Page
5
ตอน....
ฟ้าสางที่ขามน้อย
เรือแล่นมาถึงเกาะขามน้อยเป็นเวลาประมาณตี
4 ของเช้าวันใหม่
เกาะขามน้อยตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ความมืดสนิทดูแล้วน่ากลัวพิลึก....นี่แหละหนา..ที่ชาวบ้านเขากล่าวขานกันว่าเกาะผี....
ที่เกาะขามน้อยแห่งนี้เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่
2
ทหารอเมริกันได้มาตั้งฐานทัพเรือและได้ยึดเอาเกาะตะพงซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะขามน้อยแห่งนี้เป็นที่จอดเรือรบขนาดใหญ่
เพราะร่องน้ำบริเวณนี้
ลึกมาก
ในช่วงเวลานั้นเกิดไข้ป่าระบาดอย่างหนัก
ศพทหารอเมริกันที่เสียชีวิตเนื่องมาจากไข้ป่า
ถูกนำมาฝั่ง ณ
ยังเกาะขามน้อยแห่งนี้
อีกทั้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่เกาะขามใหญ่
และเกาะสีชัง
ที่นับถือศาสนาอิสลาม
ก็นำศพผู้เสียชีวิตจากไข้ป่ามาฝังยังเกาะขามน้อยด้วยเหมือนกัน
ช่วงเวลานั้นเกาะขามน้อยจึงกลายเป็นสุสานฝังศพคนที่เป็นโรคไข้ป่าตาย
เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรคร้าย
เกาะแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยหลุมฝังศพเต็มไปหมด..
คำเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่บอกไว้ว่า
ณ
เกาะแห่งนี้มันมีวิญาณผีร้ายอาศัยอยู่มากมาย
ใครแล่นเรือผ่านไปมามักจะถูกผีหลอกอยู่เป็นประจำ
บ้างก็เห็นคนว่ายน้ำเล่นอยู่หน้าเกาะระหว่างเกาะขามน้อยกับเกาะขามใหญ่อยู่เป็นกลุ่มในยามดึกสงัด
บ้างก็ได้ยินเสียงร้องอันหวีดหวิวออกมาจากเกาะนี้
คำเล่าขานพวกนี้ถูกถ่ายทอดจากปากหนึ่งไปสู่อีกปากหนึ่ง
จนไม่มีผู้ใดกล้าที่จะแล่นเรือผ่านไปมาในย่านนี้
ยามดึกสงัด .... เมื่อประมาณ 7
ปีก่อน ผมเคยพาเพื่อน 3 - 4
คนมากางเต็นท์ตกปลา ณ
ที่เกาะขามน้อยแห่งนี้
ในตอนนั้นผมก็พอจะรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้บางพอสมควร
แต่เพราะผมไม่ใช่คนที่กลัวผีจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักกับเรื่องนี้
..2 คืนบนเกาะขามน้อย
ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น
นอกจากสภาพหลุมฝังศพที่ยังคงมีให้เห็นอยู่เต็มไปหมด
และฝูงปลาหมึกจำนวนมากมายที่พวกเราตกได้ด้วยเหยื่อโยซูริ.....
ภายในเรือโชคธนาชลพวกที่หลับก็ยังคงหลับกันอยู่
พวกที่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนก็นั่งถ่างตาเตรียมลงเหยื่อตกปลากันต่อไป
เหยื่อปลาหมึกตัวแรกถูกเกี่ยวโยนลงน้ำไว้ทางท้ายเรือ
...สายน้ำตอนนี้ไหลมุ่งสู่เกาะตะพง...น้ำเริ่มเดินแล้ว....ท้ายเรือลงเบ็ดไว้
3 สาย
ส่วนทางหัวเรือลงเบ็ดไว้ 4
สาย แกร๊กกกกกก....แกร๊กกกกก...เสียงรอก
Accurate 870 ตัวเก่งในทริพนี้ร้องเสียงดังลั่น
มันปลุกอารมณ์นักตกปลาที่อดหลับอดนอนอย่างผมให้มีความตื่นตัว
กระฉับกระเฉงขึ้นมาอีกหน...
หลังจากไปนั่งสัปปะหงกเอาหัวโขกราวเรือเล่นซะ
3 โป๊ก
เมื่อตอนฟ้าใกล้จะสาง
คราวนี้ผมนั่งอยู่ใกล้คันมากที่สุด
คว้าคันขึ้นโยกคานสับแดร็กวัดโป้งงงง...อึด..อึด...กระเบนอีกล่ะ....ด้วยลีลาการสู้เบ็ด
มันทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าไอ้ตัวที่ผมกำลังต่อกรด้วยขณะนี้เป็นเจ้ากระเบนอีกแล้ว....ผมใช้เวลาไม่ถึง
10
นาทีก็งัดมันขึ้นมาบนเรือได้มันเป็นกระเบนที่มีขนาดไซส์ประมาณ
10 กิโล..หลังจากนั้นคันของเจ้าเบียร์ก็ถูกปลากระชากเข้าให้
พลั๊ก....พลั๊ก....พลั๊ก..
เสียงเจ้าเบียร์วัดคัน
ดังสนั่น....อยู่พี่อยู่...กึ๋ยยยยย....กระเบนอีกแล้วละพี่ชน...ไต๋เบียร์ผู้คร่ำหวอดในการตกปลาทะเลรับรู้อาการสู้เบ็ดของมัน
บอกออกมาเลยว่ามันเป็นกระเบน
ไซส์พอ ๆ
กับที่ผมได้ขึ้นมา
และก็จริง...มันเป็นกระเบนที่มีขนาดเท่ากันเลย...กระเบนพันธุ์นี้ที่หลังของมันจะมีตุ่มเป็น
"มุก" สีขาว
ที่เขาเอาหนังมาทำเป็นกระเป๋าขาย
ซึ่งหนังกระเบนพันธุ์นี้มีราคาแพงเป็นที่นิยมในตลาดด้วยครับ...........
แสงอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้า....แป๊รดดดดดดด
....แป๊รดดดด เสียงรอก Abu 6501 C-3
ร้องดังระงม
เมื่อถูกปลาขนาดใหญ่กระชากปลายสายอย่างรุนแรง
คันเบิรค์เร่ย์ 7 ฟุต
โค้งลงแบบหมดแอ๊คชั่น นายแต๋งเจ้าของคันรีบคว้าคันเอามาถือแล้ววัด
ปั๊ก .. ปั๊ก ไป 2 ฉับ
ก่อนที่จะโน้มแรงอัดเอาปลาสากที่มีขนาดใหญ่สุดในทริพนี้ขึ้นมามันเป็นปลาสากที่มีน้ำหนักถึง
6 กิโล ในขณะเดียวกัน
คันของเจ้าโก้ก็ร้องขึ้นมาบ้าง
มันช่างเป็นช่วงแห่งความโกลาหลเสียจริง
ๆ
ปลามันเข้ามากินในเวลาไล่เลี่ย
เกือบจะพร้อม ๆ
กันเลยด้วยซ้ำ
เช้าวันนี้ที่หมายเกาะขามน้อยมีปลาเข้ามากินเหยื่อของพวกเราไป
6 สาย ได้ตัวมา 4 ขาดไป 2 ครั้ง
ตัวที่ขาดไปคิดว่าน่าจะเป็นปลาสาก
เพราะดูจากปลายสายที่ถูกรอยฟันอันคมกริบกัดขาดแบบนี้
จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปลาสากเท่านั้น
....เทรนเนอร์ขี้เมาเข้ามาบอกกับพวกเราว่าจะพาพวกเราทรอยลิ่งรอบ
ๆ เกาะสีชังกัน
พวกต่างก็งงกันละซิครับ
ย้ายทำไมวะ
อยู่ตรงนี้ปลามันก็ยังกินอยู่
จะไปลากสายทรอยลิ่ง ทำไม?
...
เวลาประมาณ
7 โมงเช้า
เราแล่นเรือออกจากเกาะขามน้อยมุ่งลงทางทิศใต้ไปยังหลักตาหมื่น
ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะสีชัง
ระหว่างทางที่เรือแล่นผ่าน
เราก็ปล่อยสายทรอยลิ่งไว้
3 สาย เป็นของพี่บึก..เห็นคราม
ที่ปล่อย RAPARA CD-18 ผมลง RAPARA CD-14
และพี่ประสงค์ใช้ RAPARA CD-16
ทุกตัวเป็นรุ่นขาวหัวแดงหมดทั้ง
3 ตัว
เราลากสายมาได้หน่อยเดียว
ก็ต้องรีบปั่นรอกเก็บสายเอ็นเมื่อไต๋ตี่ตัวแสบขับเรือแล่นปาดหน้าเรือพ่วงที่ลากเรือบรรทุกแป้งมันต่อท้ายมาอีก
15 ลำ ทั้ง ๆ
ที่บอกพวกเราเองว่าจะทรอยลิ่ง
ไหง ไต๋ขับเรือแบบนี้....
ถ้าพวกเราเก็บสายไม่ทันมีหวังไม่ใครก็ใครละวะ
ต้องได้เย่อกับเรือน้ำหนักหลายพันตันที่บรรทุกแป้งมันมาเต็มลำเรือเป็นแน่.....เวงกำ..แต้
แต้..ผมเกิดอารมณ์เซ็งไต๋ขึ้นมาทันที
เก็บเบ็ดดีกว่า ตูไม่ทงไม่ทรอย
แม่ง..แล้ว..นอนดีกว่า...เรือมาถึงท้ายตาหมื่น
ไต๋ตี่จัดแจงหุงหาอาหารมื้อเช้า
พี่เสือปลาเข้ามากระซิบถามผมว่า
"พี่ชน ในลังแช่อาหาร
มีแต่ผัก
ไม่เห็นมีพวกหมูพวกเนื้อบ้างเลยรึพี่"
อ้าว...ไหง เป็นยังงั้นละพี่..
ผมรีบไปเปิดถังแช่ดู
เป็นจริงอย่างพี่เสือบอกทุกประการ
อะไรกันวะเนี่ย
ไหนบอกว่าราคาค่าเช่าเรือ
รวมพร้อมเรื่องอาหาร
มีอาหารให้กินเพียบไง?
มัยมีแต่ผักวะ.....นี่ดีนะ
ที่เจ้าเบียร์มันงัดไอ้สากขึ้นมาได้
ตั้งแต่เมื่อคืนเลยเอามาทำเป็นอาหารให้พวกเรากินกันเช้านี้
อิ่ม...ไปเลย...ชีวิตอยู่กลางทะเลแบบนี้
อะไร ๆ ก้ออร่อยไปหมด
ยิ่งตอนมาสุมหัวล้อมวงกินข้าวด้วยกันอย่างนี้แล้ว
...
เป็นความสุขอีกแบบหนึ่งที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว...กินไปก็แซวกันไปกลางวงข้าว
เรียกเสียงฮาได้ตลอดเวลา...
เจ้าเบียร์ที่พวกเรารู้จักถึงความตลกโปกฮาในกระทู้ของ
Pantip.com ในนามว่า "คันดี"
ยิ่งได้มาคลุกคลีใช้ชีวิตร่วมกันบนเรือแบบนี้
ยิ่งเรียกเสียง ฮา..ออกมาตลอด...ช่างเป็นคนมีอารมณ์
ตลกในหัวใจจริง ๆ นะ...
หลังจากอาหารเช้าผ่านไปเราก็ย้ายหมายไปตกปลากันที่สัพพะยือ
ตามแหล่งข่าวที่เราได้รับว่าหมายแห่งนี้มีปลาอินทรีเข้ามาไล่งับเหยื่ออยู่ทุก
ๆ ปี
พวกเราลงเหยื่อกันพร้อม
หวังเฝ้าอินทรีที่อาจจะหลงฝูงเข้ามาฉวยเหยื่อเราสักตัว
2 ตัว
แต่จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง
ก็ไม่มีปลาอะไรเข้ามาฉวยเหยื่อพวกเราเลยสักครั้ง
ความเงียบเข้ามาเยือนพวกเราแล้ว........เราย้ายหมายตกปลาอีกครั้ง
และอีกครั้ง
แต่ละหมายมีแต่ความว่างเปล่า
เรือลำนี้มีระบบ Sounder (เครื่องหาแหล่งปลา)
แต่ไต๋ตี่กลับใช้มันไม่เป็น
ดูไม่ออกว่าตรงไหนมีปลาตรงไหนไม่มีปลา
เราขับเรือวนย้อนกลับไปยังหมายสัพพะยืออีกครั้งเพื่อเข้าไปหากองหินกองหนึ่งที่พี่เสือและนายแต๋งมองเห็นจากจอ
Sounder
ว่ามันมีปลาอาศัยอยู่หลายตัว
ไต๋ตี่ขับเรือวนไปก็วนมาอยู่หลายครั้ง
เราก็ไม่เห็นกองหินกองนี้สักที
จนในที่สุดเทรนเนอร์ก็พาพวกเรามาจอดตกปลาอยู่หน้ากองทราย...
จากจอ Sounder
มันบอกเราว่าใต้พื้นที่เรือลอยลำจอดอยู่มันเป็นดินทรายทั้งนั้น
ปลาสักตัวก็ไม่มีให้เห็นในจอ
Sounder .... ผมถามเทรนเนอร์ทันที
เมื่อมองดูว่าใต้พื้นน้ำข้างล่างมันไม่มีปลา..เทรนเนอร์ขี้เมากลับตอบมาว่า
ปลามันอยู่ในดิน
เดี๋ยวเหยื่อลงปลามันก็โผล่ขึ้นมากินเองแหละ....อุวะ...ปัดโธ่..."ปลานะ
ลุง ไม่ใช่ไส้เดือน
ที่จะโผล่ออกมาจากใต้ดินได้"
นายนิค
สวนคำพูดเทรนเนอร์ขี้เมาทันที
ผมก็ได้แต่อมยิ้ม
อยู่ในใจ ...เออใช่ว่ะ....ปลามันไม่ใช่ไส้เดือน...
อ่านต่อหน้า..6
[NEXT] [1]
[2] [3] [4]
[5] [6] [menu]
|