จันทร์,3 กุมภาพันธ์ 2568
 
[ Home ]

+ รายงานทริป
+ รูปหน้า1
+ รูปหน้า2
+ รูปหน้า3

 

สำรวจต้นน้ำมูล
13 - 14 ต.ค. 45

มาอ่านคนที่ 146532 Truehits.net
เขียนความเห็นเกี่ยวกับทริปนี้ได้ที่นี่

     ตลาด กม.79 ริมทางหลวงสาย 331 วันนั้น ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่า ตลาดยามเช้าได้วายลงแล้ว ชาวไร่ที่พากันออกมาซื้อเสบียงกรังต่างแยกย้ายกันกลับเข้าไป ใน ไร่เขา สลับซับซ้อนที่โอบล้อมเส้นทางหลวงสายนั้น พวกเรามีนัดกันกระทันหันถึงทริปสำรวจ ต้นน้ำมูลในครั้งนี้ หลังจากสามารถติดต่อกับ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่คุ้นเคยกับพวกเรามานานในเป็นผู้นำทริปครั้งนี้โดย จุดมุ่งหมายคือ ต้นน้ำสายเล็ก ๆ กลางป่าลึกในเขตอุทธยานแห่งชาติทับลาน ที่ไหลลงไปเป็นสายน้ำแม่น้ำมูลอันยิ่งใหญ่หล่อเลี้ยงแผ่นดินอีสานตอนล่าง และเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรม ท้องถิ่นตามสายน้ำแม่มูล… ผม หนูขาว, ม้ากระโดด, กระรอกดำ และ พี่แดง ผู้ได้สมญานามใหม่ว่า "เต่าโคก" ซึ่งเป็นความหมายเดียวกัน กับ เต่าป่าในภาษาอีสานบ้านเรา หลังจากเตรียมเสบียง อาหาร น้ำแข็ง เหล้ายา กันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ เคลื่อนย้ายขบวน เข้าทาง บ้านไทยสามัคคี บริเวณ กิโลเมตรที่ 76 เป็นเส้นทางราดยางอย่างดีจนไปถึงทาง ลูกรัง ผ่านสวนยางจนมาทะลุ ไร่ข้าวโพดที่มีอยู่ตลอดสองข้างทาง พวกเราใช้เวลากันไม่นานนัก ก็เข้ามาถึง ด่านแรก ของอุทธยานแห่งชาติ ทับลานก่อนที่จะพักทานอาหารเที่ยงกันในเวลาเพียงสั้น ๆ

     "เอาหมาไปด้วยเหรอ ระวังเสือนะ กลิ่นมันแรง" เจ้าหน้าที่ประจำด่านผู้สูงวัย บอกเตือนเราด้วยความ หวังดีเมื่อเห็นเจ้าน้ำตาล สุนัขพันธ์ โกลเด้น รีทีฟเวอร์ ติดตามเราด้วยจนเรียกได้ว่า เป็นสมาชิกของบูรพากับ เค้าด้วยหนึ่งตัว !! " แกพูดเล่น หรือพูดจริงวะ " พี่เข้มถามผมด้วยสีหน้าไม่แน่ใจถึงคำเตือนจากลุงเจ้าหน้าที่ ประจำด่านนั้น.. ผมยังไม่ได้คิดอะไรมากจนได้เหลือบเห็น พี่เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่นำทางให้เราในทริปนี้ ค้วย ปืน เอช เค พร้อมกระสุนเต็มอัตราศึก ขึ้นรถไปนั่งคู่กับพี่เข้มด้วยทำให้ผมถึงกับบอกตัวเองในใจว่า "เอาละวะ งานนี้มีสิทธ์ได้เห็นอะไร ดี ดี เป็นแน่ " พวกเราใช้เส้นทางหลักมุ่งสู่ หน่วยจัดการต้นน้ำที่ ริเริ่มโครงการโดย ปตท. ซึ่งปัจจุบัน ได้ถูกเหยียบพังทลายราบเป็นหน้ากลองด้วยฝีมือของเจ้า โขลงช้างป่าตัวโตประจำถิ่น !!

     เส้นทางหลักนี้ไม่ลำบากเท่าไหร่นัก มีร่องลึกและปลักโคลนให้เราได้ใช้เกียร์ Slow เป็นระยะ ๆ แต่ ก็สามารถผ่านกันได้ด้วยดี โดยไม่ต้องมีการหยุดขบวนกัน แต่ถ้าใช้ยาง All Terrain ก็คงจะลำบากเหมือนกัน ในเส้นทางนี้ เราใช้เวลาแค่ 40 นาทีบนเส้นทางหลัก ก็เกือบจะถึงจุดหมายอยู่แล้ว แต่พวกเราเลือกแยกขวา กันออกไปอีกเส้นทางตรวจป่าของเจ้าหน้าที่เพื่อชื่นชมธรรมชาติป่าเขาที่นับได้ว่า ดิบทีเดียวสำหรับที่นี่ ไก่ป่า หรือ สัตว์เลื้อยคลานประเภทตะกวดมีให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ จนมาหยุดขบวนกันที่ช่องทางแคบประมาณ หนึ่งเมตรกว่า ๆ ที่มีด้านซ้ายเป็นร่องลึกเกือบ 1 เมตรส่วนด้านขวาเป็นหนองน้ำขังเล็ก ๆ ที่พร้อมจะดักรถทุกคันที่คิดจะกระโจนข้าม … กระรอกดำ ในฐานะผู้นำทริปเป็นผู้ทดลองก่อนโดยเลือกเบียดขวา ไปทางแอ่งน้ำโดยคิดว่า พื้นดินคงอ่อนไม่มากนักและ ด้วยน้ำหนักตัวของเจ้ากระรอกดำอาจจะผ่านไปได้…แต่แล้วก็ผิดคาด.. เจ้ากระรอกดำเอียงกระเท่เร่จนมิด ซุ้มล้อทั้งหน้าและหลังเมือเหยียบไปบนพื้นที่อ่อนยวบเหมือนดินน้ำซับบริเวณหนองน้ำนั้น !!!

   แน่นอนพวกเราก็ต้องวินช์เจ้ากระรอกดำไปตามระเบียบ แต่ที่ทำให้เราต้องหยุดขบวนกันครู่ใหญ่ กลับเป็นเจ้า "เต่าโคก" หรือ Nissan Terrano คันโตที่แบกน้ำหนักกว่า 2 ตัน ที่เป็นคันต่อมาที่ข้ามร่องน้ำนั้น ด้วยความชันและแคบของร่องตัววี ถึงกับทำให้หม้อน้ำใบโตโดนพัดลมหม้อน้ำกระแทกแตกจนเป็นแผลรั่ว ไม่ต่ำกว่า 5 - 6 แนว !!! พวกเราถอดออกมาทำการซ่อมแซมด้วยวิธีการดัดและอุดด้วยกาวเคลือบหม้อน้ำ และทดสอบรอยรั่วด้วยการอัดแรงดันสูงจากปั๊มลมของเจ้าหนูขาว … ด้วยการเตรียมพร้อมที่ดี พวกเราใช้เวลา กันไม่นานนักก็ประกอบหม้อน้ำกลับเข้าคืนที่ และพร้อมพาเจ้า เต่าโคก กลับคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง…

   ขบวนเคลื่อนที่ได้ไม่ไกลนัก ก็ต้องตื่นเต้นกับร่องรอย ริมถนนทีมีแนวราบของพงหญ้าให้เห็นบ่อยครั้ง ขึ้น ยิ่งวิ่งลงหุบไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งเสียงสันหลังมากขึ้นเพราะแน่นอน เจ้าของร่องรอยอันราบพนาสูญแถบนี้คงเป็น ใครไม่ได้ถ้าไม่ใช้เจ้าโขงช้างป่าเจ้าถิ่นซึงเป็นเจ้าของบ้านแถวนี้… เวลาไม่นานนักเราก็ไปหยุดขบวนกันที่ร่อง แคบ ๆ เล็ก ๆ ที่ซ้ายมือลึกจนน่ากลัว พวกเราลงมาดูสภาพเส้นทางกันพร้อมทั้งปรึกษากันว่าเอางัยดี จะเดินหน้าต่อหรือ ถอยหลังดี…พวกเราตกลงว่าเราจะย้อนกลับไปที่พักก่อนแล้วค่อยใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทาง ขากลับในวันรุ่งขึ้น.. ในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่นั่นเอง พี่เจ้าหน้าที่นำทางก็ชี้ไปที่พื้นดินนุ่มที่เราย่ำอยู่นั้น มีรอยเท้าใหญ่คู่หนึ่ง เป็นรอยเท้าสัตว์กีบ มีความกว้างใหญ่กว่า หนึ่งฝ่ามือของผมอีก … " กระทิง..ตัวใหญ่.. เป็นรอยใหม่ด้วย น่าจะเมื่อเช้านี่เอง " … นั่นแสดงว่า ไม่ใช่เพียงแค่ เขาแผงม้า บริเวญอุทธยานแห่งชาติเขาใหญ่เท่านั้น ที่มี กระทิง แต่ที่นี่ อุทธยานแห่งชาติก็มี กระทิงด้วย !!! หนำซ้ำยังตัวใหญ่ซะด้วย…..

   หลังจากบันทึกร่องรอยอันน่าตื่นตาตื่นใจของเจ้าสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธ์ไปจากป่าเมืองไทยกันหนำใจ แล้วพวกเราก็ย้อนกลับเข้าสู่เส้นทางหลักเพื่อมุ่งสู่ต้นน้ำมูลอันเป็นที่หมาย ก่อนถึงแค้มป์ปลูกป่าของ ปตท เพียง เล็กน้อย พวกเราก็แยกซ้ายลงสู่หุบเขาด้านล่าง ก็มาสิ่นสุดเส้นทางที่ สายน้ำ 3 สายเล็ก ๆ มาบรรจบกัน ก่อนรวมตัวกันเป็นลำธารขนาดย่อมที่ไม่น่าเชื่อว่า ลำธารสายเล็ก ๆ สายนี้จะกลายไปเป็น ลำน้ำแม่มูล อันยิ่งใหญ่ข้างล่างบนผืนดินอีสาน… แค้มป์ที่พัก และ อาหารถูกเตรียมขึ้นด้วยเวลาไม่นานนัก เพราะต่างคน ต่างรู้กันเองดีอยู่แล้วว่า ใครควรจะทำอะไร หรือถนัดอย่างไหน… พวกผู้ชายส่วนมากก็เลือกเล่นน้ำ กับสายน้ำเย็น อันเปรียบเสมือนรางวัลสำหรับการเดินทางสายนี้ ส่วนกลุ่มผู้หญิงหลังจากเตรียมกับข้าว กับปลา เรียบร้อยแล้วก็พากันลงมาอาบในกลุ่มหลัง…ค่ำคืนนี้พวกเราถูกรบกวนอย่างหนักโดยเจ้าตัว ลิ่น ที่มีลักษณะคล้ายแมงหวี่เล็ก ๆ ก็กัดเจ็บเอาการเรียกได้ว่าขนาดทายากันก็แล้วยังคันกันทั่วทุกคนกัน

" ป่าไหนที่มีตัวลิ่นเยอะ แสดงว่าป่านั้นก็มีสัตว์ป่าเยอะ " ประสบการณ์ป่าที่ถูกถ่ายถอดโดยพี่เจ้าหน้าที่ทำให้ พวกเราได้รู้่ถึงความสำพันธ์ขององค์ประกอบซึ่งกันและกันในห่วงโซ่อาหารชีวิตกลางป่าลึกแบบนี้…

   คืนนี้พวกเราดื่มกินกันจนดึก จนเรียกได้ว่าแทบจะกลับที่นอนกันแทบไม่ไหว กว่าจะตื่นขึ้นมาได้ ก็ต้องมีคนมาปลุกกันเลยทีเดียว…สายน้ำเย็นในตอนเช้าทำให้พวกเราหลาย ๆ คนสดชื่นขึ้นทาทันทีทันใด กาแฟ และ ข้าวต้มร้อน ท่ามกลางสายหมอกที่ยังหนาแม้เวลาล่วงสู่ยามสายแล้วก็ตาม พวกเราเก็บแค้มป์และ คืนป่าคืนสู่สภาพเดินเหมือนที่เราเข้ามาเมื่อวานนี้ ย้อนกลับยังเส้นทางที่พวกเราไม่สามารถผ่านไปได้ แต่คราวนี้ พวกเรากลับผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะร่องที่แคบอยู่นั้นด้านที่เป็นหนองน้ำเล็ก ๆ นั้นพื้นดิน ไม่อ่อนนุ่มจะเกินไปนักพอที่จะให้พวกเราใช้เส้นทางเบียดเพื่อหลบร่องลึกทางซ้ายได้ทุกคัน เส้นทางกลับนี้สนุกกว่าขาเข้ามาเมื่อวานนี้ มีเนินชัน และร่องลึกให้ได้ใช้ทักษะกันพอสมควร แต่ก็ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็ออกมาจากผืนป่าทับลานเมื่อตอนเที่ยงวัน… หลังอาหารเที่ยงอันโอชะที่ ร้านไก่ย่างเลิศทิพย์ บริเวณปากทางเข้า บ้านผางามรีสอร์ท พวกเราก็ต้องมีเรื่องให้ตกใจกันอีก เมื่อเจ้าม้ากระโดด ไม่มีไฟหลงเหลืออยู่เลย เพราะการช๊อร์ทกันบริเวณสายไฟที่วางลอดใต้ท้องรถบริเวณท่อไอเสีย.. ลากกันตามระเบียบ เหมือนเป็นอาถรรพ์ของพวกเราชาวบูรพาว่า ถ้าทริปไหนไม่มี..ลาก.. ทริปนั้นไม่ใช่ทริปของพวกเราชาวบูรพา

หลังจากลากไปซ่อมที่ ชุมชนตลาด กม.79 แล้ว พวกเราก็พากันหลับบ้านกันด้วยความสดชื่น จากบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร ของผืนป่าทับลาน..ผมถึงกับร้องเพลงออกมาด้วยความระลึกถึงสายน้ำนั้นด้วยเพลง ลำน้ำมูล..

….ทิวไม้เรียงรายริมน้ำแม่มูล ฝุ่นสีปูนเสียงแคนเจื้อยแจ้วแว่วมา
… สายน้ำ ค่ำลง รินไหล เอื่อยช้า.. เป็นสัญญาว่า..ลมหนาวถึงคราวมาเยือน…
   สำหรับทริปนี้ สวัสดีครับ

หนูขาว
16 ตุลาคม 2545


เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นเลยครับ


ความเห็น :     
 
ชื่อ :   

 


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster