พฤหัสบดี,21 พฤศจิกายน 2567
 
[ Home ]

                          
+ รายงานทริป

+ รูปหน้า 1
+ รูปหน้า 2
+ รูปหน้า 3
+ รูปหน้า 4

+ แผนที่เส้นทาง GPS

                                    
           ปั๊มน้ำมันค่อนข้างเล็กและเงียบเหงาแห่งหนึ่งย่านนครชัยศรี กับคึกคักขึ้นมาเป็นพิเศษ ของเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เมื่อกลุ่ม "บูรพาออฟโรด" จาก WeekendHobby.com ได้มานัดพบกัน ที่นี่ เพื่อมุ่งหน้าสู่ จ.กาญจนบุรี คราวนี้พวกเราจะเดินทางมุ่งสู่ลำน้ำแห่งหนึ่งของเมืองกาญฯ นั่นก็คือ " แม่น้ำน้อย " จุดมุ่งหมายของ ชาวออฟโรดเมืองไทย คราวนี้เรามีสมาชิก และ เพื่อนใหม่เข้ามาร่วมเดินทางกับเราอีกหลายต่อหลายท่าน และหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม11ที่เข้ามาร่วม เดินทางกับพวกเราคือ คุณสุทัศน์หนุ่มหล่อนิสัยงามกับเนฯคู่ใจพี่แดง ที่พกพาเอาสาระความรู้  และ ประสบการณ์มาฝากพวกเรา และอีกคัน คุณเอท ที่คุ้นเคยกันทางโลกไซเบอร์กันอยู่นาน มาพร้อมกับ SR5 คู่ใจ และสามาชิกที่ยอมนั่งหลังกระบะเพื่อดื่มแอลกอฮอล์กระตุ้นกันตั้งแต่หัววัน พวกเราใช้เวลาไม่มากนักในการ ปรับตัวให้สนิทสนมกัน เหมือนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาแรมปี การเดินทางของพวกเรา ทุกครั้ง สร้างมิตรภาพที่ดีให้เกิดขึ้นมาใหม่เสมอ นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่มีค่าที่สุด ที่ได้จากการเดินทางแรมคืนกลางป่าเขา

...ทั้งหมดคราวนี้มี 7 คันขบวนเคลื่อนออกมาตามเส้นทาง นครชัยศรี-กาญจนบุรี พวกเรามาฝากท้องมื้อเช้า กันในตัวเมืองกาญจนบุรี อิ่มหน่ำกันแล้ว มุ่งสู่ อ.ท่าม่วง เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของยวดยาน ด้วยสนามมาตรฐานทหาร  มีทั้งทดสอบขึ้นเนินความชัน 40 องศา และ (110 องศา แต่ไม่มีใครทำได้ครับ) อีกทั้งขึ้นมุมเอียงข้าง 30 องศา ที่ Cheroke ของนายหนอนทำได้คันเดียว(ไม่รู้เพราะฟลุ๊คหรือฝีมือ) เพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง และ วัดใจก่อนที่จะเข้า สัมผัสของจริงกันกลางป่าลึกที่เมืองกาญฯ




..บนเส้นทางหลวงหมายเลข 323 ขบวนของเราทั้งหมด 7 คัน วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปจนถึงบ้างลิ่นถิ่น ซึ่งห่างประมาณ 100 กิโลเมตรจากตัวเมืองกาญจนบุรี เลี้ยวซ้ายตรงป้อมตำรวจ เข้าบ้านลิ่นถิ่น ตามเส้นทางลูกรัง ซึ่งในช่วงเวลานี้ทำให้พวกเราต้องเปิดไฟวิ่งทั้งๆที่เป็นเวลาเที่ยง เนื่องจากทัศนวิสัยที่เห็นได้ ไม่เกิน 10 เมตร เนื่องจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจากขบวนรถของพวกเรา ที่พยายามค่อยๆไปอย่างช้าที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้ฝุ่นจากดินลูกรังที่แห้งแดงไปรบกวนชาวบ้านท้องถิ่น จุดหมายปลายทางของเราเป็น "คลองห้า" หรือ " โปร่งใหญ่ " ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (เพื่อนสมาชิกสามารถเข้าทางถ้ำดาวดึงได้ซึ่งจะเร็วกว่าทางลิ่นถิ่นมาก เพราะเป็นถนนดำ ทางเข้าห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยคมาสองกิโลเมตรก็ถึงทางเข้า ดูแผนที่ GPS ประกอบ)

          พวกเราเคลื่อนขบวนผ่านห้วยน้ำที่.1 ได้อย่างสบาย อ้าว.! นายบีCaribianตัวเดิมจาก รง.ไปจอดนิ่งอยู่กลางน้ำ
 ทำไมล่ะน่ะ "...ดับครับดับ... สงสัยจะติดร่องหิน  ลากขึ้นไปท ีน้ำเต็มรถแล้ว เร็วว ! " ก็ต้องได้มีการ ออกกำลังกัน ตั้งแต่ห้วยแรกเลยเหรอ ขบวนเคลื่อนไปจนถึงลำห้วยที่.2 สายน้ำไม่มากนัก  เป็นด่านที่เจ้าหน้า ที่ใช้ดักจับผู้ลักลอบตัดไม้ แล้วล่องลง มาตามลำน้ำ

       ...เอาล่ะสิทีนี้...เกิดปัญหาซะแล้วครับ เนื่องจากข้อมูลเราไม่เพียงพอทำให้ไม่ทราบถึง ด่านที่ห้วย2 นี้ ห้ามผ่านครับ!!! นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถไปจนถึงห้วยที่3,4,5 ได้ สอบถามถึงสาเหตุ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องได้รับ อนุญาติจากอุทยานก่อน ด้วยปัญหาจากกลุ่มออฟโรดบางกลุ่ม(จะเรียกว่ากลุ่มออฟโรดดีมั๊ยเนี๊ย) ที่เข้าไปแล้ว ได้ไปสร้างวีรกรรมที่น่าขยะแขยงคือการล่าสัตว์ หรือ การเข้าไปยิงปืนเล่นกัน ทำให้หน่วยนี้ต้องปิดลงชั่วคราว พวกเรายืนยันเจตนารมณ์ในการที่จะขอเข้าไปครั้งนี้ โดยการโทรศัพท์ ประสานงานกับป่าไม้ใน กทม.เพื่อขอเข้า ทำเรื่องราวการท่องเที่ยวในครั้งนี้ และด้วยความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีจากหัวหน้าหน่วย ทย5.แม่น้ำน้อย หัวหน้านพดลครับ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่มือดีร่วมเดินทางไปกับพวกเราอีก 2 คน เพื่อความปลอดภัย เพราะเกรงว่าช้างป่า
จะมาทำร้ายพวกเรา ระหว่างจุดสกัดกั้นไปไม่ไกล รอยเท้าช้างที่พวกเราคุยกันอยู่เมื่อตะกี๊ ปรากฏขึ้นกลางทาง ที่รถเราจะผ่านข้ามไป เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่านี่ยังตัวเล็กครับ " เล็กที่ไหนล่ะพี่.!!! " นาย Trek ของเราลงไปวัด แล้วบันทึกภาพกลับมา มันใหญ่กว่า 1 ฟุตอีกนะ

      ..บนเส้นทางในระดับ 3 ถึง 4 ดาวนี้ได้สร้างความสนุกสนานและทักษะให้กับพวกเราพอสมควร ด้วยเป็นช่วงเวลา หน้าแล้งแบบนี้ ก็ไม่ได้สร้างความลำบากเท่าไรนัก แต่ก็ยังมีปลักโคลนให้เห็นบ้าง 2-3 แห่ง เนื่องอาจจะมาจากน้ำซับใต้ดิน ถึงแม้จะไม่ลำบากมากนัก แต่ก็ทำเอาท้ายปัดได้เหมือนกัน เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ข้ามลำห้วยทั้งหลายแหล่ มาถึงลำห้วยที่ 5 ซึ่งเป็นลำห้วย สุดท้าย หรือ อีกนามหนึ่งว่า " โปร่งใหญ่ " ซึ่งมีแม่น้ำน้อยไหลผ่าน เนื่องจากความ อุดมสมบูรณ์ ของริมน้ำสองข้างทาง จึงเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ ของสัตว์ป่าแถบนี้ 

 ..บริเวณลำธารสายน้ำใสแห่งนี้ ไหลมาจากขุนเขาเบื้องบนที่ยังคงความสมบูรณ์อยู่ บางช่วงก็ไหลเอื่อย แต่ก็มีบางช่วงที่ไหลเชี่ยวกราก  แต่ที่แน่นอน สายน้ำใส และ เย็นชื่นใจ ทำให้คณะของเราหายเหนื่อยเป็นปริดทิ้ง บริเวณที่พักของเราเป็นหาดทรายกว้างขวางริมสายน้ำ สะอาด และ สดใสอยู่ ถึงแม้จะมีร่องรอย ความโหดร้าย ของมนุษย์อย่างเราบ้าง เช่นปลอกกระสุนปืน ยังคงมีตกหล่นอยู่บริเวณพื้นหาดทราย แห่งนั้น อาหารเย็นที่หรูหรา ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกลางป่า นั้นสร้างความงุนงงให้กับ เพื่อนใหม่เราหลายท่าน อาทิเช่น กุ้งเทมปุระ (มาได้ไงเนี๊ย.!!)
ต้มยำรสแสบ หรือแม้กระทั่ง ไก่ทอดหมักสูตรจาก KFC ก็ยังให้มีกินกลางป่าลึก




    ...เต๊นท์หลากสีถูกจัดกางขึ้นริมลำธาร ที่ได้จากการคำนวนว่าปลอดภัยจากน้ำป่า กิจกรรมต่างๆได้ผลุดขึ้น "ผัดกูดที่นี่เยอะนะ" เป็นเสียงจาก นายTrek แล้วจะช้าอยู่ใย ออกเดินหน้าหาผักกูดกัน เสือเข้มของเราก็ใช่ย่อย เปลี่ยนองค์ทรงเครื่องคว้าปืนฉมวก ที่หยิบยืมมาจากเจ้าหน้าที่ หมายจะพิชิตปลาใต้น้ำ  (ไม่อยากพูดต่อแล้ว นะครับ..คิดเอาเอง ) นี่ก็อีกราย พี่แดง เนฯของคุณสุทัศน์ จากกลุ่ม.11 คว้าแห เดินต้อยๆหายไปกับ เจ้าหน้าที่ หมายพิชิตแหล่งปลา ...สั๊กพักใหญ่กลับมา พร้อมปลา 3 ตัว (ถือว่ายังดีกว่าเสือเข้ม..นะ) ทางด้านแม่ครัวกำลังขมักขะเม่น กับการปรุง อาหารที่พรานต่างๆหามา ไม่นานเราก็ได้ทานข้าวร่วมกัน (นาย Trek หุงข้าวไง ลืมเอ่ยชื่อได้ไง)

...กองไฟกองใหญ่ถูกจุดขึ้น เพื่อให้แสงสว่าง และ ไล่สัตว์ใหญ่ เสียงเพลงแผ่วเบาจากกีต้า 3 ตัวร่วมกันประสาน ขับกล่อมไพร คลอเคลียด้วยสายน้ำไหล และ ดวงดาว เป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้ในสถานที่ ที่เราอยู่กัน เริ่มปรึกษา และ พูดคุย ถกเถียงถึง เส้นทางต่างๆที่ผ่านมาอย่างสนุกสนาน มีทั้งการหยอกล้อ และ ถากถาง ...ได้เวลากับแกล้มหมด เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย รับอาสาไปหากบให้เรา หายไปได้ไม่นาน กบตัวขนาดเท่าฝ่ามือหลายตัว ก็มานอนหงายให้เราทอด พี่แดงรับอาสาเป็นผู้ชำแหละ และ ปรุงรส หมึกแดงของเราถึงกับออกปาก นี่ผมกินกบเป็นครั้งแรกนะเนี๊ย. .ไม่นึกว่าจะอร่อยขนาดนี้ อันนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้พี่แดงครับ ....ราตรีล่วงเลย น้ำอำพันร่อยหรอ ทำให้ค่ำคืนนี้
ต้องเลิกลากันเร็วผิดปรกติ ......

....เช้านี้อากาศสดใส ทิวหมอกทอดตัวเหนือทิวไม้ ที่ปลายสายน้ำ เป็นภาพแห่งความสดชื่นยามเช้า กิจกรรมส่วนตัว เริ่มขึ้น (ล้างหน้าแปรงฟัน..งัย)  กาน้ำร้อนส่งเสียง และ เป่าควัน ที่เหมือนจะบอกเราว่า ได้กินล่ะ "กาแฟ" ถัดมาอีกนิดมีการเรียกความสดใสและเสียงหัวเราะกันลั่นป่า เมื่อหมึกแดงและเสือเข้ม อาสาผัดผักบุ้งไฟแดงเป็นอาหารเช้า ไม่เคยเห็นผักบุ้งไฟแดงที่ไหนน่ากลัวเท่านี้เลย เรียกได้ว่า ทั้งพ่อครัวและทั้งคนดู วิ่งหนีกันคนละทิศละทาง เพื่อหลบเปลวไฟ ที่สูงกว่า 2 เมตร ที่วิ่งเข้าใส่พ่อครัว หัวเห็ดของเรา(แต่ก็อร่อยดีนะ) หลังจากอิ่มหนำสำราญ ก็เก็บของ และอาบน้ำกัน เราก็เริ่มออกจากป่าประมาณ 11 โมงเช้า เพื่อไปต่อที่โป่งตะแบก



     ...บนเส้นทางเดิมเราแวะส่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 2 นายที่จุดสกัด และ ออกเดินทาง เพื่อสำรวจอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งได้แผนที่มาจากเพื่อนสมาชิกเรา " คุณอิสระ " พวกเราจึงตัดสินใจเข้าสำรวจเส้นทางตามแผนที่ เมื่อเราหาอาหารกลางวันใส่กระเพาะกันแล้ว ก็ออกเดินทางสำรวจ เราใช้เส้นทาง เดิม คือเข้าทางบ้านลิ่นถิ่น แต่คราวนี้เราเลิ้ยวไปทางขวา เดินทางตามแนวท่อก๊าซของ ปตท. มุ่งหน้าสู่อุทยานด่านเขาลวก ซึ่งติดกับแม่น้ำน้อยเช่นกัน
เราใช้เวลามุ่งสู่ที่พักแรมไม่นานนัก เส้นทางถือว่าเพิ่มทักษะได้ดีทีเดียว(ถ้าเป็นหน้าฝนมีมันส์แน่) บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับแค้มป์ปิ้ง พวกเราเดินสำรวจจากจุดพักแรม ว่าสามารถไปต่อได้ถึงหอดูไฟ และ ทะลุไปเส้นทางทองผาภูมิ ได้หรือไม่ แต่บัดนี้เส้นทางที่จะต่อไปถูกปิดลง จากสภาพป่าที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆปี ทำให้ทางไม่สามารถไปต่อได้ หรือ ไม่ก็ต้องเปิดป่าเข้าไป แต่พวกเรามีเวลาไม่เพียงพอ จึงต้องตัดสินใจ กลับสู่เส้นทางเดิมที่เข้ามา กว่าจะได้ออกจากป่า ก็ตอนพลบค่ำ

       นี่เป็นอีกหนึ่งทริปที่พวกเราเหนื่อยล้ากันมาก จนแทบสลบสไล บทเรียน จากการหลงในเส้นทาง หรือการปิดด่าน ของเจ้าหน้าที่แสดงให้เห็นว่า ป่าเมืองกาญฯ เปลี่ยนได้ทุกวัน เห็นที่พวกเราต้องทำการบ้านให้มากขึ้น เพื่อการเตรียมการ ทีดีกว่านี้........ สำหรับทริปนี้... สวัสดีครับ

นายบี,นายหนอน,ไพลิน  เรียบเรียง

บอกกล่าวเล่าสิบ
การเตรียมการในทริป "แม่น้ำน้อย "
1. เตรียมรถให้พร้อม ในหน้าฝนควรจะมีวินช์ ถ้าฝนหนักไม่ควรไป เพราะไปไม่ได้แน่ ระดับน้ำจะมิดหลังคา
2. ถ้าไปแค่ห้วยที่.2 สามารถไปได้เลยไม่ต้องขออนุญาติ แค่เซ็นต์ชื่อที่ด่านแม่น้ำน้อยทุกคันเท่านั้น
3. ถ้าจะเข้าถึงห้วย.5 ให้แวะที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยคก่อน เพื่อทำเรื่องขอเข้าพื้นที่ จะได้ไม่เสียเวลา เสียอารมณ์
4. สามารถเข้าได้ 2 ทาง ทางเข้าถ้ำดาวดึงส์ จะย่นระยะทางประมาณ 20 กิโล อีกทางวิ่งเลยมาเข้าทางบ้านลิ่นถิ่น แล้วเลี้ยวซ้าย
5. ควรเติมเชื้อเพลิงให้เต็มก่อนเข้า ปากทางเข้าบ้านลิ่นถิ่นมีปั๊ม ปตท.เติมซะให้เต็ม
6. กับข้าว-อาหารสด-น้ำแข็ง และ อื่นๆ มีขายที่ปากทางเข้าบ้านลิ่นถิ่นทั้งสองฝั่ง ใครลืมเตรียมอะไรก็ซื้อซะ ข้างในไม่มีนะ


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster