7-8
ตค. 43 อุทยานแห่งชาติทับลาน / น้ำตกวังจรเข้ ที่อ.วังน้ำเขียว
ผลของการเตรียมการที่ค้อนข้างพร้อม
โดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ เช่น เมล์, โทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งเข้าไปโพสท์ไว้ใน
Web ของเราทำให้การ เดินทางเพื่อไปดูกะทิงครั้งนี้ ทำให้คณะเราตื่นเต้นกันพอสมควร
พวกเรามีษมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเป็น ซูซูกิ วิทารา ของเสือเข้ม
ซึ่งมีประวัติอันโชกโชนทางด้านจักรยานเสือภูเขา โดยการมาของเสือเข้มครั้งน
ี้มาพร้อมกับสมาชิกเพื่อนร่วมก๊วนด้วยกันนามว่า นาย TREK นั่นเอง พวกเรานัดเจอกันที่ปั๊มน้ำมันชื่อดังของอเมริกา
เหมือนเช่นเคยเพราะความเพียบพร้อมทางด้านต่าง ๆ ที่ตอบสนองเพื่อนนักเดินทาง
ทั้งหลาย ทริปนี้ก็เหมือนเช่นเคยคือมี พี่เล็ก เป็นคันนำทางและนำพา
ไปสัมผัสกับเสน่ห์ของการเดินทางเหมือนเช่นหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา
พวกเราใช้เส้นทางสาย 36 จากจังหวัดชลบุรี ลัดออกมอเตอร์เวย์ เพื่อผ่านแม่น้ำบางประกง
ยาวไปจนทะลุทางหลวงสาย 304 บริเวณแถว อำเภอ ศรีมหาโพธ์ จังหวัดปราจีนบุรี
ขบวน เราทั้งหมด 3 คันแถมพ่วงท้าย จักรยานเสือภูเขาอีก 2 คันใช้เส้นทาง
304 ผ่านทางกบินบุรี
ขึ้น เขาปักธงชัย อีกประมาณ 60 กิโลเมตรถึงหยุดแวะซื้อเสบียงกันที่
กิ่งอำเภอ วังน้ำเขียว จังหวัด นครราชสีมา ตัวผู้เขียนเองเพิ่งจะรู้เอาเมือตอนนี้เองว่าตลาดตาม
อำเภอเล็ก ๆ นี้ถ้าเราซื้อหาอาหารจำพวก หมู หรือ เนื้อสัตว์ ต่าง ๆ
ตอนสาย ๆ นั้นจะไม่มี จนกว่าจะถึงเย็น ก็คงจะเป็นข้อสังเกตสำหรับเพื่อน
ๆ ที่อาจจะมีบ้างที่ไม่รู้เหมือนตัวผู้เขียน หลังจาก เตรียมเสบียง
อาหารกัน ได้ที่ซึ่งส่วนมากก็จะหนักไปทางปลา และ ไข่ ก็เริ่มเคลื่อนขบวนเข้าทางหมู่บ้าน
ไทยสามัคคี บริเวณ กม. 63 เข้าไปประมาณ 6 กิโลเมตรจึงแวะทักทาย เพื่อนเก่าพี่เล็กซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่นั่น
การทักทายเพื่อนเก่าที่รู้จักกันทางป่าเขาลำเนาไพร นั้นทำให้ ผมสามารถแยกภาพออกเป็นสองส่วนได้อย่างชัดเจน
ว่ามิตรภาพที่เกิดขึ้นจากความเอื้ออาทรย์ ที่เกิดขึ้นกลางป่านั้นมันยั่งยืนกว่ามิตรภาพที่เกิดขึ้น
จาก การพบปะกัน ในร้านหรูหรา ในกรุงหลายเท่านัก ผลไม้ป่า ทั้งสุกหรือตากแห้งถูกนำออกมา
ต้อนรับพวกเราพร้อมน้ำเย็น ๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นแก่พวกเรา เหมือนกับน้ำใจที่ยื่นให้
เราแจ้งความประสงค์กับเจ้าของพื้นที่เพื่อขึ้นไปให้ถึงต้นน้ำแม่มูล
บริเวณผืนป่าทับลานเพื่อเป็นวิทยาทาน และสัมผัสกับต้นน้ำอันมีความ
หมาย กับวัฒนธรรมและสังคมชาวไทยอีสาน บนเส้นทาง Off road ขนาด 3 ดาวนั้นไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับพวกเราเท่าไรนัก
ส่วนมากก็จะสร้างความสนุกสนานและความตื่นเต้น เล็ก ๆ น้อย ๆ
เมื่อน้องเล็ก วิทาราของเราต้องติดหล่ม เกือบทุก ปลักโคลนลึกขนาดหัวเข่าทำให้น้องเล็กของเราต้องติดเกือบทุกครั้ง
เรียกได้ว่าแม้แต่ จักรยานเสื่อภูเขา ของนาย TREK ยังต้องขอยอมแพ้
ยอมเก็บรถ พร้อมกับบ่นพึมพำ ถึงความเละของเส้นทาง งานนี้เสือเข้มได้ทักษะการขับรถ
off road ไปพอสมควรแต่ก็ยังชูสองนิ้วพร้อมบอกว่า " สู้ตายโว๊ย"
คำพูดสั้น ๆที่ ทำให้ผมบอกกับตัวเองว่า งานนี้คงไม่เป็นทริปสุดท้าย
ของเสือเข้มแน่นอน
ตลอดเส้นทาง
Off road ระดับ 3 ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เราก็ถึงต้นน้ำมูลบริเวณแปลงปลูกป่าของ
ปตท พร้อมกับlมาชิก ปลูกป่า อีกกว่า 50 คน โดนส่วนตัวของผู้เขียนพร้อมกับการเดินทาง
ที่ถือว่าไม่น้อยนักทำไห้ได้เห็น
กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ของ ปตท ต่อทรัพยากรป่าไม้ของเรา มาหลายป่าแล้ว
พร้อมกับชื่นชม ในการอุตสหะทุ่มเทกับสิ่งเหล่านี้ ...แต่สิ่งที่ผู้เขียนเป็นการปฎิบัต
ิจากหญิงวัยกลางคนกับ บทบาทหัวหน้ากลุ่มที่ปฎิบัติ กับแขกผู้มาเยือนอย่างพวกเรา
ที่เต็มไปด้วยคำพูด ถากถาง ดูหมิ่น ดูแคลน ซึ่งอาจมาจากอคติในใจ ที่มีต่อกลุ่ม
Off road เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในทางกลับกันพวก เรามีความภาคภูมิใจ
ในภารกิจช่วงเดิน ทางแต่ละครั้งว่าพวกเรา ไม่เคยทำร้ายหรือพยายาม จะทำลายทรัพยากรป่าไม้อัน
มีค่าเหล่านี้ซึ่ง หมายความว่าพวกเราก็รักป่าเหมือนกับ หัวหน้ากลุ่มปลูกป่าหญิงท่านนั้น
หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเป็นความรักที่มาจากความรู้ สึกบริสุทธ์ใจและยินด
ีกับการเข้ามาร่วม กันรักษาป่าของคนทุกคน คำถามเกิดขึ้นในใจผมว่าถ้ามีใครคิดว่า
ป่านี้เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นไปได้มั๊ยว่า พวกเค้าไม่ได้รักป่าเหมือนที่พวกเรารัก
แต่พวกเค้า อาจจะรักป่า เพราะป่าให้ผลตอบแทนแก่พวกเขา บางสิ่งบางอย่าง
จากบทบาทของหญิงคนนั้นทำให้ผมนึกถึงภาพ ปตท อีกบางภาพเหมือนกันที่เป็นผู้
ทำลายธรรมชาติ ได้อย่างไม่มีใครทำได้.... ท่อแก๊สที่ ลำเลียงผ่านป่าต้นน้ำบริเวณอำเภอทองผาภูมิคง
เป็นคำตอบให้แก่เพื่อน ๆ ได้อย่างดีว่า ทำไมหญิง คนนั้นจึงปฎิบัติต่อคนแปลกหน้าที่เข้าไปเห็นกิจกรรมในป่า
ของพวกเขา
ขากลับลงมาใช้เวลากันพอสมควรทำให้พลาดกับการดูกะทิงที่เขาแผงม้า
จึงตกลงปลงใจว่าเอาไว้เป็นคราวหน้าละกัน
ค่ำวันนั้นเราพักกันที่บริเวณริมฝายน้ำล้นพร้อมกับทำข้าวปลาอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
ความสนุกสนานยามค่ำคืนที่ถึงขนาดทำให้ตัวผู้ เขียนถึงกับตื่นสายในวันใหม่
กว่า 10 โมงเช้าหลังจากอาหารเช้า และเก็บของพวกเราแวะรับคนนำทาง ในหมู่บ้านเพื่อนำทางเข้าป่าไปสำผัสกับน้ำตก
วังจระเข้กลางป่าลึกที่อุทธยาน แห่งชาติดงลาน ตลอดเส้นทางลัดเลาะตามลำธาร
และปีนป่ายตามโตรกผาสร้างความสนุกสนาน ปนหวาดเสียวกับชาวคณะเราพอสมควร
กว่าจะถึงตัวน้ำตกที่ซ่อนตัวกลางป่าลึกความสวยงามระดับ 3 ดาว ของน้ำตกให้พวกเราหายเหนื่อย
พอสมควรถึงได้เดินทางกลับ แต่ขากลับนี้ไม่เหมือนกับขาเข้า เพราะต้องปีนป่ายขึ้นเนินกันตลอดเรียกได้ว่า
กว่าจะถึงที่จอดรถก็ทำให้พี่เล็กของเราเกือบจะเป็นลม ขึ้นมาเลยทีเดียว....
บนเส้นทางขากลับพวกเราไม่รีบร้อนอะไรกันนักต่างแยกย้ายกันตามเส้นทางพร้อมทั้งทิ้งคำสัญญาเหมือนกันทุกครั้งว่า
" เอาไว้ลุยกันใหม่พวกเรา "
สำหรับทริปนี้สวัสดีครับ
|