บ้านทิไล่ป้า ทริปสมทบโรงเรียนของหนู
16-17 มีนาคม 2545
Visitor
6145
Truehits.net
ทริปนี้เป็นทริปสมทบ
เพื่อการส่งมอบโรงเรียนที่ก่อสร้างขึ้น ติดขอบชายแดนพม่า ณ.หมู่บ้านทิไล่ป้า
จ.กาญจนบุรี
ต้องขออภัย เป็นอย่างมาก ทริปนี้เราไม่ได้นัดหมายผ่านกระทู้ เวปบอร์ดของ
WeekendHobby.com อย่างเคย เนื่องจากเราจำเป็น ต้องจำกัดจำนวนประชากรรถ
เพราะต้องทำหนังสือ ขออนุญาติเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อย่างเป็นทางการ
เพื่อผ่านเข้าเขตทุ่งใหญ่นเรศวร พวกเราเดินทาง ในนามชมรม Jeep Unity
Club จำนวนรถที่เข้าสมทบในครั้งนี้ทั้งหมด 9 คัน คือ นายหนอน XJ2.5L
,นินจาฯ XJ4.0L ,โกกุย XJ4.0L , มดเขียว XJ4.0L , โต (รัดดา) XJ4.0L
,แหลม WJ4.0L , ดร.ประยูร YJ4.0L ,คุณพงษ์ และ คุณธเนศ ร่วมเดินทางครั้งนี้ด้วย
การเดินทางเริ่มจาก
การนัดพบกันที่น้ำพุร้อนหินดาด บนเส้นทางหลวงหมายเลข 323 กม.ที่105
เป็นสถานที่พักแรมในค่ำคืนแรก เช้าวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พวกเราตื่นกัน
แต่เช้า เพื่ออาบน้ำพุร้อน ผ่อนคลายเส้นเอ็นก่อนที่ต้องเดินทางไกล
ทุกคนพร้อมกันในเวลา 7:30 น. เริ่มออกเดินทางเพื่อหาอาหารเช้าใส่ท้อง
ข้าวแกงร้อยหม้อ แยกสังขระบุรี เป็นจุดฝากท้องของพวกเรา บ้างส่วนที่ต้องเตรียมเสบียง
ก็เดินทางเข้าตลาดท้องผาภูมิ เพื่อเลือกหา และ จับจ่าย บรรยากาศตลาดท้องผาภูมิยามเช้า
ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ข้าวของต่างๆ พืช,ผัก,ผลไม้ ถูกขายตรงจากชาวบ้าน
ที่นำกันมาจากสวน ของตนเอง ทำให้พวกเราจับจ่ายกันจนเพลินเหมือนกัน
เมื่อได้เสบียงครบ พวกเราก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสังขระบุรี เส้นทางจากแยกทางหลวงหมายเลข
323 มุ่งหน้าสังขระบรี เส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว ต้องใช้ความระมัดระวังในการควบคุมรถพอสมควร
ลัดเลอะตามแนวเขื่อนเขาแหลม ผ่านข้ามแม่น้ำรันตี วิถีชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำรันตี
ดำรงชีพด้วยการหาปลาในเขื่อน พวกเราจึงเห็นสองข้างทางมีร้านค้าปลาสดจำนวนมาก
ผ่านไปจนเกือบถึงด่านเจดีย์สามองค์(อีก 10 กม.เห็นจะได้) จะพบป้ายให้เลี้ยวขวาเข้าทุ่งใหญ่นเรศวร
ช่วงนี้รถคันไหนที่ต้องปรับ Free Hub Lock ก็ต้องลงกันมาปรับกันแล้วล่ะครับ
เพราะเส้นทางเป็นลูกรัง ต่างระดับกันไปเรื่อยๆ จนขบวนเราข้ามห้วยน้ำที่.1
มาจนถึงหน่วย ที่ทำการป่าไม้ สะเน่ผ่อง ด่านนี้ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้
เพราะทางทีมงานโรงเรียนของหนู ได้ทำหนังสือผ่านทาง ให้กับพวกเรา
เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฏระเบียบของที่ทำการ คือ จะต้องให้รถ
เข้าได้ทีละ 3 คัน และอีก10 นาทีจึงจะเข้าได้อีก 3 คัน คงจะป้องกันเรื่อง
การรบกวนสัตว์ป่าในแถบนั้นเป็นแน่..! เพราะตลอดข้างทางเราได้พบฝูงไก่ป่า
เป็นแห่งๆตลอดทาง รวมทั้งร่องรอยของโป่งช้าง ที่บรรดาช้างป่า หรือสัตว์กีบ
ลงมากินดินโป่ง การเดินทางดำเนินต่อไปผ่านลำน้ำ ห้วยแล้วห้วยเล่า(ทั้งหมด
18 ห้วยนะครับนับกันให้ดี) ห้วยใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่การมาคราวนี้น้ำยังคงไม่ลึกเมื่อครั้งก่อนที่เคยมา
แต่ที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คงจะเป็น ห้วยสุดท้าย ก่อนถึงด่านที่ทำการป่าไม้เกาะสะเดิ่ง
ห้วยนี้ถ้าคันใดไม่ได้ดูไลน์มีหวังรถจมน้ำเป็นแน่ เพราะไลน์การเดิน
รถอยู่ทางซ้ายมือ(ขาเข้าที่ทำการ) ถ้าตรงไป พื้นด้านล่างเป็นพื้นทราย
บวกกันความที่เป็นแอ่งน้ำค่อน ข้างลึกจะทำให้รถไม่มีแรงในการขับเคลื่อน
อันตรายต้องระวัง มาเที่ยวนี้ก็มีโตโยต้าไทเกอร์ พลาดท่าจมน้ำอีก
เช่นเคย จนมาถึงที่ทำการ พวกเราตกลงแวะทานข้าวกัน ณ.ที่ทำการเกาะสะเดิ่งแห่งนี้ก่อนเดินทาง
เข้าสู่หมู่บ้านทิไล่ป้าอีก 25 กม.
อิ่มท้องกันแล้วก็เดินทางกันต่อ
เส้นทางเดินทางต่อไปนี้ไม่มีห้วยน้ำอีกแล้วมีเพียงเนินที่สูงชันสลับกันไปตลอดการเดินทาง
ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนคงต้องลำบากกันแน่ เพราะเป็นเนินหินที่ถูกน้ำกัดเซาะ
การวางล้อของรถเป็นส่วนที่สำคัญ ถ้าการวางล้อไม่แม่นพอ อาจบาดเจ็บ
กลับบ้านกันแน่ พวกเราค่อยๆไต่เนินกัน จนมาถึงหมูบ้าน ทีไล่ป้า เวลาประมาณ
บ่ายสามโมงเย็น พอขบวนรถของ พวกเราจอดกันครบ ฟ้าฝนก็ทำการต้อนรับพวกเราซะแล้ว
ฝนตกลงมาเพิ่ม ความชุ่มชื่นให้ผิวดิน อยู่เกือบชั่วโมง ทีมงานโรงเรียน
ของหนูมากันก่อนแล้ว 2 วัน เพื่อเก็บรายละเอียดความเรียบร้อยของโรงเรียน
เมื่อฝนหาย การแบ่งพวกการทำงานก็เริ่มขึ้น บ้างส่วนที่ต้องกางเต้นท์ก็จัด
การกันไป แม่บ้านจัดการทำกับข้าวสำหรับค่ำคืนนี้ ที่เหลือก็ไปช่วยกัน
ทาสีโรงเรียนในส่วนที่เหลือที่ยังไม่เรียบร้อย บ้างก็ติดตั้งนาฬิกาที่ฝาผนัง
และ พระบรมฉายาลักษณ์องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ตามห้องเรียน ห้องพักครู ฯลฯ และส่งมอบข้าวของต่างๆที่ได้รับบริจากมาจากท่านที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้
มีทั้งหนังสือเพื่อเด็กๆ ขนมขบเคี้ยว เกลือสมุทร อาหารแห้ง สำหรับเด็กๆและชาวบ้าน
เป็นจำนวนมากมาย ทุกอย่างจบสิ้นลงก่อนฟ้ามืด คืนนี้พวกชาวบ้าน และ
ชาวพม่าที่อาศัยชายแดนไทยของเรามีการแสดง เพื่อเป็นการขอบคุณพวกเรา
หลายต่อหลายชุด(ดูไม่รู้เรื่องแต่ก็แปลกๆดี) บรรยากาศสนุกสนานจนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม
ช่วงกลางคืนก็เงียบสงัด
เช้านี้พวกเราต้องตื่นก่อนใครเพราะคงต้องออกเดินทางก่อนที่ พวกยานพาหนะล้อโตทั้งหลายจะเดินทางออก
เมื่อกาแฟ อาหารเช้าเรียบร้อยพวกเราก็ทำพิธีการส่งมอบโรงเรียน และ
ผืนธงไตรรงค์ให้กับโรงเรียน " ตชด.ทิไล่ป้า " ทุกอย่างเป็นอันเสร็จสิ้น
การเดินทางกลับครั้งนี้ไม่หมู
อย่างที่ขาเข้ามา เพราะฝนที่ตก กระหน่ำลงมาเมื่อคืนนี้ สร้างความตื่นเต้นให้กับขบวนของเราพอสมควร
เราต้องจัดรถเพื่อให้เหมาะสมใน การดูแลกันระหว่างการเดินทาง
ออกมาได้ไม่นาน
WJ(ป้ายแดง) ของคุณแหลม ก็ผ่านล่องโคลน ไม่ได้เพราะการที่เป็นรถเดิมๆ
ใต้ท้องเตี้ย ดอกยางเดิม จึงทำให้คาแง๊ก อยู่กับร่อง ต้องให้คุณโต(รัดดา)
ถอยหลังกลับมาลากขึ้นทางร่องโคลนดังกล่าว ทุกคันพยามช่วยเหลือตัวเองขึ้นมาก่อน
ก็ไปได้โดยไม่มีปัญห ร้ายแรงแต่อย่างใด จนขณะพวกเราเดินทางมาถึง
ห้วยน้ำสุดท้ายก่อนจะออกจา กเส้นทางทุ่งใหญ่นเรศวร พวกเราก็แวะเพื่อทานข้าวกลางวัน
และ ล้างรถเพื่อขจัดดินโคลน
ต่างๆที่จะเป็นตัวเพิ่มน้ำหนักให้กับรถพวกเรา เด็กๆก็เล่นน้ำใสๆ
กันอย่างสนุกสนาน แม่บ้านเตรียมอาหาร กลางวัน อย่างเช่นเคย เสร็จสิ้นภาระกิจขบวนรถของเรา
ก็เดินทาง ออกจาก ทุ่งใหญ่นเรศวร เส้นทางกลับของขบวนต้องผ่านถ้ำลิเจีย
ที่เคยเป็นข่าวคราว เรื่องขุมทองคำ พวกเราจึงตัดสินใจไปดูถ้ำลิเจียกัน
แต่วันนี้โชคไม่ดีเจ้าหน้าที่ปิด ทำการครึ่งวัน ทำให้ไม่สามารถ
เข้าไปดูภายในถ้ำได้ แต่ก็ได้รับ คำอธิบายถึงประวัติถ้ำ และ ความเป็นมา
พร้อมตัวอย่างแร่ทองคำที่ฝังปะปน อยู่กับหินที่ขุดค้นออกมาจากบริเวณถ้ำ
แล้วพวกเราก็เดินทางกลับ ภูมิลำเนาตามเส้นทางหลวงหมายเลขเดิม
*** ภาระกิจครั้งนี้จบลงด้วยความสนุกสนาน
และ อิ่มเอมใจ ที่พวกเราได้ทำประโยชน์ให้กับสังคม แม้จะเป็นส่วนที่น้อยนิด
แต่ถ้าพวกเรา หรือ คณะอื่นๆทำกันอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้สังคมในส่วนที่ด้อยโอกาสได้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ความรู้ ความเป็นอยู่ เพื่อจะมาเป็นบุคคลที่จะมาพัฒนาประเทศชาติของพวกเราทุกคนกันต่อไป
***
โอกาสสุดท้ายขอขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุน
และ บริจากสิ่งของต่างๆ เพื่อร่วมเดินทางในครั้งนี้ ให้กับเด็กๆ
และ ชาวบ้านที่ด้อยโอกาสมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
สำหรับทริปสมทบการกุศลครั้งนี้
สวัสดีครับ
นายหนอน