คลิตี้ล่าง
โหดจริงๆ
1-2 มิย. 45
มาอ่านคนที่
2616
Truehits.net
เมฆฝนก้อนใหญ่และมืดครึ้มเหนือทุ่งใหญ่นเรศวรในตอนเที่ยงวันนั้นสร้างความหนักใจและ
ครั่นคร้าม ให้กับพวกเรา ก่อนเข้าป่ากันพอสมควร ถึงแม้เส้นทางลูกรังอัดแน่นอย่างดี
ที่ทอด ยาวลัดเลาะไปตามไหล่เขาดิบชื้น ที่มุ่งสู่หมู่บ้านกระเหรี่ยงคลิตี้
จะได้รับการปรับปรุง เมื่อครั้ง รับเสด็จ แล้วก็ตาม เพียงแต่การมาครั้งนี้เสมือนพวกเราประมาทในเส้นทางอมตะ
ของ น้ำตกคลิตี้ล่าง กันเกินไปจนทำให้บทสรุปจากการเดินทางครั้งนี้
ของเราเป็นอีกทริปที่ โหด..มัน แต่.. (ไม่ฮา) กันอีกทริปหนึ่ง ที่พวกเราต้องจดจำ
กันไปอีกนาน
จากป้ายบอกทางเข้าน้ำตกคลิตี้ล่างอีก
7 กิโลเมตรที่เริ่มทักทายพวกเราด้วย ปลักโคลนขนาดใหญ่ที่มีร่องระดับน้ำลึก
ประมาณครึ่งคัน และทอดยาวประมาณ 40 เมตร ซึ่งก็สามารถผ่านกันได้ด้วยด
ีทุกคันอย่างไม่มีปัญหาอะไร โดยสภาพเส้นทางช่วง 2-3 ร้อยเมตร แรกนั้น
เป็นร่องโคลนลึกที่มีลักษณะเป็นดินแข็ งตลอดทั้งเส้นทาง เรียกได้ว่า
80 % เป็น ปลักโคลนเสียทั้งหมด แต่ด้วยความแข็งของเนื้อดิน ที่อยู่ข้างใต้ก็สามารถผ่านกันได้
อย่างไม่ มีปัญหาอะไรมากนัก ถึงแม้บางครั้งก็ต้องมีวินช์หรือลากจูงกันเป็นระยะ
ๆ ก็ตาม จนพวกเราเข้าล่วงเข้าไปกิโลเมตรที่สอง ก็ต้องพบกับ ร่องลึก
ยาวประมาณ 100 เมตรที่ทอด ตัวลงสู่หุบเบื้องล่าง ที่มีสภาพไม่ต่างอะไรไปจาก
..บึง.. ที่ไม่มีร่องล้อ หรือรอยล้อให้เรา ทราบได้ว่าตรงไหนที่ควรต้องผ่านหรือ
ตื้น ลึก กันอย่างไร แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือเลยจาก ปลักโคลนขนาดใหญ่นี้ขึ้นไปกลับเป็นเนินเขาชันเอียง
และมีร่องล้อบังคับแถมหนำซ้ำยังมี หินก้อนโต ที่อยู่ในร่องเสมือนคอยทำลายล้อรถทุก
คันที่คิดจะผ่าน !!!
เจ้าหนูขาวและกระรอกดำ
ก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังให้กับพวกเราเมื่อพยายามกัน อยู่พักหนึ่ง
ที่จะขึ้นไปอยู่บนยอดเนินนี้ได้ แต่อย่างที่ผมเกริ่นเอาไว้ เพราะสิ่งที่ผมพบเมื่อ
เดินกลับลงมาหาเพื่อน ๆ หลังจากที่ไม่เห็นคันไหนตามขึ้นมาก็พบว่า SR5
ของพี่สมโภช จอดเอียงกระเท่เร่
โดยที่มีล้อแม๊กแตกกระจาย !!! บริเวณนั้น ด้วยสาเหตุจากแง่งหินคมก้อน
โตที่อยู่ในร่อง ชันนั้น
โดยที่มี Terrano ของพี่แดงลอยแขวน อยู่ทั้งสี่ล้ออยู่ถัดไปก่อนมา
ถึงปลักโคลนด้านหลังเพียงน้อย มาถึงตอนนี้ เจ้าม้ากระโดดของเราต้องหันกลับหลังไปช่วย
ดึงพี่แดงโดยต้องถอยหลังกลับลงไปในปลักอีกครั้งซึ่ง ด้วยความลึกของปลักโคลนหลาย
ๆ ปลักที่ผ่านมานี่เองก็ทำให้เจ้าม้ากระโดด หรือพี่ใหญ่ของเราก็เริ่มออกอาการ
ต้องจอดพัก เป็นระยะด้วย
เสียง และ กลิ่นไหม้ ที่ออกมาจากบริเวณ ไดร์ชาร์จ เป็นระยะ
แต่สิ่งทีผม
มีความวิตกกังวลก็บังเกิดขึ้น เมื่อ ฝนห่าใหญ่ ได้ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
สายน้ำหลาก ได้ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องตามร่องล้อ ในขณะที่พวกเราช่วยกันเปลี่ยนยาง
SR5 อยู่นั้น ทั้งที่ยังมี Terrano แขวนติดอยู่เบื้องหลังอีกหนึ่ง่คัน
โดยที่ไม่สามารถกลับไปช่วยได้ด้วย สภาพของม้ากระโดดที่ก็ต้องจอดซ่อมไดร์ชาร์จอยู่เหมือนกัน
มาถึงตอนนี้ พวกเราเรปรึกษาหารือกันเมื่อเวลาที่ล่วงมาถึง 5 โมงเย็น
แต่พวกเราเข้ามาได้ยังไม่ถึงครึ่ง ทางนับตั้งแต่เที่ยงประสบการณ์ติดป่า
มาหลายครั้งทำให้พวกเราลงมติกันว่าจะหันหลังกลับ กันด้วยความจำนนต่อสภาพของเส้นทาง
และความไม่พร้อมของพวกเราเพียงแค่ 2 กิโลเมตร แรกเท่านั้น
หลังจากเปลี่ยนยาง
SR5 และแก้ไขให้เจ้าม้ากระโดดพอขับไปได้พวกเราก็พยายาม กันต่อที่จะลากเจ้า
Terrano กลับขึ้นไปบนยอดเนิน
แต่แล้วสิ่งที่พวกเราต้องประหลาดใจ
ก็เมื่อ ข้างหลังเรานั้นมีกลุ่ม Wild Mild นำทีมมาโดย เฮียเสง และ
เฮียสือ โดยที่เฮียเสง ก็ต้องลงมาช่วยเราอีกครั้งหนึ่ง นับจากโป่งตะแบกในครั้งก่อน
ในการ กลับรถกลับมา ดึงพี่แดงซึ่งเป็นสาเหตุให้ LN106 ของแกต้องเสียยาง
Simax 34 ไปเส้นหนึ่ง เพราะยางหลุดขอบจากการพยายามฝืนร่องล้อเพื่อถอยหลังกลับมาลากซึ่งเมื่อ
พวกเราหันหลังกลับกันได้ก็ร่ำลากันกับพวกเขา โดยหารู้ไม่ว่าคืนนั้นพวกเขาจะหันกลับมา
ช่วยพวกเราในเวลากลางดึก
 
พวกเราพยายามทำเวลาออกให้เร็วที่สุดก่อนมืด
แต่แล้วก็ต้องหยุดขบวนกันอีกครั้ง เมื่อเจ้าม้ากระโดดของเรา
ก็ต้องถึงหยุดอีกครั้ง เมื่อไดร์ชาร์จที่มีปัญหามาแต่แรกนั้นถึง กาลอวสารเมื่อลูกปืน
นั้นตาย และไม่หมุนจนทำให้สายพาน ที่ไปหมุนพัดลมเครื่องนั้นขาดไป เลยนั่นคือ
เจ้าม้ากระโดด ไม่สามาระวิ่งได้อีกแล้วเพราะไม่มีไฟจากไดร์ชาร์จ และ
หนำซ้ำระบบ ระบายความร้อน ก็ไม่สามารถทำงานได้ !!!! มาถึงตอนนี้พวกเราเริ่มกังวลกัน
ว่าเราจะออกไปข้างนอกยังงัยดี เพราะ ไม่ว่า SR5 หรือ Terrano ที่ติดอยู่เกือบทุกปลัก
พร้อมน้ำหนักตัวมากกว่า 2 ตัน ก็ไม่มีวินช์ซะด้วย-ส่วนที่มีวินช์ที่เหลือก็คือ-กระรอกดำ
กับ หนูขาว ที่มีน้ำหนักตัวไม่ถึงตัน จะไปดึงเจ้ายักใหญ่ทั้งสองได้ยังงัย
และแล้วสิ่งที่เราคิดไว้ก็ เป็นจริงเมื่อกระรอกด ก็ต้องเจ๊งไปอีกคันเพราะไดร์ชาร์จไม่ทำงาน
เนื่องจากการใช้ชาร์จไฟ ตลอดเวลา เพื่อพยายามดึง SR5 ขึ้นมาให้ได้มาถึงตอนนี้เวลาล่วงมา
3 ทุ่มแล้ว รถคันยักษ์ 2 คัน ติดอยู่ในร่องลึกจนหมดปัญญาที่เอาขึ้นมาได้
และอีก 2 คัน ก็มาเสียจนใช้การไม่ได้ เท่ากับว่าที่ไปด้วยกันทั้งหมดเหลือเพียง
หนูขาวเพียงคันเดียวที่ยังพอวิ่งได้ !!!!
มาถึงตอนนี้พวกเราสรุปกันว่า
ต้องให้หนุขาวพยามยามวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ จากกลุ่ม Wild Mild
ที่พักอยู่ในหมู่บ้านให้ได้ เพื่อมิให้พวกเราต้องติดอยู่กลางป่าอย่างนี้ทั้งคืน
ผมพยายามขับเจ้าหนูขาวอย่าง เร็วที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้เพื่อ ไปตามคนมาช่วยแต่แล้ว
ด้วยความรีบร้อน ถึงกับทำให้ เจ้าหนูขาวตกลงไปในร่องเอียงที่ลึกจนทำให้
เจ้าหนูขาวลงไป นอนตะแคงแอ้งแม้ง อยู่ในร่องลึกนั้น !!!! ด้วยสภาพที่เอียงตะแคงนั้นผมไม่สามารถขยับตัว
ทำอะไรได้ เพราะต้องเหนี่ยวตัวยึดบานประตูไว้ไม่ให้ตัวเองตกลงไปนั่งอีกฟากหนึ่งของรถ
ผมกดแตรเพื่อร้องของความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ที่อยู่ไม่ห่างไปนักเพราะวิทยุก็ไม่รู้ว่า
ล่วงไปอยู่ไหนแล้ว
หลังจากใช้วินช์ดึงตัวเอง ขึ้นมาจากการนอนตะแคงขึ้นมาได้ก็ขับรถฝ่า
ออกไปขอความช่วยเหลือกับ เฮียเสง และ เฮียสือ จนได้ เมื่อเวลาล่วงมาถึง
5 ทุ่ม
เฮียเสง
แห่งกลุ่ม Wild Mild เปรียบเสมือน พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยพวกเรา ด้วย
LN106 กับเครื่องพลังแรง พร้อม Air locker หน้าหลัง เข้ามาลากพวกเราทีละ
คันออกไปทั้งหมด 4 คัน 4 เที่ยวอย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก และพาพวกเรากลับไปพักที่หมู่บ้านกระเรี่ยงก็เมื่อ
เวลาล่วงเลยมาถึง ตี 3 ของวันใหม่ นั่นเท่ากับว่าพวกเราใช้เวลาถึง
15 ชั่วโมงในการเข้าไป และออกจากเส้นทางน้ำตกคลิตี้ล่างเพียงแค่ 2กิโลเมตรในวันฝนหนักแบบนี้
พวกเราตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อลากรถที่เสียออกมาซ่อมที่
อำเภอ ทองผาภูมิ โดยสรุป แล้วว่า รถที่เสียทั้งสองคันคือ ม้ากระโดด
และ กระรอกดำ นั้นเกิดจากความร้อนสะสมที่ ไดร์ชาร์จที่เต็มไปด้วยโคลนและการทำงาน
ที่หนักเกินไปจากการทำงานของวินช์เกือบ ตลอดเวลา เรียกได้ว่ากว่าที่รถจะเสร็จ
ได้ก็ปาเข้าไปเกือบค่ำถึงเริ่มเดินทางออกจาก ทองผาภูมิ แต่แล้วเมื่อเดินทางได้เพียงไม่นาน
พวกเราก็ต้องหยุดขบวนรถ กันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อกระรอกดำพบว่าอาการที่ซ่อมมานั้นยังไม่หาย
จึงต้องย้อนกลับไปซ่อมอีก พวกเราที่ เหลือจึงหยุดรอกันที่ ปั้มน้ำมัน
ปตท ที่ลินถิ่นจนถึง 4 ทุ่มกว่าที่กระรอกดำจะตามมาสมทบ แต่แล้วสิ่งที่เหมือนอะไรกลั่นแกล้งพวกเราอีกครั้งก็คือ
พวกเราไม่สามารถเคลื่อนขบวนออก มาได้เพราะ Terrano ของพี่แดงก็ไม่สามาระสตาร์ทรถได้เพราะปัญหามาจากไดร์สตาร์ท
อีกเหมือนกัน จนเวลาล่างมาถึง ตี 1 ถึงจะ เคลื่อนขบวน กลับมาได้
พวกเราหลายคนกลับมาถึงบ้านก็ตอนเช้าพอดี
เรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่าง หมดรูปของพวกเราชาวบูรพา ต่อเส้นทางคลิตี้ล่างในวันนั้น
แน่นอนพวกเราตอ้งกลับไป แก้มืออีกครั้งในเร็ววันนี้เมื่อปรับขบวนใหม่ให้พร้อมกว่านี้
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ชนะใจพวกเรา อย่างไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ในบันทึกฉบับนี้
คือ เฮียเสง และ เฮียสือ ที่เข้ามาช่วยพวกเรา แม้เวลาดึกดื่นพร้อมกับมิตรภาพ
ที่งอกเงยและเติบโตระหว่างสองกลุ่ม ที่มักจะเจอะเจอกัน กลางป่า มาถึงตอนนี้พวกเราจะกลับไปอีกแน่
ฝากไว้ก่อนเถอะคลิตี้ล่าง
สวัสดีครับ
หนูขาว 4 มิถุนายน 2545
|