เสาร์,2 พฤศจิกายน 2567
 
[ Home ]

                          
+ รายงานทริป

+ รูปหน้า 1
+ รูปหน้า 2
+ รูปหน้า 3

+ รูปหน้า 4
  

+ เส้นทาง GPS
+ Download Track


อุทยานแห่งชาติ ลำคลองงู (ถ้ำผานางแอ่น)
(Rev. 1)
8-11 กย. 44
มาอ่านคนที่ 12230 Truehits.net

        ทริปนี้เป็นทริปที่พวกเราตั้งตารอคอยกันมานานหลังจากที่รอกันมาเป็นเวลาแรมเดือน การเตรียมพร้อม ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ทั้งร่างกาย และจิตใจทำให้พวกเราหลาย ๆ คนหึกเหิมกันยิ่งนัก ที่จะพิชิตเส้นทางหฤโหดของ ลำคลองงู กลุ่มบูรพากลุ่มแรกที่มี ผม เสือเข้ม คุณ เอ (ไพลิน) นัดเจอกับ พี่ณรงค์ ที่มาพร้อมกับ พี่รสและเจ้าตาล Golden retriever ที่สร้างสีสันให้ทริปนี้พอสมควร พวกเราออกเดินทางกันคืนวันศุกร์ที่ 7 โดยออกจากกรุงเทพเวลา 4 ทุ่ม และมารวมกับ คุณ พลและคุณ เบิร์ด และครอบครัวพี่ธเรศ ที่บนเส้นทาง ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี เรียกได้ว่ากว่าจะถึงเมืองกาญฯ ก็เที่ยงคืนพอดี พวกเราทั้งหมด 6 คันตกลงกันแวะพักแรมกันที่ น้ำพุร้อนผาตาด บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 107 ของทางหลวง 323 ก่อนถึง อำเภอทองผาภูมิเพียงเล็กน้อย

          เช้าอันสดใสของวันเสาร์ที่ 8 กันยายน เริ่มด้วยการลงไปแช่ในอ่างน้ำพุร้อนผาตาด ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม ที่แวดล้อมไปด้วยป่าเขา และสายธาร มันทำให้เราสดชื่นกระปรี้กระเปร่า พร้อมที่จะพบศึกหนัก หลังจากออกมา จากน้ำพุร้อนได้เพียง 2 กิโล เจ้าหนูขาวก็ทักทายด้วยน้ำมันหมดตั่งแต่ยังไม่เข้าป่า เดือดร้อนเจ้าม้ากระโดด ของพี่ณรงค์ต้องลากต่อ จนถึงปั๊มน้ำมัน ที่ทองผาภูมิ ในวันนี้โดยพวกเรา เตรียมเสบียงอาหาร ให้พร้อมที่ ร้านข้าวแกงร้อยหม้อ และตลาดอำเภอทองผาภูมิก่อนที่จะแยก เข้าป่าทุ่งใหญ่ ที่สามแยกพุทธโธ มุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านห้วยเสือ วิ่งผ่านหน่วยจัดการต้นน้ำลำคลองงู จนมาถึงทางแยก ที่แยกซ้ายไปด่านทินวย แต่เราแยกขวามาประมาณ 3 กิโลเมตรจนถึงหมู่บ้านเขาพระอินทร์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางหฤโหดสายนี้

     พวกเราชาวบูรพากลุ่มแรกพากันเข้าก่อนมี หนูขาว ม้ากระโดด กระรอกดำ โดยประสานงานกับกลุ่มหลังที่จะตาม เข้ามาทางวิทยุสื่อสาร ซึ่งก็ตามเข้าติดๆทิ้งช่วงไม่นาน ก็มี จิงโจ้ป่า ช้างน้อย(พล) แมลงทับ(นพ + คุณพงค์และเก๋) อีกัวน่า (โกกุย) เล็ก ( สามช่า) และ เจ้า เกีย ( ธเนศ ) ผมและเจ้าหนูขาวคู่ชีพ โดยมีหมึกแดงเป็นเนว์กิติมาศักดิ์ รับหน้าที่เป็นคันแรก ที่เข้าสู่เส้นทางสายนี้ โดยสภาพเส้น ทาง โดยสภาพเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางลงเขา ร่องแคบ วิ่งไปตามป่าไผ่ คณะเราหยุดวัดใจกันที่แรกคือ เนินชันลงเขาประมาณ 30 องศา ดินดำมันปูอัดแน่นเปียกชื้น มันหมายความว่า เนินนี้จะไม่ยอบรับการจับของดอกยางชนิดไหนทั้งสิ้น ขาลงก็ไม่เท่าไหร่ ขากลับนี่ซิเรื่องใหญ่ จึงมีการปรึกษากันว่า ใครจะไปต่อหรือจะจอดรถทิ้งไว้ที่นี่ ตกลงไม่มีใครจอด!! ทุกคนคิดว่ามาแล้วนี่ว่ะ เป็นไงเป็นกัน ทั้งหมดก็ทยอยถากๆไถลๆ ลงมาตามร่องโคลนจนพ้นเนินช่วงแรกประมาณ 300 เมตร ยังไม่ทันลงกันหมดก็ได้ยินเสียงจากกระรอกดำว่า มีการลื่นไถลตกหลุมลึกประมาณ 1 เมตร ในช่วงลงเนินชัน หัวปักลงไปในโคลน ล้อหลังลอยเคว้งอยู่ในอากาศ นี่เป็นการทักทายของเส้นทางช่วงแรกกับพวกเรา ทำให้พวกที่ตามกระรอกดำมาต้องหยุด ลงจากรถมาเดินดูไลท์ ทำยังไงจะไม่ตกหลุมเหมือนกัน หลังจากตรวจดูสภาพโดยรอบแล้ว มีไลด์ใหม่ครับ แต่เปลี่ยนยากมาก เพราะร่องถนนนั้นลึก การเลี้ยวเปลี่ยนโดยไม่ใช้วินซ์ช่วยนั้นทำได้ยากมาก ว่าแล้วจิงโจ้ป่าก็ตัดสินใจ ตามกระรอกดำไป เป็นไปตามคาดครับ รถขนาดร่วม 2 ตันลื่นไหลไปตามเนินชันด้วย 4 L เกียร์ 1 แต่ไม่มีผลอะไร รถยังลงด้วยความเร็ว ไปชนก่อไผ่ก่อน ที่หัวจะปักลงไป อย่างแรง ในหลุมเดียวกับกระรอกดำ รถสั่นสะเทือนไปทั้งคัน ไซด์เรียล เต็มไปด้วยขุยจากก่อไผ่ จากสภาพการลง ของจิงโจ้ป่าทำให้ชุดที่เหลือนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ความคิดที่จะต้อง!! เปลี่ยนไลด์อ้อมหลุมนี้ก็เกิดทันที ทำให้ขอพักกินข้าวกลางวัน ตอนบ่าย 2 โมงกันก่อน โดยให้พวกที่ลงออกเดินทางต่อ ทางช่วงต่อมาส่วนใหญ่เป็นทางลงเนิน มีทางน้ำไหลตามถนนตลอด ช่วงกิโลเมตรแรก เป็นป่ารกชัฎที่ผมเข้าใจว่าน่าจะไม่มีใครใช้เส้นทางนี้มาก่อนอย่างน้อยก็ 2-3 เดือน เพราะหนูขาว กับ พี่ณรงค์ต้องจอดลงมาตัดกิ่งไม้ ที่ล้มลงมาขวางทางตลอดเส้นทาง เรียกได้ว่ากว่าจะผ่านแต่ละ 100 เมตร ได้ต้องลงมาทำเส้นทาง ให้แทบทุกระยะ ตลอดทางมีอาการ ลื่นไถล ตกเส้นทางจากความเปียกชื้นของถนนอยู่ตลอด ทำให้จิงโจ้ป่า ต้องนำวินซ์ออกมาใช้เป็นระยะๆ ประมาณบ่าย 3 โมง ชุดที่ หยุดกินข้าว กลางวันก็เริ่มเดินทางต่อ ด้วยการ ตัดสินใจ กระโจน ลงหลุม เดิมจาก อีกัวน่า ไม่ผิดหวังเช่นกัน แมลงทับ ช้างน้อย เจ้าเกียก็เลยต้อง พยายามเปลี่ยน ไลด์ให้ได้ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ หลีกหนีเจ้าหลุม มหาภัยได้ ไม่นานแมลงทับก็สร้างความตื่นตระหนก ให้เจ้าของรถ และเพื่อนผู้ร่วมเดินทางด้วยการไถล ล้อหลังขวา ตกลงไปข้าง ทางที่ชันและข้างล่างเป็นบึงน้ำ เสียงโวกเวก ในการช่วยเหลือ ของกลุ่มหลังดังระงมลั่นวิทยุ ช้างน้อย อีกัวน่า เกีย รวมใจกันช่วยแมลงทับถูกฉุดขึ้นจากข้างทางได้ เฮ้อ !โล่งอก ผ่านไปอีกหนึ่งครั้ง จากเหตุการณ์นี้ทำให้ เจ้าช้างน้อย ที่พกพายางใหม่ถอดด้ามเป็น Mud ของ Dunlop ขอหยุดรถ จอดไว้ข้างทาง เพื่ออาศัยเพื่อนต่อไปดีกว่า เนื่องจาก สภาพเส้นทางเริ่มลื่น และบังคับยาก อาจจะเป็นปัญหามาก สำหรับขากลับเนื่องจากรถไม่มีวินซ์ ในเวลาเดียวกับที่แมลงทับ ตกลงข้างทาง จิงโจป่า (A/T) ก็สร้างกิจกรรมให้เพื่อน ทั้งๆที่ไม่มีใครเรียกร้อง ด้วยการลื่นตกลงไปข้างทางอีก พร้อมทั้งรถ ไปกระแทกต้นไม้ข้างๆ ตัวถังด้านท้ายบุบ เหมือนใครเอาลูกมะพร้าวมาเควี้ยงใส่ การกลับขึ้นมาบนถนนเดิม จำเป็น ต้องวินซ์ผ่านก้อนหินขนาดใหญ่สูง ประมาณ 40 ซ.ม ได้ ทำให้รถจำเป็นต้อง ไปเบียดก้อนหิน ไซ้ด์เรียลก็หักงออีก ขึ้นมา ก็ออกเดิน ทางต่อ ในเวลานั้นเสียงจากวิทยุทราบว่า นายหนอน เสือดำของเรานำคณะ Jeep @ Thailand ซึ่งนำทีมโดยพี่วิสรัสเข้ามาร่วมแจม ทริปมหาลื่นนี้ด้วยอีก 7 คัน ในใจพวกเรา คิดว่ามันล่ะว่ะคราวนี้ ซึ่งหลังจากเข้าถึงเนินชันแรกทางคณะJeep ก็แบ่งออกเป็น 2 ชุด ชุดที่พร้อมลุย กับไม่พร้อม ที่ต้องจอด แล้วเดินเท้าต่อ โดยมีชุดพร้อมลุยเข้ามา 4 คันคือ เสือดำ Jeep Wrangler ของพี่วิสรัส Cheroke สีแดงของ GMC และ พี่เล็ก 3 ช่าที่รอพรรคพวกเพื่อเข้ามาพร้อมกัน เราใช้เวลาไม่นานนักเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ด้วยความทุลักทุเล ก็มาถึงลานกลางเต็นท์ เพราะ เส้นทางถึงแม้จะเป็นร่องลึก แคบ และคดเคี้ยว แต่ก็เป็นเส้นทางที่ลาดลงเขาซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมันทำให้ผม สังหรณ์ใจอยู่ลึก ๆ ว่าขากลับวันพรุ่งนี้น่าจะไม่ง่าย เหมือนขาเข้ามา เพราะต้องวิ่งย้อนขึ้นเขาซะเป็นส่วนใหญ่ พวกเรารีบจัดการกางเต็นท์ ทำอาหารแข่งขันกับแสงสว่างที่เริ่มจางหายไปเรื่อย ๆ

 

       พวกเราจำนวนหนึ่งทำการสำรวจเส้นทางเดินป่า เพื่อไปสายธารที่เชี่ยวกรากของลำคลองงูเพื่ออาบน้ำในตอนเย็นย่ำ แต่แล้ว ก็ต้องล่าถอยเมื่อไปได้เพียงครึ่งทางเพราะนายบี เกิดพลาดท่าลื่นตกเขา และไปคว้าเอากิ่งไผ่แตก ที่คมกริบ ราวมีดโกนและบาดนิ้วมือ ทั้งสามนิ้ว โดยในหนึ่งนิ้วนั้นบาดลึกและกว้างจนเห็นกระดูกเลยทีเดียว !!! เท่ากับขบวนสำรวจชุดนั้น ต้องล่าถอยออกมาพร้อมกับเลือด !! จนมาถึงเวลาเย็นย่ำในช่วงเวลาผีตากผ้าอ้อม ขบวนบูรพาชุดที่สอง ที่มี คุณนพ พี่กุย และนายหนอน กับ พี่วิสรัสแห่ง GMC Workshop ค่ำคืนนั้นมีการแบ่งกลุ่มกัน เป็นสองกลุ่มใหญ่เพื่อความเหมาะสมกันสมาชิกที่หนาแน่นกลางป่าลำคลองงู เสียงหัวเราะ กระเซ้าเย้าแหย่ ให้พอสนุกสนานระหว่างเพื่อนฝูง พร้อมกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคือน้องฝนที่เริ่มตกปรอยๆ มาเป็นระยะ ทำให้อดห่วงถึงวันพรุ่งนี้ไม่ได้ แต่เวลานี้อย่าคิดถึงมันเลย อาจจะทำให้งานกร่อยได้ ที่เคยออกทริปร่วมกันมาหลายครั้ง ส่วนนายบี นั้นเข้านอนไม่ดึกนัก เพราะความเจ็บปวด จากบาดแผลที่พึ่งได้มา


        เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน เริ่มด้วยขบวนเดินเท้าเข้าสู่สายธาร อัน เชี่ยวกรากของลำคลองงู โดยสภาพเส้นทางลัดเลาะ ไปตามป่าไผ่ที่ลาดชัน ตามไหล่เขา ประมาณ 400 เมตรที่มีแยกซ้ายไปถ้ำผานางแอ่นที่สูงและกว้าง มีสายน้ำเล็ก ๆ ไหลอยู่ข้างใน โดยทริปนี้ด้วยเงื่อนไขของเวลาทำให้เรา ไม่ได้ทำการสำรวจ ในส่วนลึกเข้าไป เลยได้แค่แยกขวาลง ไปสู่สายน้ำ ที่อื้ออึง เบื้องล่างที่ได้ยิน ก่อนจะเห็นด้วยซ้ำ …. สายน้ำอันเชี่ยวกราก ที่น่ากลัวนั้น ไหลออกมาจากปากถ้ำ น้ำตกที่ปกคลุมไปด้วย มอส เฟร์นและตะไคร่น้ำ บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าผืนนี้ โดย สายน้ำได้ไหล เข้าไปสู่ถ้ำผานางแอ่น เข้าหายเข้าไปข้างในถ้ำ เราใช้เวลากันประมาณ 1 ชั่วโมง กับความสดชื่นและสวยงาม ของสายน้ำ ก่อนที่จะเก็บแค๊มป์ เพื่อรีบเดินทางออกแต่เนิ่น ๆ

 


       พวกเราเริ่มออกเดินทางกลับเมื่อเวลา 10 โมงเช้า โดยมีทีม Jeep 3 คัน คือ พี่วิสรัส Jeep แดง แล้วก็ คุณเล็ก ออกเดินทาง ไปก่อนประมาณ ครึ่งชั่วโมง กลุ่มบูรพาออกตามมามีม้ากระโดดยาง Simax เป็นผู้นำตามด้วยจิงโจ้ป่า อีกัวน่า เจ้าเกีย แมลงทับ หนูขาว กระรอกดำ ปิดท้ายด้วย เสือดำรวม 8 คัน ไม่มีใครรู้ว่าการเดินทางอันมหาโหด สำหรับเรากำลังเริ่มขึ้นแล้ว !!! โดยเพียงแค่ 300 เมตร จากที่พักของ ฝากจากน้องฝนเมื่อคืนก็ทำเรื่องเราทันที ช่วงทางขึ้นเขา ยาวประมาณ 100 เมตร จิงโจ้ป่าก็ต้องวินซ์ขึ้น ตามด้วยการตกไหล่ทาง ลงไปในคูน้ำของ หนูขาวซึ่งขับโดย Driver จำเป็นหมึกแดง เนื่องจากนายบีมือเจ็บ ทำให้ต้องวินซ์กันอีกหนึ่งพัก อุปสรรคต่างๆ ก็เริ่มทยอยเข้า แถว มาต้อนรับเราทั้ง 8 คันเรื่อยๆ ตามมาด้วยการตกไหลทางที่เดียว กับจิงโจ้ป่าปีนหิน เมื่อวาน แต่วันที่ตกทุกคัน วินซ์หน้าดึงท้าย เพื่อกลับขึ้นมาจำเป็นต้องถูกใช้กับทุกคัน วิ่งมาได้แค่ 100 เมตร พวกเราก็เจอก็อุปสรรคระดับพี่เบิ้มเป็นเนินชันสั้น ขวางด้วย รากไม้ขนาดใหญ่ แถมด้านขวาเป็นหลุมร่องน้ำเซาะลึกประมาณ 50 ซ.ม ที่เละมาก มีน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา พี่ใหญ่ม้ากระโดด เราก็เริ่มปั่นSimax ขึ้นอยู่ 3 -4 ครั้ง สรุปว่าไม่ไหวต้องวินซ์ รถทุกคันต้องพยายามขืน ไม่ไห้รถไหลลง ไปตามลายร่องน้ำที่อยู่ด้านขวา และมีต้นไม้ใหญ่ขนาบข้าง การวินซ์จากด้านหน้า พร้อมกับใช้วินซ์มือดึงด้านท้าย ให้ท้ายอยู่บนไลด์ตลอดเวลาที่วินซ์ได้ถูกทำทุกคัน การผ่านอุปสรรคนี้เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากเส้นทางแย่ และ เละกว่าเก่ามาก ยิ่งเจ้าเกียของเราไม่มีวินซ์ Snatch Box จำเป็นต้องถูกใช้มาดึงขึ้นหน้าจากวินซ์อีกัวน่าที่อยู่ด้านหน้า การเปลี่ยนจุดวินซ์ การให้สัญญาน ถูกเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เราจำเป็นต้องพักกินข้าวเที่ยวกันที่จุด เราใช้เวลาหมดไปถึง 4 ชั่วโมงกับระยะทางเพียงแค่ 100 เมตร เพื่อให้รถทั้ง 8 คันวิ่งผ่านขึ้นไปได้ แต่เมื่อพ้นมาได้ก็ต้องมาหวาดเสียว ปนระทึกกันอีกครั้ง เมื่อน้องฝนที่เมื่อคืนมา แล้วตอนนี้ กลับมาหาอีก ก็เริ่มตกมาอีก คราวนี้มาชุดใหญ่ เอาละซิ เรื่องใหญ่แล้ว เพราะพวกเราต้องต้องผ่านทางโค้งหักศอก ที่ด้านขวา เป็นเขาสูงชัน แต่ทางที่รถต้องวิ่ง นั้นเอียงประมาณ 30 องศาล่งไปสู่บึงน้ำขนาดใหญ่ด้านล่าง ม้ากระโดดลองคันแรก ใช้ยาง ให้เป็นประโยชน์ประคองเลี้ยงจนผ่านโค้งไปได้ ตามมาด้วยจิงโจ้ป่า ทำยังไงล่ะ !!?? ยางก็ ออลเทอเรน ลื่นก็ลื่น ขวาก็ผาซ้ายก็เหว แถมโค้งหักศอกอีก ว่าแล้วก็เรียกเพื่อนๆทุกคน ช่วยหน่อยวินซ์หน้า ดึงตัวเองขึ้นขณะที่ท้ายถูกขึงด้วยสายพานกับต้นไม้ใหญ่ เพื่อไม่ให้ไหลลงเหวบึง คืบมาแบบช้าๆ ที่ละช่วง จนในที่สุดก็ผ่านไปได้แล็วก็ต่อด้วยเนินร่องน้ำทันที พอพ้นเนิน ก็ได้เรื่องตกลงไป ในบ่อร่องน้ำเซาะลึกประมาณ 1 เมตร ณ ที่นี้เอง วินซ์จิงโจ้ป่าก็ถึงเวลาพัก (ด้วยความไม่เต็มใจ ของเจ้าของรถเท่าไหร่) ปรากฎว่าเฟืองแตก ฝนยังคงตกมาอย่างหนัก ฟ้ามืด ทั้งๆที่เวลายังไม่ถึง 6 โมงเย็นดี ทราบจากทางวิทยุว่า ขณะนี้ชุดแรกกำลังกู้รถ ที่จอดทิ้งไว้ตองเข้าอยู่ที่เนิน 1 เมตรอยู่ แล้วพวกเราละ ขณะที่กำลังคิดอะไรไม่ออกก็ได้ยินว่า อีกัวน่าที่ตามจิงโจ้ามา กำลังจะตกเหว ให้รีบลงไปช่วยด่วน !! ใช่ด้วย อีกัวน่าขยับตามมาช้าๆ ด้วยยาง Mud แต่ยังเอาไม่อยู่ รถไถลไปทางด้านซ้าย เหลืออีกไม่ถึงเมตร ก็จะไหลตกลงไปในบึง ดีแต่ว่าขึ้นมาใช้ความเร็วไม่มาก รถเลยไม่มีโมเมนตัมไหลเท่าไหร่ สภาพทางเริ่มลื่นขึ้นมาก เมื่อเปรียบเทียบ กับจิงโจ้ที่ผ่านไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว วิชามารทุกวิธีที่คิดได้ไม่ว่าจะเป็น การขุดดินเซาะร่องทำไลด์ นำไม้ไผ่ มากั้นเป็นแนว วินซ์รถโดยไม่ใช้การปั่นของล้อ ดึงท้ายด้วยไม้ใหญ่ผ่านทางสายพาน ใช้กำลังคนช่วยกันดึงท้ายในช่วงที่ไม่ต้นไม้ แม้กระนั้นก็ยังมีอาการ ไหลของรถให้ได้ตกใจ หน้าซีด เอะอะโวยวาย กันเป็นระยะ การล้มลุกคลุกคลานของพวกเรา เกิดขึ้นตลอดเวลา ร่างกายทุกคนเปียก เปื้อนไปด้วยโคลน เหนื่อย เข่าอ่อน แต่ผ่อนไม่ได้ ไม่งั้นรถเพื่อนตกเขาแน่ ในที่สุดอีกัวน่าก็ผ่านไปได้ ขึ้นเนินไปต่อท้าย จิงโจ้ป่า ที่จอดนิ่งสงบเอียง 35 องศาคาอยู่ในร่องน้ำไหล


      แสงแดดที่เริ่มจางหายไป ฝนก็ยังตกมาเรื่อยๆไม่มีวี่แววว่าจะหยุด พร้อมกับเสียงหัวเราะได้เงียบไปจากกลุ่ม และ ความมืด เริ่มมาเยือน พร้อมกับความกังวลและความเครียดเมื่อรถอีก 6 คันยังไม่สามารถพ้นโค้งที่อยู่ข้างล่างนี้ได้… มาถึงตอนนี้ พวกเราคงต้องค้างกันในป่าอีกคืนหนึ่งท่ามกลางความกังวลต่าง ๆ นาๆ เพราะไม่ได้เตรียมการเอาไว้ หลายคนต้องวิทยุออกไปหากลุ่ม Jeep ข้างนอกที่ออกกันไปได้แล้วหลายคัน เพื่อโทรบอกข่าว การติดป่าครั้งนี้ ของพวกเรากับครอบครัวที่อยู่ที่บ้านและรวมถึงส่งข่าวสาร การลางานสำหรับมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย …พร้อมทั้งฝากเจ้าช้างน้อยที่ออกไปกับกลุ่ม Jeep นำกลับออกไปด้วย ผู้หญิงใจเหล็ก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคุณโรส คุณเก๋ แฟนคุณธเนศ และจุ๋ม รีบตั้งน้ำร้อน หุงข้าว ทำอาหารที่มีอยู่ ขณะที่ผู้ชายกำลังปรึกษาหาทางนำรถคันที่ 4 คือเจ้าเกียที่ไม่มีวินซ์!! จะผ่านโค้งนี้ไปได้อย่างไร การวางแผนใช้ Snatch Box ผ่านวินซ์แมลงทับ เกิดขึ้น สภาพป่าเริ่มมืดสนิท พวกเราเห็นหน้ากัน เห็นเครื่องมือ จุดดึง ต้นไม้หรือแม้กระทั่งจุดที่จะเหยียบเพื่อเดินโดยไม่ลื่นผ่านทางไฟฉายเท่านั้น !! เราขยับเจ้าเกีย มาได้เพียง 4 -5 เมตร แค่หัวโค้ง ก็จำเป็นต้องจำนนด้วยสภาพไม่สามารถ ทำอะไรได้ต่อไปจึงต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ … ค่ำคืนนี้ไม่สนุกเหมือนคืนที่แล้ว อาหาร และ น้ำดื่มที่หมดไปเรื่อย ๆ เริ่มทดแทนด้วย อาหารกระป๋อง และดื่มน้ำจากผืนผ้าใบ ที่รองน้ำฝนที่พร่างพรำอยู่ตลอดเวลา หลาย ๆคนเริ่มแสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เสียงหัวเราะพูดคุยมีไม่มากนัก ในค่ำคืนอันน่ากลัวกลางป่าผืนนั้น…


      เช้าวันจันทร์พวกเราตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่เพื่อสู้กันต่อไปเพื่อให้ออกจากป่านี้ให้ได้ เริ่มต้นจิงโจ้ป่าพยายามดิ้น ตัวเองด้วยความช่วยเหลือจากม้ากระโดด ดึง ลาก ตะกุย พร้อมใช้วินซ์ตัวเอง ดึงข้างหน้าไปด้วย ทำให้ขึ้นจากร่องน้ำได้ เสร็จก็หันมากู้รถ เจ้าเกียต่อ สภาพถนนเช้านี้เริ่มดีขึ้นเนื่องจากฝนได้หยุดตกไปแล้ว และที่สำคัญ พวกเรามีกำลังกลับมาเหมือนเดิมด้วยข้าวเช้าเป็นปลากระป๋อง หมู เนื้อทอด ชุดสุดท้าย!! ของพวกเรา รถทุกคันผ่านด้วยสูตรเดียวกัน จนกระทั่ง มาถึงกระรอกดำ ที่อยากกลับบ้านเพราะคิดถึงลูกเต็มทน ได้ใช้ความเร็ว เข้าเนินมากว่าปกติ ทำให้รถมีอาการลื่นไถลอย่างแรง และได้ดันเอง นายหนอนที่ผลักรถอยู่ด้านหน้า ทางซ้ายล้มตกลงไปยังหุบข้างล่าง เดชาบุญตรงที่บริเวณที่ตกมีดงหญ้า และกิ่งไม้หนา พอสมควร ทำให้นายหนอนยึดจับได้ก่อนที่จะตกลงไปในบึงข้างล่าง ทำเอาพวกเราตกใจ ยามเช้ากันอีกรอบหนึ่ง เราใช้เวลากันจน ถึงเที่ยงวันกว่าที่จะเอารถทุกคัน พ้นโค้งนี้มาได้ แต่แล้วก็ต้องมาเผชิญกับเนินยาวประมาณ 300 เมตรที่สูงชัน และเป็นร่องลึก ด้วยสายฝนที่โปรยปรายมาแต่เช้า ทำให้ร่องนี้กลายเป็นร่องน้ำ ไปโดยปริยาย รถทุกคันไม่มีใคร สามารถขับขึ้นไปได้ ใครมีวินช์ก็ใช้วินช์ กันจนเปื่อย รถของพี่ณรงค์ที่ขึ้นไปก่อน ก็ต้องไปติดอีกข้างบน เมื่อพยายามที่จะหันหัวมาช่วยพวกเรา มาถึงตอนนี้ พี่วิสรัสก็ปรากกฎกาย เข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่งพร้อม ลูกน้องจาก GMC ที่เข้ามากู้รถ ที่ทิ้งไว้ในป่าตั้งแต่เมื่อคืน กว่าจะเอารถทุกคันขึ้นมา ยอดเนินนี้ได้ก็มืดค่ำพอดี แต่ที่โชคร้ายและน่าเห็นใจ มากที่สุดคือ รถ Jeep Cherokee ของพี่กุยของเรา ต้องมาถึงกาลอวสารเมื่อพบว่า เพลาหลังขาด !!!! ล้อหลังด้านซ้ายหลุดออกมา จากเสื้อเพลา มากองอยู่นอกซุ้มล้อ …….


       ความรู้สึกของพวกเราในตอนนั้นยากที่ผมจะอธิบายออกมาได้ ความเงียบงันของทุกคนเมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ ที่ดูจะเลวร้ายลงไปทุกที พวกเราจำเป็นต้อง….ทิ้งเจ้ากิ้งก่าเมืองไว้ในป่าเพียงลำพัง … ด้วยการวินช์ติดเอาไว้กับต้นไม้ เพื่อไม่ให้เจ้ากิ้งก่าเมืองของเราต้องไหลย้อนลงไปยังหุบข้างล่าง หลังจากนั้นทุกคนต้องรีบแข่งขันกับเวลา เพื่อที่จะเอารถขึ้นไปยังยอดเนินของเขาลูกนี้ให้ได้ แม้แต่พี่กุยถึงแม้จะไม่สามารถเอาเจ้ากิ้งก่าออกไปได้ ก็ยังมาช่วยน้อง ๆ ทุกคนอยางเต็มที่เหมือนกับไม่ได้เอารถมาเลย พวกเราสามารถเอารถทั้งหมดถึงยอดเนินได้ก็เมื่อเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ถึงจะเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากป่า ถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นเนินแล้วก็ตามพวกเราก็ยังไปติดช่วง 2 กิโลเมตรสุดท้าย ซึ่งเป็นร่องน้ำลึกซึ่งเป็นร่องน้ำลึกมีต้นไม้ตายพาดขวางทำให้ผ่านไม่ได้ ต้องใช้ทางเบี่ยงที่ขึ้นเนินไปในดงกอไผ่ ทางก็ลื่นมาก เปลี่ยนไลด์เพื่อใช้ทางเบี่ยงก็ลำบาก จิงโจ้ป่าพยายากปั่นเพื่อหมุนรถ ไปตามทิศที่ต้องการอย่างเดียว ก็กินเวลาครึ่งชั่วไมง ไปแล้ว ยังไม่นับที่จะต้องวิ่งขึ้นเนินที่ลื่นๆไปอีก ความคิดที่จะต้องตัดต้นไม้ล้มตาย ขนาดเส้นผ่าศูย์กลางประมาณ 25 ซม. ก็เกิดขึ้นในเวลาตี 1 เลื่อยถูกนำมา คุณนพ เริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยพลังตัดจากมีดสปาต้า ไม่นานท่อนไม้ท่อนนั้นก็ ขาด แล้วก็นำเจ้าแมลงทับวินซ์ต้นไม้ออกไปจากเส้นทาง เสร็จแล้วพวกเราก็กระโจนลงคูน้ำที่ละคัน ติดบ้าง ผ่านบ้างจนครบ


        พวกเราออกมาจากป่าลำคลองงูได้ก็เมื่อเวลาล่วงมาตีสี่ของอีกวันหนึ่ง ซึ่งความรู้สึกตอนนั้นของทุก ๆ คนยากเกินที่จะบรรยาย ว่าเป็นอย่างไร สภาพของแต่ละคนที่เปรอะเปื้อนไปด้วย ดินโคลน ตั้งแต่ศีรษะยันเท้า ด้วยท่าทีที่อ่อนระโหย โรยแรง จากการกรำศึกบนเส้นทางสายนี้ แต่รอยยิ้มของพวกเราก็ยังมีอยู่บนหน้าที่เปรอะเปื้อนโคลนอยู่ ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสนักก็ตาม ผลของบททดสอบ จากธรรมชาตินี้ทำให้ผมอยากใช้รายงานทริปบทนี้ ยกย่องและ กล่าวถึงความเสียสละ กล้าหาญอย่างไม่ย่อท้อ ความอดทน ความมีน้ำใจ ความบ้าบิ่นให้กับผู้กล้าทุกท่านในทริปนี้ไม่ว่าจะเป็น พี่ณรงค์ พี่ใหญ่ของเราที่ไม่เคยทิ้งน้อง ๆ ช่วยเหลือทุก ๆ คนจนตัวเอง พลอยติดหล่มไปด้วย พี่รสที่ให้กำลังใจและแรงเชียร์ตลอด เจ้าตาลที่ไม่ทำให้เหงา พี่พงศ์ที่คอยย้ำเตือนให้พวกเรามีสติ ในการแก้ไขปัญหา พี่เก๋เป็นผู้หญิงที่ลากสายวินช์ให้ผมบนเส้นทางโคลนกลางสายฝน ครอบครัวพี่ธเนศที่สู้กันยิบตา นายหนอนที่มากล้น ไปด้วยไหวพริบ หมึกแดงที่คอยช่วยผมขับรถ พี่เข้มที่กล้าหาญปนบ้าบิ่น นายติ่งหรือ เวปมาสเตอร์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คุณนพที่มากไปด้วยน้ำใจ พี่กุยที่สู้จนรถพัง ตลอดจนถึง พี่วิสรัสและทีมงาน GMC ที่ย้อนกลับมาช่วยพร้อมพกพา ข้าวเหนียวไก่ย่าง มาด้วย

  

       มาถึงตอนท้ายของรายงานทริปนี้คงเป็นทริป ๆ หนึ่งที่จะอยู่ในใจของใครอีกหลายๆ คน ถึง คำว่า… เกินพิกัด.. นั้นเป็นยังงัย ประสบการณ์ครั้งนี้คงสอนพวกเราหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อม เงื่อนไขเวลา ความประมาท หรืออีกทั้ง ความมีสติในการพิชิตสถานการณ์ที่เลวร้ายต่าง ๆ ผมคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการเรียกความแข็งแรงกลับคืนมาเพื่อพร้อม
สำหรับทริป ต่อๆ ไปบนเส้นทางของนักเดินทางอย่างพวกเรา สำหรับทริปนี้…สวัสดีครับ

นาย บี (หนูขาว)
12 กันยายน 2544
เวลางาน


เพิ่มเติมโดย ไพลิน (จิงโจ้ป่า)
25 กันยายน 2544





เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นเลยครับ


ความเห็น :     
 
ชื่อ :   

 


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster