รวมพลคนบูรพาฯ ที่น้ำตกสวนห้อม
(26-27 มค. 45)
คนเข้ามาอ่าน=
3481
Truehits.net
คน
น้ำตกสวนห้อมเป็นแหล่งต้นน้ำแหล่งหนึ่งอยู่ในเขตป่าทับลาน
วังน้ำเขียว นครราชสีมา ประมาณกิโลเมตรที่ 60 จากสี่แยกกบินทร์ไปทาง เขาปักธงชัย
สามารถขับรถยนต์เข้าถึงที่พักและน้ำตกได้เลย ลักษณะโดยรอบของที่พักเป็นที่ตั้งอยู่บนยอดสันเขา
มองเห็นวิวเบื้องล่างของหุบเขายาวตลอด สามารถเห็นทั้งพระอาทิตย์ตกและขึ้นจากที่พัก
มองไปสุดลูกหูลูกตา มีเนินเขาเล็กๆ สลับซับซ้อนซึ่งส่วนมากถูกทำลายจากการตัดไม้ทำลายป่าและทำพืชไร่ของชาวบ้าน
ที่เหลืออยู่ก็เป็นป่าไผ่สลับดงหญ้า ที่นี่ทางการได้ทำเส้นทางแนวกันไฟป่าโดยรอบลัดเลาะไปตามสันเขา
หุบเขาก่อให้เกิดเส้นทางที่ผ่านลำน้ำ ขึ้น- ลง วนเวียนไปมากินพื้นที่หลายพันไร่
และนี่คือที่หมายของเรา วันรวมพล..คนบูรพา
จากจุดนัดหมายและเส้นทางต่างๆ พวกเราได้มาพร้อมที่บ้านพักนักท่องเที่ยวของน้ำตกส่วนห้อมก็เวลาเกือบบ่าย
2 โมง โดยประมาณมีพี่แดง(Nissan
terrano)ที่มาถึงก่อนใคร ตามด้วยจิงโจ้ป่า ( Mitsu Strada) สมเสร็จ ( Pajero)
สายชล (Mtsu Strada) หนูขาว และ กระรอกดำ (Suzuki calibian) กระดองทอง (
ซิตี้ Type Z) หมึกแดง( Peugeot 405) และตามมาติดๆ คือม้ากระโดด ( Toyata
RN) แถมด้วยเพื่อนคนใหม่ พี่คำรณ มาด้วย ( Mitsu Strada) เดิมๆ หลังจากทักทายกันพอหายเหนื่อยจากการเดินทาง
สาวๆและไม่สาวจัดแจงที่พักและที่หุงอาหารเป็นที่เรียบร้อย พวกเราเกือบทั้งหมดก็ออกเดินทางไปยืดเส้นยืดสาย
ตามเส้นแนวกันไฟกันหน่อย และที่เป็นพิเศษสำหรับวันนี้คือ เราจะมีการค้นหาสุดยอดฝีมือ
ในบูรพาโดยมีกติกาที่ว่าการเดินทาง ผ่านอุปสรรคที่ถือว่ายากแต่ละจุด เราจะมีการจับเวลาที่ใช้ในการผ่านของรถแต่ละคัน
แบ่งเป็นแบบคานแข็งและแบบปีกนก คานแข็งก็มี ม้ากระโดด หนูขาว กระรอกดำ และ
เสือดำ ส่วนปีกนก ก็มีจิงโจ้ป่า สมเสร็จ สายชล แล้วก็ พี่แดง รวม 8 คันโดยมีกระดองทองกับหมึกแดงเป็นกรรมการ
แถมด้วยพี่คำรณเป็นผู้สังเกตการณ์ ตามมาด้วยทีมเชียร์สาวๆอีกนับสิบ
เริ่มด้วยหนูขาวพาพวกเราไปยังอุปสรรค แรกที่อยู่ในหุบเขาห่างจากที่พักไม่กี่ร้อยเมตร
เป็นร่องโคลนลึกรูปตัววี ม้ากระโดดเริ่มกระโจนลงไปก่อน พอหัวทิ่มปักลงไปพร้อมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์
เท่านั้นแหล่ะหน้าของเพื่อนที่เหลือ เริ่มถอดสีทันที ก็ยางSimex ขนาด 34
นิ้วจมลงไปในโคลนเกือบมิดหมุนปั่นฟรีโดยไม่มีอาการขยับเขยือนของรถ มีเสียงแว่วๆตามลมมาว่าเปลี่ยนเส้นทางดีกว่ามั้ง?
ลายอื่นมีมั้ย? สุดท้ายไม่เปลี่ยนและไม่มีครับ ม้ากระโดดจำเป็นต้องวินซ์ขึ้น
และตามมาด้วยเพื่อนๆอีกทั้ง 7 ที่ไม่มีใครรอดหรือมีฝีมือที่จะผ่านเจ้าปลักนี้ไปได้
ถึงขนาดรถคันท้ายๆ นี่เสียบรีโมตสายวินซ์เตรียมตั้งแต่รถยังไม่ลงโคลนเลย
สรุปว่าเลคที่ 1 เสมอกันหมด
เราทั้งหมดออกเดินทางต่อยกเว้นพี่คำรณที่ขอถอยกลับไปตั้งหลักที่บ้านพัก
วิ่งไปตามหุบเขา ขึ้นบ้าง ลงบ้าง บางช่วงขันร่วม 40 องศา ช่วงนี้เองที่เวปมาสติ่งเราได้พบกับกวาง
ในสถานที่และสภาพแวดล้อมที่เป็นดงหญ้ากับป่าไผ่ เล่นเอาถึงกับตกใจ เข่าอ่อน
หมดแรงที่ขึ่จักรยานต่อเลย วิ่งมาไม่นาน ยางรถสายชลแบนแก้มยางฉีก คาดว่ามาจากปลักแรก
จำเป็นต้องจอดทั้งขบวนเพื่อเปลี่ยนยาง ขณะที่กำลังช่วยกันทำการเปลี่ยนอยู่นั้นรถ
ของพี่แดงที่จอดคาอยู่บนเนินคันสุดท้ายได้ไหลถอยหลัง กลับลงไปในหุบเขาเป็นระยะทางมากกว่า
100 เมตร โชคดีที่ท้ายรถไปชนกับต้นไม้ต้นสุดท้าย และหยุดก่อนจะลงเหวไปในหุบข้างล่างที่มีแต่หิน
ซึ่งถ้าลงไปก็ไม่ต้องคิดจะกู้ขึ้นมาซื้อใหม่ได้เลย
ผ่านเรื่องตื่นเต้นมาได้พวกเราก็กลับบ้านพักเพื่อไปทักทายกับคุณพงค์และคุณเก๋ที่เดินทางมา
พบปะพูดคุยแล้วก็เดินทางกลับ กรุงเทพทันที ด้วยเหตุผลเพียงว่าสัญญาจะมาก็ต้องมาถึงแม้ร่างกายไม่สบายก็ตาม
น้ำตาซึมเลยครับ หลังจากได้คุยกันพอหอมปากหอมคอ นักแข่งและกองเขียร์ทั้งหลายก็ออกเดินทางต่อ
เลคที่ 2 เป็นเนินหินลอย ชันประมาณ 30 องศา มีหินก้อนใหญ่ขวางเป็นระยะๆ ยาวประมาณ
100 เมตร ชาวบ้านเรียกที่นี่ว่าเนินหมากระเจิง จุดนี้รถออฟโรดมากมายต้องมาบาดเจ็บเช่นเพลาขาด
ช่วงล่างหักงอ คราวนี้หนูขาวขอลองเป็นคันแรก ติดอีกแล้วครับ ดิ้นอยู่กลางเนินอยู่พักใหญ่
สรุปว่าต้องวินซ์ขึ้นไป คันที่ 2 เป็นม้ากระโดด สมชื่อครับกระโดด ตัวลอยอยู่หลายครั้งกว่าจะขึ้นพ้นเนินไปได้
ตามมาด้วยกระรอกดำที่ใช้ความแรงของรถกับฝีมือนิดหน่อย ผ่านไปได้แต่ใช้เวลาเยอะไปนิด
เสือดำที่บ่นก่อนขึ้นว่าฟรีล็อกHub
ไม่ค่อยดี(อีกแล้ว) ขึ้นไปปั่นอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะให้เพื่อนหามกันต่อบนยอดเนิน
สุดยอดของเนิน นี้คือจิงโจ้ป่าที่ขึ้นแบบเนียนๆ ต่ายไปเรื่อยๆจนพ้นแบบไม่มีสะดุด
ทุกคนสรุปว่าฟลุค (ไม่มีใครเห็นถึงฝีมือเลย) พี่แดงคือคันที่ลุยต่อมา ได้เรื่องครับปั่น
กระแทก ถอยหลัง อยู่บนก้อนหินอยู่พักใหญ่ก็ต้อ งใช้วินซ์ดึงขึ้นมาพร้อมกับ
สภาพล้อหน้าข้างซ้ายและขวาหันออกจากกันเนื่องจากคันส่งที่ปีกนกงอ ต้องทีมช่างได้แก่สายชล
พี่โชติ ต้องลงมือดัดสดกันเดี๋ยวนั้นพอให้วิ่งต่อแบบเอียงๆไปได้ คนสุดท้ายได้แก่สมเสร็จ
มาด้วยPajero เครื่อง 1 KZ ยาง 33" กระโจนขึ้นเนินมาอย่างดุดัน และทำเวลาได้ดีพอสมควร
เสร็จจากการซ่อมรถพี่แด
งพวกเราก็ออกเดินทาง ต่อขณะนั้นเวลาเริ่มโพลเพล่ แสงแดดเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ
เราก็มาถึงเลคที่ 3 เป็นร่องลำธารรูปตัววี มีหินใหญ่อยู่ตะปุมตะปัมตามด้วยเนินชันร่วม
200 เมตร มีหินและ ร่องลึก ที่นี่มีชื่อว่าคลองน้ำเหม็น หนูขาวยังเป็นคันแรกเหมือนเดิม
แล้วก็ติดเหมือนเดิมแต่ไม่ยอมแพ้ปั่นขึ้นลง จนเพื่อนขอร้องให้พอเพราะถ้าให้หนูขาวขึ้นเอง
เกรงว่าจะไม่ได้กลับที่พักแน่ จึงช่วยกันใช้วินซ์คน คือดึงหน้าดันท้ายจนผ่านไปได้
ม้ากระโดดกระโจนอยู่พักหนึ่งกว่าจะขึ้นได้ก็แทบแย่เหมือนกัน พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วรถที่เหลือต้องเปิดไฟหน้าขึ้นเนินมา
กระรอกดำใช้ความมั่นใจบวกพลังเครื่อง และเทคนิคความชำนาญ (อันนี้เจ้าตัวบอกเอง)ใช้เวลาไม่นานก็ขึ้นมาได้
เสือดำก็ยังกระทอนกระแท่นเหมือนเดิม (สงสัยฟรีล็อกไม่ดี) จิงโจ้ป่ามาโดนน็อคที่นี่
ติดขณะไต่เนิน ช่วงล่างลอยขึ้นไปแล้วลงมากระแทกหินดังตึ่ง ทำให้เจ้าตัวขอยอมแพ้ก่อนที่พังไปมากกว่านี้
พี่แดงเราก็ไต่มาพร้อมกับการฉุดกระชากลากถูกจากวินซ์ขึ้นมา จบลงด้วยการเหาะเหินจากสมเสร็จที่ทุกๆคนเห็นเหมือนกับรถกระโดดได้เป็นช่วงๆ
ลอยพ้นเนินมาได้โดยใช้เวลาไม่นาน กว่าจะหมดสภาพโดยรอบก็มืด จำเป็นต้องเดินทางกลับที่พักโดยใช้เส้นทางอื่นที่ไม่ต้องย้อนกลับที่เดิม
นี่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่
ถึงที่พักพวกเราเริ่มแยกย้ายกันทำกิจกรรมบ้างก็อาบน้ำ
บ้างดูความเสียหายรถ ช้างน้อย(คุณพล)เพิ่งตามมาได้ครึ่งชั่วโมง พี่ณรงค์เริ่มบรรเลงย่างซี่โครงหมูบนเตาปิงบาบีคิวกลิ่นโชยไปทั่วป่า
คุณติ่งเริ่มบรรเลงกีต้าร์ให้เด็กๆฟัง สาวๆเริ่มล้อมวงกินข้าวหมึกแดงสั่งการปรุงอาหาร
ไม่นานแคมป์คนกันเองก็เริ่มขึ้นเสียงหัวเราะ เสียงแซวกันดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากทุกๆคนเสร็จจากภารกิจส่วนตัวการประชุมชมรมบูรพาก็เริ่มขึ้นพร้อมเหล้าโซดา
กับแกล้ม การมอบรางวัลผู้ชนะได้แก่กระรอกดำสำหรับประเภทคานแข็ง และ สมเสร็จ
สำหรับปีกนก มีพูดคุยถึงเรื่องทริปที่พวกเราอยากไป ( โอ็ย เยอะมากจนจำไม่ได้)
พี่กุ้งหัวหน้าป่าไม้เขตสวนห้อมได้ให้เกียรติมาร่วมวง สนทนาเล่าประวัติของที่นี่
เสียงเพลงเพื่อชีวิตจากบูรพาแบน ดังตลอดเวลาจนกระทั้งล่วงเลยเข้าวันใหม่
ทุกคนก็แยกย้ายกันพักผ่อน
หกโมงเช้าทะเลหมอกโดยรอบ
พระอาทิตย์กลมแดงเริ่มปรากฎกับสายตาพวกเรา ทำให้ความเหนื่อยจากเมื่อวานหายปลิดทิ้ง
เสือดำเก็บของก่อนขอตัวไปร่วมงานจี๊บที่กรุงเทพ ที่เหลือเตรียมตัวกันไปออกกำลังกายยืดโช๊คกันนิดหน่อย
ที่ มอสะเอื้น เป็นเนินชันยาวตลอดประมาณ 400 เมตร ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ ห้ามผ่อนคันเร่ง
เครื่องดี ยางแจ๋วเท่านั้นถึงจะขึ้นได้ กว่าเราจะเสร็จจากก็ร่วมบ่าย ก่อนเดินทางกลับพี่โรสก็พาไปกินสเต็กและน้ำองุ่น
100 % ที่อิ่มสุขรีสอร์ท เขาแผงม้า ขอแนะนำว่าอร่อยมาก บรรยกาศก็สวยงาม แล้วก็แยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนาของแต่ละคนพร้อมกับ
รอยยิ้มของความสุขจากมิตรภาพระหว่างกันจากพวกเราชาวบูรพา
รายงานโดย จิงโจ้ป่า
29 มกราคม 2545
เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นเลยครับ
|
|