เที่ยวเมืองเหนือ กับบูรพาออฟโรดทีม
คนเข้ามาอ่าน=
51261
Truehits.net
คน
สวัสดีครับ
ทริปเมืองเหนือ ยืดเยื้อมานาน กว่าจะคลอด เนื่องจากต้องเคลียงานช่วงต้นปี
แล้วก็ไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิต สักเท่าไหร่ ก็ต้องขออภัยกันด้วยครับ ทริปปีใหม่นี้
ครั้งแรกคุณนพซึ่งเป็นหนึ่งในทีม บูรพาออฟโรด ได้ตั้งกระทู้ขึ้น เพื่อชวนกลุ่มออฟโรด
ของ WeekendHobby ไปเที่ยวเมืองเหนือกัน แต่ทำไปทำมา เหลือแต่กลุ่มบูรพาล้วนๆ
(เหนียวแน่น) เลยขอโอกาสนี้ ให้เป็นทริปของบูรพาแทนละกันครับ
คืนแรกของการเดินทาง
บ่ายวันที่ 28 ธค. 44 ต่างคนก็ต่างออกเดินทาง โดยมีจุดหมายที่ปั๊มบางจาก
ที่ห่างจาก นครสวรรค์ ไปประมาณ 20 กม. โดยพี่ธเนศกับพี่ณรงค์ ม้ากระโดด เดินทางล่วงหน้าไปเชียงใหม่ก่อน
และนัดไปเจอกัน ที่ห้วยน้ำดังแทน กระรอกดำ หนูขาวและจิงโจ้ป่า ก็นัดเจอกันที่ปั๊ม
JET ที่อยุธยา ส่วนคุณนพ ก็ฉายเดี่ยวไปที่นครสวรรค์เอง ส่วนผม เข้าทางกรุงเทพ
ออกสุพรรณ ไปโผล่แถวๆชัยนาท กว่าจะรวมตัวกันครบ 4 คันก็เป็นเวลา 2 ทุ่มพอดี
จากนั้นเราก็เดินทางต่อ โดยมีจุดมุ่งหมาย อยู่ที่ข้าวต้มรอบดึก ที่บ้านคุณเจี๊ยบ
ซึ่งเจ้าของบ้านที่แสนดี ตั้งหน้าตั้งตาคอยเรา และทำข้าวต้มซี่โครงหมูไว้ให้
กว่าจะไปถึงที่นั่นได้ ก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว พอเราเข้าตัวเมืองเชียงใหม่
เราก็ได้รับ Contact จากพี่แป้น ซึ่งควบคาริเบียน สีขาวมาจากกรุงเทพ มาขอนอน
ที่บ้านคุณเจี๊ยบด้วยอีกคัน คืนนั้นบรรยากาศ ของการต้อนรับ และข้าวต้มซี่โครงหมู
ยังจดจำมิรู้คลาย (ปีหน้าไปใหม่นะ)
เช้าวันที่ 29 ธค. 44 กว่าจะปลุกทุกคนให้ตื่น
กว่าจะอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวนึ่ง น้ำพริกหนุ่ม แค๊ปหมู ที่เจ้าของบ้านใจดีอีกเช่นเคย
ตื่นขึ้นมาเตรียมให้เรา สิบกว่าชีวิต ได้ลิ้มลองอาหารชาวเหนือกันแต่เช้าเลย
เราออกเดินทางจากเชียงใหม่ มุ่งสู่ อ.แม่ริม เพื่อไปแวะซื้อของที่ตลาดแม่มาลัย
โดยขณะนั้น นายหนอนและพี่ธเนศ ก็ตามหลังมาจากลำปาง และคุณพลซึ่งล่วงหน้า
ไปนอนที่ อ.ปายก่อนหนึ่งคืน ก็เริ่มขับรถมา ณ. จุดนัดพบ ที่ อช. ห้วยน้ำดัง
พี่ณรงค์ก็นำล่วงหน้าไป ห้วยน้ำดังก่อนใครๆ ระยะทางจากแม่ริม ไปห้วยน้ำดัง
ก็ยังปราบเซียนเหมือนเดิม คือผู้โดยสารหลายคน กว่าจะไปถึงก็เริ่มออกอาการกัน
บางคนต้องจอดรถ ลงมาอ๊วก ก่อนเดินทางต่อ เพราะโค้งที่เยอะจนนับไม่ไหวนั่นเอง
ทั้งหมดมาถึง ห้วยน้ำดังกันเวลาประมาณ บ่ายโมงตรง บริเวณดอยกิ่วลม ไม่ค่อยมีคนมากนัก
เราเลยถือโอกาสนี้ไปถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิว กันก่อน หลังจากนั้นเราก็รวมตัวกันบริเวณจุดกางเต้นท์ที่
อช. ห้วยน้ำดัง ซึ่งเมื่อมาครบ เราก็มีสมาชิกบูรพาทั้งหมดดังนี้ คือ จิงโจ้ป่า
หนูขาว กระรอกดำ ณรงค์ 3 door พี่แดง Terano คุณพลช้างน้อย และพี่แป้น สมาชิกใหม่
จากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยจุดมุ่งหมาย อยู่ที่ดอยสามหมื่น
ซึ่งห่างออกไปอีก 21 กม. โดยรถที่ตามเข้า ไปอีกในภายหลังก็มี นายหนอน พี่ธเนศ
และคุณเบิดร์ คุณปุ๋ย และเพื่อนคุณพล อีกคัน รวมทั้งหมด 5 คันที่จะตามมาภายหลัง
เส้นทางไปดอยสามหมื่นนั้น เป็นเส้นทางที่สบายๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราก็ไปถึงจุดหมาย
โดยเราเลือกกางเต้นท์ที่จุดชมวิว ยอดดอยสามหมื่น ซึ่งไม่มีคนมาพักเลย และห่างจากที่ทำการ
ดอยสามหมื่นแค่ 2 กม. เราเดินทางไปถึงจุดกลางเต้นท์เวลาประมาณ 4 โมงครึ่ง
ซึ่งมีลมแรงและอากาศหนาวมาก หลายคนก็แยกย้ายไปกางเต๊นท์กันก่อนที่จะมืด โดยมีนายหนอนคนเดียวที่ขับรถ
เข้าไปดู ห้วยน้ำรู หรือที่เรียกว่าน้ำออกรู ก่อนใครๆ ซึ่งนายหนอนกลับมาเล่าให้ฟังว่า
มีต้นพญาเสือโคร่ง ออกดอกเต็มไปหมด ทั้งหมดจึงตกลงว่าจะไปดูกันในตอนเช้าของวันถัดไป
คืนนั้นอากาศบนยอดดอย สามหมื่นวัดได้ประมาณ 8 องศา (ตีหนึ่ง) เรามีกิจกรรมรอบกองไฟกัน
พูดคุยกัน มีสาเกร้อนๆ จากกระรอกดำ มาช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้น หลายคนเพิ่งรู้จักกัน
แต่หลายๆ คนก็ออกทริปเที่ยวด้วยกัน มานับครั้งไม่ถ้วน น้ำค้างเริ่มลงจัดขึ้นเรื่อย
อากาศก็เย็นมากขึ้นเป็นลำดับ ลมก็พัดแรงอยู่ตลอดเวลา ยอดดอยสามหมื่น ความสูง
1713 เมตร ก็ผ่านคืนนั้นไปด้วยความประทับใจ
เช้าวันที่
30 ธค. 44 หลายคนตื่นขึ้นมา เพื่อดูทะเลหมอก แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเรามาสูงเกินไป
จึงไม่ค่อยมีให้เห็น เพียงแต่เห็นอยู่ไกลๆ ที่บริเวณห้วยน้ำดัง แต่หลายๆคนคงไม่รู้ว่า
ทะเลหมอกมีตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว โดยเฉพาะขี้เมาทั้งหลายที่ได้เห็น หลังจากถ่ายรูปกันเรียบร้อยแล้ว
หลายคนก็เดินทางไปดูน้ำออกรูกัน ที่เหลือก็เก็บของเตรียมออกเดินทาง เพื่อย้ายที่แห่งใหม่
คุณพลและพวกรวม 4 คัน พี่ณรงค์ พี่ธเนศ และพี่แป้น จะแยกตัวไปทาง เวียงแหง
ส่วนที่เหลือคือ กระรอกดำ จิงโจ้ป่า หนูขาวและนายหนอน จะเดินทางไป อ.ปายกัน
เราเริ่มแยกตัวกันของเช้าวันนั้น แต่พอทุกคนเริ่มสตารท์รถ รถนายหนอนก็เกิดปัญหาขึ้น
"คลัชหาย" น้ำมันรั่วออกมาหมด ต้องหาน้ำมันจากเพื่อนสมาชิกมาเติมกันก่อน
ถึงออกเดินทางใหม่ได้ กว่าจะออกมาถึง อช. ห้วยน้ำดัง ก็เป็นเวลาประมาณเที่ยงวันพอดี
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชุดใหม่ กำลังเดินทางเข้ามา ขณะนั้น หมอกยังลงหนาอยู่เลย
หลายคนอยากไปดูจุดชมวิว แต่เนื่องจาก อุทยานฯ ปิดทางเข้า ทำให้ต้องจอดรถไกลและเดินกันไกล
เราจึงเปลี่ยนใจ เดินทางไป อ. ปาย กันเลย กว่าจะถึง ก็เป็นเวลา บ่ายสามโมงกว่าๆ
ที่พักถูกจองเต็มหมด ยังดีที่เรายังหาที่กางเต๊นท์ได้ ซึ่งเป็น Resort ที่อยู่ติดกับแม่น้ำปาย
โดยเรามีจุดหมายของคืนนี้คือ ย่ำตะเวณราตรีเมืองปายอันสงบสุข เย็นวันนั้นเราเดินชมเมืองปาย
พร้อมแวะหาร้านอร่อยๆ อาหารชาวเหนือ และไม่ลืมที่จะนั่งจิบเบียร์เย็น โดยกระรอกดำแนะนำที่ร้าน
"ธันวา" ซึ่งเจ้าของร้านใจดีมาก คืนนั้นเรากลับมานั่งล้อมกองไฟกันอีกครั้ง
ซึ่งจำนวนสมาชิกเหลืออยู่สิบกว่าคนเท่านั้น และเราเข้านอนกันเร็ว เพราะเส้นทางเมืองปายนั้น
โค้งเยอะมาก จนคนขับเองก็เพลียกันเต็มทน อีกทั้งพรุ่งนี้เช้าเราต้องเดินทางเข้าเชียงใหม่
เพื่อไปบ้านคุณเจี๊ยบอีกครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะไปพักต่อไปคือ บ้านขุนช่างเคี่ยน
ยอดดอยปุยนั่นเอง
เช้าวันที่ 31 ธค. 44
บรรยากาศเมืองปายยามเช้า ขนาดสิบโมงแล้ว หมอกยังลงจัดอยู่เลย ที่พักที่เราไปพักนั้นสวยมากเลย
แม่น้ำปาย และหมอกที่คลุมเมืองอยู่ ทำให้เรารู้ถึงคำว่าเมืองในหมอก หลายๆคนออกไปตลาดเพื่อดูบรรยากาศในตลาดยามเช้า
และหาโจ๊กร้อนๆ กินกัน แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะเราไปช้าเกินไป เลยได้กินข้าวซอยและหมูสะเต๊ะแทน
ซึ่งนายบี บอกว่าอร่อยที่สุดในโลกเลย (จริงๆนะ) กว่าเราจะออกเดินทางกลับมาที่เชียงใหม่
ก็เป็นเวลา 11 โมง เช้า ระยะทาง 100 กม. จากปายถึง ตลาดแม่มาลัย สร้างความปั่นป่วนในท้องให้หลายๆ
คน เพราะโค้งเยอะจนนับไม่ไหว กว่าจะมาถึงบ้านคุณเจี๊ยบ ซึ่งมีคุณนพและขนมจีนน้ำเงี๊ยวรออยู่
ก็เป็นเวลา เกือบ 4 โมงเย็น ที่บ้านคุณนพ มีพี่ธเนศและพี่ณรงค์ซึ่งแยกจาก
คุณพล กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อเดินทางไป โรงเรียนศรีเนรู ซึ่งอยู่บนยอดดอยปุย
โดยมีสมาชิกใหม่ คือคุณกบเขียว ที่มาขอแจมด้วยอีกคัน เราออกเดินทางกันอีกครั้ง
โดยมีคุณนพเป็นคนนำทาง โดยเข้าทาง ห้วยตึงเฒ่า
สภาพเส้นทางเป็นดินลูกรัง ปนหิน ระดับ 3 ดาว ถ้าหน้าฝนก็ให้ไป 5 ดาวเลย เพราะหลายคนบ่นว่า
ถ้ามาหน้าฝนมีหวังต้อง ลางานกันอีกแน่นอน สภาพเส้นทางซ้ายผาขวาเหว ขนาดพอดีคันรถ
ถ้าลื่นไถล ก็มีสิทธิ์ ตกเหวไปได้ จึงต้องขับด้วยความระมัดระวัง เป็นพิเศษ
แข่งกับเวลา ที่ใกล้ค่ำเข้ามาทุกขณะ บางช่วงของเส้นทางต้องผ่านเข้าไปในสวน
ลิ้นจี่ของชาวบ้านแถวนั้นด้วย เราใช้เวลาเดินทางขึ้นไปถึงบ้าน ขุนช่างเขี่ยน
ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไป เมื่อไปถึง สนามฟุตบอลโรงเรียน
ศรีเนรู ก็เริ่มมืดพอดี คืนนั้นเราล้อมวงรอบกองไฟอีกครั้ง นั่งคุยกันจนถึงเที่ยงคืน
เพื่อนับถอยหลัง และดูพลุที่จุดในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจุดพร้อมๆกันหลายๆที่
และเราก็อยู่จุดที่สูงขนาดเห็นเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองได้ สวยงามมากทีเดียว
เช้าวันที่ 1 มกราคม
45 สวัสดีปีใหม่จ๊า หลายๆคนทักกันแบบนั้นในตอนเช้า
หลายคนตื่นแต่เช้าเพื่อมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น และออกมาชมเมือง เชียงใหม่ในยามเช้า
พอตกสายๆ เราก็เชิญผู้ใหญ่บ้าน และเด็กใน หมู่บ้านมารับของที่หลายคนเอาไปบริจาค
แต่เนื่องจากครูที่ ประจำโรงเรียนไม่อยู่เลยสักคนเดียว เราเลยใช้วิธีเข้าแถวแจกของกันเลย
มีเด็กๆมารับขนมและของที่เราขนมาบริจาคประมาณ 50 กว่าคน เด็กๆหลายคนน่ารักมาก
แถมขวัญใจของเด็กๆ ในงานนี้ก็คือ เจ้าตาล ซึ่งเด็กๆพามันไปจูงวิ่งเล่นในสนามฟุตบอลอย่าง
สนุกสนาน จากนั้น ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันก่อนกลับ ขากลับเราแวะ หาอะไรกินกัน
ที่ร้านอาหารชาวเหนือ ในตัวเมืองเชียงใหม่ก่อนที่จะแยกย้ายกันเดินทางกลับ
โดยกระรอกดำ จิงโจ้ป่าและหนูขาว แวะซื้อของที่บ้านถวาย และกว่าจะถึงชลบุรีก็เป็นเวลาตีสาม
เพราะรถที่มีปริมาณมาก บนถนนสายเอเชีย ปรากฏว่าเช้าขึ้นมา ไม่มีใครไปทำงานกันเลยสักคนเดียว....เลยไม่รู้ว่าจะรีบกลับไปทำไมกัน
ทริปนี้สวัสดีครับ
เล่าเรื่องโดย Webmaster
21 มกราคม 2545
เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นเลยครับ
|
|