอยม่อนอังเกต
ซึ่งอยู่เส้นทางแม่แตง ปาย
ระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพ
อุโมงขุนตาลมาฝากด้วย
แถมยังได้พบกับเพื่อนสมาชิก
จักรยานเสือภูเขาอีกกลุ่มนึงด้วย
(ทีมจักรยานกินไกล)
ออกจากดอยขุนตาลเรา
เดินทางต่อเข้าจังหวัดเชียงใหม่
เพื่อหาซื้อเสบียง
และที่สำคัญที่สุดคือน้ำ
เพราะดอยที่เราจะไปนี้
ไม่มีน้ำเลย
จึงต้องขนน้ำขึ้นไปให้พอใช้พอกิน
หลังจากซื้อของเสร็จ
เราก็แวะกินขนมจีนน้ำเงี๊ยวกันก่อนที่
บ้านอาจารย์อุ๋ย (อร่อยมากครับ)
ซึ่งเป็นผู้ที่อำนวยความสะดวกให้แก่คณะเราอย่างดี
ทั้งเช่ารถให้ ฝากรถไว้
แถมมื้อกลางวันอีกมื้อนึง (คราวหน้าจะแวะไปอีกครับ
อิอิ)
ออกจากเชียงใหม่ใช้เส้นทางแม่แตงไปห้วยน้ำดัง
เส้นทางขึ้นๆลงๆตลอดทาง
ประมาณ กม.40 ก่อนถึงห้วยน้ำดัง
เราก็เลี้ยวซ้ายที่บ้าน
ป่าแปะ
เข้าไปที่ทำการดอยม่อนอังเกตกัน
เส้นทางก็เป็น ออฟโรด
เรานี่เอง ไม่ยากเกินไป
แต่ก็ชันพอสมควร
เราไต่ระดับจากทางเข้า
ซึ่งสูง 800
เมตรจากระดับน้ำทะเล จนไปถึง
1500 เมตร ระยะทางประมาณ 10 กม.
เราก็มาถึงที่ทำการ
ซึ่งจุดมุ่งหมายเราคือยอดดอยม่อนอังเกต
ซึ่งต้องปีนเขาขึ้นไปอีก
หลาย กิโลเมตร
เราถามเส้นทางจากเจ้าหน้าที่
ซึ่งได้ความว่า
เส้นทางดังกล่าว
ไม่มีใครไปมานานแล้ว
บางช่วงดินถล่มลงมา
ทำให้ทางขาด
แต่เราก็มิได้ย่อท้อ
เดินทางต่อไปอีก
เวลาขณะนั้นก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว
จากจุดที่ทำการฯ
เราไต่เขาขึ้นไปกันอีก
เส้นทางช่วงนี้
ใครที่รถใหม่ๆ
คงไม่กล้าเข้าแน่
เพราะมีแต่ต้นไม้และกิ่งไผ่เต็มไปหมด
รถแต่ละคันเป็นรอยแมวขูดกันเป็นทิวแถว
เราไต่ตามสันเขา
มาได้สักระยะก็เริ่มมองเห็นหมู่บ้านซึ่งอยู่กลางหุบเขา
คณะเราแวะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก
กันเล็กน้อย
ก่อนเดินทางต่อ
เพราะเริ่มมืดลงไปทุกที
หนทางข้างหน้าก็เริ่มลำบากขึ้นเป็นลำดับ
จนเราไปพบลานกว้างเล็กน้อยอยู่บนสันเขา
ซึ่งพอตั้งแค้มป์ได้
แต่เราก็ลงความเห็นว่า
ลองเข้าไปลึกกว่านี้สักหน่อย
เผื่อว่าจะเจอสถานที่กว้างกว่านี้
แต่สุดท้ายก็ต้องถอยกลับมาทางเดิม
เพราะเส้นทางข้างหน้า
แคบและดินถล่ม
ขณะที่นายหนอนพยายามจะไปต่อ
ซึ่งถนนพอดีล้อ
แต่กลับเป็นว่า
พอเหยียบเข้าไปใกล้ๆ
ดินกลับถล่มลงไป
ทำให้นายหนอนต้องถอยกลับ
ไปตั้งหลักก่อน
เพราะไปต่อไม่ได้ ทางก็แคบ
ที่กลับรถก็ไม่มี
แถมเข้ามาลึกแล้วด้วย
สุดท้ายเราทั้งสามคัน
ก็ถอยหลังกลับ
โชคดีที่มีที่กว้างเล็กน้อยพอให้กลับรถได้
แต่ก็หักพวงมาลัยกันหลายรอบเหมือนกัน
และในที่สุด
พวกเราก็ออกจากป่านั้นมาได้
และกลับมาพักที่ลานกว้างบนสันเขา
ซึ่งมองเห็นหมู่บ้านอยู่ในหุบเขา
และมองเห็นทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกได้สองข้างเลย
เพราะมาอยู่กลางสันเขาจริงๆ
ซึ่งเราหวังว่า
ช่วงเช้าเราจะได้เห็นทะเลหมอกที่ตำแหน่งนั้น
และแล้ว
แค้มป์ของเราก็ได้ตั้งขึ้น
แข่งกับความมืดและความหนาวเย็น
ใครมีหน้าทีหุงข้าว
ทำกับข้าว กางเต้นท์
หาฟืนก่อไฟ ก็เร่งมือกัน
จนตกดึก
เราก็เริ่มนั่งล้อมวงคุยกัน
ดูดาวและความสำคัญของดวงดาวต่างๆ
จากคุณ adventure999
และยังได้เห็นทางช้างเผือกอีกด้วย
เพราะท้องฟ้าเปิดโล่ง
เป็นภาพที่สวยงามมาก
วันที่สาม
(จุดหมายบ้านวัดจันทร์)
===============================================
ตื่นเช้าวันที่
31 ธค. 43 เราต้องผิดหวังเล็กน้อย
เพราะทะเลหมอกซึ่งมองเห็นตั้งแต่ตีสองกลับหายไปในยามเช้า
เราหุงหาอาหารและเก็บของ(ขยะก็เก็บนะครับ)
เพื่อมุ่งสู่ บ้านวัดจันทร์
ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อเชียงใหม่
แม่ฮ่องสอน เส้นทางลงเขา
ช่วงกลับดีมาก
เพราะเราใช้เส้นทางอีกเส้นหนึ่ง
ซึ่งตัดมาจากถนนใหญ่
เข้าหมู่บ้านในหุบเขา
ซึ่งดีพอสมควร
แต่เส้นทางจะไกลกว่าขามามาก
กลับมาที่ถนนใหญ่อีกครั้ง
เราเดินทางต่อไปอีก
เส้นทางห้วยน้ำดัง
ซึ่งมีรถไปดูทะเลหมอกที่ห้วยน้ำดังเยอะมาก
เส้นทางคดเคี้ยวไปมา
จนเรามาแวะพักรถที่
บ้านแม่สา
เพื่อซื้อเสบียงและเครื่องดื่ม
รวมทั้งกินอาหารกลางวันกัน
จากนั้นเราก็เดินทางต่อ
ผ่านทางเข้าห้วยน้ำดัง
ไปประมาณ 10 กม.
ก็ถึงทางแยกซ้ายไปบ้านวัดจันทร์
ระยะทางทั้งหมด 46 กม.
เส้นทางโดยทั่วไปทั้งหมด
เป็นทางลูกรังกึ่งออฟโรด
รถเก๋งเกรงว่าช่วงล่างอาจจะพังได้
หากใช้เส้นทางนี้
คณะเรายังเดินทางต่อไปที่บ้านวัดจันทร์เพราะเราจองบ้านไว้ที่นั่น
ระหว่างทางก็มีรถเก๋งบางคันวิ่งสวนทางมาเหมือนกัน
ดูๆแล้วอาจจะไม่รู้ว่าทางไม่ดีเลย
แต่ก็ไม่มีทางอื่นที่จะออกไปถนนใหญ่ได้เลย
สองข้างทางเป็นป่าสูงสลับสนสามใบ
ซึ่งยิ่งเข้าใกล้บ้านวัดจันทร์
ก็ยิ่งมีต้นสนขึ้นอยู่มากมาย
เรามาถึงบ้านพักบ้านวัดจันทร์กันประมาณ
4 โมงเย็น
แต่ก็ไม่วายที่จะเอารถไต่เขาเข้าไปในป่าสนเพื่อหามุมถ่ายรูปสวยๆกันก่อน
เส้นทางวันนี้ที่ผ่านมามีแต่โค้งและภูเขา
ทำให้ทั้งคณะเหนื่อยกันพอสมควร
ตกเย็นเราก็ทำอาหารเย็นกัน
และนั่งคุยกันไปเรื่อยๆเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กัน
คืนนั้นอุณหภูมิที่เราวัดได้คือ
8 องศา
ทำให้เราต้องขนเสื้อกันหนาวออกมาใส่กันจนหมดกระเป่าเลย
แต่คืนนนี้นอนในบ้านหลับสบายจัง
วันที่สี่
(จุดหมาย ดอยอินทนนท์)
===============================================
เช้านี้เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ท่ามกลางหมอกที่ลงจัดจนไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ที่พ้นขอบฟ้ามาแล้วได้
อุณหภูมิที่เราวัดได้คือ 6
องศา
ซึ่งต่ำกว่ากลางคืนเสียอีก
สภาพรอบๆบ้านวัดจันทร์เช้านี้
มีแต่หมอกเต็มไปหมด
แต่ถ่ายรูปเอาไว้ก็สวยดี
โชคดีที่เราไม่ได้นอนเต้นท์เลยทำให้ไม่หนาวมากนัก
เพราะหากกางเต้นที่บ้านวัดจันทร์
ซึ่งมีความสูง 1000 เมตร
อย่างนี้
คงจะมีน้ำค้างเกาะเต้นท์
เหมือนกับที่ยอดดอยม่อนอังเกตซึ่งสูงถึง
1600 เมตร
เหมือนคืนที่ผ่านมาเป็นแน่
หลังจากอาหารเช้า
เราเดินทางต่อไปอำเภอแม่แจ่ม
ซึ่งแผนที่วางไว้คือ
หาที่กางเต้นท์บริเวณดอยอินทนนท์
แต่เส้นทางที่เราจะไปนี้
เป็นทางกึ่งออฟโรด
เพราะมีแต่เขาและทางลูกรัง
ผ่านหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน
และที่สำคัญ
ไม่มีปั้มน้ำมันเลย
ก่อนออกเดินทางก็ต้องแวะเติม
น้ำมันที่ปั้มหลอดในหมู่บ้านวัดจันทร์กันก่อน
ราคาลิตรละ 18 บาท
จากนั้นเราออกเดินทางจากวัดจันทร์
ผ่านหมู่บ้านไปเรื่อยๆ
เส้นทางขึ้นเขาลงเขาสลับกันไป
ระยะทางประมาณ 100 กม. ก็จะถึง อ.แม่แจ่ม
ซึ่งก็เหนื่อยพอควร
เพราะทางไม่เรียบ
สลับกับหลุมเยอะมาก
และทางแยกก็เยอะมากเช่นกัน
จนต้องถามชาวบ้านระหว่างทางมาเรื่อยๆ
เส้นทางช่วงนี้ตามแผนที่จะเป็นเส้นประและเส้นสีแดง
แต่ทางจริงๆ
เป็นลูกรังเกือบตลอด
ซึ่งทางขึ้นเขาบางช่วงอาจราดยางเอาไว้
เพื่อป้องกันการพังทลาย
จนทางมาเริ่มดีจริงๆที่
บ้านแม่นาจร ซึ่งห่างจาก อ.
แม่แจ่ม 26 กม.
รถในคณะเราก็เริ่มออกอาการเอาที่นี่เอง
เจ้า Land Rover Discovery คันเก่ง
ก็เครื่องเสีย
หลังจากตะลุยข้ามเข้ามาจนถึงหมู่บ้านนี้
โชคดีที่เข้ามาหมู่บ้านเสียก่อน
ไม่ไปเสียที่ยอดดอย
อาการโดยทั่วไปคือน้ำมันทะลักที่ฝาครอบวาวล์
พอถอดออกมาดูก็พบว่า
น๊อตยึดชุดกระเดื่องวาวล์หลุดเพราะเกลียวรูด
กว่าจะถอดประกอบ โทรถามช่าง(โชคดีที่ในหมู่บ้านมีโทรศัพท์)
พร้อมกับใช้หลักการของช่างตัดผมมาช่วยแก้สถานะการณ์
(หลายหัวดีกว่าหัวเดียว)
หลายไอเดีย หลายความคิด
จนสามารถสตาทร์เครื่องติดขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ปัญหาที่มีต่อมาก็คือ
เราต้องตั้งระยะวาวล์ให้ได้เพราะเครื่องทำงานกระตุกมาก
แต่คณะเราเป็นช่างแบบลูกทุ่งกันทุกคน
เลยซ่อมจนรถวิ่งได้
กว่าจะซ่อมรถกันเสร็จเราใช้เวลาถึง
5 ชม. เต็ม ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา
3 ทุ่มกว่าๆแล้ว
ซึ่งในครั้งแรกตั้งใจที่จะนอนที่โรงเรียนกันก่อน
เพราะได้ไปติดต่อขออณุญาติจาก
อ. ประจำโรงเรียนที่นั่นแล้ว
แต่ก็เปลี่ยนใจ เดินทางไป อ.
แม่แจ่มเลย ซึ่งตลอดเส้นทาง 26
กม. รถที่ซ่อมไว้นั้น
ก็ไม่ได้แสดงอาการน่าเป็นห่วงอีกเลย
จนถึงแม่แจ่ม
เราจึงตกลงใจว่า
จะไปพักที่ที่ทำการป่าไม้แม่แจ่ม
ซึ่งอยู่เส้นทางที่จะไป อ.ฮอด
เพราะหากไปดอยอินทนนท์
เกรงว่ารถขึ้นเขาหนักๆ
จะแสดงอาการออกมาอีก
คืนนั้นเราเดินทางมาถึงที่ทำการป่าไม้แม่แจ่มก็เกือบเที่ยงคืน
จึงตัดสินใจเช่าบ้าน
เพราะประหยัดกว่ากางเต้นท์
แล้วทุกคนก็หลับไปด้วยความเหนื่อย
(ไม่มีใครกินเหล้ากันเลยเฮ๊ะ)
วันที่ห้า
(เดินทางกลับ)
===============================================
เช้าๆที่
ทำการป่าไม้แม่แจ่ม
อากาศเย็นพอควร
แถมมีลมพัดอยู่ตลอดเวลาทำให้หนาวพอสมควร
ที่ป่าไม้แม่แจ่มนี้มีบริการล่องแพให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
แถมค่าที่พักก็ถูกมาก แค่ 400
บาทต่อคืน นอนกันได้หลายคน
เราจัดการกันเรื่องอาหารเช้า
เสร็จก็เดินทางกลับเข้ากรุงเทพ
เพื่อนสมาชิกที่เช่ารถ
คาลิเบี้ยน
มาจากเชียงใหม่ก็เอารถไปคืน
ส่วน Land Rover
ก็นำไปให้ช่างตรวจสอบเครื่องก่อนกลับที่เชียงใหม่
พวกเรา(นายหนอน)จึงแยกทางกันที่
อ. ฮอดนี้ ตัดกลับเข้า อ.
ดอยเต่า อ. ลี้ วิ่งทะลุมา อ.
เถิน วิ่งเข้าตาก
ผ่านกำแพงเพชร นครสวรรค์
แต่สภาพการจราจร รถเยอะมาก
เราจึงเปลี่ยนเส้นทาง
วิ่งเข้า จ.
อุทัยธานีอีกครั้ง ผ่าน อ.
วัดสิงห์ เข้าชัยนาท เลี้ยวไป
อ. บางระจันทร์และวิ่งต่อเข้า
สุพรรณบุรี
ซึ่งมีเส้นทางที่ดีเท่าๆ
กับสายเอเชียเลย จาก สุพรรณ
ถึง กทม. ถนนดีมาก
เรากลับถึงกรุงเทพในเวลา 10:30 น
สรุปการเดินทาง
===============================================
การเดินทางครั้งนี้
เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีเวลาหลายวัน
เพราะเดินทางเป็นวงกลม
แวะพักตามสถานที่สำคัญ
ไปเรื่อยๆ
โดยไม่ต้องย้อนกลับเส้นทางเก่า
แต่รถที่ไปควรเป็นประเภทขับสี่ล้อมากกว่า
เพราะเส้นทางบางช่วงเป็นทาง
ออฟโรด และชันมาก
ทริปนี้ต้องขอขอบคุณ คุณพล
ที่เป็นไกด์ให้
ทำให้สนุกมากครับ
ถึงแม้จะมีเรื่องตื่นเต้น
แต่คณะเราก็สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ตลอดลอดฝั่งครับ
แถมทริปนี้มีอุปกรณ์ไฮเทคเพียบ
ตั้งแต่ GPS
เก็บสภาพเส้นทางและความสูง
กล้องดิจิตอล
เก็บภาพโหลดลงโน๊ตบุ๊ค
มาให้ดูกันเดี๋ยวนั้นเลย
เรียกได้ว่า
มีครบทุกอย่างครับ
แล้วทริปหน้าเจอกันใหม่ครับ
ทริปนี้ต้องบอกสวัสดีและขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
จาก คนหุงข้าวประจำทริป
{ Counter No.3318
Truehits.net
}
|