พุธ,4 ธันวาคม 2567
 
[ Home ]

                          
+ รายงานทริป

+ รูปหน้า 1
+ รูปหน้า 2
+ รูปหน้า 3

+ รูปหน้า 4
  

+ เส้นทาง GPS
+ Download Track


ทริปน้ำตกบ่อทอง จ.ฉะเชิงเทรา

(21-22 กค. 44)
คนเข้ามาอ่าน=5331 Truehits.net คน


      ฝนตกบ่อยแบบนี้ทำให้พวกเราได้ออกทริปบ่อยไปโดยปริยาย ไม่ต้องขับรถไปไกลถึงไหน เอาแค่แถบภาคตะวันออก ก็มีที่เที่ยวได้สนุกเร้าใจได้ไม่แพ้ผืนป่าตะวันตกหรือแถบกาญจนบุรีที่พวกเราคุ้นเคย ทริปนี้พวกเราชาว บูรพาออฟโรด รวบรวมกันได้ 4 คันซึ่งนำทริปโดย กระรอกดำของเสือเข้ม เสือดำของนายหนอน หนูขาวของนายบี และจิงโจ้ป่าของไพลินที่ตาม มาสมทบตอนบ่าย จุดมุ่งหมายคราวนี้คือ น้ำตกบ่อทอง ซึ่งอยู่ใน เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า เขาอ่างฤาไน อำเภอ ท่าตะเกียบ จังหวัด ฉะเชิงเทรา

     พวกเราใช้เส้นทางหลวง 331 แยกออกไปทาง กิ่งอำเภอ เกาะจันทร์ ใช้เส้นทางลัดทะลุไป อ.ท่าตะเกียบ ซึ่งประหยัดเวลา กว่ามาก หากต้องวิ่งไปที่ อ.สนามชัยเขต ก่อน แล้วจึงเลี้ยวไปอ.ทะตะเกียบ เราแวะกันที่ตลาดหนองคอก ซึ่งมีของให้เราซื้อมากมาก และที่น่าแปลกคือ ที่นั่น มีร้านตีมีด อยู่ด้วย พวกเรา แวะซื้อมีด กันคนละด้าม สองด้าม แถมยังเอามีดของเราที่ทื่อๆ แล้ว ไปให้เค๊าลับให้อีกด้วย ราคา ค่าลับมีด และชุบแข็ง ก็แค่เล่มละ 30 บาท เอง นับว่าถูกมาก ซึ่งขณะที่รอมีดอยู่นั้น ฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก และตกอยู่นาน พอสมควร หลายคนเริ่มยิ้มด้วยความดีใจ ว่าเราคงได้สนุกกันอีกแล้ว หลังจากฝนหายเรา จึงเริ่มออกเดินทาง ทริปนี้ของเราได้ทำการ ขออนุญาตเข้า เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า เขาอ่างฤาไน โดยเสือเข้ม ของเราโดยแวะทักทาย เจ้าหน้าที่ณ ที่ทำการหลุมจังหวัด ซึ่งหากจาก ตลาดหนองคอกมาประมาณ 5 กม. ด้วยเส้นทางลูกรังอัดแน่น และถนนในไร่มันสัมปะหลัง และทาน อาหารเที่ยงกันที่ หน่วยเจ้าหน้าที่ เมื่อเวลาบ่ายคล้อยด้วย ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ที่เราแวะซื้อกันที่ ตลาดหนองคอก ก่อนที่จะเข้าไปที่ทำการอีกแห่ง ที่อยู่ลึกเข้าไปอีก 12 กม. หลังจากนั้นเราเริ่มเคลื่อนขบวนกันไปอย่าง ช้า ๆ เพราะต้องคอยระวังดู เต่าใบไม้ที่มีอยู่มากมาย ในบริเวณ ร่องล้อที่มีน้ำท่วมขัง โดยที่เต่าชนิดนี้มีลักษณะพิเศษ คือจะมีกระดอง ออกเป็นสีน้ำตาล และมีลักษณะคล้ายหนาม บริเวณขอบนอกของกระดอง ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนกับใบไม้แห้งที่หล่นอยู่บนพื้นนั่นเอง แต่เมื่อพวกเขาได้ยิน เสียงสั่นสะเทือนที่ วิ่งมาของพวกเรา พวกเขาจะว่ายน้ำขึ้นริมตลิ่ง ซึ่งถ้าพวก เราให้ความระมัดระวังกับตรงนี้ก็จะเห็นเค้าได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่า เส้นทางนี้ห้ามใช้กลางคืน โดยเด็ดขาด มิฉะนั้น อาจจะไปทับบรรดา เต่าใบไม้เหล่านี้ก็เป็นได้ ลักษณะเส้นทางในช่วงแรกจะ คล้ายกับเส้นทาง อีเกก ที่แก่งหางแมว คือเป็นร่องลึกที่มีน้ำท่วมขังตลอด 60 % ของเส้นทางคดเคี้ยว ไปตามป่าพื้นราบที่ค้อนข้าง รกชัฏ และมีแอ่งโคลนให้ได้หวาดเสียว ตลอดเหมือนกัน ด้วย สภาพเส้นทางระดับ 2 - 3 ดาว ระหว่างทาง ต้องข้ามคลองที่ลึกขนาดซุ้มล้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า หากฝนตกหนักมากๆ ให้รีบกลับกันออกมา เพราะหากน้ำป่ามา จะข้ามคลองนี้กลับมาไม่ได้ เพราะน้ำจะไหลแรงมาก ลักษณะเส้นทาง ส่วนใหญ่จะไม่เป็นดินเหนียวมาก เหมือนที่ผาสวรรค์ แต่เป็นดินนิ่มๆที่ มองเผินๆรู้สึกว่ามันจะไม่ลึกมาก แต่พอได้ลงไปก็จะรู้ถึง ความนิ่มของมัน ได้ดี โดยระยะทาง 12 กิโลเมตร พวกเราใช้ เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง หน่วย น้ำตกบ่อทอง ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย ที่เจ้าหน้าที่ยอมให้ผ่านเข้ามาได้ แต่หากเป็นรถเดิมๆที่ไม่ได้แต่งมาก หรือยกขึ้นเพียงเล็กน้อย อาจจะใช้เวลามากกว่านี้

        สภาพที่พักที่หน่วยนี้โดยรวมถือว่าดีทีเดียว มีบ้านพักรับรองขนาดใหญ่ที่จุคนได้ หลายสิบคนที่ห่าง น้ำตกเพียงแค่ 2 กิโลเมตร พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดี จากบรรดาพี่ พี่ ผู้พิทักษ์ป่า ที่ประจำการอยู่ โดย เจ้าหน้าที่ปั๊มน้ำ มาให้อาบ ได้ถึงห้องน้ำ หรืออยากจ ะสัมผัส ธรรมชาติ ก็สามารถ เดินไปอาบที่คลอง ใกล้ๆที่พักได้ หลังจากพักกันครู่ใหญ่ เราก็เดินทา งต่อด้วย รถเพียงสองคัน คือกระรอกดำ กับหนูขาว เข้าสู่น้ำตก บ่อทอง เส้นทาง เป็นป่ารกๆ และมีต้นไม้ล้มขวางทาง เป็นจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่ได้ม าตัดออกไปให้จนหมดแล้ว พวกเรา โหนรถ กันเข้าไปแค่สองคัน หลังจาก มาได้ประมาณ 2 กม. ก็ถึงจุดจอดรถ ที่ต้องจอดทิ้งไว้ แล้วเดินขึ้นเขาไปอีก 200 เมตรก็จะถึงตัวน้ำตก ที่มีความสวย พอใช้ได้ ด้วยสายน้ำที่ตกลงมาจากชั้นหินสูง ประมาณ 20 เมตรท่ามกลางความดิบ สมบูรณ์ของผืนป่าจัดว่า เป็นราววัล ของการเดินทาง ที่คุ้มค่าเลยทีเดียว เสียอย่างเดียว ทากเยอะ ไปหน่อย โดนทากดูดไปกันก็หลายคน เราเล่นน้ำกันอยู่สักพักนึง จึงเดินทางกลับที่พัก เพราะทากเริ่มารบกวนมากขึ้น (นายติ่งโดนเกาะกลางหลังเลย) หลังจากกลับมาที่พัก ก็มาเจอ ไพลินที่ตามมาถึงก็เย็นย่ำพอดี ค่ำคืนนั้นเสือเข้ม กับหมึกแดง ทำหน้าที่ ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกินที่มากมาย อีกทั้ง หมูย่างเกาหลีที่มีน้ำจิ้มชั้นยอด และ เค้กวันเกิด ของนายบี ที่ทำเอานายบี ซาบซึ้งไปกับน้ำใจของมิตรภาพที่พวกเรามีให้แก่กันมาตลอด แล้วคืนอันสนุกสนานก็ผ่านไป


   ตื่นเช้าวันใหม่ แปลกใจมากที่เราเห็นเสือเข้มและนายบี ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพราะปกติจะตื่นกันสาย ซึ่งหกโมงเช้า ขณะนั้น ฟ้าสว่างและมีไก่ที่เจ้าหน้าที่เลี้ยงไว้ ขันกันระงมไปหมด นับว่าเป็น นาฬิกาปลุก ธรรมชาติที่ดีทีเดียว พวกเราใช้ เวลาตอนเช้า ไม่นานนัก ก่อนที่จะจัดขบวนเดินป่า เพื่อชมธรรมชาติในป่าลึกซึ่งนำทีมโดย คุณ ชล เจ้าหน้าที่ พิทักษณ์ป่าที่มากด้วยน้ำใจ ในการนำทางพร้อมด้วย ปืนคู่ใจ ของเขา ตลอดเส้นทางเราได้เห็นธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น กล้วยไม้ป่า นกเงือก หรือร่องรอยที่ทำเราตื่นเต้นกันไม่น้อย คือรอยเท้า วัวแดง และช้างป่า ที่ย่ำไว้เป็นเทือกเต็ม ไปหมดเราเดินกันไปประมาณ 4 กิโลเมตรเรียกได้ว่าเข้าไปในเขตอำเภอแก่งหางแมง จังหวัดจันทรบุรี เลยทีเดียว ถึงเดินทางกลับ

     หลังจากเก็บของในที่พัก และร่ำลาเจ้าหน้าที่กันแล้ว ช่วงขากลับออกมา สภาพเส้นทางโหดมากกว่าขาเข้า มีน้ำเยอะกว่า เนื่องจากฝนทึ่ตกพร่ำๆทั้งคืน ทำให้ร่องบางร่องลึกเสียจน ทำให้ผมต้องประเดิมใช้วินช์ตัวใหม่ที่พึ่งติดตั้ง ทำให้ใครบางคน ถึงกับบ่นเสียดายที่ไม่ได้ใช้เหมือนผมทั้ง ๆที่พึ่งติดมาเหมือนกัน เราใช้เวลาไม่นานนัก ออกมาถึงตลาดหนองคอก เพื่อ แวะทาน อาหารเที่ยงกัน ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปต่อที่หน่วย ลำพระเพลิงที่ แว่ว ๆ มาว่าสภาพเส้นทางโหดไม่เบา ซึ่งกลุ่มเราตกลงว่าจะไปสำรวจกันก่อนกลับ โดยใช้เส้นทางเลยตลาดหนองคอกไปทาง สระแก้วอีกประมาณ 10 กิโลเมตรก็จะเจอด่านทหารพราน เลยด่านประมาณ 200 เมตรจะมีทางแยกซ้ายเล็ก ๆ บริเวณคอสะพาน เข้าไปข้างในที่ค้อนข้าง รกชัฏ หญ้าและกิ่งไม้ที่ปิดเส้นทางแสดงให้เห็นว่า ไม่เคยมีใครใช้เส้นทา งมาเป็นเวลานานแล้ว ไม้เล็ก ๆ ที่ล้มขวางทางมีให้เห็น ตลอด 2 กิโลเมตรแรก แต่สิ่งที่ผมกังวลมากกว่าความลำบาก ของเส้นทางคือ เจ้าของรอยใหม่ ๆ ที่ย่ำไว้เป็นเทือก หนำซ้ำยังเป็น รอยที่ใหม่ ๆ ทั้งนั้นเลย ครับ ผมหมายถึง ช้างป่า !!! นี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางของผมที่ขับรถไป กังวลไป ส่วนหมึกแดง ไม่ต้องพูดถึง ร้องกลับเลยทีเดียว ยิ่งเข้าไปลึกเรื่อยๆ ก็ยิ่งเจอรอยมันมากขึ้นไปด้วย ทางก็แคบ ไม่มีที่กลับรถเสียด้วย ถ้าเจอมันจัง ๆ จะทำยังงัย ก็นึกไม่ออกเหมือนกัน สงสัยถ้ามาอีกครั้ง คงต้องเตรียมอ้อยมาเลี้ยงช้างด้วยแน่ ๆ แต่แล้วการเดินทาง ของพวกเราก็ต้องหยุกชะงักและหันหัวกลับออกมา เพราะ จิ้งโจ้ป่า ของเราเกิดไม่พร้อมขึ้นมาอีก (มารู้ทีหลังว่าทำให้หลายคนถึงกับดีใจ) ด้วยยางหุ้มเพลาหน้าที่ขาด และไม่รู้เป็นไร ตอนนี้ขับเคลื่อนได้เพียง สองล้อหลังด้วย พวกเราจึงกลับออกมาด้วยความเสียดาย ....


     สำหรับทริปนี้เราไม่เหนื่อนมากนักเพราะเป็นการเดินทางระยะใกล้ ไม่ต้องขับรถไกลเหมือนเช่นเคย แต่ก็ยังค้างคาใจว่าน่าจะกลับไปพิชิต ลำพระเพลิง อีกครั้งให้ได้ เผื่อว่าจะได้เจอช้างป่า จริงๆเสียที

สำหรับ ทริปนี้สวัสดีครับ
เล่าเรื่องโดยนาย บี
24 กรกฎาคม 2544



Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster