+
รายงานทริป
+ รูปหน้า 1
+ รูปหน้า 2
+ รูปหน้า 3
+ รูปหน้า 4
+ แผนที่เส้นทาง GPS
|
รายงานทริป บ้านพุระกำ จ.ราชบุรี 7-8 เมย. 44 { Counter
No.
7376
Truehits.net
}
ความแน่นอนบนความไม่แน่นอนนั้นหายาก แต่มิตรภาพนั้นสิหาได้ง่าย ทริปนี้คงสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี
อ่านแล้วอย่าพึ่งงง.! กันนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ติดตามต่อไปเลยละกันนะ
เราเริ่มต้นพบกัน ทั้งหมด 5 คัน ที่ปั้มเอสโซ่ บนถนนเพชรเกษม เวลา
8.30 - 9 โมงเช้า โดยมีคุณทศ
(Jeep 2.5L) พร้อมลูกชายตัวน้อย มาก่อนเป็นคันแรก ตามมาด้วยคุณธเนศ
พร้อมภรรยาและลูกชาย ลูกสาว (KIA), เสือเข้ม (VITERA) มีนายหนอน, คุณกุ้ง
เป็นผู้ติดตาม และ นายบี (CARIVBIAN)มี หมึกแดง( แต่ตอนหลังจะถูกเปลี่ยนชื่อ)
เป็นเนฯ , คุณนพ,คุณเจี๊ยบ (JEEP 4L) และนินจาเต่า (JEEP 4L) พร้อมภรรยา
ตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน งานนี้เรียกว่ามีสมาชิกใหม ่ใจถึงมา ร่วมทริปกับเราถึง
4 คันคือ คุณธเนศ คุณทศ คุณ WAR และนินจาเต่า ทำให้พวกหน้าเดิม ๆ รู้สึก
กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ขบวนออกจากปั้มเวลาประมาณ 9 โมงเช้ามุ่งหน้าสู่ราชบุรี
เพื่อจะไปสมทบกับโกกุย (Jeep 4L) บริเวณฟาร์มโคนมหนองโพ ราชบุรี คราวนี้พี่แกพาลูกชาย
2 คนมาลุยด้วย แวะทานอาหารเช้า กันเล็กน้อยแล้วรีบบึ่งขบวนไปหาคุณ
WAR (KIA) เพราะนัดกันไว้ 10.30 น. ที่สวนผึ้ง เวลาประมาณ 11.00 น.
ก็ถึงที่สวนผึ้ง เจอคุณ WAR ยืนยิ้มเผล่ต้อนรับเราอยู่ คนที่ไม่เคยเจอมาก่อนอาจเข้าใจผิด
ว่าเป็นเจ้าของปั้มได้เลยนะ ดีนะที่พี่เค้าไม่พาลูกๆ มาด้วยไม่งั้นจะกลายเป็นทริปวันเด็กไปเลย
( ทริปนี้มีเด็กทั้งหมด 5 คน วัยไล่เลี่ยกัน) แวะปั้มทำความรู้จักแนะนำตัวกันแล้วต่างก็เติมน้ำมันเต็มทุกคันเพราะไม่มีใครทราบทางที่แน่นอน
ว่าจะสภาพจะเป็นอย่างไร เดินทางตามเส้นทางที่จะไป บ้านพุระกำ และซื้อเสบียงอาหารกลางวัน
ที่ร้านอาหารครัวกะเหรี่ยง แล้วเริ่มออกลุยกันทันที
ขบวนนำโดยนายบี มีหมึกแดงเป็นเนฯ เส้นทางช่วงแรกเป็นทางราดยางอย่างดี
บรรยากาศสองข้างทาง เป็นหมู่บ้านทั่วไป ผ่านหุบเขาบ้าง เดินทางไปเรื่อย
ๆ จะเจอทางแยกไปบ้านภคโวทัย ให้ไปตามทางนี้ เส้นทางยังคงเป็นถนนราดยางอย่างดีเช่นเคย
ขับรถตามกันไปเรื่อยๆ ก็วิทยุคุยกันไปเรื่อยๆ ถึงสมรรถนะของจี๊ป ที่กระจกหน้ามักแตกง่าย
โดยของคุณนพเปลี่ยนไปแล้ว 3 บาน นายหนอน 2 บาน วิจารณ์กันว่า จะเป็นเพราะการออกแบบกระจกที่จะตั้งชันกว่าของรถแบบอื่น
ๆ เดินทางกันมาซักพัก ก็ถึงแยกไปแก่งส้มแมวด้านซ้าย แต่พวกเราตกลงว่าจะไป
บ้านพุระกำกันก่อนจึงเลยไป ขับไปซักพัก ก็เจอต้นไม้ใหญ่ล้มขวางถนนอยู่
รถต้องขับเบี่ยงเลนส์ขวาเพื่อหลบต้นไม้ มีคนเชียร์ให้โกกุยวินซ์ต้นไม้ลงข้างทางแต่โกกุย
.เงียบ
เราเดินทางไป ได้ไม่ไกลนักก็ถึงทาง แยกเข้าบ้านพุระกำ เส้นทางเป็นลูกรังอัดแน่น
ทางสบายๆสอบถามคนทำทางแถบนั้นเขาบอกว่า ทางอย่างนี้ตลอดถึง พุระกำเลยพี่สบาย
ๆ ตอนนี้เสียงของหมึกแดงเริ่มออกเศร้าๆ เสือเข้มเริ่มบนบานให้ฝนตก
แต่เราก็ยังมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ถือว่าฝึกทักษะการขับรถฝ่าด่านฝุ่น
ซึ่งเยอะมากจริง ๆ ตลบไปหมด แต่ช่วงผ่านหมู่บ้านต้องชะลอความเร็ว (ไม่อย่างนั้นชาวบ้านเขาจะเดือดร้อน)
นายหมึกแดงบอกว่าให้ไปเลย 0.5 ดาวสำหรับเส้นทางนี้ (ถูกใจนินจาเต่าจริงๆ)
ซักพักเราก็ได้ข้ามห้วยแรก ความลึกไม่ถึงครึ่งล้อ สร้างความชุ่มชื่นหัวใจ
แก่ผู้ร่วมเดินทางมาได้เล็กน้อยแล้วมุ่งหน้ากันต่อไป เส้นทางมีโค้งหักศอกประมาณ
2-3 โค้ง มีทางลงเขาขึ้นเขาบ้าง (เตี้ยๆ) ไม่ยากนัก ในที่สุดก็เดินทางมาถึงบ้านพุระกำ
เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 2-3 นายประจำการอยู่
เพราะเลยจากหมู่บ้านนี้ออกไปไม่ไกลนักก็จะเป็นเขตแดนพม่า ทันทีที่จอดรถ
นินจาเต่าโอดครวญว่าไฟหน้าร้าว แถมกระจกยังมีรอย ผลคงมาจากขับรถชิดคันหน้ามากไปเลยได้ก้อนหินตามทางเป็นของแถม
จากจุดนี้ได้คำแนะนำ จากเจ้าหน้าที่มาว่าเส้นทางที่เราเดินทางมานั้นเป็นเส้นทางใหม่พึ่งทำขึ้นจึงไม่ลำบาก
หากต้องการเส้นทาง ออฟโรดให้ไปอีกทางหนึ่ง พวกเราจึงเคลื่อนขบวนกลับทางที่เจ้าหน้าที่แนะนำ
อ้อ! งานนี้นายหนอนโชคดีได้สมุนไพรไทย "ม้ากระทืบโรง" จากเจ้าหน้าที่ตชด.
มา 1 ก้าน ใหญ่ยาว ยังหนุ่มยังแน่นไม่รู้ว่าจะไปดองให้ใครกิน? เส้นทางกลับ
สภาพทางต่างกันลิบลับจากขามาโดยสิ้นเชิง มองแทบไม่เห็นทางเหมือนทางจักรยานสองล้อมากกว่า
ต้นหญ้า ต้นไผ่ เต็มสองข้างไปหมด งานนี้ได้ขัดสมุนไพรกันถ้วนหน้า พวกเราเริ่มคึกคักกันมากขึ้น
แต่มีอยู่หนึ่งคนที่เงียบไป นั้นก็คือนินจาเต่า ผ่านไปไม่นานก็มีทางข้ามห้วย
ทางขรุขระมากขึ้น ลัดเลาะไป ตามสวนป่าของชาวบ้าน ทางด้านหน้าเป็นดงไม้ทึบซึ่งนินจาเต่า
ไม่ยอมผ่านเพราะกลัว จะติดหลังคาต้องตัดกิ่งไม้ด้านบนออกไป เพื่อให้ลอดผ่านออกไปได้
คนที่มีสัมภาระขนมาบนหลังคา ก็ต้องดูไลน์หลบต้นไม้กันพอสมควร โดยเฉพาะโกกุยที่ติดจักรยานลูก
ๆ มาบนหลังคาด้วย งานนี้นายหนอนถ่ายวีดีโอ จากหลังคารถนายบี ทุ่มเทสุดชีวิตหวิดโดนกิ่งไม้เสยหัว
เส้นทางคดเคี้ยว วนไปมา
มีทางชันให้ลองกำลังบ้างเล็กน้อย แล้วก็ทะลุออกทางเดิมที่เราได้เข้ามา
หลายคนบ่นพึมพำเสียดายระยะทางสั้นไปหน่อย แต่บางคนถอนหายใจโล่งอก
ใช่ไหมนินจาเต่า
(ขาออกมายังเอาต้นไม้ติดมาปลูกอีกต่างหาก) เอช่วงขับลุยนี่คุณทศเงียบๆ
ไปนะ สะอื้นในอกอยู่หรือปล่าวเอ่ย.. ขากลับสภาพเส้นทางแบบเดิม
ๆ การบนบานของเสือเข้มไร้ผล พวกเราแวะไปทานข้าวที่แก่งส้มแมว กันส่วนนายบีและ
หมึกแดงขอแว่บไปเอาแว่นตาที่ลืมไว้ที่ร้านครัวกะเหรี่ยง เวลาขณะนั้นประมาณ
13.30 น. คุยปรึกษากันว่าจะไปไหนดีก็เลยตกลงกันว่าไปที่เขากระโจน แต่เมื่อนายบีและหมึกแดงกลับมา
จากร้านครัวกะเหรี่ยงบอกว่า พบเจ้าหน้าที่ตชด.เขาบอกว่าเขากระโจมปิดไม่ให้เข้า
ความสับสนจึงเกิดขึ้น โดยเราไปดูทำเลกันที่น้ำตกบริเวณใกล้เคียง ว่าพอจะกางเตนท์ได้ไหม
แต่ก็ไม่มีที่ถูกใจ ถึงตอนนี้สมาชิกเริ่มเวียนหัวกลัวไม่มีที่นอน คนที่น่าเห็นใจที่สุดก็คือคุณธเนศ
เพราะไม่มีวิทยุสื่อสาร แต่ก็ยังอึดขับตามขบวน วนกันไปวนกันมาประมาณ
3 เที่ยวได้ไม่บ่นซักกะคำ (เดี๋ยวทริปหน้าไปกันอีกจะแก้ตัวใหม่นะพี่นะ)
ในที่สุดเสียงส่วนใหญ่ก็ลงความเห็นว่าจะลองไปที่เขากระโจม หากเข้าไม่ได้ค่อยออกมาหาที่พักกันข้างนอก
เราจึงกลับรถอีกครั้งเพื่อ มุ่งหน้า ไปยังจุดหมาย ที่น้ำตกผาแดง เขากระโจม
ช่วงนี้ใจแต่ละคนตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวว่าไปแล้วเขาจะไม่ให้เข้า แต่เอาไงเอากัน
ไปลองดูก่อนดีกว่าไม่ได้ไปเลย เส้นทางไปเขากระโจมจะอยู่ จากทาง แยกซ้ายออกจากขาออก
แล้วตรงไปเลยทางเข้าที่จะไปน้ำตกเก้าโจน เส้นทาง บางช่วงขาดต้องขับข้ามห้วยกันเล็กน้อย
ตรงไปจะเจอป้ายเข้าน้ำตกผาแดงให้เลี้ยวซ้าย ผ่านเมรุเผาศพเข้าไป เส้นทางเปลี่ยนจากลูกรังอัดแน่นฝุ่นสีแดง
เป็นลูกรังธรรมดา เป็นทางขึ้นเขาชันต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร เราเดินทางขึ้นเขาสูงขึ้นไปเรื่อย
ๆ ความร้อน ของรถจี๊ป ที่ร่วมขบวนไปด้วย 4 คันก็ความร้อนพุ่งขึ้นมาเรื่อย
ๆ บางคันต้องใช้วิธีปิดแอร์ช่วย ในขณะที่คันอื่นๆ ไม่มีปัญหา
เส้นทางบางช่วงเป็นทางสันเขาเป็นเหวลึกทั้งสองข้างน่าหวาดเสียวแต่วิวสวยน่าดู
วัดความสูงจาก ระดับน้ำทะเลประมาณ 700 กว่าเมตร ถ้ามาหน้าฝนหรือหน้าหนาวคงสนุกกว่านี้แน่
เจ้าหน้าที่ตชด. ที่จุดตรวจ เขากระโจมได้ความว่าน้ำตกผาแดงอยู่ด้านหน้านี้เอง
จอดรถด้านซ้ายเดี๋ยวเดียวก็ถึง ด้วยความดีใจ เสือเข้ม (ผู้นำขบวน)
ขับตะลุยไปทันที แต่ยังไม่พบป้ายทางบอกทางเข้าน้ำตกซักกะที เลยขับตะลุยตรงไปเรื่อย
ๆ เลยไปประมาณ 500 เมตรได้ รถคุณทศตอนนี้ความร้อนขึ้นสูงมากและเริ่มสตาร์ทไม่ติดแล้ว
พวกเราเลยหยุดขบวน ไปแก้ไขรถคุณทศกัน สันนิษฐานว่าไส้กรองอากาศอาจจะตันได้
เนื่องจากออกอาการแบบนี้กับจี๊ปทุกคัน รถคุณนพ , โกกุย , นินจาเต่า
ก็เป็นเหมือนกัน คงเป็นเพราะเจอฝุ่นลูกรังเป็นเวลานาน ลองแก้ไขดับเครื่องกันดูซักพัก
แล้วให้คันหลังสุด คือนินจาเต่าขับกลับไป ถามเจ้าหน้าที่อีก ทีว่าทางเข้าน้ำตกอยู่ที่ไหนกันแน่
ไม่นานนักก็มีเสียงวิทยุตอบกลับมาว่า ให้กลับมายังจุด
ที่เราพบเจ้าหน้าที่ครั้งแรก น้ำตกอยู่ด้านขวามือเลยจากจุดนั้นไปเพียง
200 เมตรเท่านั้น ส่วนเส้นทางที่เราขับกัน ไปนั้นเป็นทางไปพม่าซึ่งเป็นหมู่บ้านกอดอาร์มี่
กับกระเหรี่ยงเคเอ็นยู ฟังแค่นี้ก็เสียวแล้ว รถคุณทศเริ่มอาการดีขึ้น
พวกเราพากันเคลื่อนขบวนกลับไปยังจุดตรวจเขากระโจม (เสือเข้มนำขบวนดุ่ย
ๆ เกือบไปแล้วไหมหล่ะ) ถึงที่พวกเราหาทำเลเหมาะ ๆ กางเตนท์ ทำกับข้าวกับปลากินกัน
เด็ก ๆ ก็จับกลุ่มวิ่งกันเจี้ยวจ้าว ดูจะมีความสุข สนุกันมากที่สุด
กางเตนท์เสร็จ อาหารเย็นเริ่มลำเลียงกันเข้ามา มีหมูทอด ลูกชิ้นทอด
(แม่บ้านคุณธเนศ) แหนมดอนเมือง กับน้ำตาลสดเพชรบุรี จากคุณ WAR (หอมอร่อยจริง
ๆ) หมูกะทะ จิ้มจุ่มทะเลสูตรเสือเข้ม พร้อมน้ำจิ้มจากภรรยา ทานข้าวเย็นกันไป
คุยกันไปอย่างถูกคอ เด็ก ๆ ก็คุยกันถูกคอ ไม่ยอมหลับนอนวิ่งกันคึก
ๆ แถมแอบวิ่งเล่นซ่อนหาแถวเต้นท์นินจาเต่า ที่กำลังนอนอยู่อีกต่างหาก
(งานนี้นินจาเต่าสะบักสะบอม) เสียดายที่ไม่มีมือกีตาร์ไปด้วย แต่กลับดีกว่าที่ได้ยินเสียง
คุยของแต่ละคนแทนเสียงเพลงมีเจ้าหน้าที่ตชด. มาร่วมวงคุยกับเราด้วยแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นประสบการณ์ หลากหลายแง่มุม พร้อมมุขฮาของโกกุยเป็นระยะ
ถึงขนาดโดนแซว ว่าอยู่คณะโน้ตเชิญยิ้มหรือปล่าวเนี่ย เห็นไหมหล่ะ
ว่าแค่มาได้เจอกันคุยกันกับกลุ่มคนที่รู้ใจ และได้มิตรภาพที่ดีแค่นี้ก็คุ้มแล้วนะสมาชิก
(เลิกสะอื้นกับเส้นทางซะเถอะเสือเข้ม,นายบี) เอ
แต่ได้ยินเสียงแว่ว
ๆ จากเต้นท์คุณทศคุยกับลูกชายตัวน้อยว่า
"เสียดายที่แม่ไม่ได้มาด้วยนะ" เป็นประโยคที่เพราะและดีที่สุดในทริปนี้เลยจริงไหมนายหนอน
ตั้งวงคุยกัน นานพอสมควรประมาณตี 2 ถึงได้ฤกษ์หลับนอน คราวนี้โกกุยไม่ได้หลบไปนอนก่อนแฮะ
เอาไว้คอย ดูทริปหน้าละกันว่าจะสลบ ก่อนหรือปล่าว เช้ารุ่งขึ้นประมาณ
6 โมงคุณWAR ต้องรีบออกไปแต่เช้าเพื่อไปบ้านบ้องตี้น้อย แล้วเลยไปรับภรรยาและลูก
นับถือน้ำใจแกจริง ๆ ที่มาร่วมทริปกับเรา หวังว่าคงได้เจอ กันอีกที่ทริปบ้านเต่าดำนะครับ
ทานอาหารเช้ากันเสร็จ ก็เก็บเตนท์ ขึ้นรถว่าจะไปธารน้ำร้อน กับน้ำตกเก้าโจนให้เด็ก
ๆ ได้เล่นน้ำกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องความช่วยเหลือจากนายบี "รถจมน้ำแล้ว"
เกิดจากนายบี พร้อมเนฯ อาหลง(หมึกแดงเปลี่ยนชื่อ) ไปกลับรถที่ห้วยใกล้
ๆ ที่พัก แต่กลับรถ แล้วจมทรายสภาพรถล้อด้านหลังจมลึกลงไปในน้ำพร้อมส่วนท้ายของรถ
ส่วนด้านหน้าเชิดขึ้น ดูเหมือนว่าน้ำจะไม่เข้าเครื่อง เพราะมีหัวงูกับหางงู
แต่ด้านท้ายจุดเติมน้ำมันด้านหลังจม งานนี้วินซ์โกกุยได้ใช้งานอีกแล้ว
ขณะที่โกกุยกำลังวินซ์อยู่นั้นรอยยุบจากการลุยที่ไบเทค ก็ถูกดึงกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
สร้างความประหลาดใจและดีใจให้โกกุยเล็กน้อย
แต่ปัญหายังไม่หมดไป เพราะ "รถสตาร์ทไม่ติด" คราวนี้นายบีเริ่มหน้าซีด
เครียดทันตาเห็น แหย่อย่างไรก็ไม่ยิ้ม (เริ่มเข้าใจความรู้สึกนายหนอน)
พี่ทศ คุณธเนศ และสมาชิกช่วยกัน เข็นรถ นายบีไปไว้ที่ร่มเพื่อทำการไล่น้ำ
อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยก็คงเป็น "หลอดกาแฟ" เหมือนเดิม มีประโยชน์จริง ๆ
แต่คราวนี้นายบีดูดแทน แต่ดูดไม่ขึ้นเพราะมีน้ำขังอยู่ในคาบิวเรเตอร์
เพียงเล็กน้อย จึงต้องถอด ออกมาเทน้ำทิ้งๆไป แต่ต้องไปไล่น้ำออกจากถังน้ำมันแทน
โดยนายบีได้ไป ถอดน็อต ใต้ถังน้ำมันเพื่อเอาน้ำออก และมาไล่น้ำจากทางปั้มติ๊กด้านหน้า
ผ่านสายยาง เข้าขวด พลาสติก จะเห็นน้ำกับน้ำมันแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
ใช้การสตาร์ทไล่ทั้งน้ำและน้ำมันออก ทำอยู่หลายครั้ง นแบตหมดต้องนำเรถเสือเข้ม
มาพ่วงแบตต่อ จนในที่สุดก็ไล่น้ำออก ไปจนเกือบหมดจึงลอง สตาร์ทดูอีกครั้ง
เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเหมือนเสียงสวรรค์ นายบีเริ่มมีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้า
(หน้าเริ่มมีสีเลือด) เด็ก ๆ ร้องเฮดีใจ จะได้ไปเล่นน้ำตกซะทีนะ (พวกผู้ใหญ่ทำอะไรก็ไม่รู้ชอบเล่นน้ำห้วย)
พวกเราก็ถึงเวลาเคลื่อนขบวน ออกเพื่อเดินทางไป ที่น้ำตกห้วยเก้าโจน
เด็ก ๆ ก็เล่นน้ำกันผู้ใหญ่ก็กินข้าวกลางวันริมน้ำตก ไก่ย่าง ส้มตำ
ข้าวเหนียว เสือเข้ม นายบี นายหนอน หมึกแดงไปสำรวจน้ำตกชั้นที่ 9 แต่ไปได้แค่ชั้น
2 ก็เดินกลับ พร้อมเสียงบ่นอุบอิบจากเสือเข้มว่าร้อนจริง ๆ (ข้ออ้างมั้งไม่ไหวก็บอกเถอะ)
เรานัดออกจากน้ำตกเก้าโจนตอนบ่าย 2 โมงครึ่ง ต่างคนก็แยกย้ายกันกลับกรุงเทพฯ
ก่อนจากเด็ก ๆ คุยกันว่า "เมื่อไหร่เราจะมีโอกาสเจอกันอีกนะ" คำถามนี้ต้องถามพ่อกับแม่แล้วหล่ะจ้ะ
ว่าเราจะมีโอกาสเจอกันอีกไหมนะ ว่าแต่ว่าทริปหน้าจะไปไหนกันดีหล่ะท่านสมาชิก
แต่แบบ 0.5 ดาวไม่เอาแล้วนะอาหลง (หมึกแดงเปลี่ยนชื่อ).
|