ทริปแห้วดงวี่
(แห้วจริงๆ) พาเที่ยวผาสวรรค์บนและล่าง
{
มีคนมาอ่าน
2973
Truehits.net
คน }
สายฝนพรำที่มาเร็วกว่าฤดูกาลทำให้พวกเราหลายคนคิดถึงความชุ่มชื้นของผืนป่าตะวันตกอันเป็นสถานที่
ที่อยู่ในใจของนักเดินทางหลาย ๆ คนซึ่งรวมถึงพวกเราชาว บูรพาออฟโรดด้วย
ด้วยความมีชื่อเสียงของนามว่า ทุ่งใหญนเรศวร นั้น ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีสมาชิกมากพอสมควรอันประกอบไปด้วยกลุ่มบูรพาออฟโรด
เกือบทั้งหมดยกเว้นคุณ พลที่ติดราชการสำคัญอยู่ที่บ้าน รวมกับแขกรับเชิญอีก
7 คันรวมเป็นทั้งหมด 12 คันมุ่งสู่ผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร งานนี้ถึงกับสร้างความตื่นเต้นพอสมควรให้กับพวกเรา
เช่น ไพลิน ถึงกับไปติด วินช์ 9000 ปอนด์ และ เสือเข้มเปลี่ยนยาง Mud
terrain ก็เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
5 พฤษภาคม เวลา... ตี 3 ที่ปั๊ม
Jet
ที่นัดเดิมของเราเป็นจุดเริ่มขบวนโดยแวะสมบท
กันอีกแถวปิ่นเกล้า-
นครชัยศรี
เพื่อรวมขบวนกันคันอื่นที่มาจากกรุงเทพ
หรือ ขอนแก่น อย่าง พี่แดง Terrano
ของเรา
กว่าจะเคลื่อนขบวนอันยาวเหยียดมาจน
ถึงตัวอำเภอ
ทองผาภูมิได้ก็เกือบ 10
โมงเช้า โดยพวกเราเลือก
เข้าถ้ำผานางแอ่น
เป็นที่แรกเพราะเห็นว่า
เป็นทางผ่านไป
เขตทุ่งใหญ่อีกทั้งระยะเพียงแค่
20 กิโลเมตรจากแยกพุทธโธ
ทางแยกเล็ก ๆ ที่เข้าสู่ ถ้ำ
ผานางแอ่น
ช่วงแรกยังไม่ค่อยมีอะไร
ให้ตื่นเต้นเท่าไรนัก
นอกจากปลักโคลนที่ทำให้กลุ่ม
มิตซูบิชิ สตาด้า
ที่ยังไม่ได้แต่งเสริมเติมแต่งอย่าง
คุณต้น หรือ คุณทูต
ติดกันเล็กน้อย
ให้ใช้วินช์กัน
พอหอมปากหอมคอ จนเส้นทางเริ่มมาโหดเรื่อย
ๆ เมื่อผ่านพ้นป่าไผ่ เข้า
ใกล้สู่หน้าผาในอีกไม่เกิน 1
กิโลเมตร ข้างหน้า
ก็ต้องมีอันตื่นเต้นหวาดเสียวกับตัวผมเอง
เมื่อเจ้าหนูขาว
ของผมดันตกร่อง
ซ้ายลึกจนรถเอียง ประมาณ 45
องศา ด้วยความเร็วพอสมควร
จากการลงจากเขา รถพลิก
ไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว
โดยล้อหน้าและหลังขวา
ยกลอยขึ้นมา
แต่โชคดีที่รถได้ถลำ
ไปติดกับตลิ่งโคลนด้านข้าง
ทำให้ไม่คว่ำ
ไปอย่างหวุดหวิด
นายหนอนต้องใช้วินช์และ
ตัวรอกเพื่อ
เปลี่ยนทิศทางของแรงดึงขึ้นมาจากปลักนั้น
มาถึงตอนนี้เริ่มมี
คำถามในใจกับเพื่อน ๆ
อีกหลายคนว่าจะไปต่อดีมั๊ย
เพราะ เส้นทางเริ่ม
ที่จะโหดขึ้นไปทุกที
โดยเฉพาะพี่เล็กของเรา
ถึงกับร้องกลับ จนเสียงหลง
ผมจึงรับอาสา ขอลงไป
ต่อเพื่อสำรวจ
เส้นทางข้างล่างเพียงคันเดียว
เพื่อดูว่าเส้นทางข้าง
หน้าพอไหวมั๊ย
ก็เป็นเรื่องซิ รับวิ่งลง
ไปได้อีกประมาฯ 800 เมตร
ก็ต้องวิทยุ
ขึ้นมาหาพรรคพวกกันจ้าละหวั่นเพราะ
รถผม หรือ
หนูขาวตัวซ่าของผมดันไป
ไถลลงข้างทางลงไปประมาณ 3
เมตรโดยไปแปะ อยู่ที่กอไผ่
ก่อนที่จะเลย
ลงไปยังหุบเบื้องล่าง...
มาถึงตอนนี้ผมพึ่งรู้ว่าขณะที่ทำซ่าลงมาสำรวจเส้นทางนั้น
รถผมวิ่งขับเคลื่อนมาเพียง 2
ล้อหลังส่วนล้อหน้าทั้งสองไม่ทำงานเพราะ
ฟรีล๊ฮก หลุด !!!!!!
เอางัยหละทีนี้จะขึ้นไปได้ยังงัย
เมฆฝนก็มามืดเลยสงสัยคืนนี้ต้องนอนกันกลางป่าลึกและวังเวงแบบนี้แน่
หลังจากได้ช่างจำเป็นอย่าง
นายหมู และ นายศร ประกอบ
ฟรีล็อกเข้าไปใหม่
ก็ต้องมาช่วยเอารถขึ้นมาจากหล่มอีก
วินช์ก็ไม่มี
ได้แต่เพียงโยกอุปกรณ์
ไฮลิฟท์แจ๊ก กันจนไข้ขึ้น
ไปตาม ๆ กัน
หนำซ้ำยังได้ยินเสียงวิทยุข้างบนว่า
ติดหล่ม และ
ขึ้นเขาไม่ได้กันวุ่นวายไปหมด
แสงอาทิตย์ที่เริ่มจะอ่อนลง
ไปในเวลาเย็นย่ำ
ถึงกับทำให้ใครบางคนต้องถึงกับบนบานศาลกล่าว
เจ้าป่า เจ้าเขา
ให้รอดออกจากป่า
นี้ในคืนนี้ด้วยเถิด
สุดท้ายผมและเพื่อน ๆ
ก็กู้รถขึ้นมาได้หลังจากใช้เวลาถึง
5 ชั่วโมงเต็มกับตรงนั้นรวม
เวลาที่ซมซานกันออก
มาเมื่อฝมเริ่มพรำๆ
ในตอนเย็นย่ำก็ประมาณ 7
ชั่วโมงครึ่ง
กับเส้นทางเพียง 4 กิโลเมตร....
ผมจะกลับมาอีกและ
เข้าไปให้ถึงให้ได้ถ้ามีโอกาส
ฝากไว้ก่อนเถอะนะ
ถ้ำผานางแอ่น
ในที่สุดขบวนของเราก็ออกกันมาอย่างบอบช้ำด้วยเส้นทางระดับ
5 ดาวอย่างนั้นทั้ง ๆ
ที่ยังเข้าไปไม่ถึง และ
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าออกไปทาง
ด่านทินวย อันเป็น
จุดพักแรมของเราโดยเส้นทางเป็นดินลูกรังอันแน่นจนถึงด่าน
ในค่ำคืนนั้นผมนอนปวดร้าวเหมือนกับร่างกายจะฉีกเป็นชิ้น
ๆ หลังจากออกพ้นเส้นทางนรกของถ้ำผานางแอ่น
6
พฤษภาคม.....
เช้าวันนั้นพวกเราต้องพบกับความผิดหวังกันเต็มที่
เมื่อรู้ว่าทางเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้
ไม่อนุญาตให้พวกเราผ่านไปจนถึงห้วย
ดงวี่ได้
เนื่องจากพวกเราไม่มีใบอนุญาต
และปริมาณรถที่มากจนเกินไป...
แผนสำรองจึงถูกนำออกใช้ด้วยเป้าหมาย
น้ำตกผาสวรรค์ล่าง
โดยย้อนกลับมาเส้น 323
แล้วเลี้ยวเข้าทาง
ป้ายสหกรณ์ทองผาภูมิ ก่อนถึง
บ้านลิ่นถิ่น เพียงเล็กน้อย
สภาพเส้นทางที่ถูกปรับปรุงเป็นอย่างดีทำให้พวกเรา
ไปถึงบริเวณกางเต็นท์ตั้งแต่บ่าย
ๆ
สายน้ำตกผาสวรรค์ที่ลดหลั่นกันมาตามชั้น
ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ชั้นเจ็ดยังคงสภาพสวยงามอยู่ไม่แปรเปลี่ยนตามเวลา
แม้กระทั่งในฤดูแล้งเช่นนี้
ค่ำคืนนั้นบรรยากาศ
การแคมป์ปิ้งเป็นไปอย่างสนุกสนานเร้าใจจนกระทั่งประมาณ
4 ทุ่มก็ต้องเกิดการ
โกลาหลกันทั้งหมดเมื่อเรา
ทราบว่า มีพวกเราคนหนึ่งหายตัวไปจากปางที่พวกเราพักกันอยู่
!!!!! ...... คุณ อุดม
เพื่อนคุณสายชลผู้ประหยัด
คำพูดคือคนที่หายไปจากที่พักประมาณ
2 ชั่วโมงจากคำบอกเล่า
พวกเราแยกย้ายกันตามหาซักประมาณ
15 นาที จึงพบว่าคุณ อุดม
ของเราไปหลบนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ข้าง
ๆ ปางพักนี่เอง ..... เฮ้อ...
หายเมากันไปตาม ๆ กันละครับ
ก่อนนอน
พวกเราได้กตกลงกันว่า
พวกเราจะไปต่อ
น้ำตกผาสวรรค์บน
ซึ่งเป็นสายน้ำตกเดียวกับ
ผาสวรรค์ล่าง
เนื่องด้วยเสียงร่ำลือว่าสวยงามไม่แพ้กัน
7
พฤษภาคม ....
เราออกจากผาสวรรค์ล่างกันสาย
ๆ โดยย้อนกลับออกทาง
หมู่บ้านสะพานลาว และผ่านทาง
เหมืองเล็ก ๆ และแยกขวา
หลังจากผ่านเหมืองได้ประมาณ 3
กิโลเมตร
จากสภาพเส้นทางที่รกร้าง
เหมือนทางเข้า ผานกนางแอ่น
พวกเราสวนทางกับขบวนรถ
ออฟโรด อีกหลุ่มหนึ่ง
ที่พึ่งไปพักแรมก่อนหน้าเรา
ที่นั่นเราต้องเจอกับสภาพ
ปลักโคลนยาวเป็น 100 เมตรถึง 2 -3
ที่ถึงกับ ทำให้
พวกเราต้องลาก
วินช์กันวุ่นวายไป
เหมือนกันที่น่าตื่นเต้นคือ
เมื่อรถคาริเบี้ยน
ของเพื่อนร่วมทางแปลกหน้า
ได้วิ่ง
ผิดลายจนตกสะพานไม้ที่ทอดข้าม
ไว้ นายหนอน
ใช้เวลานานพอสมควร
กว่าจะช่วยเค้าขึ้นมาได้
แต่ยังไม่ทันดีใจกับการข้นมา
ได้ก็ต้อง ตกใจอีกรอบ
หนึ่งเมื่อรู้ว่า หม้อน้ำ
ของรถพี่แดง หรือ NIssan Terrano
นั้นมีอันเป็นไปเพราะแรงกระแทก
จากด้านล่างนั้นส่งผลให้
หม้อน้ำรั่วเป็นบริเวณกว้าง
ทำให้มีความจำเป็นจะต้องถอด
หม้อน้ำ ออกมา ปะซ่อมแซม
กันกลางป่า
น้ำตกผาสวรรค์บนมีความสวยงาม
ไม่แพ้ผาสวรรค์ล่างอีกทั้งยังติด
กับบริเวณที่จอดรถทำ
ให้พวกเราหลายคน
ถึงกับติดใจและร่ำ ๆ
ที่อยากจะมาพักค้างกันที่นี่ถ้ามีโอกาส
หลังจากอิ่มเอม
กับความสวยงาม
ของสายน้ำเชี่ยว
ที่ไหลซู่ลงมาหน้าผา
เราก็ต้องซ่อมรถพี่แดงกันอย่างเร่งรีบ
เพื่อแข่งกับเมฆฝน
ที่ปกคลุมหนาบริเวณเทือกเขาแห่งนั้น
ช่วงขาออกพวกเราติด หล่ม
ติดหินกันหลาย ๆ
จุดเรียกได้ว่ากว่าจะออกมา
จากป่ากันได้ถึงกับสะบักสบอมกันไปตาม
ๆ กัน
แต่เนื่องจากเราแบ่งขบวนกันเป็นกลุ่มย่อย
ๆ เพื่อความ
คล่องตัวในการกู้รถ
และเดินทาง
เย็นย่ำวันนั้นพวกเราแวะ
ทานอาหารเย็นกันอีกครั้งก่อนจะล่ำลากันเป็นทางการ
บนร้านอาหารลอยน้ำในตัว
เมืองกาญจนบุรี
เมืองที่มีเส้นทางหฤโหด
สำหรับต้อนรับนักเดินทางที่มาเยือนด้วย
บททดสอบที่หลากหลาย อารมณ์
ความรู้สึก โดยหยิบยื่น
ความสวยงามของธรรมชาติ
เป็นสิ่งเย้ายวนใจให้เข้ามาหา
...
สำหรับทริปนี้สวัสดีครับ
รายงานทริปโดย นายบี
|